คลื่นความร้อนทางทะเล สาเหตุ ผลกระทบ และความท้าทายในปัจจุบัน
อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนทางทะเล พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายต่อสมดุลทางนิเวศวิทยาของมหาสมุทร ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อทั้งความหลากหลายทางชีวภาพและชีวิตมนุษย์ แม้ว่าอาจดูเหมือนยากที่จะจินตนาการว่าแหล่งน้ำหนึ่งแห่งจะรักษาอุณหภูมิที่สูงไว้ได้นานหลายเดือน แต่ความจริงก็คือสถิติความร้อนในทะเลทั้งหมดกำลังถูกทำลายลง พื้นผิวมหาสมุทรเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ และผลกระทบสามารถรู้สึกได้ในระดับโลก คลื่นความร้อนทางทะเลไม่เพียงแต่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นเท่านั้น บ่อยขึ้นและยาวนานขึ้นแต่ได้กลายเป็นสัญญาณที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกอย่างรุนแรง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบอุณหภูมิของน้ำสูงถึง สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4ºC ในสถานที่เช่นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ หรือแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่ห่างไกล เช่น ทะเลบาเลียริก หรือชายฝั่งอังกฤษ ตั้งแต่ปลายปี 2024 เป็นต้นไป ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกำลังเผชิญสถานการณ์วิกฤต ของความร้อนที่คงอยู่ใต้ผิวน้ำ ทะเลแห่งนี้ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าว อุณหภูมิกำลังร้อนขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึงสองถึงสามเท่าและอัตราปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นเวลาสองทศวรรษ ในพื้นที่ของทะเลอัลโบรันหรือทะเลแบเลียริก ความผิดปกติซ้ำๆ เกิน 4ºC ความแตกต่างเมื่อเทียบกับค่าปกติ ในขณะที่ในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น อุณหภูมิจะยังคงสูงกว่า 2 องศาเซลเซียส น้ำทะเลแคนตาเบรียนและมหาสมุทรแอตแลนติกก็ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้เช่นกัน เร็วกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 67%โดยเพิ่มขึ้น 0,25ºC ต่อทศวรรษ การวอร์มอัพนี้แสดงถึง สัญญาณเตือนดาวเคราะห์มหาสมุทรดูดซับความร้อนส่วนเกินที่เกิดจากปรากฏการณ์เรือนกระจกได้มากกว่า 90% ทำหน้าที่เป็นตัวกันชนความร้อน หากปราศจากหน้าที่นี้ อุณหภูมิบนพื้นดินจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก ในปี 2024 ความร้อนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดจากวิกฤตการณ์สภาพอากาศ และทับซ้อนกับสภาพอากาศเลวร้าย
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่บันทึกไว้ระหว่างปี 1991-2020 ถึง 0.48 องศาเซลเซียส ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “คลื่นความร้อน” ผิดปรกติเกิดขึ้นในแอ่งมหาสมุทรหลักทั้งหมดทั่วโลก รุนแรงถึงขั้นที่นักวิทยาศาสตร์ต้องบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาเพื่อเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “คลื่นความร้อนทางทะเลระดับรุนแรง” (super marine heat waves) “ระบบนิเวศทางทะเลไม่เคยเจอไม่เคยเจอคลื่นความร้อนทางทะเลระดับรุนแรง จนระดับอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่สูงขนาดนี้มาก่อน” โบยิน ฮวง นักสมุทรศาสตร์จากสำนักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติกล่าว มหาสมุทรเป็นผืนน้ำที่กว้างใหญ่และเชื่อมโยงกับชีวิตอย่างแยกจากกันไม่ได้ โดยเป็นทั้งที่อยู่อาศัยและสนับสนุนชีวิตบนบกอีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลก ซึ่งในอดีตนั้นคลื่นความร้อนในทะเลไม่เกิดขึ้นบ่อยมากนัก และเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ารูปแบบดังกล่าวจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คลื่นความร้อนกำลังเกิดบ่อยครั้ง นานขึ้น และรุนแรงยิ่งกว่าเดิม นักวิทยาศาสตร์จากสมาคมชีววิทยาทางทะเลแห่งสหราชอาณาจักรร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่น ๆ ทั่วโลกได้ชี้ว่า ปัญหานี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
“ยิ่งระบบนิเวศทางทะเลของเราได้รัลผลกระทบจากคลื่นความร้อนใต้ทะเลบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากขึ้นมากเท่านั้นที่ระบบนิเวศจะฟื้นตัวจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้” ดร. เคธี สมิธ (Katie Smith) ผู้ช่วยวิจัยหลังปริญญาเอก และผู้เขียนหลักของรายงาน กล่าว “และเมื่อคลื่นความร้อนใต้ทะเลยังคงเพิ่มขึ้น เราก็มีแนวโน้มที่จะเห็นการสูญเสียสายพันธุ์และระบบนิเวศทางทะเลมากขึ้นทั่วโลก” ตามการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Nature Climate Change ทีมวิจัยได้เปิดเผยว่าในช่วงฤดูร้อนของปี 2023 และ 2024 ที่ผ่านมานั้นมีวันที่เกิดคลื่นความร้อนทางทะเลเพิ่มขึ้นเกือบ 3.5 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 240% เมื่อเทืยบกับสถิติเดิม การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้ชีวิตต่าง ๆ ต้องดิ้นรนมากขึ้นทั้งในแนวปะการัง การประมง และชุมชนชายฝั่ง ในยุโรปนั้นคลื่นความร้อนในทะเลทำให้อุณหภูมิพื้นดินในหมู่เกาะอังกฤษสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้ประชากรปลาได้รับผลกระทบอย่างหนัก สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า การศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ในวารสารโพรซีดดิงส์ ออฟ เดอะ เนชันนัล อคาเดมี ออฟ ไซเอนส์ (Proceedings of the National Academy of Sciences) เปิดเผยว่า จำนวนวันที่มหาสมุทรทั่วโลกเผชิญกับคลื่นความร้อนผิวน้ำทะเลระดับรุนแรง เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน นักวิจัยพบว่าในช่วงทศวรรษ 1940 ผิวน้ำทะเลทั่วโลกมีคลื่นความร้อนรุนแรงเฉลี่ยปีละราว 15 วัน แต่ในปัจจุบันตัวเลขดังกล่าวพุ่งขึ้นเกือบ 50 วันต่อปี โดยภาวะโลกร้อนเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดคลื่นความร้อนทางทะเลเกือบครึ่งหนึ่ง
อนึ่ง คลื่นความร้อนทางทะเล หมายถึงช่วงเวลาที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงกว่าค่าปกติอย่างมากและกินเวลาต่อเนื่องระยะหนึ่ง การศึกษาชิ้นนี้ จัดทำโดย นักวิทยาศาสตร์จากหลายสถาบัน ได้แก่ สถาบันเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อการศึกษาขั้นสูง มหาวิทยาลัยเรดดิง สถาบันวิทยาศาสตร์อวกาศนานาชาติ และมหาวิทยาลัยหมู่เกาะบาเลอาริก ซึ่งผลการศึกษายังพบว่าอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เหตุการณ์คลื่นความร้อนทางทะเลมีแนวโน้มที่จะยาวนานขึ้นและรุนแรงมากยิ่งขึ้น <img decoding="async" class="aligncenter wp-image-1481389 size-full" src="https://www.thebangkokinsight.com/wp-content/uploads/2025/04/มหาสมุทร.jpg" alt="มหาสมุทร" width="700" height="700" title="ภัยโลกร้อน คลื่นความร้อนในทะเล 'ระดับรุนแรง' เพิ่มขึ้น 3 เท่าในรอบ 80 ปี 2" srcset="https://www.thebangkokinsight.com/wp-content/uploads/2025/04/มหาสมุทร.jpg 700w, https://www.thebangkokinsight.com/wp-content/uploads/2025/04/มหาสมุทร-300x300.jpg 300w, https://www.thebangkokinsight.com/wp-content/uploads/2025/04/มหาสมุทร-150x150.jpg 150w" sizes="(max-width: 700px) 100vw, 700px" /> การศึกษาวิจัยใหม่ในวารสาร Nature Climate Change ระบุว่าคลื่นความร้อนในทะเลที่ทำลายสถิติในปี 2023 และ 2024 ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปรกฏการณ์เอลนีโญ ได้ก่อให้เกิดหายนะทั่วโลกแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คลื่นความร้อนเหล่านี้ส่งผลให้จำนวนวันของคลื่นความร้อนในทะเลเพิ่มขึ้น 3.5 เท่า เม่อเทียบกับสถิติก่อนหน้านี้ โดยเกือบ 10% ของทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ผลกระทบจากคลื่นความร้อนสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ทำให้การประมงเชิงพาณิชย์ต้องปิด และเกิดปะการังฟอกขาวอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้คลื่นความร้อนในทะเลยังเป็นเชื้อเพลิงให้เกิดพายุไซโคลนกาเบรียลในนิวซีแลนด์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และสร้างความเสียหายมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังส่งผลต่อพายุแดเนียลในลิเบีย ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 6,000 ราย นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อการประมงปลากะตักของเปรู ส่งผลให้สูญเสียรายได้ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
"การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุของความถี่ ระยะเวลา และความรุนแรงของคลื่นความร้อนในทะเลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก" Dr. Alistair Hobday ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยโครงการอนาคตทางทะเลที่ยั่งยืนของ CSIRO กล่าว การศึกษานี้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของมหาสมุทรในการควบคุมสภาพอากาศและสนับสนุนชีวิตทางทะเล และเตือนว่าหน้าที่เหล่านี้อาจตกอยู่ในความเสี่ยงเมื่อคลื่นความร้อนในทะเลทวีความรุนแรงขึ้น และจะส่งผลกระทบ ได้แก่ การบังคับปิดการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การเกยตื้นของปลาวาฬและปลาโลมาเพิ่มขึ้น และเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวทั่วโลกครั้งที่สี่
People Also Search
- คลื่นความร้อนทางทะเล: สาเหตุ ผลกระทบ และความท้าทายในปัจจุบัน
- 'ทะเลเดือด' เป็นประวัติการณ์ เจอคลื่นความร้อนรุนแรง เกิดภัยพิบัติตลอดปี
- ภาวะโลกรวน (Climate Change) ส่งผลต่อมหาสมุทรและชายฝั่งอย่างไร?
- คลื่นความร้อนในทะเล (Marine Heatwave) Part 2 | Eureka ท่องโลกวิทยาการ
- นักวิทยาศาสตร์เตือนสถานการณ์คลื่นความร้อนในทะเลกำลังวิกฤต หลังพบเจอถี่ ...
- PDF ทะเลเดือด เอลนีโญแรง และอนาคตความมั่นคงทางทะเล
- ภัยโลกร้อน คลื่นความร้อนในทะเล 'ระดับรุนแรง' เพิ่มขึ้น 3 เท่าในรอบ 80 ปี
- วิกฤตคลื่นความร้อนทางทะเล นักวิทย์ชี้ สิ่งมีชีวิตเสี่ยงสูญพันธุ์
- การศึกษาวิจัยใหม่เผย ความร้อนทางทะเล สร้างความเสียหายทั่วโลก
- ในวันที่ทะเลไม่เหมือนเดิม: ปรากฏการณ์ทะเลเดือด - สำนักงานนโยบายและแผน ...
อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนทางทะเล พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายต่อสมดุลทางนิเวศวิทยาของมหาสมุทร ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อทั้งความหลากหลายทางชีวภาพและชีวิตมนุษย์ แม้ว่าอาจดูเหมือนยากที่จะจินตนาการว่าแหล่งน้ำหนึ่งแห่งจะรักษาอุณหภูมิที่สูงไว้ได้นานหลายเดือน
อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนทางทะเล พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายต่อสมดุลทางนิเวศวิทยาของมหาสมุทร ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อทั้งความหลากหลายทางชีวภาพและชีวิตมนุษย์ แม้ว่าอาจดูเหมือนยากที่จะจินตนาการว่าแหล่งน้ำหนึ่งแห่งจะรักษาอุณหภูมิที่สูงไว้ได้นานหลายเดือน แต่ความจริงก็คือสถิติความร้อนในทะเลทั้งหมดกำลังถ...
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่บันทึกไว้ระหว่างปี 1991-2020 ถึง 0.48 องศาเซลเซียส ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “คลื่นความร้อน” ผิดปรกติเกิดขึ้นในแอ่งมหาสมุทรหลักทั้งหมดทั่วโลก รุนแรงถึงขั้นที่นักวิทยาศาสตร์ต้องบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาเพื่อเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่บันทึกไว้ระหว่างปี 1991-2020 ถึง 0.48 องศาเซลเซียส ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “คลื่นความร้อน” ผิดปรกติเกิดขึ้นในแอ่งมหาสมุทรหลักทั้งหมดทั่วโลก รุนแรงถึงขั้นที่นักวิทยาศาสตร์ต้องบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาเพื่อเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “คลื่นความร้อนทางทะเลระดับรุนแรง” (super...
“ยิ่งระบบนิเวศทางทะเลของเราได้รัลผลกระทบจากคลื่นความร้อนใต้ทะเลบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากขึ้นมากเท่านั้นที่ระบบนิเวศจะฟื้นตัวจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้” ดร. เคธี สมิธ (Katie Smith) ผู้ช่วยวิจัยหลังปริญญาเอก และผู้เขียนหลักของรายงาน กล่าว
“ยิ่งระบบนิเวศทางทะเลของเราได้รัลผลกระทบจากคลื่นความร้อนใต้ทะเลบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากขึ้นมากเท่านั้นที่ระบบนิเวศจะฟื้นตัวจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้” ดร. เคธี สมิธ (Katie Smith) ผู้ช่วยวิจัยหลังปริญญาเอก และผู้เขียนหลักของรายงาน กล่าว “และเมื่อคลื่นความร้อนใต้ทะเลยังคงเพิ่มขึ้น เราก็มีแนวโน้มที่จะเห็นการสูญเสียสายพันธุ์และระบบนิเวศทางทะเลมากขึ้นทั่วโลก” ตามการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Nature Climate...
อนึ่ง คลื่นความร้อนทางทะเล หมายถึงช่วงเวลาที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงกว่าค่าปกติอย่างมากและกินเวลาต่อเนื่องระยะหนึ่ง การศึกษาชิ้นนี้ จัดทำโดย นักวิทยาศาสตร์จากหลายสถาบัน ได้แก่ สถาบันเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อการศึกษาขั้นสูง มหาวิทยาลัยเรดดิง สถาบันวิทยาศาสตร์อวกาศนานาชาติ
อนึ่ง คลื่นความร้อนทางทะเล หมายถึงช่วงเวลาที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงกว่าค่าปกติอย่างมากและกินเวลาต่อเนื่องระยะหนึ่ง การศึกษาชิ้นนี้ จัดทำโดย นักวิทยาศาสตร์จากหลายสถาบัน ได้แก่ สถาบันเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อการศึกษาขั้นสูง มหาวิทยาลัยเรดดิง สถาบันวิทยาศาสตร์อวกาศนานาชาติ และมหาวิทยาลัยหมู่เกาะบาเลอาริก ซึ่งผลการศึกษายังพบว่าอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เหตุการณ์คลื่นความร้อนทางทะเลมีแนวโน้มที่จะยาวนาน...
"การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุของความถี่ ระยะเวลา และความรุนแรงของคลื่นความร้อนในทะเลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก" Dr. Alistair Hobday ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยโครงการอนาคตทางทะเลที่ยั่งยืนของ CSIRO กล่าว การศึกษานี้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของมหาสมุทรในการควบคุมสภาพอากาศและสนับสนุนชีวิตทางทะเล
"การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุของความถี่ ระยะเวลา และความรุนแรงของคลื่นความร้อนในทะเลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก" Dr. Alistair Hobday ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยโครงการอนาคตทางทะเลที่ยั่งยืนของ CSIRO กล่าว การศึกษานี้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของมหาสมุทรในการควบคุมสภาพอากาศและสนับสนุนชีวิตทางทะเล และเตือนว่าหน้าที่เหล่านี้อาจตกอยู่ในความเสี่ยงเมื่อคลื่นความร้อนในทะเลทวีความรุนแรงขึ้น และจะส่งผลกระทบ ได้แก่ การ...