ภาวะโลกเดือด ผลกระทบที่ต้องเผชิญ ศูนย์องค์ความรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติ

Leo Migdal
-
ภาวะโลกเดือด ผลกระทบที่ต้องเผชิญ ศูนย์องค์ความรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติ

ค้นหาข่าวสาร สุนทรพจน์ สื่อประชาสัมพันธ์ รวมถึงกำหนดการกิจกรรมต่าง ๆ ล่าสุดของ ธปท. สุนทรพจน์ของผู้ว่าการ รองผู้ว่าการ และผู้บริหารใน ธปท. งานและกิจกรรมที่ ธปท. จัดขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง วันหยุดตามประเพณีของสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ค้นหาสื่อประชาสัมพันธ์ อินโฟกราฟฟิกให้ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของ ธปท.

วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงหัวข้อถกเถียงในเวทีประชุมระดับโลกอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นภัยคุกคามชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วทุกมุมโลก หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ยืนยันว่าแนวโน้มอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้น พร้อมความถี่และความรุนแรงของปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความร้อน ภาวะแห้งแล้งที่ยาวนาน หรือความไม่แน่นอนของปริมาณน้ำฝน สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นทวีปที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก และประชากรในพื้่นที่ที่พึ่งพาภาคเกษตรกรรมถือเป็นกลุ่มเปราะบางต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะแหล่งผลิตอาการสำคัญของโลก เปรียบเสมือน “อู่ข้าวอู่น้ำ” ของโลก กำลังเผชิญสถานการณ์ที่น่ากังวล เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด แบบจำลองสภาพภูมิอากาศคาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นสูงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับความไม่แน่นอนของรูปแบบมรสุม สำหรับประเทศไทย คาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้น 0.95 ถึง 3.23 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้ ภัยคุกคามดังกล่าวกำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเกษตรที่เน้นการผลิตข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของประชากร ข้อมูลจากวารสาร Sciencific Reports เรื่อง Case study on climate change effects and food security in Southest Asia คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 ผลผลิตข้าวในประเทศไทยอาจลดลงถึงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยหากใช้ข้อมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจในอดีตเป็นกรอบการประเมินพบว่าผลผลิตข้าวในปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 20... ขณะที่ข้อมูลจากการศึกษา Impact of climate change on agricultural production; Issues, challenges, and opportunities in Asia ในวารสาร Frontiers in Plant Science ชี้ให้เห็นว่า ประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้อย่างอินเดียและปากีสถาน กำลังเผชิญกับการลดลงของผลผลิตเกษตรกรรมในระดับที่ใกล้เคียงกัน ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนแนวโน้มดังกล่าวมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ควบคู่กับความไม่แน่นอนของปริมาณน้ำฝน และความเสี่ยงจากภัยแล้งและอุทกภัยที่ทวีความรุนแรงและเกิดถี่ขึ้น อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาพอนาคตที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ยังปรากฎแสงแห่งความหวังจากพื้นที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย นั่นคือ ชุมชนหนองไม้แก่น อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้รับผลกระทบที่รอคอยความช่วยเหลือ แต่เป็นผู้แสดงบทบาทนำในการพยายามลุกขึ้นต่อสู้กับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยสองมือและภูมิปัญญาของชุมชน ท่ามกลางความล้มเหลวของนโยบายจากบนลงล่าง (Top-down policy) ทางรอดที่ยั่งยืนที่สุดอาจเกิดขึ้นจากฐานราก โดยอาศัยพลังจากชุมชนเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและยืดหยุ่นสำหรับรุ่นต่อไป FDI ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาภายในโครงการ JUMP+...

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change)... หลังจากเผชิญ ภาวะโลกร้อน (Global Warming) มานานเกือบ 30 ปี องค์การสหประชาชาติ (UN) ประกาศว่าโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุค "โลกเดือด" (Global Boiling) ซึ่งก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติถี่ขึ้นและรุนแรงกว่าเดิม และเพื่อรับมือกับวิกฤตนี้ จึงเกิด อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change; UNFCCC) ขึ้นในปี 2535 และนำไปสู่การประชุม COP (Conference of the Parties) ครั้งแรกในปี... COP เป็นเวทีสำคัญในการกำหนดแนวทางรับมือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ทั้งในระดับโลก ประเทศ และองค์กร พร้อมกระตุ้นการดำเนินงานเชิงรุกด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นตลอดการประชุมที่ผ่านมา COP21 ปี 2558 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส COP26 ปี 2564 ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ COP27 ปี 2565 ณ เมืองชาร์มเอลชีค ประเทศอียิปต์

วิกฤติสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังเผชิญร่วมกันในยุค “โลกเดือด” อย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนในปัจจุบัน คือ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในพื้นที่เกาะกระดาด เกาะผี และเกาะหมาก จังหวัดตราด เป็นต้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากอุณหภูมิของน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ข้อมูลรายงาน Living Planet Report 2022 จาก WWF ระบุว่า ในช่วง ค.ศ. 1970 – 2018 สัตว์ป่ามีจำนวนประชากรลดลงร้อยละ 69 เนื่องมาจากปัจจัยคุกคาม เช่น การสูญเสียพื้นที่ธรรมชาติในการอยู่อาศัย การบุกรุกพื้นที่ป่า การล่าสัตว์อย่างผิดกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้เกิดภัยแล้ง น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ เป็นต้น ขณะเดียวกันเมื่อจำนวนประชากรของสัตว์ป่าลดลง ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เพราะพืชบางชนิดต้องอาศัยสัตว์ป่าในการเป็นผู้ช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์ หากไม่สามารถกระจายเมล็ดพันธุ์ได้ทั่วผืนป่าดังเดิม จะส่งผลให้ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และพื้นที่ธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญลดลง ซึ่งการสูญเสียสิ่งเหล่านี้จะยิ่งเร่งให้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทวีคูณมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น นานาประเทศจึงได้กำหนดกรอบการดำเนินการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ ปี ค.ศ. 2050 มีชีวิตอยู่อย่างกลมกลืนกับรรมชาติ (Living in Harmony with Nature) โดยในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 (The Fifteenth Meeting of the Conference of the Parties to the Convention on Biological Diversity : CBD COP 15) เมื่อปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาภาคีอนุสัญญาฯ ได้รับรองกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก (Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework : GBF) เพื่อจัดการกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับความหลากหลายทางชีวภาพของโลก ประกอบด้วย 4 เป้าประสงค์หลัก 23 เป้าหมาย นำไปสู่การบรรลุพันธกิจ ปี ค.ศ. 2030 หนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญ คือ เป้าหมายที่ 3 การเพิ่มพื้นที่คุ้มครองในพื้นที่บนบก แหล่งน้ำจืด และพื้นที่ทะเลและชายฝั่ง อย่างน้อยร้อยละ 30 ผ่านระบบ “พื้นที่คุ้มครอง (Protected Area : PA)” และ “พื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกพื้นที่คุ้มครอง (Other effective area-based conversation measures : OECMs)” โดยเห็นว่า การปกป้องดูแล โดยใช้กลไกทางกฎหมายเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอหรือไม่ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมด้วย ในขณะที่การดูแลรักษา คงมิใช่เพียงการปลูกป่า รักษาต้นน้ำ เท่านั้น หากแต่ต้องคำนึงวิถีชีวิตของชุมชน...

