โลกร้อน ทําทะเลรับบทหนักดูดซับคาร์บอน ซ้ํา ขยะ คร่าชีวิตสัตว์ทะเล

Leo Migdal
-
โลกร้อน ทําทะเลรับบทหนักดูดซับคาร์บอน ซ้ํา ขยะ คร่าชีวิตสัตว์ทะเล

แน่นอนห่วงโซ่อาหารลำดับเกือบสุดท้ายอย่าง “มนุษย์” ก็ได้รับผลกระทบในแง่แหล่งอาหารที่จะหายากขึ้นตามไปด้วย รัตนาวลี พูลสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยา กรมประมง กล่าวว่า น้ำทะเลดูดซับพลังงานความร้อน ของโลกไว้ 90% เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้น และเมื่อรวมกับการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอยู่ประมาณ 30% ก็เป็นอีกตัวการที่ทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง นำไปสู่สภาวะ “น้ำทะเลมีความเป็นกรด” โดยเฉลี่ยน้ำทะเลจะสูงขึ้นปีละประมาณ 3.1 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งจะสูญเสียพื้นที่ชายฝั่งมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลวัยอ่อน แหล่งผสมพันธ์ุ อย่างเต่า ปลา รวมถึงกุ้ง รวมถึงชุมชนประมงชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน จะต้องปรับตัว ถ้าปรับตัวไม่ได้ชาวประมงอาจสูญเสียอาชีพ หรือพึ่งพาท้องทะเลได้น้อยลง เพราะโลกร้อนทำให้การพยากรณ์อากาศแม่นยำน้อยลง หรือ ที่เรียกว่า “โลกรวน” นั่นเอง ในภาคการประมงนั้นต้องมีการรับมือการเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลสามารถทำได้ด้วยการ ใช้น้ำหรือทรัพยากรอย่างมีคุณค่า รวมถึงการใช้ IOT (Internet of Things) ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำ และอุณหภูมิน้ำในแหล่งอนุบาลอีกด้วย แต่การควบคุมน้ำทะเลนั้นเป็นเรื่องที่ยากเพราะมีหลายปัจจัยอย่างภาวะโลกร้อน น้ำเสียในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งการรับมือทำได้แค่ในเบื้องต้นเท่านั้น “สัตว์ทะเลนั้นก็ได้มีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดต่ออุณหภูมิน้ำที่เปลี่ยนไปมากขึ้น อย่างการเปลี่ยนฤดูกาลการวางไข่ การฟื้นตัวของปะการังที่ฟอกขาว แต่ก็ยังมีสัตว์ทะเลบางส่วน รวม 20-30% เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ” รู้ไหมว่านอกจากต้นไม้ที่ทำหน้าที่ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรยังมีส่วนช่วยในการกักเก็บคาร์บอนได้ด้วย

จากการศึกษาสัตว์ทะเลมีกระดูกสันหลังสามารถช่วยดักจับและแยกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ รู้ไหมว่าสัตว์ทะเลอันดับต้นๆ ที่ช่วยกู้โลกร้อน คือ วาฬ ซึ่งปลาวาฬจะสะสมคาร์บอนในร่างกายตลอดในช่วงชีวิตที่ยืนยาว บางตัวอาจมีอายุยาวนานถึง 200 ปี เมื่อวาฬตายพวกมันจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรและนำคาร์บอนลงไปด้วย และการวิจัยแสดงให้เห็นว่าวาฬยักษ์แต่ละตัวกักก๊าซเก็บคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ยประมาณ 33 ตัน ขณะที่ต้นไม้ในช่วงเวลาเดียวกันมีส่วนช่วยในการดูดซับคาร์บอนเพียงร้อยละ 3 ของปลาวาฬเท่านั้น ซึ่งวาฬสามารถกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าต้นโอ๊กถึง 2 เท่า ส่วนสัตว์มีกระดูกสันหลังในทะเลชนิดอื่นๆ กักเก็บคาร์บอนได้ในปริมาณที่น้อยกว่าด้วยระยะเวลาที่สั้นกว่า แต่ความจุรวมเรียกว่า "คาร์บอนชีวมวล" การปกป้องและเสริมสร้างการกักเก็บคาร์บอนสีน้ำเงินในมหาสมุทรในสัตว์ทะเลอาจนำไปสู่ประโยชน์ในการอนุรักษ์และบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การศึกษานำร่องเชิงนวัตกรรมซึ่งดำเนินการในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ช่วยให้เข้าใจศักยภาพของคาร์บอนสีน้ำเงินในมหาสมุทรในการจัดการกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และในการสนับสนุนการประมงที่ยั่งยืนและนโยบายทางทะเล หากทะเลไร้ชีวิต โลกจะร้อนขึ้นเร็วและดูดซับคาร์บอนได้น้อยลง เคยจินตนาการไหมว่า หากสิ่งมีชีวิตในทะเลหายไปหมด ตั้งแต่แพลงก์ตอนจนถึงวาฬ โลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร?

งานวิจัยล่าสุดจาก NORCE และศูนย์ Bjerknes ได้จำลองสถานการณ์นี้ เพื่อทำความเข้าใจบทบาทของสิ่งมีชีวิตในทะเลที่มีต่อสภาพภูมิอากาศของโลกในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ปกติแล้ว ทะเลเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนขนาดมหึมา โดยช่วยดูดซับคาร์บอนจากกิจกรรมของมนุษย์ราว 25% แต่การดูดซับนี้ไม่ได้เกิดจากกระบวนการทางกายภาพเพียงอย่างเดียว หากยังต้องพึ่งพาสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วอย่างแพลงก์ตอน ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อย่างปลาวาฬผ่านกลไกสำคัญที่เรียกว่า “การดูดซับคาร์บอนทางชีวภาพ” (Biological Carbon Pump) กลไกนี้ทำงานเมื่อสิ่งมีชีวิตในทะเลบริโภคคาร์บอนบริเวณผิวน้ำ และเมื่อพวกมันตาย ซากของพวกมันจะจมลงสู่ก้นทะเลพร้อมคาร์บอนที่ถูกตรึงไว้ เป็นการนำคาร์บอนออกจากบรรยากาศอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อนักวิจัยจำลองโลกที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตในทะเลเลย พบว่าระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศพุ่งสูงขึ้นถึง 50% แม้ว่าระบบนิเวศบนบกจะพยายามชดเชยโดยดูดซับคาร์บอนเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการสูญเสียความสามารถในการดูดซับคาร์บอนของมหาสมุทรได้ทั้งหมด ทีมนักวิทยาศาสตร์อเมริกัน ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นให้มหาสมุทรซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลก สามารถต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศผิดธรรมชาติได้ดีขึ้นกว่าเดิม บริเวณท่าเรือในนครลอสแองเจลิส มีสิ่งลักษณะแปลกตา ที่ถูกปกคลุมด้วยท่อและถัง แนวคิดใหม่ที่นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยจะใช้ท้องทะเลในมหาสมุทร ให้เหมือนกับเป็น “ฟองน้ำ” เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อต่อสู้กับปัญหาโลกร้อน

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแอนเจลิส (UCLA) ได้ใช้เวลาสองปีในโครงการ SeaChange ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องการทำให้ท้องทะเลเพิ่มปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ กอราฟ แซนต์ ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการจัดการคาร์บอน (ICM) ของมหาวิทยาลัย กล่าวว่าเป้าหมายคือ "ใช้มหาสมุทรเป็นฟองน้ำขนาดใหญ่" มหาสมุทรซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นอ่างกักเก็บคาร์บอนหลักของโลกอยู่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดโลกร้อน ว่ากันว่า "บลูคาร์บอน" (Blue Carbon) คือความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ ในการต่อสู้กับวิกฤตโลกเดือด ด้วยการช่วยดูดซับ และกักเก็บก๊าซคาร์บอนได้ในอากาศเอาไว้ สปริงชวนเปิดมุมมองผ่าน 2 ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยบูรพา กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ไม่ว่าจะในระดับชีวิตประจำวัน หรือการปล่อยมลพิษจากระบบอุตสาหกรรม ล้วนก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สภาพอากาศโลกแปรปรวน การเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้คือหนึ่งในวิธีที่หลายประเทศทั่วโลกทำอย่างจริงจัง ด้วยเห็นว่าสามารถดูดซับ และกักเก็บก๊าซคาร์บอนในอากาศได้

แต่ปล่อยให้ต้นไม้บนบกทำหน้าที่อยู่ฝ่ายเดียวคงไม่ทันการ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจึงชี้ให้เห็นว่า ระบบนิเวศทางทะเลก็สามารถทำหน้าที่นั้นได้เช่นเดียวกัน และอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าเสียด้วย ด้วยเหตุนี้ แนวคิดเรื่อง “Blue Carbon” ระบบนิเวศทางทะเล ตัวช่วยดูดซับ และกักเก็บก๊าซคาร์บอนในอากาศจึงเป็นเรื่องที่เหล่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ รวมถึงองค์กรต่าง ๆ กำลังให้ความสำคัญ แต่คำถามคือเรารู้จักคาร์บอนสีน้ำเงินกันมากน้อยแค่ไหน?

People Also Search

แน่นอนห่วงโซ่อาหารลำดับเกือบสุดท้ายอย่าง “มนุษย์” ก็ได้รับผลกระทบในแง่แหล่งอาหารที่จะหายากขึ้นตามไปด้วย รัตนาวลี พูลสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยา กรมประมง กล่าวว่า น้ำทะเลดูดซับพลังงานความร้อน ของโลกไว้

แน่นอนห่วงโซ่อาหารลำดับเกือบสุดท้ายอย่าง “มนุษย์” ก็ได้รับผลกระทบในแง่แหล่งอาหารที่จะหายากขึ้นตามไปด้วย รัตนาวลี พูลสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยา กรมประมง กล่าวว่า น้ำทะเลดูดซับพลังงานความร้อน ของโลกไว้ 90% เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้น และเมื่อรวมกับการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอยู่ประมาณ 30% ก็เป็นอีกตัวการที่ทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง นำไปสู่สภาวะ “น้ำทะเลมีความเป็นกรด” โดยเฉลี่ยน้ำทะเลจะสูงข...

จากการศึกษาสัตว์ทะเลมีกระดูกสันหลังสามารถช่วยดักจับและแยกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ รู้ไหมว่าสัตว์ทะเลอันดับต้นๆ ที่ช่วยกู้โลกร้อน คือ วาฬ ซึ่งปลาวาฬจะสะสมคาร์บอนในร่างกายตลอดในช่วงชีวิตที่ยืนยาว บางตัวอาจมีอายุยาวนานถึง 200 ปี

จากการศึกษาสัตว์ทะเลมีกระดูกสันหลังสามารถช่วยดักจับและแยกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ รู้ไหมว่าสัตว์ทะเลอันดับต้นๆ ที่ช่วยกู้โลกร้อน คือ วาฬ ซึ่งปลาวาฬจะสะสมคาร์บอนในร่างกายตลอดในช่วงชีวิตที่ยืนยาว บางตัวอาจมีอายุยาวนานถึง 200 ปี เมื่อวาฬตายพวกมันจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรและนำคาร์บอนลงไปด้วย และการวิจัยแสดงให้เห็นว่าวาฬยักษ์แต่ละตัวกักก๊าซเก็บคาร์บอนไดออกไซด์โ...

งานวิจัยล่าสุดจาก NORCE และศูนย์ Bjerknes ได้จำลองสถานการณ์นี้ เพื่อทำความเข้าใจบทบาทของสิ่งมีชีวิตในทะเลที่มีต่อสภาพภูมิอากาศของโลกในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ปกติแล้ว ทะเลเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนขนาดมหึมา

งานวิจัยล่าสุดจาก NORCE และศูนย์ Bjerknes ได้จำลองสถานการณ์นี้ เพื่อทำความเข้าใจบทบาทของสิ่งมีชีวิตในทะเลที่มีต่อสภาพภูมิอากาศของโลกในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ปกติแล้ว ทะเลเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนขนาดมหึมา โดยช่วยดูดซับคาร์บอนจากกิจกรรมของมนุษย์ราว 25% แต่การดูดซับนี้ไม่ได้เกิดจากกระบวนการทางกายภาพเพียงอย่างเดียว หากยังต้องพึ่งพาสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วอย่างแพลงก์ตอน ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อย่างปลาวาฬผ่...

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแอนเจลิส (UCLA) ได้ใช้เวลาสองปีในโครงการ SeaChange ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องการทำให้ท้องทะเลเพิ่มปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ กอราฟ แซนต์ ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการจัดการคาร์บอน

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแอนเจลิส (UCLA) ได้ใช้เวลาสองปีในโครงการ SeaChange ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องการทำให้ท้องทะเลเพิ่มปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ กอราฟ แซนต์ ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการจัดการคาร์บอน (ICM) ของมหาวิทยาลัย กล่าวว่าเป้าหมายคือ "ใช้มหาสมุทรเป็นฟองน้ำขนาดใหญ่" มหาสมุทรซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นอ่างกักเก็บค...

แต่ปล่อยให้ต้นไม้บนบกทำหน้าที่อยู่ฝ่ายเดียวคงไม่ทันการ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจึงชี้ให้เห็นว่า ระบบนิเวศทางทะเลก็สามารถทำหน้าที่นั้นได้เช่นเดียวกัน และอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าเสียด้วย ด้วยเหตุนี้ แนวคิดเรื่อง “Blue Carbon” ระบบนิเวศทางทะเล ตัวช่วยดูดซับ

แต่ปล่อยให้ต้นไม้บนบกทำหน้าที่อยู่ฝ่ายเดียวคงไม่ทันการ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจึงชี้ให้เห็นว่า ระบบนิเวศทางทะเลก็สามารถทำหน้าที่นั้นได้เช่นเดียวกัน และอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าเสียด้วย ด้วยเหตุนี้ แนวคิดเรื่อง “Blue Carbon” ระบบนิเวศทางทะเล ตัวช่วยดูดซับ และกักเก็บก๊าซคาร์บอนในอากาศจึงเป็นเรื่องที่เหล่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ รวมถึงองค์กรต่าง ๆ กำลังให้ความสำคัญ แต่คำถามคือเรารู้จักคาร์บอนสีน้ำเงินกันมากน...