ไขข้อข้องใจ ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ ต่างกันยังไง ที่ไหนหนาวกว่ากัน คน

Leo Migdal
-
ไขข้อข้องใจ ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ ต่างกันยังไง ที่ไหนหนาวกว่ากัน คน

เมื่อพูดถึงขั้วโลก ไม่ว่าขั้วโลกเหนือหรือใต้ สิ่งหนึ่งที่คนจำนวนมากรู้สึกก็คือความหนาวเย็น แต่ในความหนาวเย็นนี้มีทั้งจุดคล้ายคลึงและจุดแตกต่างกันอย่างน่าทึ่งครับ บริเวณขั้วโลกเหนือเป็นผืนน้ำล้อมด้วยผืนดิน แต่ผืนดินที่ว่านี้ไม่ได้เชื่อมต่อกันโดยตลอด ส่วนผืนน้ำคือมหาสมุทรอาร์กติก (Arctic Ocean) ซึ่งมีแผ่นน้ำแข็งทะเล (sea ice) ลอยอยู่ แผ่นน้ำแข็งทะเลในแถบอาร์กติกหนาราว 2-3 เมตร บางแห่งอาจหนาถึง 5 เมตรก็เคยพบ ทว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมานี้ ทั้งความหนาและพื้นที่ที่แผ่นน้ำแข็งทะเลปกคลุมมหาสมุทรอาร์กติกได้ลดลงอย่างน่าจับตา สะท้อนว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในแถบขั้วโลกอย่างชัดเจน และเชื่อกันว่าน่าจะเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนนั่นเอง ในบรรดามหาสมุทรหลัก 5 แห่งของโลก มหาสมุทรอาร์กติกเป็นมหาสมุทรที่มีพื้นที่น้อยที่สุด โดยเล็กกว่ามหาสมุทรแปซิฟิกราว 10 เท่า แถมยังตื้นที่สุด เนื่องจากมีความลึกเฉลี่ยเพียง 1,204 เมตร หมีขาวกำลังทดสอบความแข็งแรงของแผ่นน้ำแข็งบนผิวทะเล ภาพโดย มาริโอ ฮอปป์มันน์ (Mario Hoppmann)ที่มา : https://climate.nasa.gov/news/2499/polar-bears-across-the-arctic-face-shorter-sea-ice-season/ ขั้วโลกเหนือ มีชื่อเรียกว่า อาร์กติก (Arctic) ส่วนขั้วโลกใต้ มีชื่อเรียกว่า แอนตาร์กติก (Antarctica) ทั้งสองขั้วโลกแม้ว่าจะมีภูเขาน้ำแข็งและดูจะหนาวเย็นเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อยทีเดียว ได้แก่

ขั้วโลกเหนือ หรือที่เรียกว่าอาร์กติก (Arctic) เป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมรอบด้วยแผ่นดิน แผ่นน้ำแข็งมีความหนาประมาณ 1-3 เมตรที่ลอยอยู่เหนือมหาสมุทรอาร์กติก แผ่นน้ำแข็งเหล่านี้เกิดจากน้ำทะเลที่แข็งตัวและมีหิมะปกคลุม มีความลึกจากระดับน้ำทะเลประมาณ 4,260 เมตร พื้นที่ในทวีปอาร์กติกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศต่าง ๆ ได้แก่ ประเทศแคนาดา รัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา เดนมาร์กในเกาะกรีนแลนด์ รัสเซีย นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ อุณหภูมิของทวีปอาร์กติกมีความไม่แน่นอน เนื่องจากน้ำแข็งที่อยู่ไม่คงที่ ในช่วงฤดูร้อน ขั้วโลกเหนือจะมีอุณหภูมิสูงสุด 23.5 องศา ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน ขั้วโลกเหนือช่วงเวลากลางวันมีเวลายาวนานถึง 5 เดือน และมีช่วงเวลาพลบค่ำยาวนาน 1 เดือน ต่อจากนั้นจะเข้าสู่ช่วงที่มืดยาวนานถึง 5 เดือน ขั้วโลกใต้ หรือที่เรียกว่าแอนตาร์กติก (Antarctic) เป็นทวีปที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินที่ถูกล้อมรอบด้วยพื้นน้ำ น้ำแข็งที่อยู่เหนือแผ่นดินมาจากการสะสมกันของชั้นหิมะ ทวีปแอนตาร์กติกไม่ได้เป็นของประเทศใดทั้งสิ้น สำหรับสภาพอากาศขั้วโลกใต้จะตรงข้ามกับขั้วโลกเหนือโดยสิ้นเชิง ขั้วโลกใต้จะเริ่มต้นฤดูร้อนในช่วงเดือนธันวาคมยาวนาน 5 เดือนและจากนั้นเข้าสู่ช่วงมืดยาวนาน 5 เดือนเหมือนกับขั้วโลกเหนือ ในขั้วโลกเหนือมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มาก โดยเฉพาะชนพื้นเมือง ได้แก่ ชาวอินนูอิตหรือชาวเอสกิโมจากทวีปอเมริกาเหนือ ชาวซามิชนพื้นเมืองในทวีปยุโรป และชาวยาคุตสค์จากไซบีเรีย ชนพื้นเมืองเหล่านี้ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มาอย่างยาวนาน มีประชากรที่อาศัยอย่างถาวรในทวีปอาร์กติกโดยประมาณ 4 ล้านคน หลายคนอาจสงสัยเช่นเดียวกับผมว่า ระหว่างขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ ที่ไหนหนาวกว่ากัน เพราะยังไงซะทั้งสองถือเป็นสถานที่ที่ได้ชื่อว่าหนาวที่สุดในโลก ยังไงก็ตามจากตัวเลือกทั้งสองต้องมีอันดับหนึ่งอยู่ เดี๋ยวเรามาดูกันว่าเป็นที่ไหนและเพราะอะไร อาร์กติกคือขั้วโลกเหนือ แอนตาร์กติกาคือขั้วโลกใต้ และสำหรับสาเหตุที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ หนาวเย็นมากๆ เพราะตำแหน่งของมันอยู่ด้านบนและด้านล่างของโลก นั้นหมายความว่าพื้นที่เหล่านี้ จะไม่ได้รับแสงโดยตรงจากดวงอาทิตย์

ซึ่งปกติแล้วดวงอาทิตย์จะอยู่ในตำแหน่งต่ำอยู่ที่ขอบฟ้าเสมอ แม้แต่ในช่วงกลางฤดูร้อนก็ตาม และในช่วงฤดูหนาวดวงอาทิตย์จะอยู่ใต้ขอบฟ้าจนสุดขอบ และจะไม่ได้ขึ้นจากขอบฟ้าครั้งละหลายเดือน นอกจากนี้ พื้นผิวสีขาวของน้ำแข็งและหิมะยังสะท้อนแสงได้ดีอีกด้วย ซึ่งหมายความว่าพลังงานส่วนใหญ่จากแสงอาทิตย์ที่พุ่งเข้าหาพวกมันจะกระเด้งกลับไปในอวกาศ ทำให้อากาศที่อยู่เหนือพื้นผิวเหล่านั้นค่อนข้างเย็น แม้ว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ขั้วโลกทั้งสองมีอากาศหนาวเย็น แต่ขั้วโลกใต้ก็ยังคงเย็นกว่าขั้วโลกเหนือค่อนข้างมาก โดยอ้างอิงข้อมูลของสถาบันวิจัยสมุทรศาสตร์วูดส์โฮล เป็นที่ถกเถียงกันมานานสำหรับบางคน เรื่องว่าที่ไหนหนาวกว่ากันระหว่างชั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ งั้นไปดูกันเลย โดย ขั้วโลกเหนือ เป็นทะเลน้ำแข็งที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งทะเล ไม่มีแผ่นดินที่แท้จริงอยู่ใต้พื้นน้ำแข็ง พื้นที่นี้ประกอบด้วยมหาสมุทรอาร์กติกที่มีน้ำแข็งลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ตลอดทั้งปีน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือจะมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โดยจะหนามากในฤดูหนาวและลดลงในฤดูร้อน สภาพอากาศในขั้วโลกเหนือมีความเย็นแต่ไม่หนาวจัดเท่าขั้วโลกใต้ อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวอยู่ที่ประมาณ -40 องศาเซลเซียส และในฤดูร้อนอุณหภูมิสามารถสูงถึง 0 องศาเซลเซียส ขั้วโลกเหนือมีฤดูหนาวที่ยาวนานและมืดมน กับฤดูร้อนที่มีแสงสว่าง 24 ชั่วโมง มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ในขั้วโลกเหนือได้ โดยชุมชนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อาร์กติกประกอบด้วยชาวเอสกิโมและชาวนอร์เวย์ แม้ว่าจะมีสภาพอากาศหนาวเย็น แต่การอาศัยในพื้นที่นี้ยังสามารถเป็นไปได้ด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและเทคโนโลยีที่เหมาะสม ขั้วโลกเหนือมีสัตว์หลากหลายชนิด เช่น หมีขาว, วาฬ และสัตว์น้ำอื่นๆ ที่สามารถอาศัยอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นได้ ส่วน ขั้วโลกใต้ เป็นทวีปที่มีชื่อว่าแอนตาร์กติกา ซึ่งเป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 5 ของโลกและปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาหลายพันเมตร ทวีปนี้มีภูเขาสูงและหุบเขาลึก พื้นที่ของแอนตาร์กติกายังประกอบด้วยน้ำแข็งถาวรและแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เรียกว่าแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกา ขั้วโลกใต้มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นและรุนแรงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวอยู่ที่ประมาณ -60 องศาเซลเซียส

และในฤดูร้อนสามารถสูงถึง -20 องศาเซลเซียส ขั้วโลกใต้มีฤดูหนาวที่มืดมนตลอด 24 ชั่วโมงและฤดูร้อนที่มีแสงสว่าง 24 ชั่วโมงเช่นกัน ขั้วโลกใต้ไม่มีประชากรท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ถาวร เนื่องจากสภาพอากาศที่รุนแรงและสภาพภูมิประเทศที่ไม่เหมาะสมในการอาศัย แต่มีสถานีวิจัยจากหลายประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาอยู่ในสถานีเหล่านี้เพื่อทำการวิจัยในระยะเวลาที่กำหนด ขั้วโลกใต้มีสัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เพนกวิน, แมวน้ำ และสัตว์น้ำอื่นๆ ที่สามารถอาศัยอยู่ในทวีปน้ำแข็งได้ ส่วนคำถามที่ว่าที่ไหนหนาวกว่ากันนั้น คำตอบคือขั้วโลกใต้หนาวกว่าขั้วโลกเหนืออย่างชัดเจน เนื่องจากขั้วโลกใต้เป็นทวีปที่มีแผ่นดินสูงและปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนา ส่วนขั้วโลกเหนือเป็นทะเลน้ำแข็งที่ลอยอยู่บนมหาสมุทร อุณหภูมิในขั้วโลกใต้ต่ำกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับขั้วโลกเหนือ ถ้าหากพูดถึงขั้วโลกแล้วหลายๆ คนอาจจะคิดถึงสถานที่ที่ต้องถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง มีสัตว์สีขาวขนปุยวิ่งไปมา ไม่ว่าจะเป็นแพนกวิน หมีขั้วโลก สุนัขขั้วโลก หรือแม้กระทั่งชาวเอสกีโมเป็นต้น ใครจะทราบว่าไหมว่าขั้วโลกนั้นถือว่าเป็นแหล่งน้ำจืดที่กว้างขวางมากที่สุดในโลก ก่อนที่เราจะพูดถึงความแตกต่างระหว่างขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ว่าแตกต่างกันอย่างไรนั้น เราต้องมารู้จักกันสองขั้วโลกนี้เสียก่อนว่าเป็นอย่างไร ขั้วโลกเหนือ ถือว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่เหนือที่สุดของโลก ตั้งอยู่ที่มหาสมุทรแอร์กติกซึ่งมหาสมุทรนี้จะเชื่อมโยงกับประเทศต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นแคนาดา กรีนแลนด์ รัสเซีย ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน เป็นต้น ซึ่งบริเวณส่วนใหญ่ของขั้วโลกเหนือนั้นจะถูกปกคุลมไปด้วยน้ำแข็ง พื้นที่แห่งนี้จะไม่มีพืชชนิดใดสามารถอยู่ได้ แต่จะมีสิ่งชีวิตอาศัยอยู่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมหรือปลานั่นเอง ขั้วโลกใต้ ตั้งอยู่ที่ทวีปแอนตาร์กติกา มีอากาศหนาวเย็นมากกว่าขั้วโลกเหนือ เนื่องจากท้องฟ้าของที่นี่ไม่เคยมีดวงดาว ที่แห่งนี้จึงเป็นที่ที่พวกนักสำรวจชอบมากค้นหาหรือดูดาวเคราะห์ต่างๆ กันเป็นประจำ ข้อแตกต่างระหว่างขั้วโลกใต้กับขั้วโลกเหนือ

ขั้วโลกเหนือมีอุณภูมิที่หนาวเย็นสูงสุดอยู่ที่ -49 องศาเซลเซียส แต่ขั้วโลกใต้มีอุณภูมิเย็นจัดสูงถึง -89.6 องศาเซลเซียส สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) พาเรียนรู้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนกระทบหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ “ขั้วโลก” ซึ่งน้ำแข็งละลายสูงขึ้นทุกปี รู้หรือไม่ถ้าน้ำแข็งที่ “ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้” ละลาย จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นถึง 70 เมตร สร้างปัญหาน่าห่วงอีกหลายด้านอาทิ สัตว์ที่อาศัยแถบก้อนน้ำแข็งขั้วโลกเริ่มสูญพันธุ์ เช่น เพนกวินจักรพรรดิ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ปริมาณน้ำริมฝั่งทะเลไหลเข้าไปสร้างความเดือดร้อนให้ชุมชนริมฝั่ง และปัญหาน่าห่วงกระทบกับมนุษย์อีกหลายๆ ด้าน รักษ์โลกทำความเข้าใจภาวะโลกร้อนที่คลังความรู้ SciMath สสวท. https://www.scimath.org/article-earthscience/item/11328 SciMath ก๊าซเรือนกระจก น้ำแข็งขั้วโลก น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ภาวะโลกร้อน ภูเขาน้ำแข็ง ขั้วโลกเหนือ (Arctic) และขั้วโลกใต้ (Antarctic) เป็นพื้นที่ที่ไกลที่สุดจากเส้นศูนย์สูตรของโลก ทั้งสองขั้วโลกมีสภาพอากาศหนาวเย็นและปกคลุมด้วยหิมะ ซึ่งทำให้ขั้วโลกทั้งสองนี้ดูมีความคล้ายครึงกันมากจนเกือบจะแยกไม่ออก แต่มีน้อยคนที่จะรู้ว่าขั้วโลกทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันอยู่หลายอย่าง ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักข้อแตกต่างเหล่านี้กันค่ะ ขั้วโลกเหนือ: เป็นมหาสมุทรอาร์กติกที่ปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งหนา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นน้ำ มีเกาะเล็กเกาะน้อยกระจายอยู่บ้าง ขั้วโลกใต้: เป็นทวีปแอนตาร์กติกาที่ปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งหนา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแผ่นดิน มีภูเขา ทะเลสาบ และธารน้ำแข็ง

ขั้วโลกเหนือ: มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 4 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมือง กระจายอยู่ตามแนวชายฝั่ง ขั้วโลกใต้: ไม่มีประชากรอาศัยอยู่ถาวร มีเพียงนักวิทยาศาสตร์ที่ผลัดเปลี่ยนเข้ามาประจำการในฐานวิจัย และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมเยียนในช่วงฤดูร้อน ขั้วโลกเหนือ: อุดมไปด้วยแร่ธาตุ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ขั้วโลกใต้: อุดมไปด้วยน้ำมันปิโตรเลียม ถ่านหิน และแร่ธาตุบางชนิด ขั้วโลกเหนือ: สัตว์เจ้าถิ่นที่โด่งดังคือหมีขาว ยังมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ เช่น วาฬ แมวน้ำ วอลรัส สุนัขจิ้งจอก และนกนานาชนิด ขั้วโลกใต้: สัตว์เจ้าถิ่นที่โด่งดังคือเพนกวิน ยังมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น แมวน้ำ วาฬ โลมา และนกทะเล

People Also Search

เมื่อพูดถึงขั้วโลก ไม่ว่าขั้วโลกเหนือหรือใต้ สิ่งหนึ่งที่คนจำนวนมากรู้สึกก็คือความหนาวเย็น แต่ในความหนาวเย็นนี้มีทั้งจุดคล้ายคลึงและจุดแตกต่างกันอย่างน่าทึ่งครับ บริเวณขั้วโลกเหนือเป็นผืนน้ำล้อมด้วยผืนดิน แต่ผืนดินที่ว่านี้ไม่ได้เชื่อมต่อกันโดยตลอด ส่วนผืนน้ำคือมหาสมุทรอาร์กติก (Arctic Ocean) ซึ่งมีแผ่นน้ำแข็งทะเล

เมื่อพูดถึงขั้วโลก ไม่ว่าขั้วโลกเหนือหรือใต้ สิ่งหนึ่งที่คนจำนวนมากรู้สึกก็คือความหนาวเย็น แต่ในความหนาวเย็นนี้มีทั้งจุดคล้ายคลึงและจุดแตกต่างกันอย่างน่าทึ่งครับ บริเวณขั้วโลกเหนือเป็นผืนน้ำล้อมด้วยผืนดิน แต่ผืนดินที่ว่านี้ไม่ได้เชื่อมต่อกันโดยตลอด ส่วนผืนน้ำคือมหาสมุทรอาร์กติก (Arctic Ocean) ซึ่งมีแผ่นน้ำแข็งทะเล (sea ice) ลอยอยู่ แผ่นน้ำแข็งทะเลในแถบอาร์กติกหนาราว 2-3 เมตร บางแห่งอาจหนาถึง 5 เมต...

ขั้วโลกเหนือ หรือที่เรียกว่าอาร์กติก (Arctic) เป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมรอบด้วยแผ่นดิน แผ่นน้ำแข็งมีความหนาประมาณ 1-3 เมตรที่ลอยอยู่เหนือมหาสมุทรอาร์กติก แผ่นน้ำแข็งเหล่านี้เกิดจากน้ำทะเลที่แข็งตัวและมีหิมะปกคลุม มีความลึกจากระดับน้ำทะเลประมาณ 4,260

ขั้วโลกเหนือ หรือที่เรียกว่าอาร์กติก (Arctic) เป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมรอบด้วยแผ่นดิน แผ่นน้ำแข็งมีความหนาประมาณ 1-3 เมตรที่ลอยอยู่เหนือมหาสมุทรอาร์กติก แผ่นน้ำแข็งเหล่านี้เกิดจากน้ำทะเลที่แข็งตัวและมีหิมะปกคลุม มีความลึกจากระดับน้ำทะเลประมาณ 4,260 เมตร พื้นที่ในทวีปอาร์กติกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศต่าง ๆ ได้แก่ ประเทศแคนาดา รัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา เดนมาร์กในเกาะกรีนแลนด์ รัสเซีย นอร์เวย์ สวี...

ซึ่งปกติแล้วดวงอาทิตย์จะอยู่ในตำแหน่งต่ำอยู่ที่ขอบฟ้าเสมอ แม้แต่ในช่วงกลางฤดูร้อนก็ตาม และในช่วงฤดูหนาวดวงอาทิตย์จะอยู่ใต้ขอบฟ้าจนสุดขอบ และจะไม่ได้ขึ้นจากขอบฟ้าครั้งละหลายเดือน นอกจากนี้ พื้นผิวสีขาวของน้ำแข็งและหิมะยังสะท้อนแสงได้ดีอีกด้วย ซึ่งหมายความว่าพลังงานส่วนใหญ่จากแสงอาทิตย์ที่พุ่งเข้าหาพวกมันจะกระเด้งกลับไปในอวกาศ ทำให้อากาศที่อยู่เหนือพื้นผิวเหล่านั้นค่อนข้างเย็น แม้ว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ขั้วโลกทั้งสองมีอากาศหนาวเย็น แต่ขั้วโลกใต้ก็ยังคงเย็นกว่าขั้วโลกเหนือค่อนข้างมาก

ซึ่งปกติแล้วดวงอาทิตย์จะอยู่ในตำแหน่งต่ำอยู่ที่ขอบฟ้าเสมอ แม้แต่ในช่วงกลางฤดูร้อนก็ตาม และในช่วงฤดูหนาวดวงอาทิตย์จะอยู่ใต้ขอบฟ้าจนสุดขอบ และจะไม่ได้ขึ้นจากขอบฟ้าครั้งละหลายเดือน นอกจากนี้ พื้นผิวสีขาวของน้ำแข็งและหิมะยังสะท้อนแสงได้ดีอีกด้วย ซึ่งหมายความว่าพลังงานส่วนใหญ่จากแสงอาทิตย์ที่พุ่งเข้าหาพวกมันจะกระเด้งกลับไปในอวกาศ ทำให้อากาศที่อยู่เหนือพื้นผิวเหล่านั้นค่อนข้างเย็น แม้ว่าปัจจัยเหล่านี้จะ...

และในฤดูร้อนสามารถสูงถึง -20 องศาเซลเซียส ขั้วโลกใต้มีฤดูหนาวที่มืดมนตลอด 24 ชั่วโมงและฤดูร้อนที่มีแสงสว่าง 24 ชั่วโมงเช่นกัน ขั้วโลกใต้ไม่มีประชากรท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ถาวร เนื่องจากสภาพอากาศที่รุนแรงและสภาพภูมิประเทศที่ไม่เหมาะสมในการอาศัย

และในฤดูร้อนสามารถสูงถึง -20 องศาเซลเซียส ขั้วโลกใต้มีฤดูหนาวที่มืดมนตลอด 24 ชั่วโมงและฤดูร้อนที่มีแสงสว่าง 24 ชั่วโมงเช่นกัน ขั้วโลกใต้ไม่มีประชากรท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ถาวร เนื่องจากสภาพอากาศที่รุนแรงและสภาพภูมิประเทศที่ไม่เหมาะสมในการอาศัย แต่มีสถานีวิจัยจากหลายประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาอยู่ในสถานีเหล่านี้เพื่อทำการวิจัยในระยะเวลาที่กำหนด ขั้วโลกใต้ม...

ขั้วโลกเหนือมีอุณภูมิที่หนาวเย็นสูงสุดอยู่ที่ -49 องศาเซลเซียส แต่ขั้วโลกใต้มีอุณภูมิเย็นจัดสูงถึง -89.6 องศาเซลเซียส สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) พาเรียนรู้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนกระทบหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ

ขั้วโลกเหนือมีอุณภูมิที่หนาวเย็นสูงสุดอยู่ที่ -49 องศาเซลเซียส แต่ขั้วโลกใต้มีอุณภูมิเย็นจัดสูงถึง -89.6 องศาเซลเซียส สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) พาเรียนรู้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนกระทบหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ “ขั้วโลก” ซึ่งน้ำแข็งละลายสูงขึ้นทุกปี รู้หรือไม่ถ้าน้ำแข็งที่ “ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้” ละลาย จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นถึง 70 เมตร สร้างป...