คลื่นความร้อนลึกลับ ทํามหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือร้อนทุบสถิติสูงสุด นัก
มหาสมุทรชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ 5 องศาฟาร์เรนไฮต์จากระดับปกติอย่างรวดเร็ว อ้างอิงจากองค์การจัดการมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (US National Oceanic and Atmospheric Administration: NOAA) โดยมีการตั้งชื่อเล่นว่าเป็น “ คลื่นความร้อน มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเฉียงเหนือปี ค.ศ. 2019” คลื่นความร้อนสมุทร (Marine Heatwave) ถูกนิยามว่าเป็นเหตุการณ์ทางสมุทรศาสตร์ที่อุณหภูมิพื้นผิวของน้ำทะเลจะสูงขึ้นราวร้อยละ 90 จากอุณหภูมิที่วัดได้ในอดีตต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วัน เหตุการณ์คลื่นความร้อนในปัจจุบันถือว่าเป็นคลื่นความร้อนที่รุนแรงอันดับสองนับตั้งแต่นักวิทยาศาสตร์ไปติดตามปรากฎการณ์นี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 อ้างจากรายงานโดย NOAA หากผืนน้ำที่ผิดปกติยังไม่สลายตัวในเร็ววันนี้ พื้นที่ดังกล่าวก็อาจกลายเป็นพื้นที่อันตรายหรือที่เรียกว่า “ก้อน” ของน้ำอุ่นซึ่งระหว่างปี พ.ศ. 2557 – 2559 ได้ทำให้สาหร่ายมีพิษเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือปรากฎการณ์แอลจีบลูม (Algae Bloom) คร่าชีวิตสิงโตทะเลและวาฬซึ่งอยู่ในภาวะคุกคามเนื่องจากสัตว์เหล่านั้นต้องเข้ามาหากินใกล้ชายฝั่ง
นักสมุทรศาสตร์เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเห็นมวลรูปสามเหลี่ยมในมหาสมุทรทอดยาวจากรัฐอแลสกาไปจนถึงฮาวายและทางใต้ของแคลิฟอร์เนีย สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิคือกระแสลมที่บางเบา แต่ภาวะดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้นยาวนานเป็นเดือนเช่นที่เกิดขึ้นในปีนี้ กระแสน้ำอุ่นยังเป็นผลตกค้างจากเหตุการณ์คลื่นความร้อนสุดขั้วครั้งล่าสุด “มันเริ่มจากอุ่นเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยจนกระทั่งร้อนที่สุดเท่าที่เราเคยพบภายในเวลาเพียง 3 เดือน” เนท แมนทัว (Nate Mantua) นักวิจัยและนักวิทยสาศาสตร์จาก NOAA ประจำแคลิฟอร์เนียให้สัมภาษณ์ “ผมยังไม่เห็นความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างรูปแบบภูมิภาวะอากาศลักษณะนี้กับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในระยะยาว ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ แต่การศึกษาในสาขานี้ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาและยังเต็มไปด้วยคำถามที่รอคำตอบ” เขากล่าวเสริม เมื่อเดือนที่แล้วองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ในสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศเตือนว่า โลกกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 และกำลังส่งผลกระทบต่ออย่างน้อย 53 ประเทศทั่วโลก เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) แนวปะการังนอกชายฝั่งขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งประสบกับฤดูร้อนที่เลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็นหนึ่งในแนวปะการังที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากอุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงทำลายสถิติในปีที่ผ่านมา อันมีสาเหตุหลักมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น และถูกเร่งโดยปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งทำให้อุณหภูมิของมหาสมุทรสูงขึ้น จากการลงพื้นที่สำรวจ CNN พบเห็นการฟอกขาวบนแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ บนแนวปะการัง 5 แห่งที่ทอดยาวไปทางตอนเหนือและตอนใต้ของระบบนิเวศระยะทาง 2,300 กิโลเมตร “สิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรของเราตอนนี้เหมือนกับการเกิดไฟป่าใต้น้ำ” เคท ควิกลีย์ นักวิจัยที่มูลนิธิมินเดอรู (Minderoo Foundation) ของออสเตรเลีย กล่าว
โดยนอกจากแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟแล้ว คลื่นความร้อนใต้ท้องทะเลขนาดมหึมาที่แผ่ขยายไปทั่วโลกยังส่งผลกระทบต่อแนวปะการังที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกแห่งอื่นๆ ซึ่งรวมถึงแนวปะการังในทะเลแดง อินโดนีเซีย และเซเชลส์ด้วย ตอนนี้ทั่วซีกโลกเหนือกำลังเผชิญอุณหภูมิที่ร้อนระอุจนทำลายสถิติ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนหลายล้าน และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ในเอเชีย อุณหภูมิที่สูงอย่างต่อเนื่องในปากีสถานกำลังทำให้ผู้คนแทบจะใช้ชีวิตประจำวันกันไม่ไหว ที่เทียนเฉิง ประเทศจีน มีอุณหภูมิอยู่ที่ 42 องศาเซลเซียส ส่วนในญี่ปุ่น คลื่นความร้อนได้สร้างสถิติใหม่ทั่วทั้งหมู่เกาะ หลายพื้นที่ของยุโรปเผชิญกับคลื่นความร้อนที่รุนแรงและทำลายสถิติมานานหลายสัปดาห์แล้ว ส่งผลให้มีรายงานผู้เสียชีวิตหลายราย และหลายพื้นที่ต้องเผชิญไฟป่าขนาดใหญ่ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง แม้ว่าอุณหภูมิฤดูร้อนในสหรัฐอเมริกาน่าจะยังไม่ถึงจุดสูงสุด แต่เมืองใหญ่ๆ ทางตะวันตกก็กำลังเผชิญกับผลกระทบจากความร้อนจัดอยู่แล้ว รัฐเนวาดามีผู้เสียชีวิตจากความร้อนอย่างน้อย 29 ราย ส่วนรัฐแมรี่แลนด์มีผู้เสียชีวิต 11 ราย คลื่นความร้อนที่แผ่ขยายไปทั่วซีกโลกเหนือครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกยังคงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลจากการทำกิจกรรมของมนุษย์ โดยข้อมูลใหม่เผยให้เห็นว่าโลกกำลังร้อนมากขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เอเชียยังคงเผชิญกับคลื่นความร้อนที่แสนระอุ ขณะที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศต่างพยากรณ์ว่ายังมีอีกหลายปีที่ร้อนยิ่งกว่านี้รอเราอยู่ในอนาคต ปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้อุณหภูมิฝั่งซีกโลกใต้พุ่งสูงทะลุปรอท นับเป็นสัญญาณที่น่ากังวลของประเทศในซีกโลกเหนือที่จะต้องเผชิญกับฤดูร้อนในอีกไม่ช้า เวียดนามมีรายงานว่าอุณหภูมิสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์คือ 44.2 องศาเซลเซียส นำไปสู่การส่งสัญญาณเตือนว่าเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้าดับ ที่ฟิลิปปินส์ก็ต้องลดชั่วโมงเรียนหลังจากดัชนีความร้อนแตะระดับ “อันตราย” ซึ่งสะท้อนระดับความร้อนและความชื้นที่ส่งผลให้มนุษย์เสี่ยงต่อการเสียชีวิต อุณหภูมิที่ร้อนสุดขั้วและรูปแบบวิกฤติภูมิอากาศขั้นรุนแรงในช่วงหลายปีให้หลังส่งสัญญาณว่าโลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ระบบภูมิอากาศที่เราไม่คุ้นเคย สภาพอากาศที่เลวร้ายกลายเป็นบททดสอบความสามารถของรัฐบาลในการคุ้มครองสุขภาพของประชาชนและป้องกันไม่ให้เกิดหายนะในภาคการเกษตรและการผลิตพลังงาน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากการระบาดของโควิด-19 เอลนีโญ คือปรากฎการณ์ที่กระแสน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกมีอุณหภูมิสูงขึ้น ปรากฎการณ์นี้ส่งผลอย่างมากต่อรูปแบบภูมิอากาศทั่วโลก และอาจช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อย่างประเทศอาร์เจนตินาและตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา แต่ห่มคลุมพื้นที่แถบเอเชียและออสเตรเลียด้วยสภาพอากาศที่ร้อนและแล้งยิ่งขึ้น ส่งผลให้การเพาะปลูกพืช เช่น กาแฟ น้ำตาล ปาล์มน้ำมัน และโกโก้เผชิญความเสี่ยงสูงอย่างยิ่ง ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อุณหภูมิในประเทศไทยยังคงอยู่เหนือระดับ 40 องศาเซลเซียสทางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศจนเกิดพีกการใช้ไฟฟ้าสูงสุดครั้งใหม่ ขณะที่กลุ่มธุรกิจและภาคธนาคารต่างเรียกร้องให้รัฐบาลเตรียมแผนรับมือภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้นและต่อเนื่องเป็นเวลาร่วมสามปี
People Also Search
- คลื่นความร้อนลึกลับในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ: นักวิทย์ยังหาคำตอบไม่ได้ ...
- พบ คลื่นความร้อน ขนาดยักษ์ในมหาสมุทรแปซิฟิก หวั่นเกิดวิกฤติซ้ำรอย ...
- SpringNews - วิกฤตภูมิอากาศทำคลื่นความร้อนในมหาสมุทรนานขึ้น... | Facebook
- ปี 2025 สัญญาณอันตราย อุณหภูมิโลกจ่อทำลายสถิติเก่า
- นักวิทย์เตือน มหาสมุทร ร้อนระอุเหมือนเกิด 'ไฟป่าใต้น้ำ' หวั่นแนวปะการัง ...
- โลกร้อนไม่หยุด อุณหภูมิมหาสมุทรสูงไม่แผ่ว ปะการังฟอกขาวแทบไม่เหลือ
- คลื่นความร้อนคุกคามซีกโลกเหนืออย่างรุนแรง กระทบหลายล้านคน
- ทะเลเดือดเป็นประวัติการณ์! เตรียมรับมือ 'ภัยพิบัติ' ตลอดปี | กรุงเทพ ...
- คลื่นความร้อนทุบสถิติทั่วเอเชีย ความโหดร้ายในโลกใบที่ร้อนกว่าเดิม
- คลื่นความร้อน ภัยใกล้ตัวในยุคโลกเดือด
มหาสมุทรชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ 5 องศาฟาร์เรนไฮต์จากระดับปกติอย่างรวดเร็ว อ้างอิงจากองค์การจัดการมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (US National Oceanic And Atmospheric Administration:
มหาสมุทรชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ 5 องศาฟาร์เรนไฮต์จากระดับปกติอย่างรวดเร็ว อ้างอิงจากองค์การจัดการมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (US National Oceanic and Atmospheric Administration: NOAA) โดยมีการตั้งชื่อเล่นว่าเป็น “ คลื่นความร้อน มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเฉียงเหนือปี ค.ศ. 2019” คลื่นความร้อนสมุทร (Marine Heatwave) ถูกนิยามว่าเป็นเหตุการณ์ทางสมุทรศาสตร์ที่อุ...
นักสมุทรศาสตร์เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเห็นมวลรูปสามเหลี่ยมในมหาสมุทรทอดยาวจากรัฐอแลสกาไปจนถึงฮาวายและทางใต้ของแคลิฟอร์เนีย สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิคือกระแสลมที่บางเบา แต่ภาวะดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้นยาวนานเป็นเดือนเช่นที่เกิดขึ้นในปีนี้ กระแสน้ำอุ่นยังเป็นผลตกค้างจากเหตุการณ์คลื่นความร้อนสุดขั้วครั้งล่าสุด “มันเริ่มจากอุ่นเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยจนกระทั่งร้อนที่สุดเท่าที่เราเคยพบภายในเวลาเพียง 3 เดือน” เนท แมนทัว
นักสมุทรศาสตร์เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเห็นมวลรูปสามเหลี่ยมในมหาสมุทรทอดยาวจากรัฐอแลสกาไปจนถึงฮาวายและทางใต้ของแคลิฟอร์เนีย สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิคือกระแสลมที่บางเบา แต่ภาวะดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้นยาวนานเป็นเดือนเช่นที่เกิดขึ้นในปีนี้ กระแสน้ำอุ่นยังเป็นผลตกค้างจากเหตุการณ์คลื่นความร้อนสุดขั้วครั้งล่าสุด “มันเริ่มจากอุ่นเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยจนกระทั่งร้อนที...
โดยนอกจากแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟแล้ว คลื่นความร้อนใต้ท้องทะเลขนาดมหึมาที่แผ่ขยายไปทั่วโลกยังส่งผลกระทบต่อแนวปะการังที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกแห่งอื่นๆ ซึ่งรวมถึงแนวปะการังในทะเลแดง อินโดนีเซีย และเซเชลส์ด้วย ตอนนี้ทั่วซีกโลกเหนือกำลังเผชิญอุณหภูมิที่ร้อนระอุจนทำลายสถิติ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนหลายล้าน และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ในเอเชีย อุณหภูมิที่สูงอย่างต่อเนื่องในปากีสถานกำลังทำให้ผู้คนแทบจะใช้ชีวิตประจำวันกันไม่ไหว
โดยนอกจากแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟแล้ว คลื่นความร้อนใต้ท้องทะเลขนาดมหึมาที่แผ่ขยายไปทั่วโลกยังส่งผลกระทบต่อแนวปะการังที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกแห่งอื่นๆ ซึ่งรวมถึงแนวปะการังในทะเลแดง อินโดนีเซีย และเซเชลส์ด้วย ตอนนี้ทั่วซีกโลกเหนือกำลังเผชิญอุณหภูมิที่ร้อนระอุจนทำลายสถิติ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนหลายล้าน และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ในเอเชีย อุณหภูมิที่สูงอย่างต่อเนื่องในปากีสถานกำลังทำใ...
เอเชียยังคงเผชิญกับคลื่นความร้อนที่แสนระอุ ขณะที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศต่างพยากรณ์ว่ายังมีอีกหลายปีที่ร้อนยิ่งกว่านี้รอเราอยู่ในอนาคต ปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้อุณหภูมิฝั่งซีกโลกใต้พุ่งสูงทะลุปรอท นับเป็นสัญญาณที่น่ากังวลของประเทศในซีกโลกเหนือที่จะต้องเผชิญกับฤดูร้อนในอีกไม่ช้า เวียดนามมีรายงานว่าอุณหภูมิสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์คือ 44.2 องศาเซลเซียส นำไปสู่การส่งสัญญาณเตือนว่าเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้าดับ ที่ฟิลิปปินส์ก็ต้องลดชั่วโมงเรียนหลังจากดัชนีความร้อนแตะระดับ “อันตราย”
เอเชียยังคงเผชิญกับคลื่นความร้อนที่แสนระอุ ขณะที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศต่างพยากรณ์ว่ายังมีอีกหลายปีที่ร้อนยิ่งกว่านี้รอเราอยู่ในอนาคต ปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้อุณหภูมิฝั่งซีกโลกใต้พุ่งสูงทะลุปรอท นับเป็นสัญญาณที่น่ากังวลของประเทศในซีกโลกเหนือที่จะต้องเผชิญกับฤดูร้อนในอีกไม่ช้า เวียดนามมีรายงานว่าอุณหภูมิสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์คือ 44.2 องศาเซลเซียส นำไปสู่การส่งสัญญาณเตือนว่าเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ...