สนธิสัญญาพลาสติกโลก ไทยลงเหวมลพิษพลาสติก
ระหว่างที่ร่างสนธิสัญญาแก้ปัญหามลพิษจากพลาสติก ซึ่งสมาชิก 175 ประเทศลงนามร่วมกันให้จัดทำมาตรการทางกฎหมายเพื่อเป็นแนวทางการจัดการพลาสติกที่ครอบคลุมและตลอดวงจรชีวิตพลาสติก ลดการผลิตพลาสติก เลิกผลิต เลิกใช้ ควบคุม พลาสติกบางประเภท และการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (EPR) ร่างกฎหมายระหว่างประเทศนี้ เตรียมจะนำมาเจรจาในการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 4 (INC-4) ที่เมืองออตตาว่า ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นการเจรจาก่อนเจรจารอบสุดท้าย และเป็นที่คาดหวังว่า เอกสารร่างสนธิสัญญาจะต้องแล้วเสร็จ และกลายเป็นมาตรการทางกฎหมายฉบับแรกของโลกที่จะลดภัยคุกคามพลาสติก ตลอดจนไมโครพลาสติกที่พบแล้วในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงลดภาวะโลกเดือด เพราะการผลิตพลาสติกเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีความเคลื่อนไหวในบ้านเรา มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม (Environmental Justice Foundation: EJF) กรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) และมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) จัดงาน “สนธิสัญญาพลาสติกโลก สู่การยุติมลพิษพลาสติก สำคัญอย่างไรต่อสังคมไทย” เพื่อสร้างความตระหนักรู้ และประกาศจุดยืนให้มาตราการทางกฎหมายฉบับนี้คำนึงถึงสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมเป็นเป้าหมายสูงสุด และเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติมลพิษพลาสติกเพื่อโลกที่ยั่งยืน ดร.สุจิตรา วาสนาดำรงดี นักวิจัยเชี่ยวชาญสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าในระดับโลกมีการผลักดันการแก้ไขภาคสมัครใจมาก่อนแล้ว คือ Ellen MacArthur Foundation ร่วมกับโครงการสิ่งแวดล้อมหสประชาชาติทำโครงการ Global Commitment ผลักดันให้แบรนด์ ห้างค้าปลีกรายใหญ่ รัฐบาลประเทศต่างมาตั้งเป้าร่วมกันว่าภายในปี 2025 จะลดการใช้พลาสติกใหม่ เพิ่มพลาสติกรีไซเคิล ปรับบรรจุภัณฑ์ใช้ซ้ำได้ ซึ่งเริ่มมาตั้งปี 2018 จนถึงปี 2023 มีความคืบหน้า แต่สุดท้ายทั่วโลกยังผลิตพลาสติกใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งที่มาให้คำมั่นร่วมพันองค์กร ในรายงาน 5 ปีระบุว่า ยังเป็นส่วนน้อยเท่านั้น ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับโลกได้อย่างแท้จริง ข้อสรุปรายงานบอกว่าต้องมาช่วยกันผลักดันให้สินธิสัญญานี้เกิดขึ้น และมีการออกกฎระเบียบในประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “ อุปสรรคสำคัญ สิ่งท้าทายหลัก คือ การส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่ ถ้าภาครัฐไม่ได้ส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ส่งเสิมการ reuse refill แม้ภาคธุรกิจอยากจะทำ ก็ทำไม่ค่อยได้ ส่วนบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ช่วยรักษาคุณภาพอาหารหรือเครื่องสำอางค์ยังไม่มีทางออกที่จะปรับวัสดุให้คุ้มค่าต่อต้นทุน และระบบจัดเก็บมารีไซเคิลมีปัญหามาก “ ดร.สุจิตรา กล่าว ปัญหาพลาสติกเป็นปัญหาระดับโลกที่ทำลายสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ด้วยกันเอง ไม่เพียงแต่เศษพลาสติกจะเป็นภัยต่อธรรมชาติเท่านั้น แต่ไมโครพลาสติกได้เข้ามาในร่างกายมนุษย์และมาอยู่ในห่วงโซ่อาหารของเราแล้ว
สนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty) คือมาตรการด้านมลพิษจากพลาสติกรวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล ที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยสนธิสัญญานี้คือความหวังในการยุติวิกฤตมลพิษพลาสติก ที่นำมาสู่วงเสวนา “สนธิสัญญาพลาสติกโลก สู่การยุติมลพิษพลาสติก สำคัญอย่างไรต่อสังคมไทย” ที่จัดขึ้นโดยองค์กรภาคประชาสังคม 3 องค์กร ได้แก่ มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม (Environmental Justice Foundation: EJF) กรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) และมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) ในวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ปุณญธร จึงสมาน นักวิจัยนโยบายพลาสติก Environmental Justice Foundation (EJF) เล่าถึงที่มาของสนธิสัญญาฉบับสำคัญนี้ “สนธิสัญญานี้เกิดจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลเพื่อจัดตั้งมาตรการเพื่อแก้ปัญหามลพิษพลาสติกอย่างครอบคลุมและจัดการพลาสติกตลอดวงจรชีวิตให้เสร็จสิ้นภายในปี 2567” ปัจจุบันได้มีร่างสนธิสัญญาฉบับศูนย์ฉบับปรุง (Revised Zero Draft) ที่ได้มาจากการประชุมครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาล (INC-3) โดยร่างศูนย์นี้จะเป็นเอกสารตั้งต้นในการประชุม INC-4 ที่แคนาดาในเดือนเมษายนนี้ คำว่า ‘วงจรชีวิตพลาสติก’ หมายถึงตั้งแต่การจุดเจาะน้ำมันหรือปลูกพืช การผลิตพลาสติกในโรงงานปิโตรเคมี การขนส่งสารเคมีพลาสติก การจำหน่ายและการใช้งาน ไปจนถึงการบริหารจัดการหลังการใช้งานเช่นการฝังกลบ เผา หรือรีไซเคิล ปุณญธรได้กล่าวถึงมาตรการที่มีแนวโน้มจะปรากฎในร่างสนธิสัญญา ดังนี้ การประชุมเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกครั้งล่าสุด ณ กรุงเจนีวา ได้รับความสนใจจากผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก แต่การประชุมจบลงโดยที่ยังไม่มีการจัดทำร่างข้อความสุดท้าย ซึ่งสะท้อนถึงความซับซ้อนของปัญหาและความท้าทายในการรวม 180 ประเทศให้มีแผนร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การเจรจาระหว่างประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราว เพราะขณะที่ผู้นำกำลังถกเถียงข้อกฎหมาย โลกส่วนใหญ่ไม่ได้หยุดนิ่ง รัฐบาล บริษัท และชุมชนต่าง ๆ กำลังก้าวไปข้างหน้า โดยการกำหนดแผนปฏิบัติการพลาสติกแห่งชาติ (NPAPs) การลงทุนในระบบรวบรวมและรีไซเคิลที่ดีขึ้น และการกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์ ประเทศไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหามลพิษพลาสติกอย่างต่อเนื่อง โดยมี "แผนที่นำทางการจัดการขยะพลาสติกของประเทศ พ.ศ.
2561 – 2573" เป็นกรอบการทำงานหลัก เป้าหมายชัดเจน: กำหนดให้มีการ ลดและเลิกใช้ พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use plastics) และ นำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ (รีไซเคิล) ให้ได้ 100% ภายในปี พ.ศ. 2570 การลด ละ เลิก: มีการกำหนดเป้าหมายให้เลิกใช้พลาสติกเป้าหมาย เช่น โฟมบรรจุอาหาร ถุงพลาสติกหูหิ้วขนาดความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน (ถุงแบบบาง) แก้วน้ำพลาสติก (แบบบาง) และหลอดพลาสติก โดยบางรายการมีเป้าหมายเลิกใช้ภายในปี พ.ศ. 2565 และ พ.ศ. 2570
องค์กรภาคธุรกิจไทยบางแห่ง เช่น Indorama Ventures ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรใน Global Plastic Action Partnership (GPAP) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกในการเร่งการจัดการมลพิษพลาสติก เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (ข้อมูลจาก Indorama Ventures) เครือข่าย PPP Plastics จัดงานประชุมสัมมนาเพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการขยะและขยะพลาสติกของประเทศไทย หลังการประชุมเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลก INC 5.2 ได้จบลง โดยไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ตามที่คาดหวัง มีการประกาศขยายความร่วมมือภาคีเพื่อจัดการพลาสติกตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมติดตามความคืบหน้าตาม Roadmap การจัดการขยะพลาสติกของประเทศไทย โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากพันธมิตรกว่า 40 องค์กร ตัวแทนภาคีจากทุกภาคส่วนกว่า 100 องค์กรทั่วไทย ร่วมแสดงความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศหมุนเวียนพลาสติก วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และประธานเครือข่าย PPP Plastics เผยว่า ประเทศไทยมีความพร้อมและแสดงความเห็นด้วยกับสนธิสัญญาพลาสติกโลกมากกว่าหลายประเทศ เนื่องจากได้เริ่มดำเนินการผ่านโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมในการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนมาแล้ว ประธานเครือข่าย PPP Plastics เผยว่า การเจรจา INC-5.2 ตนได้มีส่วนเข้าร่วมด้วย ท้ายที่สุดก็ยังสรุปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คิดว่าอนุสัญญาเรื่องพลาสติกคงดำเนินการต่อไป โดยในส่วนของไทยมีความพร้อมระดับหนึ่ง โดยมีแผน มี Roadmap ซึ่งต่อไปก็จะเข้าสู่แผนระดับที่ 3 ปัจจุบัน ประเทศไทยอยู่ระหว่างการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการจัดการขยะพลาสติกระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) โดยที่ผ่านมา PPP Plastics ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง จนเกิดโครงการกว่า 40 โครงการที่สนับสนุน Roadmap การจัดการขยะพลาสติกด้วยหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน
จักษ์วิดา ชูวงศ์ศิริกุล ตัวแทนจากภาคเอกชน ได้ติดตามการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกมานาน รวมถึงการเจรจาครั้งล่าสุด เล่าว่า สนธิสัญญาพลาสติกโลกเป็นกรอบกฎหมายที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (legally binding) ฉบับแรกของโลกที่เกี่ยวกับการควบคุมมลพิษจากพลาสติก โดยมีประเทศเข้าร่วม 184 ประเทศ เนื่องจากการผลิตพลาสติกของโลก ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านตัน ในปี 1950 เป็น 348 ล้านตันในปี 2017 และคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสองเท่าภายในปี 2040 ซึ่งการผลิตพลาสติกที่เพิ่มจำนวนอย่างมากนั้น ก่อให้เกิดวิกฤติต่อโลกในหลายด้าน ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมลภาวะ และมลพิษทางอากาศจากการเผาพลาสติกในที่โล่ง ทั้งนี้จากข้อมูลของ United Environment Programme (UNEP) คาดว่าภายในปี 2050 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การใช้ และการกำจัดพลาสติกจะคิดเป็น 15% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ภายใต้เป้าหมายในการจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่ 1.5°C (34.7°F) สัตว์ทะเลและชายฝั่งมากกว่า 800 สายพันธุ์ได้รับผลกระทบจากมลภาวะนี้ จากการที่ขยะพลาสติกประมาณ 11 ล้านตันไหลลงสู่มหาสมุทรทุกปี และอาจเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าภายในปี 2040 เมื่อเทียบกับปี 2016 ดังนั้น ประชาคมโลกจึงต้องหาวิธีการรับมือกับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต การร่างข้อตกลงร่วมกันเป็นสนธิสัญญาพลาสติก จึงได้ถือกำเนิดขึ้น Global treaty on plastic หรือสนธิสัญญาระดับโลกว่าด้วยพลาสติก เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่นำเสนอเพื่อแก้ไขวิกฤติมลพิษจากพลาสติกทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อลดมลพิษพลาสติกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2040
โดย : ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กร และการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ 220 ล้านตัน เป็นปริมาณขยะพลาสติก ที่ถูกสร้างใน ปี 2567 ตามรายงานของ EA Earth Action ปริมาณขยะพลาสติกขนาดนี้เทียบเท่ากับรถยนต์ประมาณ 146 ล้านคัน และช้างแอฟริกา 36.7 ล้านตัว รายงานของ EA Earth Action จัดลำดับประเทศ ที่สร้าง “ขยะพลาสติกต่อหัว” มากที่สุดในโลก โดยอันดับหนึ่งคือ เบลเยี่ยม 147 กิโลกรัมต่อหัว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 123 กิโลกรัมต่อหัว และโอมาน 122 กิโลกรัมต่อหัว ส่วนไทยรั้งอันดับที่ 32 ราว 45 กิโลกรัมต่อหัว ยิ่งไปกว่านั้น ขยะพลาสติกเหล่านี้ บางส่วนถูกกำจัดไม่ถูกวิธี ส่งผลให้มีพลาสติกปนปื้อน กระทบต่อระบบนิเวศโดยรวม โดยในปี 2593 อาจมีขยะพลาสติกในทะเลมากกว่าปลาถึง 3 เท่า โดยไทยอยู่ในอันดับที่ 5 ของกลุ่มประเทศที่มีขยะพลาสติกไหลลงสู่ทะเลมากที่สุดในปี 2565 รายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า การผลิตพลาสติกของโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 348 ล้านตันในปี 2560 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2583
People Also Search
- 'สนธิสัญญาพลาสติกโลก' ไทยลงเหวมลพิษพลาสติก
- สนธิสัญญาพลาสติกโลก สู่การยุติมลพิษพลาสติก สำคัญอย่างไรต่อสังคมไทย
- ไม่ต้องรอสนธิสัญญาโลก ทั่วโลกและไทยเร่ง สู้ศึก 'มลพิษพลาสติก'
- สนธิสัญญาพลาสติกโลก ยังเป็นความพยายามที่ล้มเหลว ไทยยังปรับตัวไม่ทัน
- "สนธิสัญญาพลาสติกโลก" ไทยพร้อมหรือยังที่จะยุติขยะมลพิษ
- ไทยเดินหน้าจัดการปัญหาพลาสติก ไม่รอ สนธิสัญญาพลาสติกโลก INC 5.2 | The ...
- Global treaty on plastics สนธิสัญญาพลาสติก ไทยต้องปรับตัวอย่างไร
- PDF ยุติมลพิษพลาสติก แถลงการณ์จา
- "สนธิสัญญาพลาสติกโลก" คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ และไทยต้องปรับตัวอย่างไร?
- รู้จักสนธิสัญญาพลาสติกโลก ไฟฉายส่องทางสู่ลดมลพิษพลาสติกเป็นศูนย์
ระหว่างที่ร่างสนธิสัญญาแก้ปัญหามลพิษจากพลาสติก ซึ่งสมาชิก 175 ประเทศลงนามร่วมกันให้จัดทำมาตรการทางกฎหมายเพื่อเป็นแนวทางการจัดการพลาสติกที่ครอบคลุมและตลอดวงจรชีวิตพลาสติก ลดการผลิตพลาสติก เลิกผลิต เลิกใช้ ควบคุม พลาสติกบางประเภท และการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต
ระหว่างที่ร่างสนธิสัญญาแก้ปัญหามลพิษจากพลาสติก ซึ่งสมาชิก 175 ประเทศลงนามร่วมกันให้จัดทำมาตรการทางกฎหมายเพื่อเป็นแนวทางการจัดการพลาสติกที่ครอบคลุมและตลอดวงจรชีวิตพลาสติก ลดการผลิตพลาสติก เลิกผลิต เลิกใช้ ควบคุม พลาสติกบางประเภท และการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (EPR) ร่างกฎหมายระหว่างประเทศนี้ เตรียมจะนำมาเจรจาในการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 4 (INC-4) ที่เมืองออตตาว่า ประเทศแค...
สนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty) คือมาตรการด้านมลพิษจากพลาสติกรวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล ที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยสนธิสัญญานี้คือความหวังในการยุติวิกฤตมลพิษพลาสติก ที่นำมาสู่วงเสวนา “สนธิสัญญาพลาสติกโลก สู่การยุติมลพิษพลาสติก
สนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty) คือมาตรการด้านมลพิษจากพลาสติกรวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล ที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยสนธิสัญญานี้คือความหวังในการยุติวิกฤตมลพิษพลาสติก ที่นำมาสู่วงเสวนา “สนธิสัญญาพลาสติกโลก สู่การยุติมลพิษพลาสติก สำคัญอย่างไรต่อสังคมไทย” ที่จัดขึ้นโดยองค์กรภาคประชาสังคม 3 องค์กร ได้แก่ มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม (Environmental Justice Foundation: EJF) ก...
2561 – 2573" เป็นกรอบการทำงานหลัก เป้าหมายชัดเจน: กำหนดให้มีการ ลดและเลิกใช้ พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use Plastics)
2561 – 2573" เป็นกรอบการทำงานหลัก เป้าหมายชัดเจน: กำหนดให้มีการ ลดและเลิกใช้ พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use plastics) และ นำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ (รีไซเคิล) ให้ได้ 100% ภายในปี พ.ศ. 2570 การลด ละ เลิก: มีการกำหนดเป้าหมายให้เลิกใช้พลาสติกเป้าหมาย เช่น โฟมบรรจุอาหาร ถุงพลาสติกหูหิ้วขนาดความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน (ถุงแบบบาง) แก้วน้ำพลาสติก (แบบบาง) และหลอดพลาสติก โดยบางรายการมีเป้าหมายเ...
องค์กรภาคธุรกิจไทยบางแห่ง เช่น Indorama Ventures ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรใน Global Plastic Action Partnership (GPAP)
องค์กรภาคธุรกิจไทยบางแห่ง เช่น Indorama Ventures ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรใน Global Plastic Action Partnership (GPAP) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกในการเร่งการจัดการมลพิษพลาสติก เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (ข้อมูลจาก Indorama Ventures) เครือข่าย PPP Plastics จัดงานประชุมสัมมนาเพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการขยะและขยะพลาสติกของประเทศไทย หลังการประชุมเจรจาสนธิสัญญาพ...
จักษ์วิดา ชูวงศ์ศิริกุล ตัวแทนจากภาคเอกชน ได้ติดตามการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกมานาน รวมถึงการเจรจาครั้งล่าสุด เล่าว่า สนธิสัญญาพลาสติกโลกเป็นกรอบกฎหมายที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (legally Binding) ฉบับแรกของโลกที่เกี่ยวกับการควบคุมมลพิษจากพลาสติก
จักษ์วิดา ชูวงศ์ศิริกุล ตัวแทนจากภาคเอกชน ได้ติดตามการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกมานาน รวมถึงการเจรจาครั้งล่าสุด เล่าว่า สนธิสัญญาพลาสติกโลกเป็นกรอบกฎหมายที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (legally binding) ฉบับแรกของโลกที่เกี่ยวกับการควบคุมมลพิษจากพลาสติก โดยมีประเทศเข้าร่วม 184 ประเทศ เนื่องจากการผลิตพลาสติกของโลก ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านตัน ในปี 1950 เป็น 348 ล้านตัน...