สรุปเนื้อหาสถิติ ม 2 พร้อมแบบฝึกหัดและเฉลยฟรี

Leo Migdal
-
สรุปเนื้อหาสถิติ ม 2 พร้อมแบบฝึกหัดและเฉลยฟรี

สถิติเป็นหัวข้อที่น้อง ๆ จะได้เจอตั้งแต่ ม.1 – ม.3 โดยในบทความนี้ พี่จะขอโฟกัสที่เนื้อหาสถิติ ม.2 ก่อนน้าา ซึ่งพี่สรุปมาให้ครบทั้งเรื่องความหมาย แผนภาพ ค่ากลางต่าง ๆ ตัวอย่างโจทย์ และแบบฝึกหัดเสริมความเข้าใจให้น้อง ๆ ลองทำด้วย ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านกันเลยย สถิติเป็นศาสตร์และศิลป์ของการเรียนรู้จากข้อมูล ประกอบด้วยกระบวนการที่สำคัญ ได้แก่การเก็บรวบรวมข้อมูล, การจัดการข้อมูล, การวิเคราะห์ข้อมูล, การแปลความหมายผลลัพธ์ และการนำเสนอข้อมูล ข้อมูลที่กล่าวถึงในสถิติจะหมายถึง ข้อเท็จจริงหรือสิ่งที่ยอมรับว่า เป็นข้อเท็จจริงของเรื่องที่สนใจศึกษา โดยอาจอยู่ในรูปตัวเลขหรือข้อความก็ได้ ซึ่งข้อมูลจะแยกออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ แผนภาพจุด (Dot plot) เป็นรูปแบบหนึ่งของการนำเสนอข้อมูลเชิงปริมาณที่ทำได้ไม่ยาก โดยจะเขียนจุดแทนข้อมูลแต่ละตัวไว้เหนือเส้นในแนวนอนที่มีสเกลให้ตรงกับตำแหน่งที่แสดงค่าของข้อมูลนั้น แผนภาพจุดช่วยให้เห็นภาพรวมของข้อมูลได้รวดเร็วกว่าการพิจารณาจากข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสนใจจะพิจารณาลักษณะของข้อมูลว่ามีการกระจายมากน้อยเพียงใด คณิตศาสตร์ช่วงชนั ที 3 .........................................................................................................................

1 บทท่ี 1 สถติ (ิ 2)1.1 แผนภาพจดุ1.2 แผนภาพตน–ใบ1.3 ฮิสโทแกรม1.4 คา กลางของขอมลูจุดประสงคข องบทเรยี นเมอื่ เรียนจบบทนแ้ี ลว นกั เรยี นสามารถ1. วิเคราะหและนําเสนอขอ มูลดวยแผนภาพจุด แผนภาพตน –ใบ และฮิสโทแกรม โดยใชเทคโนโลยที เ่ี หมาะสม รวมทง้ั อา นและแปลความหมายขอ มลู ทน่ี ําเสนอดว ยรปู แบบเหลา น้ี2. หาและเปรยี บเทียบคากลางขอมูล (คา เฉลย่ี เลขคณิต มธั ยฐาน และฐานนิยม) โดยใชเทคโนโลยที เ่ี หมาะสม รวมท้ังแปลความหมายผลลัพธและเลอื กใชค า กลางของขอ มลู ได3. ใชขอมูลในการตัดสนิ ใจ คาดคะเน และสรปุ ผลไดอยางเหมาะสมทบทวนความรกู อนเรยี น สถติ ิ เปนศาสตรและศิลปของการเรียนรจู ากขอ มลู ประกอบดว ยกระบวนการทสี่ ําคญั ไดแก  การเกบ็ รวมรวมขอมูล  การจดั การขอมูล  การวิเคราะหข อมลู  การแปลความหมายผลลพั ธ  การนาํ เสนอขอ มลู ขอ มูลเชงิ... 2 ในบทน้จี ะเนนเก่ียวกบั การนําเสนอขอ มลู ดว ยแผนภาพจดุ แผนภาพตน –ใบ ฮิสโทแกรม ตลอดจนการหาคา กลางของขอ มลูมุมคณิต ขอมลู แบบไมตอเนอ่ื ง เปนขอ มลู เชิงปรมิ าณที่สามารถนับจาํ นวนของคา ที่เปน ไปไดข องขอ มูล เชน จาํ นวนสัตวเล้ยี งในบา น จาํ นวนสมาชกิ ในครอบครัว ขอ... 3 แบบฝก หัด 1.1 -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------1.

กาํ หนดน้าํ หนกั ของนกั เรียนช้นั ม.2 หองหนง่ึ เปนดงั นี้ 45 48 45 45 47 48 50 49 47 48 50 55 47 48 45 49 48 50 52 50 46 44 44 50 48... 2) น้ําหนกั สงู สดุ และตาํ่ สุดของนักเรียนหอ งนเ้ี ปนเทาใด............................................................................................................................................ 3) นักเรียนสวนมากหนกั เทาใด............................................................................................................................................คณิตศาสตร์ชว่ งชนั ที 3 ......................................................................................................................... 42. คะแนนสอบปลายภาคเรียนวชิ าคณิตศาสตรข องนกั เรยี นชน้ั ม.2 หอ งหนง่ึ เปนดงั น้ี 21 25 15 28 25 35 16 35 38 30 35 29 31 34 16 17 39 22 35 28 31 31 30 39... 2) คะแนนสงู สดุ และตํ่าสุดของการสอบในครงั้ นีเ้ ปน เทา ใด............................................................................................................................................

3) นกั เรยี นสวนมากไดคะแนนเทา ใด............................................................................................................................................คณิตศาสตร์ชว่ งชนั ที 3 ......................................................................................................................... 53. ขอมลู เกี่ยวกบั ความสูง(เซนติเมตร) ของนักเรียนหอ งหนึง่ เปนดงั นี้ 168 165 151 175 166 162 147 166 145 162 145 163 156 153 156 147 166 160 149 171 169 150 145 149 160 173 161... 2) นักเรียนคนทสี่ งู ที่สุด สูงกวานกั เรยี นคนทเี่ ตย้ี ทส่ี ดุ เทาใด............................................................................................................................................ 3) นกั เรยี นสว นมากสงู เทา ใด............................................................................................................................................ 4) โรงเรียนตองการนกั กีฬาบาสเกตบอลของโรงเรยี น โดยจะคดั เลอื กจากนักเรยี นทส่ี งู ตงั้ แต 160 เซนตเิ มตร ข้ึนไป นักเรยี นหอ งนมี้ ีโอกาสไดร บั คัดเลอื กทงั้ หมดกี่คน............................................................................................................................................คณิตศาสตร์ช่วงชนั ที 3 .........................................................................................................................

64. ในคาบเรียนวิชาคณติ ศาสตร ครใู หน กั เรียนจบั ชพี จรของตนเอง เพ่อื หาอตั ราการเตน หัวใจ (ครัง้ ตอ นาท)ี ไดผลดงั แผนภาพจุดตอไปนี้              56 58 60 62... 2) พสิ ัยของอัตราการเตนของหัวใจของนกั เรียนเปนเทา ใด............................................................................................................................................ 3) นักเรียนสวนใหญม ีอตั ราการเตน ของหวั ใจเปน เทาใด............................................................................................................................................เกรด็ ความรู อัตราการเตนของหวั ใจของคนปกตอิ ยูในชวง 60 – 100 คร้งั ตอ นาที อตั ราการเตน ของหวั ใจต่ํากวา 60ครั้งตอนาที ไมไ ดบ ง ช้ถี งึ ปยหาดานสขุ ภาพเสมอไป เชน คนท่อี อกกําลงั กายสมาํ่ เสมอและรปู... 74. ครสู นใจพฤติกรรมในการนอนของนกั เรยี นและตอ งการใหน ักเรียนตระหนกั ถึงความสําคญั ของจํานวนชัว่ โมง ในการนอน จึงเก็บรวบรวมขอ มลู จํานวนช่ัวโมงในการนอนของนกั เรยี น โดยแบง ขอ มลู ทเ่ี กบ็ รวมรวมออกเปน 2 แบบ คอื จาํ นวนชัว่ โมงในการนอนเมอื่ วนั รุงขน้ึ ตองไปโรงเรียน และจาํ นวนชัว่ โมงในการนอนเมื่อวันรงุ ข้ึน...

2) จํานวนชวั่ โมงในการนอนของนกั เรยี นสว นใหญใ นแตล ะแบบอยใู นชวงใด............................................................................................................................................ 3) ลกั ษณะแผนภาพจุดของจาํ นวนชว่ั โมงทน่ี ักเรียนใชในการนอนทั้งสองแบบแตกตางกันหรือไมอยางไร............................................................................................................................................ 4) นักเรยี นจะสรปุ เก่ยี วกบั จาํ นวนชวั่ โมงในการนอนของนกั เรียนหอ งนีไ้ ดว า อยางไร............................................................................................................................................คณิตศาสตร์ชว่ งชนั ที 3 ......................................................................................................................... 85. การวงิ่ ระยะไกล (distance run) เปน หนง่ึ ในการทดสอบสมรรถภาพทางกายสําหรบั เดก็ ไทยอายุ 7–18 ป เพ่อื วดั ความอดทนของระบบหัวใจและไหลเวยี นเลอื ด โดยใชร ะยะทาง 1,600 เมตร ในการทดสอบเดก็ อายุ 13–18 ป จากการทดสอบการวงิ่ ระยะไกลของนกั เรียนชายซึง่ มอี ายุ 14 ป ไดผ ลดงั แผนภาพจดุ... 2) เราจะประเมินสมรรถภาพทางกายดวยการวง่ิ ระยะไกลของนกั เรยี นชายกลุม นไี้ ดวาอยา งไร........................................................................................................................................................................................................................................................................................

3) ใหนกั เรียนกําหนดขอมูลเวลาทใ่ี ชการว่ิงของนักเรยี นหญิง 30 คน ตามเกณฑมาตรฐานในการประเมิน สมรรถภาพทางกาย แลว เขยี นแผนภาพจุด แสดงเวลาทใี่ ชในการวงิ่ ระยะไกล โดยใหแผนภาพจุด แสดง เวลาทีใ่ ชใ นการวิง่ ระยะไกล โดยใหแ ผนภาพของขอ มลู ทกี่ ําหนด มลี ักษณะและผลประเมนิ สมรรถภาพ ทางกายโดยรวมเปน ไปในทาํ นองเดียวกบั ของนกั เรียนชาย................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................คณิตศาสตร์ช่วงชนั... 91.2 แผนภาพตน–ใบ แผนภาพตน–ใบ (stem–and–leaf plot) เปนอีกรูปแบบหนงึ่ ของการนาํ เสนอขอมลู เชงิ ปรมิ าณท่ีมกี ารเรยี งลาํ ดับขอมลู และชว ยใหเหน็ ภาพรวมของขอ มลู ไดร วดเรว็ ยิ่งข้ึน หลักการงา ยๆในการนําเสนอขอ มลู ดว ยแผนภาพตน –ใบ คอื การแบงตัวเลขท่แี สดงขอมลู เชงิ ปรมิ าณออกเปน สองสวนทเ่ี... ในกรณีทไ่ี มกําหนดสญั ลักษณกํากบั แผนภาพ ตัวเลขในสว นใบจะหมายถงึ เลขโดดในหลักหนวย 2. ในทางปฎบิ ัติอาจลาํ คําวา “ตน” และ “ใบ” ในแผนภาพไดคณิตศาสตร์ชว่ งชนั ที 3 ......................................................................................................................... 10กิจกรรมที่ 2 ในกรณีท่ขี อมลู เปน ทศนยิ มกส็ ามารถนาํ เสนอขอมลู ดวยแผนภาพตน–ใบ ได เชน ขอมูลนํ้าหนักเปนกิโลกรัมของนกั เรยี นทบ่ี นั ทึกเปนทศนิยมหนง่ึ ตาํ แหนง 51.2 41.4 40.9 51.7 39.3 48.8 56.6 41.2 47.9 45.5 58.9 57.0 43.4 52.3 40.8... 11ตวั อยางที่ 1 พิจารณาขอมลู ท่ีไดจากการสอบถามจํานวนหนงั สอื (เลม ) ที่นักเรียนในหอ งหนง่ึ อานไดใ น ระยะเวลา 1 ป แลวตอบคาํ ถาม 0 0 1 12 24 4 5 6 67 7 88 10 13 34 67 7 9...

12 นอกจากแผนภาพตน–ใบ จะใชในการนาํ เสนอขอ มูล 1 มลู ดงั ทีไ่ ดกลา วมาแลว แผนภาพตน –ใบ ยงัสามารถนําเสนอขอ มูล 2 ชุด พรอมกัน เพอ่ื เปรียบเทยี บขอมลู ทง้ั สองชุดไดตวั อยา งท่ี 2 ความสูงเปนเซนตเิ มตรของนักเรยี นชายและนักเรียนหญิง ชน้ั ม.2 หอ งหนงึ่ เปน... 13 แบบฝกหดั 1.2 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------1. คะแนนสอบวชิ าคณติ ศาสตรของนกั เรียนหองหนงึ่ จาํ นวน 45 คน จากคะแนนเต็ม 60 คะแนน เปน ดงั น้ี 42 31 47 37 38 36 44 30 52 37 56 58 53 59 59 32 58 30 51 42... 142. ศักด์ิเลยี้ งปลานลิ ไวในบอ หลายบอ หนง่ึ เดอื นกอ นครบกําหนดจบั ขาย เขาสมุ จบั ปลาข้นึ มา 40 ตวั แลว ชงั่ น้ําหนกั ปลาแตล ะตวั เปนกรัม ไดผลดังนี้ 466 436 326 382 441 420 409 468 463 468 400 461... 153.

โศภาวเิ คราะหห าปรมิ าณธาตเุ หลก็ (มลิ ลิกรมั ) .ในมะเขอื พวง โดยใชมะเขอื พวงปรมิ าณ 100 กรมั จาก 20 แหลง ไดผลการวเิ คราะหด งั แผนภาพตน –ใบ ตอไปน้ี 12 2 3899 4 0 122 2 3 33 3... 164. เพชรทาํ ฟารม เลี้ยงปลาสวยงาม ทุกเชาเขาวัดคา pH ของนา้ํ ในแตละบอ จาํ นวน 25 บอ ขอมูลทไี่ ดเปนดงั แผนภาพตน –ใบ ตอ ไปน้ี516 188 8 99 97 00 1 112 222 23 334 58092สญั ลักษณ 7 | 3 หมายถงึ ระดับคา... 175. จากการสํารวจขอมลู เก่ียวกับอตั ราการเตนของหวั ใจ (ครัง้ /นาท)ี กอนออกกําลงั กายและขณะออกกําลังกาย ไปแลว 5 นาที ของคน 30 คนไดผลดังน้ีกอ นออกกาํ ลังกาย 81 85 85 78 84 81 82 75 80 87 90 86 77 79 82 81 81 84... 186.

การศึกษาพฤติกรรมการชารจ แบตเตอรี่โทรศพั ทมือถือผา นอุปกรณ USB หรอื เครอ่ื งแปลงไฟ AC โดยพิจารณาจากจาํ นวนชว่ั โมงทใี่ ชใ นการชารจแตล ะครั้ง ไดผ ลเปน ดงั แผนภาพตน–ใบ ตอไปน้ีUSB AC 99888777666665554443332 1 0 2 2 2 3 3 34 4 4 4 55... 191.3 ฮิสโทแกรม การนําเสนอขอ มลู เชิงปรมิ าณดวยแผนภาพจุดและแผนภาพตน –ใบ จะทาํ ใหเ หน็ ขอ มลู ทุกตัวที่เก็บรวบรวมไดและลกั ษณะการกระจายของขอมลู แตในกรณีทขี่ อมูลมจี ํานวนมาก ๆ การนําเสนอขอ มลู ดว ยรปู แบบดงั กลาวนีไ้ มส ะดวกและไมเ ปน ทน่ี ยิ ม การนําเสนอขอ มลู ดว ยฮสิ... แบง ขอมลู ออกเปน ชวง ชว งละเทาๆกนั ในกรณีของขอมลู เชงิ ปรมิ าณแบบไมต อ เนื่องท่ีมจี ํานวน ไมม ากใชข อ มลู แตละตัวในการสรา งไดเ ลย โดยไมจ าํ เปน ตองแบงเปนชวงก็ได2. นบั จํานวนขอ มูลแตล ะตัวในแตล ะชวง จํานวนดังกลาวจะเปน ความถีข่ องขอ มลู ในชว งน้นั แลวสรา งตารางระบุความถขี่ องขอ มลู ในชวงนน้ั ๆ ซง่ึ เรยี กวา ตารางแจกแจงความถี่3. เขยี นแสดงคาของขอ มลู หรือจดุ ปลายของชวงบนแกนนอน แลว เขียนแทง สเ่ี หลย่ี มมมุ ฉากบนตําแหนง ท่ีแสดงคาของขอ มลู โดยใหความสงู ของแทง เทากับความถห่ี รอื เปอรเ ซ็นตข องความถี่กจิ กรรมที่ 1 พจิ ารณาผลการทดสอบวชิ าคณิตศาสตรจ ํานวน 10 ขอ ของนักเรยี นหองหนงึ่ จํานวนขอทนี่ ักเรียนตอบถูก เปนดงั นี้... 20จาํ นวนขอ ท่ีตอบถกู ความถี่ 3 4 4 4 5 5 6 3 7 4 8 4 9 3 10 3 เขียนแสดงจาํ นวนขอท่นี ักเรียนตอบถูกบนแกนนอน และเขยี นแทง สเ่ี หลีย่ มมุมฉากแสดงความถ่ีของจาํ นวนขอ ทนี่ ักเรียนตอบถูก จะไดฮ ิสโทแกรมดงั รปู........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

จากฮสิ โทแกรม จะเหน็ ไดวา  นกั เรยี นหองนี้ตอบถูก ต้งั แต ..... ถึง ..... ขอ  นกั เรยี นสว นมากตอบถูก .......... ขอ  นักเรียนทต่ี อบถกู ตง้ั แต 5 ขอ ขึ้นไปมี .................... คน  ลักษณะของขอมูลโดยรวมมกี ารกระจายคอนขางสม่ําเสมอคณิตศาสตร์ชว่ งชนั ที 3 ......................................................................................................................... 21กจิ กรรมท่ี 2 ตารางแสดงความถขี่ องจาํ นวนชว่ั โมงในการทาํ งานแตล ะสปั ดาหข องพนกั งาน 36 คนจํานวนช่ัวโมงในการทาํ งาน ความถ่ี ตั้งแต 30 นอ ยกวา 35 ตงั้ แต 35 นอ ยกวา 40 4 ตั้งแต 40 นอ ยกวา 45 9...

22 แบบฝกหดั 1.3 -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------1. จากการจํานวนพนี่ อ งในครอบครัวของนักเรียนแตล ะคนในหอง จํานวน 32 คน ไดผ ลดังน้ี413323432323112311242121 2242411 31) จงสรา งฮสิ โทแกรม2) นักเรียนสรปุ ขอ มลู ไดวาอยางไรจากฮสิ โทแกรมทสี่ รา งในขอ 1)........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................คณิตศาสตร์ช่วงชนั ที 3 ......................................................................................................................... 232. จากการสํารวจพฤตกิ รรมการดืม่ กาแฟของประชาชนในประเทศตาง ๆ 30 ประเทศ โดยเกบ็ รวบรวมขอมลู นํา้ หนักของกาแฟ โดยเฉลีย่ ทีแ่ ตละคนบรโิ ภคในเวลา 1 ป ไดผ ลดงั นี้ประเทศ น้าํ หนักของ ประเทศ นาํ้ หนักของ ประเทศ นํ้าหนกั ของ กาแฟโดยเฉลี่ยท่ี กาแฟโดยเฉล่ียที่ กาแฟโดยเฉลยี่ ท่ีฟน แลนด แตล ะคนบริโภค... 24................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................คณิตศาสตร์ชว่ งชนั ที 3 ......................................................................................................................... 253.

จากการสาํ รวจของ General Social Survey ในป ค.ศ. 2016 เกี่ยวกับจํานวนชวั่ โมงเฉลีย่ ในแตละวันท่ใี ชในการดทู ีวขี องชาวอเมริกนั โดยมผี ตู อบแบบสํารวจท้ังหมด 1,883 คน ไดผ ลดังน้ีเวลาทใ่ี ชใ นการดูทวี ี จํานวนคน เวลาท่ีใชใ นการดทู วี ี จาํ นวนคน (ชั่วโมงตอ วัน) (ชวั่ โมงตอ วนั )0 162 13 11 370... 2012 อางวา นักวิทยาศาสตรก ลาววา “การจํากัดเวลาในการดทู วี ีไมเกนิ สองช่วั โมงตอวัน สามารถยืดชวี ิตใหยืนยาวได อกี หน่ึงปครงึ่ ” หากขอ มลู น้ียงั เชอ่ื ถือได กลุม ของผทู ตี่ อบแบบสํารวจทมี่ ีโอกาสมชี วี ิตยืนยาวไดอกี หนง่ึ ปค รึ่ง จากการจาํ กัดเวลาในการดทู วี ีไมเกนิ สองชั่วโมงตอ... 264. ออโอคน หาขอมลู ของรา นอาหารท่ชี ่นื ชอบแหง หน่งึ ไดข อมูลดงั นี้เวลายอดนยิ ม วนั เสาร9:00 น. 12:00 น.

15:00 น. 18:00 น. 21:00 น.เวลายอดนิยม วันอาทิตย 9:00 น. 12:00 น. 15:00 น. 18:00 น.

21:00 น. 1) นักเรียนคิดวา เวลาเปดใหบรกิ ารของรานแหง น้คี อื ชว งเวลาใด 2) หากตองการจะรบั ประทานอาหารทร่ี า นแหงน้ใี นวันเสารห รอื วันอาทติ ย นกั เรยี นจะไปในชวงเวลาใด เพราะเหตใุ ด 3) จํานวนลกู คา ทเ่ี ขามารบั ประทานอาหารทร่ี า นอาหารแหง น้ใี นวันเสารแ ละวันอาทติ ยแ... 271.4 คากลางของขอมูล ในหัวขอที่ผานมา นักเรียนไดเรียนรเู กย่ี วกบั การนาํ เสนอขอมลู และวเิ คราะหขอมลู เชงิ ปรมิ าณ ทชี่ วยใหเหน็ ภาพรวมครา ว ๆ ทง้ั หมดของขอ มลู วา มลี กั ษณะอยางไรมาแลว การวิเคราะหหาตวั แทนทด่ี ขี องขอ มลู ทเ่ี กบ็รวบรวมไดเ ปน อีกหัวขอ... ใชค วามสงู ของนักเรยี นทสี่ งู นอยที่สุด 2. ใชความสูงของนกั เรยี นคนทสี่ ูงมากทสี่ ุด 3. รวมความสงู ของนกั เรียนทกุ คน แลว หารดว ยจาํ นวนนักเรยี นทงั้ หมด ไดคาเทา ไรใชค านั้นเปนคําตอบ 4.

เรยี งลําดบั ความสูงของนกั เรยี นจากนอ ยไปมาก แลวเลอื กเอาความสงู ทอ่ี ยตู รงกลาง 5. นกั เรียนสวนใหญม ีความสูงเทา ใด กใ็ ชค วามสงู นั้น นักเรียนจะเหน็ ไดวา ถา ใชค วามสงู ตามขอ 1 และขอ 2 เปนคําตอบ เราจะไดตัวแทนทไ่ี มเ หมาะสมเพราะเปนคา ที่นอ ยทสี่ ุดเมอื่ เทยี บกบั คา อ่นื ๆ อีกหลายคา และเปน คาที่มากท่ีสุดเมื่อเทียบกบั คาอน่ื ๆ... 28เมือ่ นาํ คาใชจายของทกุ คนมารวมกนั จะไดเ ปน 5,500 + 5,000 + 6,400 + 4,300 + 5,800เทากบั 27,000 บาท แลวคาเฉลีย่ เปน เงนิ ที่แตล ะคนจะตองจายเทา กบั 27, 000  5, 400 บาท 5ในทางสถติ ิ เราเรยี กคาเฉลย่ี ดงั... 29ชวนคดิ 1.1 หองเรียนหนงึ่ มีนักเรยี นชาย 15 คน มีนกั เรยี นหญงิ 25 คน ถา นา้ํ หนักของนักเรยี นชายและนกั เรยี นหญงิเปน 55 กโิ ลกรมั และ 45 กิโลกรมั ตามลําดบั นํา้ หนกั เฉลีย่ ของนกั เรยี นหอ งนจี้ ะเทากบั 55... 30 แบบฝก หัด 1.4 ก ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------1. จงหาคาเฉล่ยี เลขคณิตของขอมลู ในแตละชดุ ตอไปนี้ 1) 3, 2, 5, 8, 14, 14, 5, 3 และ 17....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

2) 2.8, 2.1, 5.7, 2.1, 3.3, 2.8, 2.8, 3.2, 2.1 และ 5.1.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... 3) 72, 86, 90, 65, 72 และ 68.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... 4) 150, 86, 225, 345, 410, 330 และ 176....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................2. จงหาจํานวนตาง ๆ ตามเงอื่ นไขในแตล ะขอ ตอไปนีม้ าขอ ละ 1 ชุด 1) จาํ นวน 4 จาํ นวน โดยทแี่ ตล ะจํานวนไมเ ทา กับ 25 แตมคี าเฉลี่ยเทา กบั 25........................................................................................................................................................................................................................................................................................ 2) จํานวน 4 จํานวน ทมี่ ีพสิ ยั เทา กับ 21 และมีคาเฉลยี่ เทา กบั 32........................................................................................................................................................................................................................................................................................ 3) จํานวน 5 จํานวน ซ่ึงมีคาตง้ั แต 90 ถงึ 120 โดยมีจาํ นวนหนง่ึ เปน 110 และมีคาเฉลีย่ เทา กบั 110........................................................................................................................................................................................................................................................................................

People Also Search

สถิติเป็นหัวข้อที่น้อง ๆ จะได้เจอตั้งแต่ ม.1 – ม.3 โดยในบทความนี้ พี่จะขอโฟกัสที่เนื้อหาสถิติ ม.2 ก่อนน้าา

สถิติเป็นหัวข้อที่น้อง ๆ จะได้เจอตั้งแต่ ม.1 – ม.3 โดยในบทความนี้ พี่จะขอโฟกัสที่เนื้อหาสถิติ ม.2 ก่อนน้าา ซึ่งพี่สรุปมาให้ครบทั้งเรื่องความหมาย แผนภาพ ค่ากลางต่าง ๆ ตัวอย่างโจทย์ และแบบฝึกหัดเสริมความเข้าใจให้น้อง ๆ ลองทำด้วย ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านกันเลยย สถิติเป็นศาสตร์และศิลป์ของการเรียนรู้จากข้อมูล ประกอบด้วยกระบวนการที่สำคัญ ได้แก่การเก็บรวบรวมข้อมูล, การจัดการข้อมูล, การวิเคราะห์ข้อมูล, การแปลค...

1 บทท่ี 1 สถติ (ิ 2)1.1 แผนภาพจดุ1.2 แผนภาพตน–ใบ1.3 ฮิสโทแกรม1.4 คา

1 บทท่ี 1 สถติ (ิ 2)1.1 แผนภาพจดุ1.2 แผนภาพตน–ใบ1.3 ฮิสโทแกรม1.4 คา กลางของขอมลูจุดประสงคข องบทเรยี นเมอื่ เรียนจบบทนแ้ี ลว นกั เรยี นสามารถ1. วิเคราะหและนําเสนอขอ มูลดวยแผนภาพจุด แผนภาพตน –ใบ และฮิสโทแกรม โดยใชเทคโนโลยที เ่ี หมาะสม รวมทง้ั อา นและแปลความหมายขอ มลู ทน่ี ําเสนอดว ยรปู แบบเหลา น้ี2. หาและเปรยี บเทียบคากลางขอมูล (คา เฉลย่ี เลขคณิต มธั ยฐาน และฐานนิยม) โดยใชเทคโนโลยท...

กาํ หนดน้าํ หนกั ของนกั เรียนช้นั ม.2 หองหนง่ึ เปนดงั นี้ 45

กาํ หนดน้าํ หนกั ของนกั เรียนช้นั ม.2 หองหนง่ึ เปนดงั นี้ 45 48 45 45 47 48 50 49 47 48 50 55 47 48 45 49 48 50 52 50 46 44 44 50 48... 2) น้ําหนกั สงู สดุ และตาํ่ สุดของนักเรียนหอ งนเ้ี ปนเทาใด............................................................................................................................................ 3) นักเรียนสวนมากหนกั เทาใด..................................

3) นกั เรยี นสวนมากไดคะแนนเทา ใด............................................................................................................................................คณิตศาสตร์ชว่ งชนั ที 3 ......................................................................................................................... 53.

3) นกั เรยี นสวนมากไดคะแนนเทา ใด............................................................................................................................................คณิตศาสตร์ชว่ งชนั ที 3 ......................................................................................................................... 53. ขอมลู เกี่ยวกบั ความสูง(เซนติเมตร) ของนักเรียนหอ งหนึง่ เปนดงั นี้ 168 1...

64. ในคาบเรียนวิชาคณติ ศาสตร ครใู หน กั เรียนจบั ชพี จรของตนเอง เพ่อื

64. ในคาบเรียนวิชาคณติ ศาสตร ครใู หน กั เรียนจบั ชพี จรของตนเอง เพ่อื หาอตั ราการเตน หัวใจ (ครัง้ ตอ นาท)ี ไดผลดงั แผนภาพจุดตอไปนี้              56 58 60 62... 2) พสิ ัยของอัตราการเตนของหัวใจของนกั เรียนเปนเทา ใด............................................................................................................................................ 3) นักเรีย...