Greenpeace Thailand จบไปเรียบร้อยสําหรับงานเสวนา สนธิสัญญาพลาสติกโลก
หลังจากที่ได้มีการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 และได้กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเจรจาระหว่างประเทศ (Intergovernmental Negotiating Committee – INC) เพื่อร่วมกันจัดทำมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายว่าด้วยมลพิษพลาสติกรวมถึงสิ่งแวดล้อมในทะเล และได้ตกลงให้มี “สนธิสัญญาพลาสติกโลก” หรือ “Global Plastic Treaty” ขึ้น โดยกำหนดว่า สนธิสัญญานี้จะต้องครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตพลาสติก และมีเป้าหมายส่งเสริมการผลิตและบริโภคพลาสติกในระดับที่ยั่งยืน จากนั้นได้จัดให้มีการประชุม INC เพื่อร่างสนธิสัญญาพลาสติกโลก โดยการประชุม INC ครั้งที่ 5 ที่ปูซาน ในวันที่ 25 พฤศจิกายน –... ในเสวนาวิชาการ “โค้งสุดท้ายสู่สนธิสัญญาพลาสติกโลก: การผลิตและบริโภคพลาสติกที่ยั่งยืนของไทยควรเป็นอย่างไร?” ที่องค์กรภาคประชาสังคมและภาควิชาการร่วมกันจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ได้มีการนำเสนอ “ฉากทัศน์การลดการผลิตและบริโภคพลาสติกในประเทศไทย” ที่ ศลิษา ไตรพิพิธสิริวัฒน์ นักรณรงค์อาวุโส มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม (EJF) เสนอต่อตัวแทนรัฐบาลไทย เพื่อสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกครั้งสุดท้าย และเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการศึกษาหารือเรื่องการผลิตพลาสติกที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ฉากทัศน์ลดการผลิตพลาสติกระดับยั่งยืน และมาตรการที่ควรผลักดันสู่สนธิสัญญาพลาสติกโลก EJF ได้ทำการศึกษาและประเมินการผลิตพลาสติกของประเทศไทยว่ามีความยั่งยืนหรือไม่ พบว่า ใน 3 เกณฑ์ความยั่งยืนที่ประกอบด้วย รายงาน “ลดอย่างไรให้ยั่งยืน ผลกระทบของการผลิต และบริโภคพลาสติกของประเทศไทย และฉากทัศน์ในการแก้ไขปัญหา” ระบุว่า ในหนึ่งปี การผลิตพลาสติกของไทยก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 7.3% ของก๊าซเรือนกระจกที่ก่อกำเนิดโดยไทยทั้งหมด ซึ่งหากประเทศไทยสามารถพัฒนาระบบการจัดการขยะและทำให้อัตราการรีไซเคิลสูงได้เทียบเท่าสหภาพยุโรป ไทยจะมีขยะพลาสติกราว 1.34 ล้านตันต่อปี มลพิษพลาสติกได้ปนเปื้อนระบบนิเวศ ห่วงโซ่อาหาร และร่างกายมนุษย์ ทั้งยังตรวจพบสารเคมีอันตรายในผลิตภัณฑ์ต่างๆ นอกจากนี้ มากกว่า 80% ของขยะพลาสติกที่พบในหลุมฝังกลบเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ความจำเป็นในการใช้งาน โดยเฉพาะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และประเทศไทยไม่ประสบความสำเร็จในการออกกฎหมายยุติการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ความยั่งยืนของรัฐบาลไทยเอง โดยยุติได้เพียง 1 จาก 7 ประเภทพลาสติกที่ตั้งเป้าไว้ คือยุติการใช้ไมโครบีดส์จากพลาสติกเท่านั้น 3 องค์กรสิ่งแวดล้อม “EJF-Greenpeace Thailand-EARTH” จัดเวทีเสวนา “สนธิสัญญาพลาสติกโลกสู่การยุติมลพิษพลาสติก สำคัญอย่างไรต่อสังคมไทย” ที่อาจเป็นความหวังใหม่ต่อการแก้ไขปัญหามลพิษจากพลาสติกด้วยกลไกกฎหมายระหว่างประเทศ หลังหลายฝ่ายเชื่อปัญหาพลาสติกไม่สามารถใช้มาตรการสมัครใจแก้ไขปัญหาได้แล้ว
