เบื้องหลังเพาะปะการัง งานยากในภารกิจ กู้วิกฤตฟื้นชีวิตปะการังฟอกขาว Ep
วันนี้ (22 เม.ย.2568) ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยถึงสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในปัจจุบันว่า จากการเกิดปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่เมื่อปี 2567 ซึ่งมีสาเหตุจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น บางส่วนมีตะกอนทับถมในแนวปะการัง จึงส่งผลให้ปะการังเกิดความเครียดสูง ทำให้ปะการังขับสาหร่ายซูแซนเทลลีออกจากตัวปะการัง เมื่อสูญเสียสาหร่ายดังกล่าวไป ปะการังเข้าสู่ภาวะอ่อนแอและกลายเป็นสีขาว ทั้งนี้ สถานการณ์ปะการังฟอกขาวนั้นเริ่มเมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย.2567 มีการฟอกขาวประมาณร้อยละ 60-80 หลังจากนั้นปะการังที่ฟอกขาวค่อย ๆ ฟื้นตัวประมาณร้อยละ 60 และมีบางส่วนตายไปประมาณร้อยละ 40 และแนวปะการังในบางพื้นที่ที่ไม่พบปะการังฟอกขาว (บางส่วนอาจมีสีจางหรือฟอกขาวเล็กน้อย) ประมาณร้อยละ 10 จากการลงพื้นที่สำรวจล่าสุดพบว่า ในฝั่งทะเลอันดามันจากที่เคยมีการฟอกขาวสูงสุดประมาณร้อยละ 55 พบว่าการฟอกขาวมีอัตราการฟื้นตัวประมาณร้อยละ 60-70 พบการตายจากการฟอกขาวประมาณร้อยละ 30-40 ทางด้านฝั่งอ่าวไทยมีการฟอกขาวสูงสุดในเดือน พ.ค.2567 โดยฟอกขาวประมาณร้อยละ 90 ปะการังที่ตายและเสียหายมากคือปะการังบริเวณน้ำตื้น ส่วนปะการังน้ำลึกได้รับผลกระทบน้อยกว่า มีอัตราการฟื้นตัวประมาณร้อยละ 40-60 มีการตายจากการฟอกขาวประมาณร้อยละ 30-50 ในปัจจุบันทั้ง 2 พื้นที่ ไม่พบการฟอกขาวของปะการังแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นสถานการณ์ที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยการลดอัตราการตายและเสียหายจากสถานการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นผลมาจากนโยบาย ลด งด ช่วย ที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดถือเป็นแนวทางทั้งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์ทะเลนานาชนิด แต่ปะการังมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งสภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อปะการังทำให้เกิดภาวะ “ฟอกขาว”
ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต ออกจากปะการังและนำมาใช้สร้างอาหาร ดังนั้น หากปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่แยกจากกันก็จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของทั้งสองชนิด สาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของปะการังจนเกิดการฟอกขาวมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ สารเคมี และมลพิษต่าง ๆ ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ทั้งชุมชน เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมที่ไหลลงสู่ทะเล ทำให้สาหร่ายซูแซนเทลลี่หนีออกจากเนื้อเยื่อของปะการัง เพื่อหาที่อยู่ใหม่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า ทำให้ปะการังมีสีซีดจางลง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของความเค็มในน้ำทะเลอย่างรวดเร็วและภาวะโลกร้อน (global warming) ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นและร้อนผิดปกติ ปะการังไม่สามารถปรับตัวและทนต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ จึงส่งผลให้ปะการังเกิดการฟอกขาวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล เนื่องจากทำให้สูญเสียแหล่งอาหาร แหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเล จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสัตว์ทะเลจำนวนมากจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย จำนวนประชากรของสัตว์ทะเลลดลง และมีความเสี่ยงที่จะทำให้สัตว์ทะเลมีโอกาสสูญพันธุ์จนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารและความหลากหลายทางชีวภาพใต้ท้องทะเล การหยุดยั้งปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยแนวทางสำคัญที่ทุกคนสามารถร่วมมือกันทำได้ คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การเผาไหม้ในอุตสาหกรรม และการเผาป่า เป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน เพื่อลดอุณหภูมิของโลกและน้ำทะเล ซึ่งจะช่วยลดภาวะฟอกขาวของปะการังได้อีกด้วย นอกจากนี้ การอนุรักษ์แนวปะการังและการป้องกันมลพิษทางทะเล ควรมีมาตรการในการป้องกันและจัดการมลพิษจากน้ำเสีย สารเคมี และการประมงเกินขนาด รวมถึงการห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล เพื่อรักษาระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมทางทะเลให้มีความสมบูรณ์ มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโตของปะการังต่อไป ทุกคนคงเห็นแล้วว่า ปะการังฟอกขาวส่งผลกระทบที่ชัดเจนมาก ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชุมชนชายฝั่งและชาวประมงที่พึ่งพาทรัพยากรทางทะเล คงถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องตระหนักและร่วมมือกันลดภาวะโลกร้อนและดูแลรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและในน้ำ เพื่อคืนความสมดุลให้ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศทางทะเลให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมดีขึ้นอีกครั้ง เดือน เม.ย.2567 ที่ผ่านมา อุณหภูมิในประเทศไทย สูงขึ้นมากกว่า 40 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่ นอกจากส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในภาพรวมแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า สัตว์น้ำ และท้องทะเล โดยเฉพาะปะการัง ที่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA) และหน่วยงานความริเริ่มด้านแนวปะการังระหว่างประเทศ (ICRI) ประกาศภาวะ “ปะการังฟอกขาว” ครั้งใหญ่ ในระดับโลก ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2567 ที่ผ่านมา
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกและปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และส่งผลให้แนวปะการังทั่วโลกได้อย่างน้อย 54 ประเทศ และดินแดนเผชิญกับภาวะปะการังฟอกขาว ตั้งแต่เดือน ก.พ.2023 ที่ผ่านมา ซึ่งภาวะ “ปะการังฟอกขาว” จะเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิของมหาสมุทรอุ่นขึ้น จนเกินจุดที่ปะการังจะทนไหว ซึ่งแน่นอนว่า ก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโลกเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำในมหาสมุทรอุ่นขึ้น และทำให้ “ปะการังฟอกขาว” เนื่องจากความร้อนในน้ำทำให้ปะการังขับเอาสาหร่ายที่มีสีสันสดใสซึ่งอาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการังออกไปจากตัวเอง แนวปะการังถูกขนานนามว่าเป็น "ป่าฝนแห่งท้องทะเล" เพราะแม้จะครอบคลุมพื้นที่เพียง 1% ของพื้นมหาสมุทร แต่กลับเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตทางทะเลกว่า 1 ใน 3 ของโลก และสนับสนุนชีวิตผู้คนมากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก แต่ตอนนี้ ‘บ้าน’ เหล่านั้นกำลังกลายเป็น 'สุสานใต้น้ำ' ตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 เป็นต้นมา โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ เมื่อแนวปะการังมากกว่า 84% ครอบคลุมอย่างน้อย 83 ประเทศและดินแดนทั่วโลกต้องเผชิญกับอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงเกินค่าปกติอย่างต่อเนื่อง ปรากฏการณ์นี้ได้จุดชนวนให้เกิดภาวะปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching) ในวงกว้าง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นการฟอกขาวที่รุนแรงที่สุด และแพร่กระจายกว้างขวางที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ นี่ไม่ใช่เพียงแค่ภัยพิบัติทางธรรมชาติเท่านั้น แต่เป็นสัญญาณเตือนอันน่าหวาดหวั่นถึงผลกระทบโดยตรงของ ‘ภาวะโลกร้อน’ (Global Warming) ที่กำลังกัดกร่อนระบบนิเวศทางทะเลที่เปราะบางและสำคัญที่สุดในโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนวปะการัง ซึ่งเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตทางทะเลนับล้านชนิด และเป็นแหล่งพึ่งพิงของมนุษย์นับพันล้านชีวิต กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตขั้นรุนแรง
เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวในครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแนวปะการัง Great Barrier Reef ในออสเตรเลียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แนวปะการังในทะเลแคริบเบียน เขตน่านน้ำของมหาสมุทรอินเดีย ไปจนถึงพื้นที่ทางชายฝั่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นศูนย์กลางของความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ตามรายงานล่าสุดจาก International Coral Reef Initiative (ICRI) และองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NOAA) เหตุการณ์นี้นับเป็นการฟอกขาวระดับโลกครั้งที่ 4 ที่มีการบันทึกไว้ และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เป็นครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงสิบปี สะท้อนถึงความเร่งด่วนที่โลกต้องเผชิญหน้าและลงมือแก้ไขก่อนที่แนวปะการังจะกลายเป็นเพียงความทรงจำใต้ทะเล
People Also Search
- เบื้องหลังการเพาะปะการัง โจทย์ยากในภารกิจ กู้วิกฤตฟื้นชีวิตปะการังฟอก ...
- เบื้องหลังเพาะปะการัง งานยากในภารกิจ กู้วิกฤตฟื้นชีวิตปะการังฟอกขาว Ep ...
- ปะการังไทยปี 2568 หลังฟอกขาว สถานภาพเป็นอย่างไร - สมบูรณ์ดีแค่ไหน
- ปะการังไทยกลับมาแล้ว! ทส.ฟื้นฟู 24 ไร่ สู้ฟอกขาวสำเร็จ
- เฉลิมชัย ชี้ปะการังฟอกขาวฟื้นตัวดีขึ้น 40% กรมทะเลเตรียมแผนฟื้นฟู ...
- "ปะการังฟอกขาว" วิกฤตท้องทะเล - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ ...
- "ปะการังฟอกขาว" ภาพสะท้อน "โลกร้อน" ขั้นวิกฤต
- วิกฤติปะการังฟอกขาว ครั้งประวัติศาสตร์ 84% กลายเป็นสุสานใต้น้ำ
- ใต้เส้น Highlight EP.04 : เจาะสถานการณ์ปะการังไทย "อนุรักษ์ - ฟื้นฟู ...
- ปะการังไทยฟื้นแล้ว 60% หลังเจอวิกฤตฟอกขาวหนัก
วันนี้ (22 เม.ย.2568) ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยถึงสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในปัจจุบันว่า จากการเกิดปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่เมื่อปี 2567 ซึ่งมีสาเหตุจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น
วันนี้ (22 เม.ย.2568) ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยถึงสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในปัจจุบันว่า จากการเกิดปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่เมื่อปี 2567 ซึ่งมีสาเหตุจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น บางส่วนมีตะกอนทับถมในแนวปะการัง จึงส่งผลให้ปะการังเกิดความเครียดสูง ทำให้ปะการังขับสาหร่ายซูแซนเทลลีออกจากตัวปะการัง เมื่อสูญเสียสาหร่ายดังกล่าวไป ปะการังเข้าสู่ภาวะอ่อนแอและกลายเป็นสีขาว ทั้งนี้ ...
ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น
ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต ออ...
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกและปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และส่งผลให้แนวปะการังทั่วโลกได้อย่างน้อย 54 ประเทศ และดินแดนเผชิญกับภาวะปะการังฟอกขาว ตั้งแต่เดือน ก.พ.2023 ที่ผ่านมา ซึ่งภาวะ
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกและปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และส่งผลให้แนวปะการังทั่วโลกได้อย่างน้อย 54 ประเทศ และดินแดนเผชิญกับภาวะปะการังฟอกขาว ตั้งแต่เดือน ก.พ.2023 ที่ผ่านมา ซึ่งภาวะ “ปะการังฟอกขาว” จะเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิของมหาสมุทรอุ่นขึ้น จนเกินจุดที่ปะการังจะทนไหว ซึ่งแน่นอนว่า ก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโ...
เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวในครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแนวปะการัง Great Barrier Reef ในออสเตรเลียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แนวปะการังในทะเลแคริบเบียน เขตน่านน้ำของมหาสมุทรอินเดีย ไปจนถึงพื้นที่ทางชายฝั่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นศูนย์กลางของความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ตามรายงานล่าสุดจาก
เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวในครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแนวปะการัง Great Barrier Reef ในออสเตรเลียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แนวปะการังในทะเลแคริบเบียน เขตน่านน้ำของมหาสมุทรอินเดีย ไปจนถึงพื้นที่ทางชายฝั่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นศูนย์กลางของความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ตามรายงานล่าสุดจาก International Coral Reef Initiative (ICRI) และองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศ...