50 สังคมศึกษา แผ่นงานบน Quizizz ฟรีและพิมพ์ได้
12 คำนำ พรบ.การศึกษา หมวด ๔ วา่ ด้วยเรือ่ ง แนวการจดั การศึกษา มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยดึ หลักวา่ ผเู้ รยี นทกุ คนมีความสามารถเรยี นรูแ้ ละพฒั นา ตนเองได้ และถือว่าผู้เรยี นมคี วามสาคัญทส่ี ุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ซง่ึ ในกระบวนการจดั การเรียนการสอน แผนการสอนถือเป็นหัวใจสาคญั... มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มท่พี งึ ประสงค์ เหน็ คณุ ค่าของตนเอง มีวนิ ยั และปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาทต่ี นนบั ถอื ยดึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒. มคี วามรู้อนั เปน็ สากลและมีความสามารถในการส่ือสาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวติ ๓. มีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ท่ีดี มสี ขุ นสิ ัย และรักการออกกาลังกาย ๔. มคี วามรักชาติ มีจติ สานกึ ในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ยดึ มน่ั ในวิถีชวี ติ และการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ๕.มจี ิตสานึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย การอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาส่ิงแวดล้อมมีจิตสาธารณะท่มี ุง่ ทาประโยชน์และสรา้ งส่ิงทด่ี ีงามในสงั คม และอยู่ร่วมกนั ในสังคมอยา่... รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์๑.
ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ซอ่ื สัตย์สจุ ริต๒. ความสามารถในการคดิ ๓. มีวินัย๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๔. ใฝเ่ รยี นรู้๔.
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๕. อยอู่ ย่างพอเพยี ง๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๖. มุง่ มน่ั ในการทางาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ คุณภำพของผ้เู รียนระดับกำรศกึ ษำขั้นพนื้ ฐำนทมี่ ำ: กระทรวงศกึ ษาธิการ.
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั พืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. หน้า ๘5 ตำรำงกำรวเิ ครำะหค์ วำมสอดคลอ้ งระหวำ่ งมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ตัวชีว้ ดั กลุ่มสำระกำรเรยี นร้สู ังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม รำยวชิ ำ ส32101 สังคมศกึ ษำ (สำระภูมศิ ำสตร์) ช้ันมธั ยมศึกษำปที ่ี 5สำระท่ี 5 ภมู ิศำสตร์มำตรฐำน ส 5.1 เขา้ ใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ... ใชเ้ ครือ่ งมือทางภูมิศาสตรใ์ นการรวบรวม 1. วเิ คราะห์สถานการณ์และวิกฤตการณ์ด้านวเิ คราะห์ และนาเสนอข้อมูล ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมของประเทศภูมิสารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ ไทยและโลก2. วิเคราะห์อิทธพิ ลของสภาพภูมศิ าสตร์ ซง่ึ 2. ระบมุ าตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาทาให้เกิดปัญหาทางกายภาพ หรือภยั พบิ ัตทิ าง บทบาทขององค์การและการประสานความธรรมชาติในประเทศไทยและภมู ิภาคต่างๆ ของ ร่วมมอื ทังในประเทศและนอกประเทศเกีย่ วกับโลก กฎหมายสิง่ แวดล้อม การจดั การ3.
วเิ คราะห์การเปลย่ี นแปลงของพนื ที่ซ่ึงได้รบั ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมอทิ ธิพลจากปจั จยั ทางภูมิศาสตร์ในประเทศไทย 3. ระบุแนวทางการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและทวีปต่างๆ และสิง่ แวดล้อมในภูมภิ าคต่างๆ ของโลก4. ประเมินการเปลี่ยนแปลงธรรมชาตใิ นโลก 4. อธบิ ายการใชป้ ระโยชนจ์ ากสงิ่ แวดล้อมในวา่ เปน็ ผลมาจากการกระทาของมนุษย์และหรือ การสรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรม อนั เปน็ เอกลกั ษณ์ของธรรมชาติ ทอ้ งถิน่ ทังในประเทศไทยและโลก 5. มสี ่วนรว่ มในการแกป้ ัญหาและการดาเนนิ ชีวิตตามแนวทางการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรและ สิง่ แวดลอ้ ม เพื่อการพฒั นาที่ยง่ั ยนื6ตำรำงวิเครำะห์ หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนและตัวชว้ี ดั รำยวิชำ ส32101 สังคมศึกษำ (สำระภูมิศำสตร์)ตวั ชีว้ ัด มำตรฐำน ส 5.1 มำตรฐำน ส 5.2 ตัวชีว้ ัด ตัวชวี้ ัด หน่วยกำรเรียนรู้1. ภมู ศิ าสตรก์ บั ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ 1234 1 234 52.
แผนที่ เคร่อื งมอื เทคโนโลยสี มัยใหมท่ าง //ภมู ิศาสตร์ /3.วกิ ฤตการณ์ดา้ นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมระดับประเทศและระดบั โลก ///4.การอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละ ///ส่ิงแวดลอ้ มโดยภูมปิ ญั ญาไทย7 คำอธิบำยรำยวิชำพน้ื ฐำนส32101 สงั คมศึกษำ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรมชน้ั มธั ยมศกึ... วิเคราะห์การเปลย่ี นแปลงของพนื ท่ี ซงึ่ ไดร้ ับอิทธพิ ลจา ประเทศไทยและทวีปต่างๆ 3. ประเมนิ การเปลยี่ นแปลงธรรมชาตใิ นโลกว่าเป็นผลมาจ หรือธรรมชาติ2 แผนท่ี เครื่องมือเทคโนโลยี 4. ใช้เครือ่ งมอื ทางภูมศิ าสตรใ์ นการรวบรวม วิเคราะห์ แล สมัยใหมท่ างภมู ิศาสตร์ อย่างมปี ระสิทธิภาพ3 วิกฤตการณด์ ้าน 5. วเิ คราะหส์ ถานการณ์และวิกฤตการณ์ ด้านทรัพยากรธ ทรัพยากรธรรมชาติและ ประเทศไทยและโลก ส่งิ แวดลอ้ มระดบั ประเทศ 6. ระบุมาตรการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหา บทบาทขององ และระดับโลก ร่วมมือทงั ในประเทศและนอกประเทศเกี่ยวกับกฎหมายส ทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม 7.
ระบุแนวทางการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวด4 อนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มโดยภมู ิ 8. อธบิ ายการใชป้ ระโยชนจ์ ากสิง่ แวดล้อมในการสรา้ งสรร ปญั ญาไทย ของท้องถ่นิ ทังในประเทศไทยและสงั คมโลก 9. มีส่วนรว่ มในการแกป้ ญั หาและการดาเนินชวี ิตตามแนว สง่ิ แวดล้อม เพ่อื การพัฒนาที่ย่ังยนื (รวมเวลาเรยี น 36 ชัว่ โมงและเวลาการประคะแนนการประเมินผลดา้ นความรู้ (K) : ทกั ษะกระบวนการ (P) : คณุ ลกั ษณะ (A) = 40 : 40 : 20คะแนนการประเมินผลระหว่างเรยี น 80 คะแนน... วเิ คราะห์อิทธพิ ลของ ภูมิศาสตร์ ซึ่งทาให้เกดิ ปญั หา 1.ความสามารถใน 2สภาพภมู ศิ าสตร์ ซึ่งทาให้ 3เกิดปัญหาทางกายภาพ ทางกายภาพหรือภยั พิบตั ิทาง การคดิ คหรอื ภยั พิบตั ทิ าง ธรรมชาติในประเทศไทยและ 2.ความสามารถใน 4ธรรมชาตใิ นประเทศไทย ภมู ิภาคตา่ งๆของโลก การแก้ไขปญั หา ค 2. วเิ คราะหก์ ารเปลีย่ นแปลง 3.ความสามารถใน M 5และภูมภิ าคต่างๆ ของ ของพืนท่ี ซงึ่ ได้รับอิทธพิ ลจาก การใช้เทคโนโลยี 6โลก ปัจจัยทางภมู ศิ าสตร์ใน คณุ ลกั ษณะอนั พึง M3. วเิ คราะห์การ ประเทศไทยและทวีปต่างๆ ประสงค์เปลยี่ นแปลงของพนื ที่ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย 3.
ประเมินการเปลี่ยนแปลง 1. มีวินยัทางภมู ิศาสตร์ในประเทศ ธรรมชาติในโลกว่าเป็นผลมา 2. ใฝ่เรยี นรู้ไทยและทวปี ต่างๆ จากการกระทาของมนุษยแ์ ละ/ 3. จิตสาธารณะ หรือธรรมชาติ12บหน่วยกำรเรยี นรู้สตร์กับปรำกฏกำรณท์ ำงธรรมชำติเรียนรู้สงั คมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ชั้น ม.5 เวลำ 12 ชัว่ โมงกิจกรรมกำรเรียนรู้ กำรวดั และ สอ่ื /แหลง่ ภำระงำน/ชิน้ งำน ประเมนิ ผล เรียนรู้1.กระบวนการสบื ค้น 1.Pretest – 1.Powerpoint 1.Quiz 3 ครัง2.กระบวนการกลุ่ม Posttest จัดทาโดย 2.ใบงานสบื คน้ ความรู้3.เทคนิคการตัง... ใช้เครอื่ งมือทางภมู ิศาสตร์ในการรวบรวม วิเคราะห์ และนาเสนอขอ้ มูลภมู ิสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ (ส 5.1 ม. 4–6/1)สำระสำคญั เครือ่ งมือทางภมู ิศาสตรเ์ ป็นเคร่ืองมือที่รวบรวมขอ้ มูลทางภมู ิศาสตร์ท่ตี ้องการ โดยแตล่ ะชนิดมีคณุ สมบัติในการให้ขอ้ มูลท่ีแตกตา่ งกันจดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1.
อธิบายประโยชน์และวธิ กี ารใช้เครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ได้ (K, A) 2. เลือกใชเ้ ครือ่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ให้เหมาะสมกับความตอ้ งการในดา้ นขอ้ มูล (K, P) 3. ใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการรวบรวมข้อมูลทางภมู ิศาสตรไ์ ด้ (K, P)กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ด้ำนควำมรู้ (K) ดำ้ นคุณธรรม จริยธรรม ด้ำนทักษะ/กระบวนกำร (P) และค่ำนิยม (A)1. ซกั ถามความรู้เร่อื ง เคร่อื งมือ Ÿ ประเมนิ พฤติกรรมในการ Ÿ ประเมนิ พฤติกรรมในการทางภมู ิศาสตร์ ทางานเป็นรายบุคคลในดา้ น ทางานเปน็ รายบุคคลและ2. ตรวจผลงาน/กจิ กรรมเปน็ ความมีวินัย ความใฝเ่ รยี นรู้ เปน็ กลุ่มในดา้ นการสอื่ สารรายบคุ คลหรอื เปน็ กลมุ่ ฯลฯ การคิด การแก้ปัญหา ฯลฯสำระกำรเรียนรู้ Ÿ เคร่อื งมือท่ีใช้หาข้อมลู ทางภูมศิ าสตร์ 1. เคร่ืองมือทางแผนท่ี 1.1 เข็มทศิ 1.2 เครอ่ื งมอื วดั ระยะทางในแผนท่ี14 1.3 เคร่ืองมือวดั พนื ท่ี2.
เคร่ืองมอื ทางภูมิอากาศ 2.1 บารอมเิ ตอร์ 2.2 เทอร์โมมเิ ตอร์ 2.3 ไซโครมเิ ตอร์ 2.4 ไฮโกรมเิ ตอร์ 2.5 มาตรวดั ลม 2.6 เครอ่ื งวัดฝนแนวทำงบรู ณำกำรภาษาไทย ฟงั พูด อา่ น และเขียนเกีย่ วกบั เครอื่ งมอื ทางภูมิศาสตร์ภาษาตา่ งประเทศ อา่ นและหาความหมายของคาท่ีเกี่ยวกับเครื่องมือทางภูมิศาสตร์กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขน้ั... ครแู จง้ ตวั ชีวดั ชว่ งชนั และจุดประสงคก์ ารเรยี นรูใ้ ห้นักเรียนทราบ 2. ครูให้นกั เรียนดูภาพเทอรโ์ มมเิ ตอร์ บอรอมิเตอร์ มาตรวดั ลม เครือ่ งวดั ฝน แล้วถามนักเรยี นวา่นกั เรยี นรู้จักเคร่ืองมือชนดิ ใดบ้าง และให้นักเรียนอธบิ ายการใชง้ านเคร่ืองมือชนดิ นนั ตามความรูข้ องนกั เรยี นจากนนั ครูเชอื่ มโยงการสนทนาเขา้ สบู่ ทเรยี น ขนั้ ท่ี 2 กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 3. ครูติดบตั รคา คาวา่ compass, map measurer, planimeter,barometer, thermometer, psychrometer, hygrometer, anemometer, rain gauge แลว้ ให้แต่ละกลุ่มคน้ หาความหมายภาษาไทยของคาศัพท์ภาษาองั กฤษในบัตรคา 4. ครูสมุ่ เรยี กนักเรียนบอกความหมายของคาในบัตรคาจนครบทุกคา 5. ครูให้นักเรยี นศึกษาประโยชน์และวิธกี ารใชง้ านของเครอ่ื งมอื ทางภูมิศาสตร์แตล่ ะชนิด แล้วบนั ทกึขอ้ มลู ลงในแบบบนั ทึกความรู้ 6.
ครสู มุ่ เลอื กนกั เรียนบอกประโยชนแ์ ละวิธีการใชง้ านของเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ขน้ั ท่ี 3 ฝึกฝนผเู้ รยี น 7. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกล่มุ กลุม่ ละ 4–6 คน 8. ครใู ห้นักเรียนแต่ละกลมุ่ เลอื กเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ทน่ี กั เรียนสนใจ แลว้ เก็บข้อมลู ทางภมู ศิ าสตร์แลว้ บันทึกผลจัดทาเปน็ รายงานนาเสนอหนา้ ชนั เรยี น ขน้ั ที่ 4 นำไปใช้ 9. ครใู หน้ ักเรียนยกตวั อย่างสถานการณใ์ นการนาความรเู้ ก่ยี วกบั เครือ่ งมอื ทางภมู ศิ าสตรไ์ ปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจาวัน ข้ันท่ี 5 สรปุ 10. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความรู้เกย่ี วกบั เครอื่ งมือทางภูมิศาสตร์เป็นแผนทค่ี วามคิดบนั ทึกลงสมุด15กจิ กรรมเสนอแนะ ครใู หน้ ักเรียนจบั คู่กันศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมอื ทางภูมิศาสตร์เพม่ิ เติมจากเนอื หาในบทเรยี น แลว้ นาข้อมลู มาจัดทาเปน็ แผน่ พบั นามาแจกให้เพื่อนในชันเรยี นสือ่ /แหล่งกำรเรยี นรู้ 1. ภาพเทอรโ์ มมเิ ตอร์ บอรอมิเตอร์ มาตรวดั ลม เครื่องวัดฝน 2.
บตั รคา คาว่า compass, map measurer, planimeter,barometer, thermometer, psychrometer, hygrometer, anemometer, rain gauge 3. แบบบนั ทึกความรู้ 4. สือ่ การเรยี นรู้ ภมู ศิ าสตร์ สมบูรณ์แบบ ม. 4–6 บริษทั สานักพมิ พว์ ฒั นาพานชิ จากดั 5. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพืนฐาน ภูมศิ าสตร์ ม. 4–6 บริษัท สานักพิมพ์วัฒนาพานิช จากัด 6.
แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพนื ฐาน ภูมิศาสตร์ ม. 4–6 บรษิ ทั สานักพมิ พ์วัฒนาพานชิ จากัดกำรวัดและประเมนิ ผล1. วธิ ีการวัด 1.1 การทดสอบก่อนเรียน2. เครอ่ื งมือวัด 2.1 แบบทดสอบก่อนเรียน3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 การแปลผลคะแนนเพื่อจดั กลมุ่ นกั เรยี น0 - 20 อ่อน 21 - 30 ปานกลาง 31 - 50 เก่ง16บันทึกผลหลังกำรจัดกำรเรยี นรู้ 1) ข้อสรุปหลังกำรจดั กำรเรียนรู้.................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................................... ....................................................... 2) ปัญหำที่พบ........................................................................................................................................................
................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ..................................................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................................................................
3) แนวทำงแก้ปัญหำ....................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ....................................................... ลงชอ่ื .................................................
(นางไพรจิตร บ้านเหลา่ ) ครผู ้สู อน ............./.........................../...............17 รำยกำรตรวจสอบและอนญุ ำตให้ใช้ควรอนุญาตใหใ้ ช้ในการสอนได้ควรปรบั ปรงุ เกี่ยวกับ............................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... .................. ลงชอ่ื ................................................. (นางไพรจติ ร บา้ นเหล่า) หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษาฯ ............./.........................../...............เห็นควรอนญุ าตให้ใช้ในการสอนได้ควรปรับปรงุ ดงั เสนออื่นๆ........................................................................................................................ .................
People Also Search
- 50+ สังคมศึกษา แผ่นงานบน Quizizz | ฟรีและพิมพ์ได้'
- 50+ แผ่นงานบน Quizizz | ฟรีและพิมพ์ได้
- สังคมศาสตร์: แผ่นงานแบบโต้ตอบและแบบฝึกหัดออนไลน์
- แผ่นงาน สังคมศึกษา มากกว่า 50 แผ่นในราคา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 10 ใน ...
- แผ่นงาน สังคมศึกษา มากกว่า 50 แผ่นในราคา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ใน ...
- 50+ ชุมชน & วัฒนธรรม แผ่นงานบน Quizizz | ฟรีและพิมพ์ได้'
- แบ่งปันสื่อใบงานประถม ป.1 - ป.6 | รายงานบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประถม ...
- แผนการจัดการเรียนรู้ส32101สังคมศึกษาม.5 - ดาวน์โหลดหนังสือ | 1-50 หน้า ...
- Kanyaphon Numchaidi
- 50+ ทักษะทางสังคม แผ่นงานบน Quizizz | ฟรีและพิมพ์ได้'
12 คำนำ พรบ.การศึกษา หมวด ๔ วา่ ด้วยเรือ่ ง แนวการจดั การศึกษา
12 คำนำ พรบ.การศึกษา หมวด ๔ วา่ ด้วยเรือ่ ง แนวการจดั การศึกษา มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยดึ หลักวา่ ผเู้ รยี นทกุ คนมีความสามารถเรยี นรูแ้ ละพฒั นา ตนเองได้ และถือว่าผู้เรยี นมคี วามสาคัญทส่ี ุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ซง่ึ ในกระบวนการจดั การเรียนการสอน แผนการสอนถือเป็นหัวใจสาคญั... มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มท่พี งึ ประสงค์ เหน...
ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ซอ่ื สัตย์สจุ ริต๒. ความสามารถในการคดิ ๓. มีวินัย๓. ความสามารถในการแกป้ ญั
ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ซอ่ื สัตย์สจุ ริต๒. ความสามารถในการคดิ ๓. มีวินัย๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๔. ใฝเ่ รยี นรู้๔.
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๕. อยอู่ ย่างพอเพยี ง๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๖. มุง่
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๕. อยอู่ ย่างพอเพยี ง๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๖. มุง่ มน่ั ในการทางาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ คุณภำพของผ้เู รียนระดับกำรศกึ ษำขั้นพนื้ ฐำนทมี่ ำ: กระทรวงศกึ ษาธิการ.
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั พืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. หน้า ๘5 ตำรำงกำรวเิ
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั พืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. หน้า ๘5 ตำรำงกำรวเิ ครำะหค์ วำมสอดคลอ้ งระหวำ่ งมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ตัวชีว้ ดั กลุ่มสำระกำรเรยี นร้สู ังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม รำยวชิ ำ ส32101 สังคมศกึ ษำ (สำระภูมศิ ำสตร์) ช้ันมธั ยมศึกษำปที ่ี 5สำระท่ี 5 ภมู ิศำสตร์มำตรฐำน ส 5.1 เขา้ ใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ... ใชเ้ ครือ่ งมือทางภูมิศาสตรใ์ นการรวบรวม 1. วเิ คราะห์สถานการณ์และวิกฤตการณ์ด้า...
วเิ คราะห์การเปลย่ี นแปลงของพนื ที่ซ่ึงได้รบั ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมอทิ ธิพลจากปจั จยั ทางภูมิศาสตร์ในประเทศไทย 3.
วเิ คราะห์การเปลย่ี นแปลงของพนื ที่ซ่ึงได้รบั ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมอทิ ธิพลจากปจั จยั ทางภูมิศาสตร์ในประเทศไทย 3. ระบุแนวทางการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและทวีปต่างๆ และสิง่ แวดล้อมในภูมภิ าคต่างๆ ของโลก4. ประเมินการเปลี่ยนแปลงธรรมชาตใิ นโลก 4. อธบิ ายการใชป้ ระโยชนจ์ ากสงิ่ แวดล้อมในวา่ เปน็ ผลมาจากการกระทาของมนุษย์และหรือ การสรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรม อนั เปน็ เอกลกั ษณ์ของธรรมชาติ ทอ้ งถิน่ ...