“พื้นที่คุ้มครอง” ต่างจาก “พื้นที่ OECMs” อย่างไร พื้นที่คุ้มครอง (Protected area) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการอนุรักษ์และเป็นพื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครอง กำกับดูแลด้วยกฎหมายของประเทศ ในขณะที่ พื้นที่ OECMs เป็นพื้นที่นอกเขตพื้นที่คุ้มครอง ซึ่งมีการบริหารจัดการ เพื่อบรรลุเป้าหมายการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในถิ่นที่อยู่อาศัย บทบาทหน้าที่และบริการที่ได้รับจากระบบนิเวศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้กับภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาครัฐเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม พื้นที่ OECMs ไม่จำเป็นต้องมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการอนุรักษ์เท่านั้น อาจอยู่ในวัตถุประสงค์รองของการจัดการ เช่น ป่าชุมชน สวนสาธารณะ หรือพื้นที่สีเขียวในเมือง เป็นต้น หรือผลของการดำเนินงานสร้างประโยชน์ทางอ้อมต่อความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น พื้นที่กันชนรอบโรงงานอุตสาหกรรม พื้นที่เขตปลอดภัยแท่นปิโตรเลียมในทะเล เขตปลอดภัยทางทหาร หรือ พื้นที่สำคัญทางศาสนา/ความเชื่อ เป็นต้น... การส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่การจัดการที่เชื่อมโยงกับบริบทโลกเดือด เป็นโอกาสในการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มากไปกว่านั้น ยังเป็นโอกาสในมิติด้านเศรษฐกิจและมิติด้านสังคม เช่น โอกาสในการขยายความร่วมมือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพิ่มบทบาทและการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ส่งเสริมคุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจจากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน เป็นต้น โลกกำลังเดือดสั่นคลอนสิทธิในการมีชีวิตและการอยู่รอดของพวกเรา องค์การอนามัยโลกเตือนว่าในระหว่างปี 2030 ถึง 2050 วิกฤตสภาพภูมิอากาศอาจคร่าชีวิตผู้คนกว่า 250,000 รายต่อปี ผ่านโรคระบาด การขาดแคลนอาหาร และความร้อนที่รุนแรงเกินทน ขณะที่เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ตั้งแต่คลื่นความร้อน ภัยแล้ง ไปจนถึงโรคอุบัติใหม่ กำลังเร่งให้วิถีชีวิตนับล้านถูกทำลาย นอกจากนี้ ผลกระทบยังลุกลามไปถึงการพลัดถิ่น ความขัดแย้งจากการแย่งชิงทรัพยากร บ่อนทำลายความมั่นคงของชุมชน กรอบสิทธิมนุษยชนจึงต้องเป็นหัวใจของการแก้ปัญหา หากบรรดาผู้ก่อมลพิษยักษ์ใหญ่ของโลก (Carbon Majors) ไม่เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง ภัยคุกคามต่อสิทธิมนุษยชนของเราก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศหมายถึงการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนท่ามกลางวิกฤตที่กำลังปะทุ ผู้คนกำลังลุกขึ้นทวงคืนอำนาจของตนเองผ่านกรอบความยุติธรรมด้านสภาพอากาศ กลายเป็นผู้มีส่วนร่วมโดยตรงในมาตรการแก้ไขวิกฤต และกลุ่มเปราะบางควรเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลักจากการดำเนินการทั้งหมด รวมถึงมีสิทธิที่จะเข้าถึงกลไกการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม สิทธิในการมีอาหาร: กำลังถูกท้าทายท่ามกลางวิกฤตโลกเดือด สิทธิในการมีอาหารอย่างเพียงพอ (Right to Adequate Food) ซึ่งได้รับการรับรองตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กำลังถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรงจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิที่สูงขึ้นและปริมาณฝนที่เปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตอาหารหลักอย่างข้าว ข้าวสาลี และข้าวโพด ขณะเดียวกัน ความร้อนของมหาสมุทรบังคับให้ฝูงปลาจำนวนมากอพยพไปยังน่านน้ำที่เย็นและลึกกว่า ทำให้ผลผลิตประมงลดลงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์นี้ไม่เพียงกระทบต่อเกษตรกรหรือชุมชนท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่วิกฤตความมั่นคงทางอาหารในระดับโลก และทำให้สิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษยชาติในการเข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอถูกคุกคามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

สิทธิของชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์ในบริบทวิกฤตสภาพภูมิอากาศ องค์ความรู้และภูมิปัญญาของชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์ คือพลังสำคัญของการปกป้องระบบนิเวศโลก เพราะวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติและความรู้ที่สั่งสมมานานทำให้พวกเขากลายเป็นผู้พิทักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ข้อตกลงอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพจึงเน้นย้ำว่าการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติต้องเคารพภูมิปัญญา นวัตกรรม ประเพณีปฏิบัติ และเทคโนโลยีของชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์และชุมชนท้องถิ่นอย่างเท่าเทียม แม้ชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์จะเป็นเพียงร้อยละ 5 ของประชากรโลก แต่กลับปกป้องผืนป่าและต้นน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของโลก การสนับสนุนและยกย่องบทบาทนี้ไม่เพียงช่วยชะลอวิกฤตสภาพภูมิอากาศและสิทธิมนุษยชน แต่ยังช่วยขยายพื้นที่ป่า เสริมความหลากหลายทางชีวภาพ และสร้างเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลเพื่อปกป้องสัตว์และทรัพยากรในมหาสมุทร สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีสุขภาวะ (The right to a clean and healthy environment) ได้รับการรับรองทั้งในรัฐธรรมนูญ กฎหมายของหลายประเทศ และในระดับโลก แต่กำลังถูกคุกคามโดยกิจกรรมที่ก่อให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เช่น การสกัดเชื้อเพลิงฟอสซิลและการขยายโครงสร้างพื้นฐานที่เร่งการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หากผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และไม่เปิดทางให้ชุมชนท้องถิ่นและชนเผ่าพื้นเมืองชาติพันธุ์ปกป้องผืนป่าและผืนดินซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนตามธรรมชาติ วิกฤตนี้จะยิ่งทวีความรุนแรง ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น และกระทบต่อประชากรโลกจำนวนมหาศาลในอนาคตอันใกล้

People Also Search

ค้นหาข่าวสาร สุนทรพจน์ สื่อประชาสัมพันธ์ รวมถึงกำหนดการกิจกรรมต่าง ๆ ล่าสุดของ ธปท. สุนทรพจน์ของผู้ว่าการ รองผู้ว่าการ และผู้บริหารใน

ค้นหาข่าวสาร สุนทรพจน์ สื่อประชาสัมพันธ์ รวมถึงกำหนดการกิจกรรมต่าง ๆ ล่าสุดของ ธปท. สุนทรพจน์ของผู้ว่าการ รองผู้ว่าการ และผู้บริหารใน ธปท. งานและกิจกรรมที่ ธปท. จัดขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง วันหยุดตามประเพณีของสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ค้นหาสื่อประชาสัมพันธ์ อินโฟกราฟฟิกให้ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของ ธปท.

วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงหัวข้อถกเถียงในเวทีประชุมระดับโลกอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นภัยคุกคามชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วทุกมุมโลก หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ยืนยันว่าแนวโน้มอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้น พร้อมความถี่และความรุนแรงของปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความร้อน ภาวะแห้งแล้งที่ยาวนาน หรือความไม่แน่นอนของปริมาณน้ำฝน สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง

วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงหัวข้อถกเถียงในเวทีประชุมระดับโลกอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นภัยคุกคามชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วทุกมุมโลก หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ยืนยันว่าแนวโน้มอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้น พร้อมความถี่และความรุนแรงของปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความร้อน ภาวะแห้งแล้งที่ยาวนาน หรือควา...

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate Change)... หลังจากเผชิญ ภาวะโลกร้อน (Global Warming) มานานเกือบ 30 ปี

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change)... หลังจากเผชิญ ภาวะโลกร้อน (Global Warming) มานานเกือบ 30 ปี องค์การสหประชาชาติ (UN) ประกาศว่าโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุค "โลกเดือด" (Global Boiling) ซึ่งก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติถี่ขึ้นและรุนแรงกว่าเดิม และเพื่อรับมือกับวิกฤตนี้ จึงเกิด อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change; UNFC...

วิกฤติสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังเผชิญร่วมกันในยุค “โลกเดือด” อย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนในปัจจุบัน คือ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในพื้นที่เกาะกระดาด เกาะผี และเกาะหมาก จังหวัดตราด

วิกฤติสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังเผชิญร่วมกันในยุค “โลกเดือด” อย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนในปัจจุบัน คือ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในพื้นที่เกาะกระดาด เกาะผี และเกาะหมาก จังหวัดตราด เป็นต้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากอุณหภูมิของน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ข้อมูลรายงาน Living Planet Report 2022 จาก WWF ระบุว่า ในช่วง ค.ศ. 1970...

“พื้นที่คุ้มครอง” ต่างจาก “พื้นที่ OECMs” อย่างไร พื้นที่คุ้มครอง (Protected Area) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการอนุรักษ์และเป็นพื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครอง กำกับดูแลด้วยกฎหมายของประเทศ

“พื้นที่คุ้มครอง” ต่างจาก “พื้นที่ OECMs” อย่างไร พื้นที่คุ้มครอง (Protected area) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการอนุรักษ์และเป็นพื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครอง กำกับดูแลด้วยกฎหมายของประเทศ ในขณะที่ พื้นที่ OECMs เป็นพื้นที่นอกเขตพื้นที่คุ้มครอง ซึ่งมีการบริหารจัดการ เพื่อบรรลุเป้าหมายการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในถิ่นที่อยู่อาศัย บทบาทหน้าที่และบริการที่ได้รับจากระบบนิเวศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให...