นฤมล ตั้ง 4 ข้าราชการการเมือง เสริมทีมบริหารด้านการศึกษา

Leo Migdal

-Nov 20, 2025, 9:59 PM

นฤมล ตั้ง 4 ข้าราชการการเมือง เสริมทีมบริหารด้านการศึกษา

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมืองจำนวน 4 ราย เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชาญวิทย์ มุนิกานนท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุธี พงษ์เพียร์ชอบ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ โดยเน้นการสำรวจทิศทางการบริหารนโยบาย การมีปฏิสัมพันธ์กับระบบราชการ และการให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการศึกษาในบริบทของการเมืองและสังคมไทยปัจจุบัน บทนำ การเปลี่ยนแปลงผู้นำในกระทรวงศึกษาธิการถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในทิศทางการพัฒนาการศึกษาไทยทุกยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้นำดังกล่าวมีบทบาททั้งในฐานะนักวิชาการ นักการเมือง และหัวหน้าพรรคการเมือง แนวทางการบริหารของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ สะท้อนวิธีคิดแบบมืออาชีพที่พยายามเชื่อมโยงนโยบายของรัฐเข้ากับการขับเคลื่อนเชิงโครงสร้างโดยไม่ละเลยข้าราชการประจำซึ่งเป็นกลไกหลักในระบบราชการไทย แนวคิดการบริหารแบบร่วมมือ ไม่ใช่สั่งการ แนวทางการบริหารของศ.ดร.นฤมล มีลักษณะ "Non-Directive Leadership" ที่ไม่เน้นการสั่งการจากบนลงล่าง แต่ให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องทางนโยบาย โดยกล่าวอย่างชัดเจนว่า “ไม่อยากให้ใช้คำว่ามอบนโยบาย แต่เรามาคุยกัน” สะท้อนแนวคิดแบบมีส่วนร่วม (Participatory Management) ที่มุ่งเน้นการฟังเสียงของผู้บริหารในระดับกรมและเขตพื้นที่ รวมถึงการเคารพกระบวนการที่มีอยู่เดิม ซึ่งสอดคล้องกับหลักการพัฒนานโยบายที่ยั่งยืนตามแนวคิด Policy Continuity ความเข้าใจในโครงสร้างระบบราชการ ศ.ดร.นฤมล แสดงความเข้าใจต่อบทบาทของข้าราชการประจำ โดยแยกแยะอย่างชัดเจนระหว่าง "การเมือง" และ "ระบบราชการ" พร้อมยืนยันว่า “ฝ่ายการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ข้าราชการคือข้ารับใช้ของแผ่นดิน” แนวทางนี้ลดความตึงเครียดในองค์กร เพิ่มขวัญกำลังใจ และเปิดทางให้ฝ่ายปฏิบัติมีพื้นที่ในการพัฒนาแนวทางของตน โดยไม่ต้องกังวลถึงการเมืองภายในที่เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง 5 กรกฎาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงแนวทางนโยบายที่ตั้งเป้าหมายจะดำเนินการต่อจากนี้ว่า ตนเคยเป็นอาจารย์มาก่อน ย่อมที่จะเข้าใจปัญหาด้านการศึกษาของประเทศไทยเป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด คือ บุคลากรทางการศึกษา ที่จะต้องมีความพร้อมมาเป็นอันดับแรก ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงมีหน้าที่สนับสนุนให้ครู อาจารย์ ในการอบรมพัฒนาศักยภาพให้เกิดความเข้มแข็ง รวมถึงเรื่องการลดภาระงาน ความเป็นอยู่ และสวัสดิการของครู จะต้องมีความเหมาะสม เพราะครูจะเป็นคนสร้างอนาคตให้เยาวชนของประเทศ ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ส่วนเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นความหวังของประเทศชาติ กระทรวงศึกษาฯก็ให้ความสำคัญเช่นเดียวกับครูผู้สอน และด้วยสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา เรื่องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือวิทยาศาสตร์ เป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องพัฒนาหลักสูตรให้สอดรับกับโลกยุคใหม่ เช่นเดียวกับการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ตนต้องการ ให้เกิดการปฏิบัติขึ้นจริง เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มการเรียนรู้จากประสบการณ์ และนำไปลงมือปฏิบัติในโลกแห่งความเป็นจริง แทนการนั่งท่องจำในห้องเรียนแบบเดิมๆ

“ปัจจัยทั้ง 2 อย่างจะต้องเดินหน้าพัฒนาไปควบคู่กัน การศึกษาไทยถึงจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน เรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องลงมือทำทันที ซึ่งอาจารย์เปิดรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ และจะร่วมกับผู้บริหารกระทรวงศึกษาฯ หาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ครู และพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่ออนาคตเยาวชนของประเทศไทย“ศ.ดร.นฤมล กล่าว “นฤมล” รมว.ศึกษาธิการ ควง “ลิณธิภรณ์ - เทวัญ” 2 รมช.ศธ. ร่วมสถาปนา สพฐ. ครบ 22 ปี เชื่อการศึกษาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก พร้อมจับมือลดภาระงานครูให้มีเวลาสอน-พัฒนาตนเอง รวมถึงเพิ่มสวัสดิการครูไทย วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ครบรอบ 22 ปี พร้อมด้วย นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาจาก สพฐ. ในส่วนกลาง และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เข้าร่วม ณ กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบออนไลน์

นางนฤมล กล่าวตอนหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ถือเป็นภารกิจหลักของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเป็นส่วนสำคัญช่วยส่งเสริม พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ให้มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีมีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจ มีสติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การศึกษาของไทยจำเป็นต้องก้าวต่อไป พร้อมเผชิญกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับระบบการศึกษาไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างคนไทยให้มีความรู้และมีคุณภาพจึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน ให้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างยั่งยืน เพราะการศึกษาถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ ตนเองถือว่าเป็นผลผลิตของ สพฐ. จบจากโรงเรียนในสังกัด สพฐ. เมื่อมีคนพูดถึงการศึกษาจึงไม่เชื่อ เพราะได้พิสูจน์ด้วยการเรียนของตนเอง ที่สามารถเรียนจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งในประเทศ และสอบชิงทุนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศด้วยคะแนนที่สูงกว่านักเรียนนานาชาติ จึงเชื่อเสมอว่า “การศึกษาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” “แต่หากถามถึงจุดที่ต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ก็ต้องยอมรับว่ายังมีอยู่ ตนขอฝากไปยังผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหาร สพฐ. ครู และบุคลากร ให้ช่วยกันคิดเพื่อพัฒนางานด้านการศึกษา อันดับแรก คือการลดภาระงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ครูในประเทศไทยกว่า 500,000 คน มีเวลาพัฒนางานของตนเองและมุ่งสอนลูกศิษย์ให้มากยิ่งขึ้น”

People Also Search

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

ร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ โดยเน้นการสำรวจทิศทางการบริหารนโยบาย การมีปฏิสัมพันธ์กับระบบราชการ และการให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการศึกษาในบริบทของการเมืองและสังคมไทยปัจจุบัน บทนำ

“ปัจจัยทั้ง 2 อย่างจะต้องเดินหน้าพัฒนาไปควบคู่กัน การศึกษาไทยถึงจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน เรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องลงมือทำทันที ซึ่งอาจารย์เปิดรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ และจะร่วมกับผู้บริหารกระทรวงศึกษาฯ หาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ครู และพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่ออนาคตเยาวชนของประเทศไทย“ศ.ดร.นฤมล

นางนฤมล กล่าวตอนหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ถือเป็นภารกิจหลักของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเป็นส่วนสำคัญช่วยส่งเสริม พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ให้มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีมีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจ มีสติปัญญา