สกูปพิเศษ ศธ 360 องศา สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ Facebook

Leo Migdal
-
สกูปพิเศษ ศธ 360 องศา สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ facebook

ภายใต้บริบทโลกที่ผันแปรอย่างรวดเร็วและมีความท้าทายเพิ่มขึ้น ทั้งในมิติของเทคโนโลยีและวิวัฒนาการของกระบวนการจัดการศึกษา การพัฒนาการศึกษาของประเทศจึงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับพลวัตการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมองในเรื่องดังกล่าว โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวิจัย ในฐานะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนในยุคปัจจุบันและอนาคต โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาการศึกษาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน “สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนการจัดการศึกษา ต้องตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อให้เท่าทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก อย่างไรก็ตามในกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมการศึกษา นักวิจัยไม่สามารถอาศัยการคาดการณ์โดยปราศจากข้อมูลเชิงประจักษ์ หรือ “นั่งเทียน” เขียนนวัตกรรมการศึกษาขึ้นมาได้ นวัตกรรมการศึกษาจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีรากฐานที่ดีจากกระบวนการวิจัยที่เป็นระบบและเข้มข้น รวมถึงดำเนินการบนพื้นฐานของข้อมูลสารสนเทศที่แท้จริง ด้วยเหตุนี้ กระบวนการวิจัยจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับกระบวนการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ นักวิจัยในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการจึงต้องดำเนินการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อให้การพัฒนานวัตกรรมสามารถนำไปตอบสนองต่อปัญหาและยกระดับคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิผล” ซึ่งมุมมองดังกล่าว สอดคล้องกับแนวทางในการขับเคลื่อนระบบฐานข้อมูลวิจัยของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ “OPS MOE Research” OPS ในการกำหนดเป้าประสงค์ (Objective) วัตถุประสงค์ (Purpose) และยุทธศาสตร์ (Strategy) ของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ต่าง ๆ นั้น สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้ยึดตามนโยบายของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในเรื่อง “การพัฒนาคุณภาพการศึกษาบนฐานข้อมูลสารสนเทศ” ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตอบสนองต่อความต้องการของสังคมและพลวัตการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิผล โดยการกำหนดยุทธศาสตร์ดังกล่าว จำเป็นต้องพิจารณาถึงสถานการณ์และบริบทเชิงพื้นที่ รวมถึงระบบนิเวศการศึกษาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบนิเวศแบบ Stand Alone ระบบนิเวศเฉพาะ หรือบริบททางการศึกษาที่หลากหลาย ซึ่งบริบทเชิงพื้นที่เหล่านี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับการวิจัยและพัฒนาการจัดการศึกษาของประเทศไทยในอนาคต ดังนั้นจะเห็นว่าการจัดการศึกษาจึงมิใช่การคาดการณ์โดยปราศจากข้อมูลเชิงประจักษ์ หากแต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป M – Research (Main Research Focus) ให้ความสำคัญกับการวิจัยเชิงนโยบาย โดยมุ่งเน้นการนำผลการวิจัยมาใช้เป็นข้อมูลหลักในการกำหนดนโยบายและแผนการพัฒนาการศึกษา ซึ่งในส่วนนี้ สอดคล้องกับมุมมองของปลัดกระทรวงศึกษาธิการที่กล่าวว่า “การพัฒนาผลงานวิจัย มิใช่เพียงแค่การคิดค้น หากแต่ต้องอาศัยข้อมูลและสารสนเทศที่ได้จากการจัดเก็บและวิเคราะห์สังเคราะห์อย่างเป็นระบบ เพื่อเป็นฐานในการตัดสินใจ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในกระบวนการพัฒนาการศึกษาในอนาคต ทำให้การวิจัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสวงหาข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาการศึกษา” ด้วยเหตุนี้ การวิจัยจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญและสามารถนำมาใช้ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม

People Also Search

ภายใต้บริบทโลกที่ผันแปรอย่างรวดเร็วและมีความท้าทายเพิ่มขึ้น ทั้งในมิติของเทคโนโลยีและวิวัฒนาการของกระบวนการจัดการศึกษา การพัฒนาการศึกษาของประเทศจึงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับพลวัตการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมองในเรื่องดังกล่าว โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวิจัย ในฐานะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา

ภายใต้บริบทโลกที่ผันแปรอย่างรวดเร็วและมีความท้าทายเพิ่มขึ้น ทั้งในมิติของเทคโนโลยีและวิวัฒนาการของกระบวนการจัดการศึกษา การพัฒนาการศึกษาของประเทศจึงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับพลวัตการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมองในเรื่องดังกล่าว โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวิจัย ในฐานะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการพัฒนานวัตกรรมการศึ...