ซูเปอร์คลื่นความร้อนในทะเล ภัยเงียบที่กระหน่ําโลกใต้ผืนน้ํา
ในปี 2024 ความร้อนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดจากวิกฤตการณ์สภาพอากาศ และทับซ้อนกับสภาพอากาศเลวร้าย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่บันทึกไว้ระหว่างปี 1991-2020 ถึง 0.48 องศาเซลเซียส ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “คลื่นความร้อน” ผิดปรกติเกิดขึ้นในแอ่งมหาสมุทรหลักทั้งหมดทั่วโลก รุนแรงถึงขั้นที่นักวิทยาศาสตร์ต้องบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาเพื่อเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “คลื่นความร้อนทางทะเลระดับรุนแรง” (super marine heat waves) “ระบบนิเวศทางทะเลไม่เคยเจอไม่เคยเจอคลื่นความร้อนทางทะเลระดับรุนแรง จนระดับอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่สูงขนาดนี้มาก่อน” โบยิน ฮวง นักสมุทรศาสตร์จากสำนักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติกล่าว มหาสมุทรเป็นผืนน้ำที่กว้างใหญ่และเชื่อมโยงกับชีวิตอย่างแยกจากกันไม่ได้ โดยเป็นทั้งที่อยู่อาศัยและสนับสนุนชีวิตบนบกอีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลก ซึ่งในอดีตนั้นคลื่นความร้อนในทะเลไม่เกิดขึ้นบ่อยมากนัก และเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ารูปแบบดังกล่าวจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คลื่นความร้อนกำลังเกิดบ่อยครั้ง นานขึ้น และรุนแรงยิ่งกว่าเดิม นักวิทยาศาสตร์จากสมาคมชีววิทยาทางทะเลแห่งสหราชอาณาจักรร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่น ๆ ทั่วโลกได้ชี้ว่า ปัญหานี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน “ยิ่งระบบนิเวศทางทะเลของเราได้รัลผลกระทบจากคลื่นความร้อนใต้ทะเลบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากขึ้นมากเท่านั้นที่ระบบนิเวศจะฟื้นตัวจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้” ดร. เคธี สมิธ (Katie Smith) ผู้ช่วยวิจัยหลังปริญญาเอก และผู้เขียนหลักของรายงาน กล่าว “และเมื่อคลื่นความร้อนใต้ทะเลยังคงเพิ่มขึ้น เราก็มีแนวโน้มที่จะเห็นการสูญเสียสายพันธุ์และระบบนิเวศทางทะเลมากขึ้นทั่วโลก” ตามการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Nature Climate Change ทีมวิจัยได้เปิดเผยว่าในช่วงฤดูร้อนของปี 2023 และ 2024 ที่ผ่านมานั้นมีวันที่เกิดคลื่นความร้อนทางทะเลเพิ่มขึ้นเกือบ 3.5 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 240% เมื่อเทืยบกับสถิติเดิม การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้ชีวิตต่าง ๆ ต้องดิ้นรนมากขึ้นทั้งในแนวปะการัง การประมง และชุมชนชายฝั่ง ในยุโรปนั้นคลื่นความร้อนในทะเลทำให้อุณหภูมิพื้นดินในหมู่เกาะอังกฤษสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้ประชากรปลาได้รับผลกระทบอย่างหนัก อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนทางทะเล พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายต่อสมดุลทางนิเวศวิทยาของมหาสมุทร ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อทั้งความหลากหลายทางชีวภาพและชีวิตมนุษย์ แม้ว่าอาจดูเหมือนยากที่จะจินตนาการว่าแหล่งน้ำหนึ่งแห่งจะรักษาอุณหภูมิที่สูงไว้ได้นานหลายเดือน แต่ความจริงก็คือสถิติความร้อนในทะเลทั้งหมดกำลังถูกทำลายลง พื้นผิวมหาสมุทรเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ และผลกระทบสามารถรู้สึกได้ในระดับโลก คลื่นความร้อนทางทะเลไม่เพียงแต่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นเท่านั้น บ่อยขึ้นและยาวนานขึ้นแต่ได้กลายเป็นสัญญาณที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกอย่างรุนแรง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบอุณหภูมิของน้ำสูงถึง สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4ºC ในสถานที่เช่นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ หรือแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่ห่างไกล เช่น ทะเลบาเลียริก หรือชายฝั่งอังกฤษ ตั้งแต่ปลายปี 2024 เป็นต้นไป ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกำลังเผชิญสถานการณ์วิกฤต ของความร้อนที่คงอยู่ใต้ผิวน้ำ ทะเลแห่งนี้ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าว อุณหภูมิกำลังร้อนขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึงสองถึงสามเท่าและอัตราปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นเวลาสองทศวรรษ ในพื้นที่ของทะเลอัลโบรันหรือทะเลแบเลียริก ความผิดปกติซ้ำๆ เกิน 4ºC ความแตกต่างเมื่อเทียบกับค่าปกติ ในขณะที่ในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น อุณหภูมิจะยังคงสูงกว่า 2 องศาเซลเซียส น้ำทะเลแคนตาเบรียนและมหาสมุทรแอตแลนติกก็ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้เช่นกัน เร็วกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 67%โดยเพิ่มขึ้น 0,25ºC ต่อทศวรรษ การวอร์มอัพนี้แสดงถึง สัญญาณเตือนดาวเคราะห์มหาสมุทรดูดซับความร้อนส่วนเกินที่เกิดจากปรากฏการณ์เรือนกระจกได้มากกว่า 90% ทำหน้าที่เป็นตัวกันชนความร้อน หากปราศจากหน้าที่นี้ อุณหภูมิบนพื้นดินจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก ในขณะที่หลายคนเฝ้ามองอุณหภูมิบกและโอดครวญกับอากาศร้อนจัดที่แผดเผาเมืองแต่มีอีก “พลังงานเงียบ” ที่กำลังทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องในที่ที่คนทั่วไปไม่ทันสังเกตใต้ผืนน้ำมหาสมุทรนั่นเอง จากข้อมูลวิจัยล่าสุดพบว่า ในช่วง 80 ปีที่ผ่านมาคลื่นความร้อนทางทะเลได้เพิ่มความรุนแรงและความถี่ขึ้นถึง 3 เท่า นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขในรายงานวิทยาศาสตร์ แต่คือสัญญาณอันตรายที่สะท้อนว่ามหาสมุทรโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างลึกซึ้ง คลื่นความร้อนทางทะเล (Marine Heatwaves) คือปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะเวลาต่อเนื่อง โดยมักกินเวลาตั้งแต่หลายวันจนถึงหลายเดือน และขยายวงกว้างจากภูมิภาคหนึ่งไปสู่อีกภูมิภาคหนึ่ง โดยสาเหตุหลักคือการสะสมความร้อนจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์
ผลกระทบของคลื่นความร้อนทางทะเลไม่ได้จำกัดอยู่แค่สิ่งแวดล้อมทางทะเลเท่านั้นแต่ยังสะเทือนถึงผู้คนที่พึ่งพาทรัพยากรทะเลเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิของผิวน้ำทะเลมีผลโดยตรงต่อการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อน เช่น ไต้ฝุ่น เฮอร์ริเคน หรือไซโคลน ซึ่งพายุเหล่านี้ต้องใช้ “พลังงานความร้อนจากน้ำทะเล” เป็นเชื้อเพลิงเมื่อคลื่นความร้อนทางทะเลเกิดบ่อยขึ้น น้ำทะเลก็กลายเป็นแหล่งพลังงานมหาศาลให้กับพายุหมุนเขตร้อน จนทำให้ การเกิดพายุระดับ 4 หรือ 5 อาจกลายเป็นเรื่องธรรมดาในอนาคต หากเรายังไม่จัดการปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization: WMO) รายงานว่า พบคลื่นความร้อนขนาดมหึมา ครอบคลุมพื้นที่ทะเลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกเกือบ 40 ล้านตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่าออสเตรเลียถึง 5 เท่า และมากกว่าไทยถึง 78 เท่า ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปี 2024 กลายเป็นปีที่โลกร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์การเก็บข้อมูลอุณหภูมิยาวนาน 175 ปีของ WMO รายงานระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในปี 2024 เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม และเป็นปีที่เกิดเหตุการณ์ “สภาพอากาศสุดขั้ว” หลายกรณี เช่น ดินถล่มรุนแรงในฟิลิปปินส์ น้ำท่วมในออสเตรเลีย และธารน้ำแข็งละลายในอินโดนีเซีย ปีนี้ยังทุบสถิติระดับน้ำทะเล โดยพบว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของน้ำทะเลในปี 2024 สูงเกือบ 4 มิลลิเมตรต่อปี มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 3.5 มิลลิเมตรต่อปีอย่างมีนัยสำคัญ โดยสาเหตุหลักมาจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก
WMO ยังระบุว่า อุณหภูมิในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกในปี 2024 สูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วงปี 1991–2020 ถึง 0.48 องศาเซลเซียส ศาสตราจารย์เซเลสเต ซาอูโล เลขาธิการ WMO กล่าวว่า ความร้อนและภาวะความเป็นกรดของมหาสมุทรร่วมกันก่อให้เกิด “ความเสียหายอย่างยาวนาน” ต่อระบบนิเวศทางทะเลและเศรษฐกิจ พร้อมเตือนว่า “ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงต่อประเทศที่เป็นเกาะทั้งหมด” และเรากำลัง “หมดเวลาเปลี่ยนทิศลม”
People Also Search
- ซูเปอร์คลื่นความร้อนในทะเล ภัยเงียบที่กระหน่ำโลกใต้ผืนน้ำ
- 'ทะเลเดือด' เป็นประวัติการณ์ เจอคลื่นความร้อนรุนแรง เกิดภัยพิบัติตลอดปี
- คลื่นความร้อนในทะเล (Marine Heatwave) Part 2 | Eureka ท่องโลกวิทยาการ
- นักวิทยาศาสตร์เตือนสถานการณ์คลื่นความร้อนในทะเลกำลังวิกฤต หลังพบเจอถี่ ...
- คลื่นความร้อนทางทะเล: ภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นต่อมหาสมุทรและสิ่งมีชีวิต ...
- ทะเลกำลังเดือดคลื่นความร้อนทางทะเลพุ่ง 3 เท่าใน 80 ปี จุดชนวนพายุรุนแรง ...
- TNN - Climate: คลื่นความร้อนในทะเลที่รุนแรงผิดปกติ หรือ "ซูเปอร์คลื่น ...
- น้ำทะเลร้อนทุบสถิติ ทำอากาศร้อน พายุหนักกว่าที่เคย
- Wmo ชี้สาเหตุ 2024 ร้อนหนัก พบคลื่นความร้อนใต้ทะเล ใหญ่กว่าไทย 78 เท่า
- ในวันที่ทะเลไม่เหมือนเดิม: ปรากฏการณ์ทะเลเดือด
ในปี 2024 ความร้อนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดจากวิกฤตการณ์สภาพอากาศ และทับซ้อนกับสภาพอากาศเลวร้าย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่บันทึกไว้ระหว่างปี 1991-2020 ถึง 0.48 องศาเซลเซียส ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น
ในปี 2024 ความร้อนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดจากวิกฤตการณ์สภาพอากาศ และทับซ้อนกับสภาพอากาศเลวร้าย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่บันทึกไว้ระหว่างปี 1991-2020 ถึง 0.48 องศาเซลเซียส ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “คลื่นความร้อน” ผิดปรกติเกิดขึ้นในแอ่งมหาสมุทรหลักทั้งหมดทั่วโลก รุนแรงถึงขั้นที่นักวิทยาศา...
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ารูปแบบดังกล่าวจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คลื่นความร้อนกำลังเกิดบ่อยครั้ง นานขึ้น และรุนแรงยิ่งกว่าเดิม นักวิทยาศาสตร์จากสมาคมชีววิทยาทางทะเลแห่งสหราชอาณาจักรร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่น ๆ ทั่วโลกได้ชี้ว่า ปัญหานี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน “ยิ่งระบบนิเวศทางทะเลของเราได้รัลผลกระทบจากคลื่นความร้อนใต้ทะเลบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากขึ้นมากเท่านั้นที่ระบบนิเวศจะฟื้นตัวจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้”
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ารูปแบบดังกล่าวจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คลื่นความร้อนกำลังเกิดบ่อยครั้ง นานขึ้น และรุนแรงยิ่งกว่าเดิม นักวิทยาศาสตร์จากสมาคมชีววิทยาทางทะเลแห่งสหราชอาณาจักรร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่น ๆ ทั่วโลกได้ชี้ว่า ปัญหานี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน “ยิ่งระบบนิเวศทางทะเลของเราได้รัลผลกระทบจากคลื่นความร้อนใต้ทะเลบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากขึ้นมากเท่านั้นที่ระบบนิเวศจะฟื้นตัวจากเหตุการณ์ดั...
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนทางทะเล พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายต่อสมดุลทางนิเวศวิทยาของมหาสมุทร ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อทั้งความหลากหลายทางชีวภาพและชีวิตมนุษย์ แม้ว่าอาจดูเหมือนยากที่จะจินตนาการว่าแหล่งน้ำหนึ่งแห่งจะรักษาอุณหภูมิที่สูงไว้ได้นานหลายเดือน แต่ความจริงก็คือสถิติความร้อนในทะเลทั้งหมดกำลังถูกทำลายลง พื้นผิวมหาสมุทรเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ และผลกระทบสามารถรู้สึกได้ในระดับโลก คลื่นความร้อนทางทะเลไม่เพียงแต่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นเท่านั้น บ่อยขึ้นและยาวนานขึ้นแต่ได้กลายเป็นสัญญาณที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกอย่างรุนแรง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนทางทะเล พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายต่อสมดุลทางนิเวศวิทยาของมหาสมุทร ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อทั้งความหลากหลายทางชีวภาพและชีวิตมนุษย์ แม้ว่าอาจดูเหมือนยากที่จะจินตนาการว่าแหล่งน้ำหนึ่งแห่งจะรักษาอุณหภูมิที่สูงไว้ได้นานหลายเดือน แต่ความจริงก็คือสถิติความร้อนในทะเลทั้งหมดกำลังถูกทำลายลง พื้นผิวมหาสมุทรเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ และผลกระทบสามารถรู...
ผลกระทบของคลื่นความร้อนทางทะเลไม่ได้จำกัดอยู่แค่สิ่งแวดล้อมทางทะเลเท่านั้นแต่ยังสะเทือนถึงผู้คนที่พึ่งพาทรัพยากรทะเลเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิของผิวน้ำทะเลมีผลโดยตรงต่อการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อน เช่น ไต้ฝุ่น เฮอร์ริเคน หรือไซโคลน ซึ่งพายุเหล่านี้ต้องใช้ “พลังงานความร้อนจากน้ำทะเล” เป็นเชื้อเพลิงเมื่อคลื่นความร้อนทางทะเลเกิดบ่อยขึ้น
ผลกระทบของคลื่นความร้อนทางทะเลไม่ได้จำกัดอยู่แค่สิ่งแวดล้อมทางทะเลเท่านั้นแต่ยังสะเทือนถึงผู้คนที่พึ่งพาทรัพยากรทะเลเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิของผิวน้ำทะเลมีผลโดยตรงต่อการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อน เช่น ไต้ฝุ่น เฮอร์ริเคน หรือไซโคลน ซึ่งพายุเหล่านี้ต้องใช้ “พลังงานความร้อนจากน้ำทะเล” เป็นเชื้อเพลิงเมื่อคลื่นความร้อนทางทะเลเกิดบ่อยขึ้น น้ำทะเลก็กลายเป็นแหล่งพลังงานมหาศาลให้กับพายุหมุนเขตร้อน จนทำใ...
WMO ยังระบุว่า อุณหภูมิในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกในปี 2024 สูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วงปี 1991–2020 ถึง 0.48 องศาเซลเซียส ศาสตราจารย์เซเลสเต
WMO ยังระบุว่า อุณหภูมิในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกในปี 2024 สูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วงปี 1991–2020 ถึง 0.48 องศาเซลเซียส ศาสตราจารย์เซเลสเต ซาอูโล เลขาธิการ WMO กล่าวว่า ความร้อนและภาวะความเป็นกรดของมหาสมุทรร่วมกันก่อให้เกิด “ความเสียหายอย่างยาวนาน” ต่อระบบนิเวศทางทะเลและเศรษฐกิจ พร้อมเตือนว่า “ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงต่อประเทศที่เป็นเกาะทั้งหมด” และเรากำลัง “หมดเวลาเป...