ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ เยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ ย้ําสัมพันธ์ 50 ปี
ในระหว่างวันที่ 13 - 17 พ.ย. นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของประธานาธิบดีนายสี จิ้นผิงของจีน สำนักพระราชวังระบุว่า การเสด็จพระราชดำเนินเยือนในครั้งนี้ เนื่องในโอกาสแห่งการเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 50 ปี พร้อมกับเป็นการกระชับสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิดระหว่างประเทศทั้งสองให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น ขณะที่เฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยได้เผยแพร่บทความของนายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเมื่อวานนี้ (12 พ.ย.) ว่า นี่ถือเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ไทยในรอบ 50 ปี นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ และเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศมหาอำนาจอย่างเป็นทางการครั้งแรกของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สะท้อนชัดว่าผู้นำสูงสุดของไทยให้ความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย เนื้อหาตอนท้ายยังตอกย้ำถึงความสำคัญของการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนครั้งนี้ว่า "การเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเหตุการณ์สำคัญทางการทูตเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทย จีนมุ่งหวังว่าการเยือนครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน–ไทยเกิดผลลัพธ์ที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อสืบสานมิตรภาพอันดีของสองประเทศและเปิดหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ พร้อมผลักดันความสัมพันธ์จีน–ไทยสู่ 50 ปีถัดไปที่รุ่งเรืองยิ่งขึ้น" ในโอกาสสำคัญทางประวัติศาสตร์นี้ บีบีซีไทยประมวลภาพเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและทางการจีนนับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในวันที่ 1 ก.ค.
2518 นาย จาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเผย การเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ ถือเป็นหมุดหมายประวัติศาสตร์สำคัญในรอบ 50 ปี นาย จาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเขียนบทความเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2025 ตามคำเชิญของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งนับเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ไทยในรอบ 50 ปี นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ การเยือนครั้งนี้ถือเป็นการเยือนประเทศมหาอำนาจอย่างเป็นทางการครั้งแรกของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สะท้อนชัดว่าผู้นำสูงสุดของไทยให้ความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย นายเจี้ยนเว่ย ระบุว่าความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทยที่แข็งแกร่งและมั่นคง ราชวงศ์ไทยทรงสนับสนุนความสัมพันธ์จีน-ไทยมาโดยตลอด นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี ค.ศ. 1975 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ผู้นำจีนหลายท่านเข้าเฝ้าฯ เช่น เติ้ง เสี่ยวผิง, เจียง เจ๋อหมิน, หลี่ เผิง, หู จิ่นเทา และเวิน เจียบา เป็นต้น ในปี ค.ศ.
1978 รองนายกรัฐมนตรีจีน เติ้ง เสี่ยวผิง ได้เยือนประเทศไทย และได้เข้าร่วมพระราชพิธีทรงผนวชในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำสูงสุดของทั้งสองประเทศให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาสัมพันธ์จีน-ไทย ในปี ค.ศ. 2000 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีได้เสด็จแทนพระองค์เยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย และในระหว่างปี ค.ศ. 1987 ถึง 1998 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้เสด็จเยือนจีนถึง 4 ครั้ง โดยได้พบกับผู้นำจีนหลายท่าน และเสด็จพระราชดำเนินเยือนกว่า 10 มณฑล เมืองและเขตปกครองตนเองในประเทศจีน อาทิ ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, เจียงซู, ซินเจียง, และซึจั้ง เป็นต้น นอกจากนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังได้เสด็จเยือนจีนมาแล้วกว่า 50 ครั้ง และทรงเป็นมิตรที่ใกล้ชิดของจีนและเป็นทูตสันถวไมตรีที่โดดเด่นระหว่างจีน-ไทย ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ถวายเครื่องอิสริยาภรณ์ รัฐมิตรภรณ์ แด่กรมสมเด็จพระเทพ ฯ... ผู้นำทั้งสองประเทศได้ร่วมกันขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เจริญก้าวหน้า โดยในปี ค.ศ. 2011 ฯพณฯ สี จิ้นผิงซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีจีน ได้เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และในปี ค.ศ.
2012 จีนและไทยได้ประกาศความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 2016 และในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในปี ค.ศ. 2019 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ส่งสาส์นถวายพระพร และแสดงความตั้งใจที่จะร่วมมือกับพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ในปี ค.ศ. 2022 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้เยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 13 – 17 พฤศจิกายน 2568 ในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน การเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พระมหากษัตริย์ไทยจะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญและสะท้อนถึงความใกล้ชิด ความไว้วางใจ และมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างสองประเทศในทุกระดับ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญสูงสุดต่อภารกิจระดับประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ โดยรัฐบาลได้มีการเตรียมการอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ เพื่อให้การเสด็จพระราชดำเนินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติ ทั้งนี้ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายกรัฐมนตรีได้หารือกับ นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน และในช่วงการประชุมผู้นำเอเปค ณ สาธารณรัฐเกาหลี นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือเต็มคณะร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยยืนยันความพร้อมเตรียมการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการด้วย นายสิริพงศ์ กล่าวว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดต่อการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นสัญลักษณ์สูงสุดแห่งมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีน และมีความหมายสำคัญยิ่งในวาระพิเศษครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะตามเสด็จในฐานะนายกรัฐมนตรีเกียรติยศด้วย” วันนี้ (13 พฤศจิกายน 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีเกียรติยศ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือน สาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน ว่า ทุกครั้งที่องค์พระประมุขของชาติ เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ รัฐบาลก็จะต้องมีรัฐมนตรีเกียรติยศตามเสด็จพระราชดำเนิน ซึ่งในครั้งนี้ก็มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นายกรัฐมนตรี และ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามขบวนเสด็จในฐานะรัฐมนตรีเกียรติยศ เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี จะมีภารกิจนอกเหนือจากนี้ ที่จะหารือกับจีนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มี เพราะนี่เป็นองค์ประกอบของขบวนเสด็จ
เมื่อถามว่า การเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ จะเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี เผยว่า การเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เยือนประเทศจีนในครั้งนี้ ก็ต้องถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์ของไทย ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประเทศจีน ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การทรงจำ เป็นการเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งในปีนี้ก็ครบรอบ 50 ปี โดยเป็นความสัมพันธ์ทางการทูต แต่ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ มีสืบเนื่องกันมาเป็นหลายร้อยปี ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน 2568 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ เยือนจีนอย่างเป็นทางการ 13-17 พ.ย. ตามคำทูลเชิญของ สี จิ้นผิง กระชับสัมพันธไมตรี และเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ครบ 50 ปี สำนักพระราชวัง ออกประกาศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนิน เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน 2568 ตามคำทูลเชิญของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน การเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้ จะเป็นการกระชับความสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิดระหว่างประเทศทั้งสองให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น อีกประการหนึ่งที่สำคัญคือ จะเป็นวาระแห่งการเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 50 ปี
โอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการ ณ มหาศาลาประชาชน ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 โดยมีประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และภริยา เฝ้ารับเสด็จ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีรับเสด็จ จะทรงมีพระราชปฏิสันถารกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยา จากนั้น จะพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยา จะถวายพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ณ มหาศาลาประชาชน ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชน จัตุรัสเทียนอันเหมิน และทอดพระเนตรสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในกรุงปักกิ่ง ได้แก่ วัดหลิงกวง ศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ กรุงปักกิ่ง ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีและทรัพยากรด้านการศึกษา สถาบันเทคโนโลยีด้านอวกาศจีน ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมวิทยาศาสตร์นักบินจีน และศูนย์ควบคุมการบินอวกาศกรุงปักกิ่ง
People Also Search
- นายกฯ เผย ในหลวง เสด็จฯ เยือนจีน ตอกย้ำสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี
- ย้อนภาพ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ราชวงศ์ไทยกับทางการจีน - BBC News ไทย
- นายกฯเผย 'ในหลวง-พระราชินี' เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน ตอกย้ำสัมพันธ์ไทย ...
- เอกอัครราชทูตจีนย้ำ การเสด็จเยือนจีนของ ในหลวง-ราชินี คือหมุดหมายสำคัญ ...
- 'ในหลวง-พระราชินี' เสด็จเยือนจีน 'อนุทิน' ร่วมในฐานะนายกฯ เกียรติยศ
- 'ในหลวง' เยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ นายกฯ เผยตามเสด็จฯในฐานะ รมต.เกียรติยศ
- ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ เยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ ย้ำสัมพันธ์ 50 ปี
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ กลับประเทศไทย หลังเยือนจีนอย่างเป็นทางการ
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี เสด็จฯ เยือนจีนอย่างเป็น ...
- นายกฯ เผย "ในหลวง" เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน ตอกย้ำสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี
ในระหว่างวันที่ 13 - 17 พ.ย. นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของประธานาธิบดีนายสี
ในระหว่างวันที่ 13 - 17 พ.ย. นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของประธานาธิบดีนายสี จิ้นผิงของจีน สำนักพระราชวังระบุว่า การเสด็จพระราชดำเนินเยือนในครั้งนี้ เนื่องในโอกาสแห่งการเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 50 ปี พร้อมกับเป็นการกระชับสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิดระหว่างประเทศทั้งสองให้...
2518 นาย จาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเผย การเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ ถือเป็นหมุดหมายประวัติศาสตร์สำคัญในรอบ 50 ปี นาย
2518 นาย จาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเผย การเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ ถือเป็นหมุดหมายประวัติศาสตร์สำคัญในรอบ 50 ปี นาย จาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเขียนบทความเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ระหว่างวันที่ 13-17...
1978 รองนายกรัฐมนตรีจีน เติ้ง เสี่ยวผิง ได้เยือนประเทศไทย และได้เข้าร่วมพระราชพิธีทรงผนวชในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำสูงสุดของทั้งสองประเทศให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาสัมพันธ์จีน-ไทย ในปี ค.ศ.
1978 รองนายกรัฐมนตรีจีน เติ้ง เสี่ยวผิง ได้เยือนประเทศไทย และได้เข้าร่วมพระราชพิธีทรงผนวชในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำสูงสุดของทั้งสองประเทศให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาสัมพันธ์จีน-ไทย ในปี ค.ศ. 2000 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีได้เสด็จแทนพระองค์เยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย และในระหว่างป...
2012 จีนและไทยได้ประกาศความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 2016 และในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในปี ค.ศ. 2019 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ส่งสาส์นถวายพระพร
2012 จีนและไทยได้ประกาศความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 2016 และในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในปี ค.ศ. 2019 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ส่งสาส์นถวายพระพร และแสดงความตั้งใจที่จะร่วมมือกับพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ในปี ค.ศ. 2022 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้เยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้รับกา...
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญสูงสุดต่อภารกิจระดับประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ โดยรัฐบาลได้มีการเตรียมการอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ เพื่อให้การเสด็จพระราชดำเนินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติ ทั้งนี้ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญสูงสุดต่อภารกิจระดับประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ โดยรัฐบาลได้มีการเตรียมการอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ เพื่อให้การเสด็จพระราชดำเนินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติ ทั้งนี้ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายกรัฐมนตรีได้หารือกับ นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ...