วิกฤตภูมิอากาศ คือ วิกฤตมหาสมุทรโลก กรีนพีซเรียกร้องให้ผู้นําโลกแก้ไข

Leo Migdal
-
วิกฤตภูมิอากาศ คือ วิกฤตมหาสมุทรโลก กรีนพีซเรียกร้องให้ผู้นําโลกแก้ไข

มาดริด, 4 ธันวาคม 2562 – ผลกระทบของวิกฤตการณ์สภาพภูมิอากาศต่อมหาสมุทรนั้น มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับความหลากหลายทางชีวภาพและการดำรงอยู่ของมนุษยชาติอย่างลึกซึ้ง ซึ่งต้องการการตอบสนองทางการเมืองทั่วโลกอย่างเร่งด่วนในอีก 12 เดือนข้างหน้า รายงานล่าสุดของกรีนพีซสากล ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุณหภูมิสูง: วิกฤตสภาพภูมิอากาศและความเร่งด่วนเพื่อปกป้องมหาสมุทร ระบุชัดเจนว่า การที่อุณหภูมิน้ำทะเลผิดปกตินั้นเกิดจากการเร่งนำเชื้อเพลิงฟอสซิลมาใช้อย่างรวดเร็วและมากเกินไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงสร้างระบบนิเวศ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือ น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น เพิ่มระดับสูงขึ้น น้ำทะเลเป็นกรด และออกซิเจนในน้ำทะเลลดลง ปาร์ค แทฮยอน ที่ปรึกษาด้านภูมิอากาศโลก ประจำกรีนพีซ เอเชียตะวันออก กล่าวว่า “อุณหภูมิน้ำทะเลและระดับน้ำที่กำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของน้ำที่เปลี่ยนไป สะท้อนถึงความเชื่อมโยงของวิกฤตสภาพภูมิอากาศและวิกฤตมหาสมุทรต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรไม่ใช่สิ่งอยู่ไกลตัวจากเราแม้แต่น้อย มหาสมุทรคือความมั่นคงทางอาหาร และแหล่งรายได้ที่สำคัญของผู้คนหลายสิบหลายล้านคนทั่วโลก ออกซิเจนที่เราทุกคนหายใจอยู่ก็มาจากมหาสมุทร” รายงานฉบับดังกล่าว ยังเรียกร้องให้เกิดแผนความร่วมมือในระดับรัฐบาล เพื่อหาหนทางที่อาจเป็น “โอกาสเดียวที่เหลืออยู่” เพื่อจัดการกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ผิดปกติ การล่มสลายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และวิธีการปกป้องมหาสมุทรในระดับโลก รายงานยังย้ำเตือนให้รัฐบาลทุกประเทศเห็นถึงความเร่งด่วนของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ณ ที่ประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศ (Climate Summits) ที่จัดขึ้นที่ประเทศสเปน และสหราชอาณาจักร และให้การรับรองสนธิสัญญาทะเลหลวง (Global Ocean Treaty) ณ ที่ประชุมขององค์การสหประชาชาติก่อนสิ้นสุดปี 2563 รวมไปถึงให้คำมั่นว่าจะปกป้อง 30% ของพื้นที่ในมหาสมุทร ภายในปี 2573 เพื่อประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล (Oceans Santuaries) ในการประชุมสุดยอดความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ประเทศจีนในเดือนตุลาคม ปีหน้า หากเราสามารถปกป้องพื้นที่ในมหาสมุทรได้ แม้จะเพียงแค่ 30% ก็สามารถช่วยเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นตัว (resilience) ของมหาสมุทรและทนต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการปกป้องแหล่งกักเก็บคาร์บอนในมหาสมุทร ข้อมูลจากรายงานยังย้ำอีกว่า ระบบนิเวศใต้ท้องทะเลคือแนวหน้าที่สำคัญที่จะช่วยรับมือกับผลกระทบด้านสภาพอากาศ และแนะนำพื้นที่ซึ่งควรได้รับการปกป้องอย่างเร่งด่วน ได้แก่ บริเวณมหาสมุทรอาร์กติกและมหาสมุทรแอตแลนติก บริเวณชมวาฬ เขตแนวประการัง ป่าชายเลน แหล่งหญ้าทะเล ทะเลซาร์กัสโซ เขตเมโซเพลาจิก (mesopelagic Zone) และเขตทะเลลึก ซึ่งจากข้อมูลระบุชัดว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีการทำอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในทะเลอย่างเด็ดขาด ปาร์ค แทฮยอน กล่าวว่า “วิทยาศาสตร์คือข้อเท็จจริง ที่มีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจน ทั้งนี้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ควรเร่งลดการใช้พลังงานฟอสซิล ขณะเดียวกันก็ควรทุ่มเทการสร้างเครือข่ายเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลอย่างจริงจัง ยิ่งเราสามารถลดกิจกรรมจากมนุษย์ที่รบกวนมหาสมุทรได้มากเท่าไร มหาสมุทรก็มีโอกาสฟื้นตัวได้ไวขึ้น และช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ทันท่วงทีมากขึ้น” นอกจากนี้ ที่ปรึกษาของกรีนพีซยังย้ำว่า “ปี 2563 เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะรัฐบาลแต่ละประเทศจะมีโอกาสแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก ด้วยการลงนามในสนธิสัญญามหาสมุทร ที่การประชุมสหประชาชาติ และที่การประชุมสุดยอดความหลากหลายทางชีวภาพที่ประเทศจีน ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องร่วมกันปกป้องมหาสมุทรของเรา” นักกิจกรรมกรีนพีซ ประเทศไทยทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ส่งข้อความถึงบรรดาผู้นำประเทศที่กำลังจะเดินทางมาประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย - แปซิฟิก หรือ เอเปค 2565 ในสัปดาห์หน้า ชูป้ายผ้าที่มีข้อความ “เอเปก ต้องหยุดฟอกเขียว” และ “ผู้ก่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศต้องชดใช้ความสูญเสียและความเสียหาย” ในบริเวณบึงน้ำสวนเบญจกิติ ใกล้กับสถานที่จัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 27” หรือ COP 27 ที่สาธารณรัฐอียิปต์

11 พ.ย. 2565 กรีนพีซ ประเทศไทย นักกิจกรรมกรีนพีซ ประเทศไทยทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ส่งข้อความถึงบรรดาผู้นำเอเปค เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยืนหยัดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ และผลักดันให้เกิดการจัดตั้งกองทุนว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหายสำหรับกลุ่มประเทศและชุมชนที่เสี่ยงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2565 ในวันที่ 16-18 พฤศจิกายน ซึ่งมีโมเดลเศรษฐกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว: Bio-Circular-Green Economy) เป็นวาระการประชุมหลักของการประชุมที่มีจุดประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาวิฤตสภาพภูมิอากาศ และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 จะมีการเผยแพร่คำประกาศกรุงเทพมหานครว่าด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG (the Bangkok Goal Declaration on BCG) อย่างเป็นทางการ ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า “รัฐบาลระบุว่า ‘BCG นำเสนอแนวทางต่าง ๆ เพื่อต่อกรกับวิฤตสภาพภูมิอากาศ’ แต่เราเห็นข้อบกพร่องและช่องโหว่ในโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของประเทศไทย ซึ่งใช้สิ่งแวดล้อมเป็นกลลวงในการฟอกเขียว โมเดลเศรษฐกิจ BCG ละเลยที่จะไม่กล่าวถึงภาระความรับผิดชอบของอุตสาหกรรมเชื้อเฟลิงฟอสซิลและผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แล้วเราจะเรียกร้องการชดใช้ความสูญเสียและความเสียหาย(Loss and Damage)ที่มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนได้อย่างไร? และแทนที่จะเอื้อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เป็นธรรม และยั่งยืนเต็มร้อย โมเดลเศรษฐกิจ BCG กลับสนับสนุนแนวทางแก้ปัญหาที่ผิดพลาด เช่น การผลิตไฟฟ้าจากขยะ(โรงไฟฟ้าขยะ) เป็นต้น และออกระเบียบหรือแก้ไขกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดสรรคาร์บอนเครดิตแก่เอกชนผู้ลงทุนปลูกป่าในพื้นที่ของรัฐ ซึ่งหากยังดำเนินการต่อไปจะนำไปสู่การบังคับขับไล่ชุมชนออกจากที่ดินทำกิน ทำให้ชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นที่ดำรงชีพด้วยการพึ่งพาผืนดินและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นอาชญากรทางสิ่งแวดล้อม” หลังจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในเดือนมกราคม 2564 ให้เป็นวาระแห่งชาติ อาจกล่าวได้ว่า BCG คือกลไกประสานสารพัดนโยบายและยุทธศาสตร์ต่างๆ ของรัฐบาลประยุทธ์หลังการระบาดใหญ่ของ โควิด-19 และเป็นเครื่องจักรหลักขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง กรีนพีซยังชี้ให้เห็นถึงคณะกรรมการบริหารและขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG ประกอบด้วยชนชั้นนำและกลุ่มอภิมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมือง(oligarch) ที่ดำเนินธุรกิจที่ห่างไกลจากคำว่ายั่งยืน และมักทำการฟอกเขียวเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ตนก่อขึ้น

วิกฤตสภาพภูมิอากาศ หมายถึงภาวะโลกร้อนและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คำนี้ใช้เพื่ออธิบายภัยคุกคามจากภาวะโลกร้อนที่มีต่อโลก และเพื่อกระตุ้นการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเชิงรุก [2][4][3][5] ตัวอย่างเช่นในวารสารวิชาการ 2019 warning on climate change and 2021 update ซึ่งได้รับการรับรองโดยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนทั่วโลก ระบุว่า "วิกฤติสภาพภูมิอากาศมาถึงแล้ว" และ "ความพยายามที่จะอนุรักษ์ชีวมณฑล มีความจำเป็นมากเพื่อหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานอันเลวร้าย อันเนื่องมาจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ"[6][7] การศึกษาพบว่าคำนี้ช่วยกระตุ้นการตอบสนองทางอารมณ์ที่มากขึ้นในการสื่อถึงความรู้สึกเร่งด่วน เร่งรีบ [8] แต่การใช้คำนี้อาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกให้แก่ผู้ฟังได้[9] และอาจทำให้เกิดผลเสียตามมาอันเนื่องมาจากการรับรู้และการพูดที่เกินจริงของผู้ตื่นตระหนก [10][11] ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปิแอร์ มูเคอิบีร์ ศาสตราจารย์ด้านวอเตอร์ฟิวเจอร์สแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์กล่าวว่า คำว่า วิกฤต คือ "จุดหรือสถานการณ์ที่สำคัญซึ่งอาจชี้ขาดจุดเปลี่ยนที่อาจนำไปสู่ จุดพลิกผันในระบบภูมิอากาศ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"[5] คำจำกัดความในพจนานุกรมระบุว่า "วิกฤต" ในบริบทนี้หมายถึง "จุดเปลี่ยนหรือสภาวะของความไม่มั่นคงและอันตราย" และบอกเป็นนัยว่า "จำเป็นต้องดำเนินการในตอนนี้ มิฉะนั้น ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ" [12]อีกคำจำกัดความหนึ่งทำให้คำศัพท์แตกต่างจากคำว่า "ภาวะโลกร้อน" และ "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" เป็นคำจำกัดความว่า "วิกฤตสภาพภูมิอากาศเป็นผลกระทบด้านลบต่าง ๆ ที่รับผลกระทบทำให้เกิดภัยคุกคามต่อโลกของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งเหล่านี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อมนุษยชาติ"[11] ถึงเวลาแล้วที่เหล่าผู้นำทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันผลักดันให้เกิดสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง และเสียงของคุณมีความหมาย ร่วมลงชื่อสนับสนุนเพื่อให้สนธิสัญญาพลาสติกโลกเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการ หยุดวิกฤตมลพิษพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง! ลงชื่อสนับสนุนการสร้าง “ทะเลชุมชน” หรือพื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่ชุมชนเป็นผู้นำ (Community-led marine protected areas) และปกป้องสิทธิของชุมชนชายฝั่งที่กำลังได้รับผลกระทบจากทั้งวิกฤตสภาพภูมิอากาศ มลพิษจากอุตสาหกรรม และประมงทำลายล้าง

ท้องถิ่นภาคเหนือรวมตัว ชวนคิดข้อเสนอนโยบายในงาน People’s Policy Hub อดบ่ไหว แก้ไขสักกำเต๊อะ : คนเหนือชวนคิดนโยบายแก้ฝุ่นพิษ PM2.5 ภายใต้ความถูกและเร็ว ของอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่น คือห่วงโซ่ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ผู้บริโภคต้อง ‘รับ’ โดยไม่รู้ตัว2-7 ธันวาคม 2568📍หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร(BACC) เราทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและเป็นธรรมในประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโลก เรียกร้อง ปตท.สผ. “ยุติทันที โครงการดักจับและเก็บกักคาร์บอนใต้ทะเล CCS” ชี้เป็นการฟอกเขียว-ไม่แก้โลกร้อน-จะซ้ำเติมวิกฤตด้วยจะอนุญาตให้บริษัทปล่อยคาร์บอนต่อ” พร้อมเรียกร้องรัฐ “ต้องทำให้อุตสาหกรรมฟอสซิลรับผิดชอบต่อวิกฤตโลกเดือด-ปฏิรูปนโยบายสภาพภูมิอากาศ”

“ตอนนี้เราอยู่ที่แท่นขุดเจาะก๊าซฟอสซิลแหล่งอาทิตย์ซึ่งเป็นแท่นขุดเจาะของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ที่อยู่กลางอ่าวไทย ห่างจากชายฝั่งราว 350 กม. ที่นี่กำลังจะถูกใช้เป็นที่ติดตั้งโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอนนอกชายฝั่ง (offshore CCS) ที่เขาอ้างว่าสามารถจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้แต่ความเป็นจริงแล้ว โครงการลวงโลกนี้นอกจากจะไม่ลดการปล่อยแล้วยังเป็นการเพิ่มผลผลิตของการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซอีกด้วยซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัททำกำไรพร้อมทำลายโลกไปพร้อมกันได้ แผนการดักจับและกักเก็บคาร์บอนซึ่งจะเกิดขึ้นที่แหล่งก๊าซอาทิตย์นี้ไม่อาจนำพาเราไปสู่อนาคตคาร์บอนต่ำได้เลย แผนการดังกล่าวเป็นเพียงใบอนุญาตเบิกทางให้บริษัทผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่อย่าง ปตท. สผ. เดินหน้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำลายสภาพภูมิอากาศของเราในขณะที่สร้างผลกำไรมหาศาลต่อไป ขณะที่ปี 2568 กำลังจะกลายเป็นอีกปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ เหล่ารัฐบาลจากประเทศต่าง ๆ กำลังเตรียมตัวเพื่อมาประชุมในเวที UN Climate Conference หรือ COP30 ณ กรุงเบเลม ประเทศบราซิล ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญที่ชี้ขาดว่าเหล่าผู้นำโลกจะมุ่งมั่นพอที่จะชะลอไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสหรือไม่ การประชุมครั้งนี้ยังเกิดขึ้นที่ใจกลางแอมะซอน ดังนั้น การประชุม COP ครั้งนี้จึงมีความหมายทั้งในเชิงสัญลักษณ์และในด้านเจตจำนงทางการเมืองอย่างยิ่ง เพราะผืนป่าแอมะซอนไม่ได้เป็นเพียงแค่เป็นป่าฝนเขตร้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในตัวควบคุมสภาพภูมิอากาศที่สำคัญที่สุดอีกด้วย

การปกป้องผืนป่าฝนเขตร้อนมีความสำคัญต่อการชะลอวิกฤตโลกเดือดและยังเป็นบ้านของหลายสิ่งมีชีวิตบนโลก ในการประชุม COP30 ครั้งนี้ กรีนพีซเรียกร้องให้เหล่าผู้นำแต่ละประเทศเปลี่ยนคำมั่นสัญญาเป็นการลงมือปฏิบัติจริง ผ่านวาระด้านป่าไม้และสภาพภูมิอากาศที่มีความทะเยอทะยานมากพอ ซึ่งจะต้องสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนและเป็นประโยชน์ต่อโลกของเรา และนี่คือข้อเรียกร้องของกรีนพีซ ต่อการประชุม COP30 เป็นสิ่งที่เรากำลังลุกขึ้นสู้ ทั้งในเบเลงและทั่วโลก ผืนป่าแอมะซอนและระบบนิเวศแห่งอื่น ๆ กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนที่อาจทำให้สภาพภูมิอากาศไม่อาจย้อนกลับสู่จุดเดิมได้ กรีนพีซเรียกร้องให้โลกมีแผนปกป้องผืนป่าที่สามารถยุติการทำลายป่าไม้และระบบนิเวศภายในปี 2573 รัฐบาลแต่ละประเทศต้องให้คำมั่นสัญญาว่าการทำลายผืนป่าจะไม่เกิดขึ้นอีก ระบบนิเวศจะต้องไม่ถูกทำลาย และต้องมีแผนการปกป้องพื้นที่ของชนเผ่าพื้นเมืองอย่างเต็มรูปแบบ อุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่ การทำเหมือง และการตัดไม้เชิงพาณิชย์ยังคงทำลายป่าในอัตราที่น่าตกใจ บริษัทหลายแห่ง เช่น บริษัทผลิตเนื้อสัตว์ยักษ์ใหญ่ JBS ต้องถูกตรวจสอบ และรับผิดรับชอบต่อการสูญเสียป่าที่เชื่อมโยงตลอดห่วงโซ่อุปทานของบริษัทส่วนสถาบันการเงินที่ให้ทุนสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็ต้องอยู่ภายใต้มตราการทางกฎหมายที่จำเป็น เพื่อยับยั้งการลงทุนที่ทำลายระบบนิเวศ การปกป้องและฟื้นฟูผืนป่าเป็นหนึ่งในหนทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดและยังเป็นหนทางที่ทำให้เราสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและเป็นเกราะพิทักษ์วิถีชีวิตของชนเผ่าพื้นเมือง อนาคตของโลกขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ ในปี 2566 ที่ผ่านมาโลกของเรายังคงเผชิญกับหายนะทางสิ่งแวดล้อมหลายประเด็น ทั้งวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ทำให้โลกตระหนักถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น สถานการณ์สิทธิชุมชนชายฝั่งที่ถูกละเมิดรวมทั้งการคุกคามทรัพยากรในมหาสมุทรโลก ความรุนแรงของมลพิษทางอากาศที่เลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งความพยายามในการแก้วิกฤตต่าง ๆ ผ่านการประชุมด้านสภาพภูมิอากาศอย่าง COP28 ท่ามกลางความพยายามในการฟอกเขียวของผู้ก่อมลพิษหลักอย่างกลุ่มอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมทั้งยังมีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหามลพิษพลาสติกอย่างการประชุมด้านสนธิสัญญาพลาสติกโลก นี่คือประเด็นสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมที่กรีนพีซอยากชวนทุกคนมาทบทวนในต้นปี 2567 เพื่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ตรงจุดมากกว่าเดิม

ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ถูกบันทึกให้มีอุณหภูมิร้อนที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติมา แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ปีนี้เป็นปีของปรากฎการณ์เอลนีโญ (El Niño–Southern Oscillation, or ENSO) ที่เป็นช่วงเวลาที่ระบบภูมิอากาศโลก มีสภาพอากาศร้อนและแปรปรวน แต่นอกจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้อากาศร้อน วิกฤตสภาพภูมิอากาศยังทำให้อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นและเปลี่ยนสี ในช่วงฤดูร้อน อากาศจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ และในหลายพื้นที่ของโลกมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นถึง 45 องศาเซลเซียส และสภาพอากาศที่แห้งมากขึ้น เป็นสาเหตุทำให้เกิดไฟป่าในประเทศต่าง ๆ เช่น แคนาดา ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้สภาพอากาศร้อนและมีความชื้นมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีฝนตกหนักขึ้น ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม ส่งผลกระทบต่อผู้คนในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึง ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา และบราซิล นอกจากนี้ เราทุกคนได้เห็นหายนะจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ปากีสถานเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้พื้นที่ 1 ใน 3 ของประเทศจมอยู่ใต้น้ำ

People Also Search

มาดริด, 4 ธันวาคม 2562 – ผลกระทบของวิกฤตการณ์สภาพภูมิอากาศต่อมหาสมุทรนั้น มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับความหลากหลายทางชีวภาพและการดำรงอยู่ของมนุษยชาติอย่างลึกซึ้ง ซึ่งต้องการการตอบสนองทางการเมืองทั่วโลกอย่างเร่งด่วนในอีก 12 เดือนข้างหน้า

มาดริด, 4 ธันวาคม 2562 – ผลกระทบของวิกฤตการณ์สภาพภูมิอากาศต่อมหาสมุทรนั้น มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับความหลากหลายทางชีวภาพและการดำรงอยู่ของมนุษยชาติอย่างลึกซึ้ง ซึ่งต้องการการตอบสนองทางการเมืองทั่วโลกอย่างเร่งด่วนในอีก 12 เดือนข้างหน้า รายงานล่าสุดของกรีนพีซสากล ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุณหภูมิสูง: วิกฤตสภาพภูมิอากาศและความเร่งด่วนเพื่อปกป้องมหาสมุทร ระบุชัดเจนว่า การที่อุณหภูมิน้ำทะเลผิดปกตินั้นเกิดจาก...

11 พ.ย. 2565 กรีนพีซ ประเทศไทย นักกิจกรรมกรีนพีซ ประเทศไทยทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ส่งข้อความถึงบรรดาผู้นำเอเปค เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยืนหยัดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ และผลักดันให้เกิดการจัดตั้งกองทุนว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหายสำหรับกลุ่มประเทศและชุมชนที่เสี่ยงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

11 พ.ย. 2565 กรีนพีซ ประเทศไทย นักกิจกรรมกรีนพีซ ประเทศไทยทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ส่งข้อความถึงบรรดาผู้นำเอเปค เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยืนหยัดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ และผลักดันให้เกิดการจัดตั้งกองทุนว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหายสำหรับกลุ่มประเทศและชุมชนที่เสี่ยงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2565 ในวันที่ 16-18 พฤศจิกายน ซึ่งมีโมเดลเศรษฐกิจ...

วิกฤตสภาพภูมิอากาศ หมายถึงภาวะโลกร้อนและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คำนี้ใช้เพื่ออธิบายภัยคุกคามจากภาวะโลกร้อนที่มีต่อโลก และเพื่อกระตุ้นการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเชิงรุก [2][4][3][5] ตัวอย่างเช่นในวารสารวิชาการ 2019 Warning On Climate

วิกฤตสภาพภูมิอากาศ หมายถึงภาวะโลกร้อนและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คำนี้ใช้เพื่ออธิบายภัยคุกคามจากภาวะโลกร้อนที่มีต่อโลก และเพื่อกระตุ้นการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเชิงรุก [2][4][3][5] ตัวอย่างเช่นในวารสารวิชาการ 2019 warning on climate change and 2021 update ซึ่งได้รับการรับรองโดยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนทั่วโลก ระบุว่า "วิกฤติสภาพภูมิอากาศมาถึงแล้ว" และ "ความพยายามที่จะอน...

ท้องถิ่นภาคเหนือรวมตัว ชวนคิดข้อเสนอนโยบายในงาน People’s Policy Hub อดบ่ไหว แก้ไขสักกำเต๊อะ : คนเหนือชวนคิดนโยบายแก้ฝุ่นพิษ PM2.5

ท้องถิ่นภาคเหนือรวมตัว ชวนคิดข้อเสนอนโยบายในงาน People’s Policy Hub อดบ่ไหว แก้ไขสักกำเต๊อะ : คนเหนือชวนคิดนโยบายแก้ฝุ่นพิษ PM2.5 ภายใต้ความถูกและเร็ว ของอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่น คือห่วงโซ่ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ผู้บริโภคต้อง ‘รับ’ โดยไม่รู้ตัว2-7 ธันวาคม 2568📍หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร(BACC) เราทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและเป็นธรรมในประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออ...

“ตอนนี้เราอยู่ที่แท่นขุดเจาะก๊าซฟอสซิลแหล่งอาทิตย์ซึ่งเป็นแท่นขุดเจาะของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ที่อยู่กลางอ่าวไทย ห่างจากชายฝั่งราว 350 กม. ที่นี่กำลังจะถูกใช้เป็นที่ติดตั้งโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอนนอกชายฝั่ง

“ตอนนี้เราอยู่ที่แท่นขุดเจาะก๊าซฟอสซิลแหล่งอาทิตย์ซึ่งเป็นแท่นขุดเจาะของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ที่อยู่กลางอ่าวไทย ห่างจากชายฝั่งราว 350 กม. ที่นี่กำลังจะถูกใช้เป็นที่ติดตั้งโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอนนอกชายฝั่ง (offshore CCS) ที่เขาอ้างว่าสามารถจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้แต่ความเป็นจริงแล้ว โครงการลวงโลกนี้นอกจากจะไม่ลดการปล่อยแล้วยั...