โลกรวน ข้อมูลดาวเทียมชี้ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย Tei
Choose to Reuse, Stop Using and Disposing: Can It Become a Reality? "Adapt to Live, Know to Survive with TEI: 'Rain Bomb' – The Major Catastrophe of Climate Change" TEI ร่วมกับอำเภอภูซาง และ สวพส. จัดกระบวนการพัฒนาศักยภาพผู้นำเมืองคอบ & ภูซาง เมืองคู่ขนาน ส่งเสริมการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ ร่วมแก้ปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน (In Thai) TEI ร่วมบรรยายพิเศษในงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (In Thai) © copyright 2022 | Thailand Environment Institute Foundation
ที่มา https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9680000013051 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชน ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อม ได้ทำโพลสำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมที่คนไทยให้ความสำคัญในปีที่ผ่านมา (2567) พบว่า 3 อันดับแรกที่คนไทยห่วงด้านสิ่งแวดล้อม คือ ปัญหาโลกร้อน รองมาคือปัญหาขยะมูลฝอยที่จัดการไม่ถูกต้อง ปัญหา PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และประเด็นการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ มาเป็นอันดับ 4 ขณะที่ผลสำรวจคนไทยมองว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมในทุกประเด็น เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน ซึ่งหากไม่ได้รับความร่วมมือในการแก้ไขก็จะส่งผลต่อการจัดการทรัพยากรทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ผู้ตอบแบบสอบถามได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมทุกเรื่องเชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน ดังนั้นจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน ไม่ใช่เพียงคนหนึ่งคน หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือหน่วยงานภาครัฐเท่านั้นเพราะหากลงมือทำโดยไม่ได้รับความร่วมมือก็ไม่สามารถจัดการและแก้ไขปัญหาได้ พร้อมมีข้อเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะภาครัฐควรมีมาตรการจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างเข้มงวดและชัดเจน ตามลำดับความสำคัญของปัญหาบนพื้นฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)120 หมู่ที่ 3 ชั้น 9 อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะแขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 Tel : +66 (0) 2141 9790 | Fax : +66 (0) 2143 8400 | E-Mail : info@tgo.or.th สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชน ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อม ได้ทำโพลสำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมที่คนไทยให้ความสำคัญในปีที่ผ่านมา (2567) พบว่า 3 อันดับแรกที่คนไทยห่วงด้านสิ่งแวดล้อม คือ ปัญหาโลกร้อน รองมาคือปัญหาขยะมูลฝอยที่จัดการไม่ถูกต้อง ปัญหาPM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และประเด็นการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ มาเป็นอันดับ 4 ขณะที่ผลสำรวจคนไทยมองว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมในทุกประเด็น เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน ซึ่งหากไม่ได้รับความร่วมมือในการแก้ไขก็จะส่งผลต่อการจัดการทรัพยากรทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
ดร.วิจารย์ สิมายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI รวบรวมผลสำรวจที่ทางTEI จัดทำขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในประเทศไทยพบว่า อันดับ 1 (20.3 %) คนไทยให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน ที่ในปีที่2567 ถือเป็นปีแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงเกินกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม (ปีศ.ศ. 1900) กว่า 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งหลายคนให้เหตุว่า อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ตามมา เช่น การแปรปรวนสภาพอากาศที่ทำให้เกิดอุทกภัยธรรมชาติในหลายพื้นที่ ภัยแล้งในบางพื้นที่ การสูญเสียระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ผลกระทบต่อแหล่งอาหารการเกษตรและสุขภาพของมนุษย์ และอีกหนึ่งปัญหาที่คนไทยให้ความสำคัญตามมาติดๆ ปัญหาขยะมูลฝอยจัดการไม่ถูกต้องที่มีถึง (19.1%) โดยส่วนใหญ่ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ขยะมูลฝอยที่เพิ่มขึ้นถึง 28- 29 ล้านตันต่อปี หากการบริหารจัดการขยะไม่ดี ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขอนามัย สุขภาพเศรษฐกิจและสังคม อีกด้วย รวมทั้งมองว่าปัญหาขยะมูลฝอยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนานยังไม่สามารถจัดการได้อย่างถูกต้อง เพราะประชาชนทั่วไปยังไม่รู้จักการคัดแยกขยะประเภทต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และความสำคัญในการคัดแยกขยะที่ต้นทาง... ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญเป็นอันดับที่ 3 ในผลสำรวจคือ ปัญหาฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว (PM2.5)(13.1%) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ส่วนมากจากมลพิษทางการจราจร ที่มีผู้ใช้ยานพาหะเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการปล่อยควันรถบนท้องถนน และการ เผาในพื้นที่เกษตรในบริเวณชานเมืองและจังหวัดใกล้เคียง ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาที่มีลักษณะอากาศนิ่ง และไม่เอื้ออำนวยต่อการกระจายตัวของอากาศ ซึ่งจากผลสำรวจให้เหตุผลส่วนใหญ่ว่าปัญหา PM2.5 ใน กรุงเทพมหานครเป็นปัญหาสำคัญ เพราะไม่ได้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่กระทบต่อการดำเนินชีวิตและสุขภาพคนในเมืองระยะยาว ดังนั้นควรเร่งรัดแก้ไขที่ทำได้เพื่อลดมลพิษทางอากาศที่แหล่งกำเนิดต่างๆ ขณะที่จากผลสำรวจพบว่า ประเด็นการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพเป็นอันดับที่ 4 (8.2%) โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มองว่าการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นปัญหาสำคัญเนื่องจากความหลากหลายทางชีวภาพเป็นดัชนีชี้วัดระบบนิเวศที่สำคัญ การสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นหากความหลากหลายทางชีวภาพลดลงก็จะแสดงถึงสมดุลล่มสลาย ที่การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพส่งผลกระทบในวงกว้างกับมิติอื่นๆ เช่นความมั่นคงทางอาหารและคุณภาพชีวิต และอีกหนึ่งเหตุผลที่น่าสนใจคือ การขยายพื้นที่เมือง ประกอบกับการจัดการพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมรุกล้ำพื้นที่ป่า หรือพื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติส่งผลให้กระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ จนทำให้ทรัพยากรในพื้นที่ลดลงและนำมาสู่การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้นจึงควรบริหารจัดการพื้นที่ให้เหมาะสม ควบคุมพื้นที่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ประมง จัดโซนการใช้ประโยชน์ ฯลฯ ให้ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังคงครองแชมป์ที่ทั่วโลกและประเทศไทยให้ความสำคัญ ในขณะที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยประเทศไทยได้มีการเพิ่มระดับความเข้มงวดปรับค่ามาตรฐานของPM 2.5
โดยปรับค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง เป็น 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากเดิม 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าเฉลี่ยรายปีเป็น 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากเดิม 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ผู้เขียนได้เปิดเผยการคาดการณ์สถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลกที่ทั่วโลกจับตาคือ เรื่องของเชื้อเพลิงที่ใช้ ที่จะต้องเร่งดำเนินการเปลี่ยนจากพลังงานถ่านหินหรือปิโตรเลียมไปสู่แหล่งพลังงานสะอาด เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ก่อนพ.ศ. 2593 ขณะเดียวกันการส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า รถใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต้องคำนึงถึงการเตรียมพร้อมจัดการเรื่องของแบตเตอรี่และโซลาเซลล์ที่จะทยอยหมดอายุลง ส่วนเรื่องของขยะ และน้ำเสีย หลายพื้นที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤต ผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้จากปรากฎการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือน้ำทะเลสีเขียว การจัดการขยะ ขยะพลาสติก และการบำบัดน้ำเสียในพื้นที่วิกฤต รวมถึงการนำน้ำเสียมาใช้ประโยชน์ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI เผลสำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมที่คนไทยให้ความสำคัญในปีที่ผ่านมา (2567) พบว่า 3 อันดับแรกที่คนไทยห่วงด้านสิ่งแวดล้อม คือ ปัญหาโลกร้อน รองมาคือปัญหาขยะมูลฝอยที่จัดการไม่ถูกต้อง ปัญหา PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และประเด็นการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ มาเป็นอันดับ 4 ขณะที่ผลสำรวจคนไทยมองว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมในทุกประเด็น เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน ซึ่งหากไม่ได้รับความร่วมมือในการแก้ไขก็จะส่งผลต่อการจัดการทรัพยากรทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
ดร.วิจารย์ สิมายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย รวบรวมผลสำรวจที่ทางTEI จัดทำขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในประเทศไทยพบว่า อันดับ 1 (20.3 %) คนไทยให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน ที่ในปีที่2567 ถือเป็นปีแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงเกินกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม (ปีศ.ศ. 1900) กว่า 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งหลายคนให้เหตุว่า อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ตามมา เช่น การแปรปรวนสภาพอากาศที่ทำให้เกิดอุทกภัยธรรมชาติในหลายพื้นที่ ภัยแล้งในบางพื้นที่ การสูญเสียระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ผลกระทบต่อแหล่งอาหารการเกษตรและสุขภาพของมนุษย์ อีกหนึ่งปัญหาที่คนไทยให้ความสำคัญตามมาติด ๆ ปัญหาขยะมูลฝอยจัดการไม่ถูกต้องที่มีถึง (19.1%) โดยส่วนใหญ่ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ขยะมูลฝอยที่เพิ่มขึ้นถึง 28- 29 ล้านตันต่อปี หากการบริหารจัดการขยะไม่ดี ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขอนามัย สุขภาพเศรษฐกิจและสังคม อีกด้วย รวมทั้งมองว่าปัญหาขยะมูลฝอยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนานยังไม่สามารถจัดการได้อย่างถูกต้อง เพราะประชาชนทั่วไปยังไม่รู้จักการคัดแยกขยะประเภทต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และความสำคัญในการคัดแยกขยะที่ต้นทาง ดังนั้นควรมีการสร้างความตระหนักรู้ ปลูกฝัง การคัดแยกขยะตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มต้นที่สถานศึกษา และชุมชน ในขณะเดียวกัน ภาครัฐโดยเฉพาะท้องถิ่นต้องมีระบบการจัดการที่ดี และควรมีกฎหมายหรือข้อบังคับที่ใช้ชัดเจน ขณะเดียวกันควรสร้างความตระหนักรู้ถึงการคัดแยกขยะว่าจะมีประโยชน์อย่างไรกับตนเอง รวมทั้งการส่งเสริมให้เอกชนลงทุนในการจัดการขยะมูลฝอยครบวงจร ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญเป็นอันดับที่ 3 ในผลสำรวจคือ ปัญหาฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว (PM2.5)(13.1%) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ส่วนมากจากมลพิษทางการจราจร ที่มีผู้ใช้ยานพาหะเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการปล่อยควันรถบนท้องถนน และการ เผาในพื้นที่เกษตรในบริเวณชานเมืองและจังหวัดใกล้เคียง ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาที่มีลักษณะอากาศนิ่ง และไม่เอื้ออำนวยต่อการกระจายตัวของอากาศ ซึ่งจากผลสำรวจให้เหตุผลส่วนใหญ่ว่าปัญหา PM2.5 ใน กรุงเทพมหานครเป็นปัญหาสำคัญ เพราะไม่ได้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่กระทบต่อการดำเนินชีวิตและสุขภาพคนในเมืองระยะยาว ดังนั้นควรเร่งรัดแก้ไขที่ทำได้เพื่อลดมลพิษทางอากาศที่แหล่งกำเนิดต่างๆ
People Also Search
- TEI: Thailand Environment Institute | There is a good foundation for ...
- โลกรวน: ข้อมูลดาวเทียมชี้... - สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย - Tei
- 16 กุมภาพันธ์ 2568 ผลสำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมไทย ชี้คนไทยห่วง "โลกร้อน ...
- TGO E-Learning | โลกรวน: ข้อมูลดาวเทียมชี้ วัฏจักรน้ำของโลกเปลี่ยนแปลง ...
- สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เผย ผลสำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมไทย โลกร้อนมาเป็นอันดับ ...
- สรุปปัญหาสิ่งแวดล้อมปี 2567 จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย พบไทยและโลกเผชิญ ...
- สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย - TEI - YouTube
- Tei จับตาสิ่งแวดล้อมโลกและสิ่งแวดล้อมไทย ปี 67
- เปิดเทคโนโลยีและนวัตกรรม... - สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย - Tei
- สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เผยผลสำรวจปัญหาโลกร้อนมาเป็นอันดับ 1
Choose To Reuse, Stop Using And Disposing: Can It Become
Choose to Reuse, Stop Using and Disposing: Can It Become a Reality? "Adapt to Live, Know to Survive with TEI: 'Rain Bomb' – The Major Catastrophe of Climate Change" TEI ร่วมกับอำเภอภูซาง และ สวพส. จัดกระบวนการพัฒนาศักยภาพผู้นำเมืองคอบ & ภูซาง เมืองคู่ขนาน ส่งเสริมการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ ร่วมแก้ปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน (In Thai) TEI ร่วมบรรยายพิเศษในงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางว...
ที่มา Https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9680000013051 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชน ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อม ได้ทำโพลสำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมที่คนไทยให้ความสำคัญในปีที่ผ่านมา (2567) พบว่า
ที่มา https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9680000013051 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชน ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อม ได้ทำโพลสำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมที่คนไทยให้ความสำคัญในปีที่ผ่านมา (2567) พบว่า 3 อันดับแรกที่คนไทยห่วงด้านสิ่งแวดล้อม คือ ปัญหาโลกร้อน รองมาคือปัญหาขยะมูลฝอยที่จัดการไม่ถูกต้อง ปัญหา PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และประเด็นการสูญเสียความหลากห...
ดร.วิจารย์ สิมายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI รวบรวมผลสำรวจที่ทางTEI จัดทำขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในประเทศไทยพบว่า อันดับ 1 (20.3
ดร.วิจารย์ สิมายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI รวบรวมผลสำรวจที่ทางTEI จัดทำขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในประเทศไทยพบว่า อันดับ 1 (20.3 %) คนไทยให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน ที่ในปีที่2567 ถือเป็นปีแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงเกินกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม (ปีศ.ศ. 1900) กว่า 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งหลายคนให้เหตุว่า อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแ...
โดยปรับค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง เป็น 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากเดิม 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าเฉลี่ยรายปีเป็น
โดยปรับค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง เป็น 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากเดิม 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าเฉลี่ยรายปีเป็น 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากเดิม 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ผู้เขียนได้เปิดเผยการคาดการณ์สถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลกที่ทั่วโลกจับตาคือ เรื่องของเชื้อเพลิงที่ใช้ ที่จะต้องเร่งดำเนินการเปลี่ยนจากพลังงานถ่านหินหรือปิโตรเลียมไปสู่แหล่งพลังงานสะอาด เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้...
ดร.วิจารย์ สิมายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย รวบรวมผลสำรวจที่ทางTEI จัดทำขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในประเทศไทยพบว่า อันดับ 1 (20.3 %) คนไทยให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน
ดร.วิจารย์ สิมายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย รวบรวมผลสำรวจที่ทางTEI จัดทำขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในประเทศไทยพบว่า อันดับ 1 (20.3 %) คนไทยให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน ที่ในปีที่2567 ถือเป็นปีแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงเกินกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม (ปีศ.ศ. 1900) กว่า 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งหลายคนให้เหตุว่า อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอื่...