ไทย ยังเนื้อหอม 8 เดือน ต่างชาติลงทุน 2 26แสนล้าน
วันนี้ ( 27 ก.ย.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า 8 ดือน ปี 2568 (ม.ค. – ส.ค.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 687 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 225,536 ล้านบาท นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก เช่น ญี่ปุ่น 125 ราย ลงทุน 71,844 ล้านบาท ในธุรกิจ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ธุรกิจบริการตรวจสอบคุณภาพสินค้าประเภทเครื่องประดับ ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เครื่องจักรทุกประเภท ชิ้นส่วนพลาสติกทุกประเภท ตัวถัง (frame) รวมทั้ง ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับรถบ้าน และรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร เป็นต้น
สหรัฐอเมริกา ลงทุน 3,433 ล้านบาท ในธุรกิจนายหน้าหรือตัวแทนในการรับจองห้องพัก โรงแรม และกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว รับจ้างผลิต เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ และ Captive Screw for PCB นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า 9 เดือน ปี 2568 (ม.ค. - ก.ย.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 770 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 201 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 569 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 253,116 ล้านบาท โดยจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ญี่ปุ่น 142 ราย คิดเป็น 18% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 76,397 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม และเทคนิค เช่น การออกแบบแม่พิมพ์ และอุปกรณ์สำหรับการผลิตยานยนต์ การให้คำปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับกระบวนการผลิตยานยนต์ เป็นต้น ,ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ ,ธุรกิจบริการรับจ้างประกอบและผลิต ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ตัดไฟแรงดันสูง, ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น อุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับใช้กับเครื่องจักร เหล็กแผ่นเคลือบ หม้อแปลงไฟฟ้าแบบใช้น้ำมัน และชิ้นส่วนเครื่องจักรสำหรับงานก่อสร้าง 2.
สหรัฐอเมริกา 116 ราย คิดเป็น 15% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 4,368 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจกิจการนายหน้าหรือตัวแทนในการจัดหาผู้ให้บริการด้านการผลิตสินค้า ,ธุรกิจโฆษณา ,ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษา ค่าใช้จ่าย การเดินทาง และที่พักระหว่างการศึกษาต่อ , ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น โลหะ และชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์, DC Cable, และโลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ 3. สิงคโปร์ 108 ราย คิดเป็น 14% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 86,550 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจแปรรูปไม้เพื่อการผลิตชิ้นส่วนของใช้ครัวเรือน สุขภัณฑ์ ,ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับบริหารจัดการสัญญาณโทรคมนาคม และระบบวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งาน , ธุรกิจบริการซ่อมแซม และบำรุงรักษาสินค้าประเภทนาฬิกา , ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เบาะนั่งรถยนต์ และเบาะนั่งของเครื่องจักรกล บรรจุภัณฑ์จากเศษวัสดุทางการเกษตร, Printed Circuit Board, และชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม 4. จีน 99 ราย คิดเป็น 13% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 21,925 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจแปรรูปไม้เพื่อการผลิตถ่านกัมมันต์ , ธุรกิจบริการรับจ้างประกอบยางล้อรถยนต์ ,ธุรกิจบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ โดยเป็นการทดสอบชิ้นส่วน หรือส่วนประกอบของอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ , ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น แม่พิมพ์, Flexible Printed Circuit Board, ผลิตภัณฑ์ และชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป และชิ้นส่วนเหล็กทุบขึ้นรูป แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกในขณะนี้อาจจะไม่ค่อยสู้ดีนัก โดยหลายฝ่ายประเมินกันว่าจีดีพีของโลกในปี 66 น่าจะโตได้ราวๆ 2% เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็สะท้อนให้เห็นผ่านกำลังซื้อที่ลดลงทั่วโลก จนล่าสุดตัวเลขการส่งออกของไทยลดลงต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 7 แล้ว
แต่ไทยก็ยังโชคดีที่แม้ว่าโลกจะเกิดปัญหา แต่เรามีรายได้ที่ยังฟื้นตัว นั่นก็คือ เรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งหากจะนับคร่าวๆ ช่วง 5 เดือนจนถึงปัจจุบัน ไทยเรามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทะลุ 10 ล้านคนแล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวเหล่านี้ก็เดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทย จนทำให้ตลาดในประเทศมีความคึกคักขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจบริการและสินค้า และตลอดทั้งปีนี้ หลายฝ่ายมองไว้ว่าไทยจะมีชาวต่างชาติมาเยือนมากกว่า 20-25 ล้านคนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี ยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของต่างชาติ นั่นก็คือ การลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งแม้ว่าในขณะนี้ไทยยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการเมือง และยังไม่รู้แน่ชัดว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ และเมื่อไหร่ ซึ่งประเด็นนี้อาจจะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติพอสมควร แต่ล่าสุด ในประเด็นนี้ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ออกมาระบุชัดเจนว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับสัญญาณว่าจะมีนักลงทุนรายใหญ่ย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย ซึ่งบีโอไอมองว่าไทยยังเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ในการลงทุนของนักลงทุน โดยยุทธศาสตร์การส่งเสริมลงทุนใหม่ของบีโอไอไม่เพียงแต่ส่งเสริมให้นักลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนในไทยเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการรักษาฐานการผลิตของผู้ประกอบการรายเดิมที่ลงทุนในไทยมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีประเด็นข่าวดีที่น่าสนใจจาก นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า “เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2566 คณะกรรมการฯ ได้มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 274 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 87 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 187 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 45,392 ล้านบาท กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผย 10 เดือนของปี 2567 ต่างชาติเข้าลงทุนไทย 1.6 แสนล้านบาท ญี่ปุ่นยังคงรั้งอันดับ 1 ลงทุน 91,700 ล้านบาท ตามด้วยสิงคโปร์ ขณะที่ EEC และนิคมอุตสาหกรรมคึกคัก เติบโต 146% อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.
2542 เปิดเผยว่า ช่วง 10 เดือนของปี 2567 (มกราคม-ตุลาคม) อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 786 ราย เงินลงทุนรวม 161,169 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,037 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ “เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 66,203 ล้านบาท โต 70% 10 เดือนปีนี้ 161,169 ล้านบาท จากปี 2566 อยู่ที่ 94,966 ล้านบาท และแน่นอนว่านักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน” อรมนกล่าว อรมนกล่าวอีกว่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ 10 เดือน ปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 251 ราย คิดเป็น 32% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 141 ราย (เพิ่มขึ้น 128%) โดยมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 45,739 ล้านบาท คิดเป็น 28% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 27,148 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 146%) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.
2542 จำนวน 884 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 202 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ขณะที่การใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) จำนวน 682 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 213,964 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ญี่ปุ่น 239 ราย คิดเป็นร้อยละ 27 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 119,057 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ส่วนประกอบและชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น 2.สิงคโปร์ 120 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 16,332 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ บริการทางวิศวกรรมและเทคนิคด้านต่างๆ ธุรกิจการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ เป็นต้น ,ธุรกิจบริการขุดเจาะปิโตรเลียม 3. จีน 117 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 16,674 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซม บำรุงรักษา และฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบการทำงานต่างๆ เพื่อติดตั้งระบบสายพานที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้า ,ธุรกิจบริการสถานที่สำหรับเล่นเกมแก้ไขปริศนา (Escape Room) และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า ชิ้นส่วนสำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้า
4. สหรัฐอเมริกา 115 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 23,555 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษากล้องส่องตรวจ ท่อส่องตรวจ และเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ ลูกอม ขนมขบเคี้ยว หมากฝรั่ง อาหารสำเร็จรูป Electro Magnetic Product, แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน
People Also Search
- "ไทย"ยังเนื้อหอม 8 เดือน ต่างชาติลงทุน 2.26แสนล้าน
- ไทยเนื้อหอม 3 ไตรมาสปี 68 ต่างชาติลงทุนในไทยสูงถึง 2.53 แสนล้านบาท
- ไทยยังเนื้อหอม ต่างชาติแห่เที่ยว-ลงทุน
- เปิด 5 อันดับต่างชาติลงทุนไทยมากสุด 10 เดือนเงินสะพัด 1.6 แสนล้านบาท ...
- ไทยเนื้อหอมต่างชาติแห่ลงทุน บีโอไอเผยยอดลงทุน 9 เดือน ทะยาน 1.3 ล้าน ...
- ไทยยังเนื้อหอมต่างชาติ 11 เดือนลงทุน 2.13 แสนล้าน
- ต่างชาติแห่ลงทุน Eec ไม่หยุด เนื้อหอม 8 เดือนปีนี้ 7.4 หมื่นล้าน
- ประเทศไทย เนื้อหอม ต่างชาติ แห่ ลงทุน
- ปี 2567 ไทยขึ้นแท่นเนื้อหอม : ต่างชาติลงทุนเพียบ ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ...
- ไทยยังเนื้อหอมต่างชาติสนเข้าลงทุน "บีโอไอ" ฟุ้งยอด 10 เดือนเพิ่ม 61%
วันนี้ ( 27 ก.ย.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542
วันนี้ ( 27 ก.ย.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า 8 ดือน ปี 2568 (ม.ค. – ส.ค.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 687 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 225,536 ล้านบาท นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธ...
สหรัฐอเมริกา ลงทุน 3,433 ล้านบาท ในธุรกิจนายหน้าหรือตัวแทนในการรับจองห้องพัก โรงแรม และกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว รับจ้างผลิต เช่น
สหรัฐอเมริกา ลงทุน 3,433 ล้านบาท ในธุรกิจนายหน้าหรือตัวแทนในการรับจองห้องพัก โรงแรม และกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว รับจ้างผลิต เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ และ Captive Screw for PCB นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า 9 เดือน ปี 2568...
สหรัฐอเมริกา 116 ราย คิดเป็น 15% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 4,368 ล้านบาท ในธุรกิจ
สหรัฐอเมริกา 116 ราย คิดเป็น 15% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 4,368 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจกิจการนายหน้าหรือตัวแทนในการจัดหาผู้ให้บริการด้านการผลิตสินค้า ,ธุรกิจโฆษณา ,ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษา ค่าใช้จ่าย การเดินทาง และที่พักระหว่างการศึกษาต่อ , ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น โลหะ และชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์, DC Cable, และโลหะผสมสำ...
แต่ไทยก็ยังโชคดีที่แม้ว่าโลกจะเกิดปัญหา แต่เรามีรายได้ที่ยังฟื้นตัว นั่นก็คือ เรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งหากจะนับคร่าวๆ ช่วง 5 เดือนจนถึงปัจจุบัน ไทยเรามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทะลุ 10
แต่ไทยก็ยังโชคดีที่แม้ว่าโลกจะเกิดปัญหา แต่เรามีรายได้ที่ยังฟื้นตัว นั่นก็คือ เรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งหากจะนับคร่าวๆ ช่วง 5 เดือนจนถึงปัจจุบัน ไทยเรามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทะลุ 10 ล้านคนแล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวเหล่านี้ก็เดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทย จนทำให้ตลาดในประเทศมีความคึกคักขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจบริการและสินค้า และตลอดทั้งปีนี้ หลายฝ่ายมองไว้ว่าไทยจะมีชาวต่างชาติมาเยือนมากกว่า 20...
2542 เปิดเผยว่า ช่วง 10 เดือนของปี 2567 (มกราคม-ตุลาคม) อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.
2542 เปิดเผยว่า ช่วง 10 เดือนของปี 2567 (มกราคม-ตุลาคม) อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 786 ราย เงินลงทุนรวม 161,169 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,037 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ “เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 66,203 ล้านบาท โต 70% 10 เดือนปีนี้ 161,169 ล้านบาท จากปี 2566 ...