การศึกษาใหม่เผย ระดับน้ําทะเลกําลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดในสหรัฐฯ ไทยจะรอดไห
แล้วไทยจะรอดไหม หากระดับน้ำทะเลยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง การศึกษาใหม่พบว่า ระดับน้ำทะเลในชายฝั่งสหรัฐฯยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ กรุงเทพฯจมบาดาล อาจไม่เกินจริง ถ้างานวิจัยเรื่องเหล่านี้ยังคงถูกเผยแพร่ออกมาเรื่อย ๆ การศึกษาชิ้นหนึ่งที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications เผยว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทูเลน ตรวจพบอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลตามแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้และอ่าวสหรัฐฯ ประมาณครึ่งนิ้วตั้งแต่ปี 2010 และมันกำลังเพิ่มความเร็วมากขึ้นตั้งแต่นั้นมา จนตอนนี้ระดับน้ำทะเลอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา การศึกษานี้ได้ผสมผสานหลักฐานเก่าจากการวัดภาคสนามและดาวเทียมตั้งแต่ปี 1900 จากการวิเคราะห์ทั้งหมด ระดับน้ำทะเลมีอัตราที่เพิ่งสูงขึ้นจริง โดยเหตุผลที่ระดับน้ำทะเลถูกเร่งให้สูงขึ้นมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้นและการแปรปรวนของสภาพอากาศตามธรรมชาติ "อัตราที่รวดเร็วเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในศตวรรษที่ 20 เป็นอย่างน้อย และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 3 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน" Sönke Dangendorf ผู้เขียนหลักและผู้ช่วยศาสตราจารย์ David and Jane Flowerree จาก Department of River-Coastal กล่าว วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ที่ทูเลน เล่นน้ำทะเลยากละ! วิจัยใหม่ชี้ อุณหภูมิทะเลกำลังสูงขึ้นต่อเนื่อง แก้ยากละ
ตามผลการศึกษาใหม่ของ “นาซ่า” เผยว่า “ระดับน้ำทะเล” ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ในปี 2024 เนื่องจากมหาสมุทรอุ่นขึ้นและธารน้ำแข็งละลาย ซึ่งเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ของโลก นาเดีย วิโนกราโดวา ชิฟเฟอร์ หัวหน้าโครงการสมุทรศาสตร์กายภาพและหอสังเกตการณ์ระบบโลกบูรณาการของนาซ่า กล่าวว่า “ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ระดับน้ำทะเลของโลกสูงขึ้นตามไปด้วย โดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี” จากการศึกษาข้อมูลที่ได้รับจากดาวเทียม Sentinel-6 Michael Freilich พบว่าระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 0.59 ซม. ต่อปีในปี 2024 ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ในตอนแรกที่ 0.43 ซม. ต่อปี นักวิจัยเริ่มใช้ข้อมูลดาวเทียมสำหรับการบันทึกระดับน้ำทะเลมาตั้งแต่ปี 1993 ซึ่งจากข้อมูลในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา พบว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า โดยระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้น 10 ซม. ข้อมูลระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นจากดาวเทียม ที่มา: นาซ่า
จอส วิลลิส นักวิจัยระดับน้ำทะเลของนาซ่า กล่าวว่าระดับน้ำทะเลของโลกในปีที่แล้วสูงขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และแม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทุกปี แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ “อัตราการเพิ่มขึ้นนั้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ” วิจัยใหม่พบหลักฐานจากชั้นดินที่มีซากพืชสะสมทับถมกันใต้ทะเลเหนือ ชี้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น 3.3 ฟุตต่อศตวรรษในอดีต และคาดว่าน้ำทะเลจะสูงขึ้น 3 ฟุตภายในปี 2100 เป็นไปได้จริง ผู้เชี่ยวชาญเตือนแผ่นน้ำแข็งละลายเร็วกว่าคิด อาจเปลี่ยนแปลงได้ภายในเวลาเพียง 100 ปี ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพื้นที่ชายฝั่งทั่วโลก ที่มาภาพ: NASA Goddard Space Flight Center (CC BY 2.0) การวิเคราะห์ 'ชั้นพีท' (layers of peat) [1] หรือ 'ชั้นดินที่มีซากพืชสะสมทับถมกัน' ใต้ทะเลเหนือ ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทำนายการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในอนาคตได้แม่นยำขึ้น งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อประมาณ 11,000 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายที่โลกร้อนเร็วพอๆ กับปัจจุบัน ปัจจุบันคาดว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้น 1-4 ฟุตในอีก 75 ปีข้างหน้า งานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ใน วารสาร Nature เมื่อเดือน มี.ค. 2025 ยืนยันว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ว่าน้ำทะเลจะสูงขึ้น 3 ฟุตภายในปี 2100 เป็นไปได้จริง มาร์ค ไฮย์มา (Marc Hijma) นักธรณีวิทยาจากสถาบันวิจัย Deltares ในเนเธอร์แลนด์และผู้ร่วมเขียนงานวิจัยอธิบายว่า "การศึกษานี้ช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างแผ่นน้ำแข็ง สภาพอากาศ และระดับน้ำทะเล"
งานวิจัยพบว่าระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นถึง 3.3 ฟุตต่อ 100 ปี ในช่วงเวลาอย่างน้อยสองช่วงแยกกัน ระหว่าง 8,300-10,300 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่แผ่นน้ำแข็งใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือและยูเรเซียกำลังละลายในยุคโฮโลซีน (Holocene) [2] “การจำกัดภาวะโลกร้อนให้ไม่เกิน 1.5°C จะถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่” คริส สโตกส์ (Chris Stokes) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเดอรัมในอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้เขียนหลัก กล่าว ซึ่งจะช่วยให้โลกหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านสภาพอากาศที่เลวร้ายได้หลายประการ “แต่แม้ว่าจะบรรลุเป้าหมายนี้ ระดับน้ำทะเลก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนปรับตัวได้ยากมาก” เขาเสริม ตามรายงานใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Communications earth & environment เตือนว่าระดับน้ำทะเลจะยังคงสูงขึ้นในแบบควบคุมไม่ได้ แม้จะควบคุมภาวะโลกร้อนไม่ให้เกิน 1.5°C ซึ่งจะนำไปสู่การอพยพครั้งใหญ่ และเหตุการณ์นี้จะยังคงเกิดขึ้นแม้ระดับความร้อนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2°C ก็ตาม ท่ามกลางวิกฤตสภาพอากาศปัจจุบันทำให้แผ่นน้ำแข็งยักษ์กรีนแลนด์และแอนตาร์กติกามีการละลายเพิ่มขึ้น 4 เท่าตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ซึ่งนำไปสู่ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น แต่เพื่อจำกัดผลกระทบต่าง ๆ หลายประเทศทั่วโลกจึงมีเป้าหมายรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C อย่างไรก็ตามดูเหมือนเราจะยังมีความพยายามไม่มากพอ ทำให้เป้าหมายดังกล่าวแทบจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อพิจารณาจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังนั้นแทนที่จะเป็น 1.5°C โลกกลับมุ่งสู่ภาวะโลกร้อนที่ 2.5-2.9°C ซึ่งแน่นอนว่าจะก้าวข้ามจุด ‘หายนะ’ ที่ทำให้แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกพังทลาย
อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดประการหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเนื่องจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก เมืองที่มีชายฝั่งทะเลส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบอย่างมากจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามคาดการณ์ว่าระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อภูมิภาคอย่างไร เพิ่งสร้างเสร็จไม่นานนี้เอง แผนที่แบบโต้ตอบ ซึ่งทำให้เราสามารถมองเห็นภาพการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในภูมิภาคต่างๆ ของโลกได้ ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเข้าใจปัญหานี้ได้ดียิ่งขึ้น การศึกษาล่าสุดคาดว่าระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้น ความสูงสองเมตรภายในปี 2100ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ที่ว่า ระดับน้ำทะเลกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในอัตราที่น่าตกใจมากกว่าที่เคยคาดไว้ สิ่งนี้ก่อให้เกิดความท้าทายทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคใหม่ๆ ในการค้นหาทางเลือกในการจัดการและพยายามควบคุมผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ค่าประมาณที่คาดการณ์โดยการศึกษานี้คือ ค่อนข้างมองโลกในแง่ร้าย หากเราเปรียบเทียบกับงานวิจัยอื่นๆ ที่ทำไว้ในครั้งก่อนๆ การศึกษานี้สร้างความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นว่าแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกามีพฤติกรรมอย่างไรในอดีตภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโบราณอื่นๆ และภาวะโลกร้อน โดยการเรียนรู้ตัวแปรต่างๆ เพิ่มเติมและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยวิธีนี้ เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่าแผ่นน้ำแข็งนี้จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตอย่างไร ตามการศึกษาวิจัย พบว่าในกรณีของเมืองไมอามี คาดว่าเมืองนี้จะเผชิญกับปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับน้ำก่อนสิ้นศตวรรษนี้ ซึ่งบ่งบอกถึงอนาคตที่ยากลำบาก การประมาณการเหล่านี้ก่อให้เกิดความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับทั้งชุมชนวิทยาศาสตร์และนักการเมือง การศึกษาได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร วิทยาศาสตร์ และได้รับการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญ ไมเคิล ออปเพนไฮเมอร์ จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และริชาร์ด แอลลีย์ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเพนซิลเวเนีย สำหรับพวกเขา ความท้าทายหลักที่เกิดจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นตกอยู่ที่ผู้ที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายชายฝั่งของเมือง ความยากอยู่ที่การตัดสินใจต้องอาศัย การทำนายและการคาดการณ์ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งอาจมีหรือไม่มีขอบเขตของข้อผิดพลาดและสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วขึ้นอยู่กับงานที่ทำเพื่อต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับโลก ซึ่งยังเป็นหัวข้อของการวิเคราะห์ด้วย ลอนดอนและลอสแองเจลีสซึ่งระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ มีความเสี่ยง “วิกฤติสภาพภูมิอากาศ” เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธารน้ำแข็งละลายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา ที่ละลายจากเพิ่มขึ้น 4 เท่าตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ส่งผลให้ “ระดับน้ำทะเล” สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดูเหมือนว่าการรักษาอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส จะเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ดูเลือนรางเต็มที่ แต่ต่อให้ทั่วทั้งโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในตอนนี้ การวิเคราะห์ใหม่พบว่าระดับน้ำทะเลก็จะสูงขึ้นปีละ 1 ซม. ภายในสิ้นศตวรรษนี้ ซึ่งเร็วกว่าความเร็วที่ประเทศต่าง ๆ จะสามารถสร้างแนวป้องกันชายฝั่งได้ การศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Communications Earth and Environment ได้นำข้อมูลจากการศึกษาในช่วงที่อากาศอบอุ่นเมื่อ 3 ล้านปีก่อน จากการสังเกตการละลายของน้ำแข็งและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแบบจำลองสภาพอากาศมาผสมผสานกัน พบว่าการสูญเสียมวลน้ำแข็งอย่างต่อเนื่องจากแผ่นน้ำแข็งเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อประชากรที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งทั่วโลก โลกกำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะโลกร้อนที่ 2.5-2.9 องศาเซลเซียส ซึ่งจะถึงจุดที่แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกาตะวันตกจะพังทลายลง และจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นประมาณ 12 เมตร ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากไม่มีที่อยู่อาศัย ในตอนนี้ผู้คนราว 230 ล้านคนอาศัยอยู่ภายในระดับความสูงเหนือน้ำทะเลปัจจุบัน 1 เมตร และอีก 1,000 ล้านคนอาศัยอยู่ภายในระดับความสูงเหนือน้ำทะเล 10 เมตร
People Also Search
- การศึกษาใหม่เผย ระดับน้ำทะเลกำลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดในสหรัฐฯ ไทยจะรอดไหม?
- ระดับน้ำทะเล กำลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดในสหรัฐฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ ...
- ปี 2024 'ระดับน้ำทะเล' สูงกว่าที่คิด 'นาซ่า' เผยเป็นเพราะ 'โลกร้อน'
- การศึกษาใหม่ยืนยัน ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเร็วน่าวิตก
- นักวิทยาศาสตร์เตือนระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นแบบ 'หายนะ' แม้เราจะสามารถ ...
- ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้น เร็วและมากกว่าที่ Nasa คาดการณ์ไว้
- SpringNews - การศึกษาใหม่เผย ชายฝั่งสหรัฐฯเผชิญ...
- การศึกษาใหม่ของการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล
- 'น้ำทะเล' ขึ้นสูง เมืองชายฝั่งจม เกิด 'การอพยพ' ครั้งใหญ่ หากลดโลกร้อน ...
- [กรุงเทพธุรกิจ] 'นาซ่า' เผย ปี 2024 'ระดับน้ำทะเล' สูงกว่าที่คิด เป็น ...
แล้วไทยจะรอดไหม หากระดับน้ำทะเลยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง การศึกษาใหม่พบว่า ระดับน้ำทะเลในชายฝั่งสหรัฐฯยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ กรุงเทพฯจมบาดาล อาจไม่เกินจริง ถ้างานวิจัยเรื่องเหล่านี้ยังคงถูกเผยแพร่ออกมาเรื่อย ๆ การศึกษาชิ้นหนึ่งที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสาร
แล้วไทยจะรอดไหม หากระดับน้ำทะเลยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง การศึกษาใหม่พบว่า ระดับน้ำทะเลในชายฝั่งสหรัฐฯยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ กรุงเทพฯจมบาดาล อาจไม่เกินจริง ถ้างานวิจัยเรื่องเหล่านี้ยังคงถูกเผยแพร่ออกมาเรื่อย ๆ การศึกษาชิ้นหนึ่งที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications เผยว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทูเลน ตรวจพบอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลตามแนวชายฝั่งต...
ตามผลการศึกษาใหม่ของ “นาซ่า” เผยว่า “ระดับน้ำทะเล” ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ในปี 2024 เนื่องจากมหาสมุทรอุ่นขึ้นและธารน้ำแข็งละลาย ซึ่งเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ของโลก นาเดีย วิโนกราโดวา
ตามผลการศึกษาใหม่ของ “นาซ่า” เผยว่า “ระดับน้ำทะเล” ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ในปี 2024 เนื่องจากมหาสมุทรอุ่นขึ้นและธารน้ำแข็งละลาย ซึ่งเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ของโลก นาเดีย วิโนกราโดวา ชิฟเฟอร์ หัวหน้าโครงการสมุทรศาสตร์กายภาพและหอสังเกตการณ์ระบบโลกบูรณาการของนาซ่า กล่าวว่า “ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ระดับน้ำทะเลของโลกสูงขึ้นตามไปด้วย โดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ...
จอส วิลลิส นักวิจัยระดับน้ำทะเลของนาซ่า กล่าวว่าระดับน้ำทะเลของโลกในปีที่แล้วสูงขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และแม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทุกปี แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ “อัตราการเพิ่มขึ้นนั้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ” วิจัยใหม่พบหลักฐานจากชั้นดินที่มีซากพืชสะสมทับถมกันใต้ทะเลเหนือ ชี้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น
จอส วิลลิส นักวิจัยระดับน้ำทะเลของนาซ่า กล่าวว่าระดับน้ำทะเลของโลกในปีที่แล้วสูงขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และแม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทุกปี แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ “อัตราการเพิ่มขึ้นนั้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ” วิจัยใหม่พบหลักฐานจากชั้นดินที่มีซากพืชสะสมทับถมกันใต้ทะเลเหนือ ชี้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น 3.3 ฟุตต่อศตวรรษในอดีต และคาดว่าน้ำทะเลจะสูงขึ้น 3 ฟุตภายในปี 2100 เป็นไปได้จริง ผู้เชี่ยวชาญเตือนแผ่นน้ำแข็...
งานวิจัยพบว่าระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นถึง 3.3 ฟุตต่อ 100 ปี ในช่วงเวลาอย่างน้อยสองช่วงแยกกัน ระหว่าง 8,300-10,300 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่แผ่นน้ำแข็งใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือและยูเรเซียกำลังละลายในยุคโฮโลซีน
งานวิจัยพบว่าระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นถึง 3.3 ฟุตต่อ 100 ปี ในช่วงเวลาอย่างน้อยสองช่วงแยกกัน ระหว่าง 8,300-10,300 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่แผ่นน้ำแข็งใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือและยูเรเซียกำลังละลายในยุคโฮโลซีน (Holocene) [2] “การจำกัดภาวะโลกร้อนให้ไม่เกิน 1.5°C จะถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่” คริส สโตกส์ (Chris Stokes) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเดอรัมในอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้เขียนหลัก กล่าว ซึ่งจะช่วยให้...
อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดประการหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเนื่องจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก เมืองที่มีชายฝั่งทะเลส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบอย่างมากจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามคาดการณ์ว่าระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อภูมิภาคอย่างไร เพิ่งสร้างเสร็จไม่นานนี้เอง
อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดประการหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเนื่องจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก เมืองที่มีชายฝั่งทะเลส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบอย่างมากจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามคาดการณ์ว่าระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อภูมิภาคอย่างไร ...