เผยความกังวลในปัจจุบันสนธิสัญญาอาจไม่เข้มงวดอย่างที่หวัง พร้อมอีกหนึ่งปัญหาในประเทศที่ยังคงไม่มีกฎหมายรองรับ พร้อมแถลงต่อ 175 ประเทศ รวมถึงรัฐบาลไทย ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพ “ต้องมีความจริงจัง-มีแนวทางเป็นรูปธรรม-มีขอบเขตเวลาชัดเจน-มีกลไกการเงิน” “เราต้องการสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง และมุ่งไปที่การลดการผลิตพลาสติกอย่างน้อย 75% ภายในปี 2583 เพื่อให้เรายังคงอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการต่อกรกับปัญหามลพิษพลาสติกในเวทีเจรจาที่กำลังจะมีขึ้น โดยการให้คำมั่นต่อการปกป้องสิ่งแวดล้อมและกลุ่มเปราะบางโดยยึดโยงกับหลักการสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังสามารถเริ่มกำหนดนโยบายที่จะช่วยลดพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งในประเทศได้ โดยกำหนดให้มีการพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility: EPR) ซึ่งตั้งอยู่บนหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle: PPP) ที่ครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตพลาสติกตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ การกระจายสินค้า การรับคืน การสร้างระบบใช้ซ้ำ รวมไปถึงรับผิดชอบต่อผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม” พิชามญชุ์ รักรอด หัวหน้าโครงการยุติมลพิษพลาสติก กรีนพีซ ประเทศไทยกล่าว ปัญหาพลาสติกเป็นปัญหาระดับโลกที่ทำลายสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ด้วยกันเอง ไม่เพียงแต่เศษพลาสติกจะเป็นภัยต่อธรรมชาติเท่านั้น แต่ไมโครพลาสติกได้เข้ามาในร่างกายมนุษย์และมาอยู่ในห่วงโซ่อาหารของเราแล้ว สนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty) คือมาตรการด้านมลพิษจากพลาสติกรวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล ที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยสนธิสัญญานี้คือความหวังในการยุติวิกฤตมลพิษพลาสติก ที่นำมาสู่วงเสวนา “สนธิสัญญาพลาสติกโลก สู่การยุติมลพิษพลาสติก สำคัญอย่างไรต่อสังคมไทย” ที่จัดขึ้นโดยองค์กรภาคประชาสังคม 3 องค์กร ได้แก่ มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม (Environmental Justice Foundation: EJF) กรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) และมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) ในวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา
ปุณญธร จึงสมาน นักวิจัยนโยบายพลาสติก Environmental Justice Foundation (EJF) เล่าถึงที่มาของสนธิสัญญาฉบับสำคัญนี้ “สนธิสัญญานี้เกิดจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลเพื่อจัดตั้งมาตรการเพื่อแก้ปัญหามลพิษพลาสติกอย่างครอบคลุมและจัดการพลาสติกตลอดวงจรชีวิตให้เสร็จสิ้นภายในปี 2567” ปัจจุบันได้มีร่างสนธิสัญญาฉบับศูนย์ฉบับปรุง (Revised Zero Draft) ที่ได้มาจากการประชุมครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาล (INC-3) โดยร่างศูนย์นี้จะเป็นเอกสารตั้งต้นในการประชุม INC-4 ที่แคนาดาในเดือนเมษายนนี้ คำว่า ‘วงจรชีวิตพลาสติก’ หมายถึงตั้งแต่การจุดเจาะน้ำมันหรือปลูกพืช การผลิตพลาสติกในโรงงานปิโตรเคมี การขนส่งสารเคมีพลาสติก การจำหน่ายและการใช้งาน ไปจนถึงการบริหารจัดการหลังการใช้งานเช่นการฝังกลบ เผา หรือรีไซเคิล ปุณญธรได้กล่าวถึงมาตรการที่มีแนวโน้มจะปรากฎในร่างสนธิสัญญา ดังนี้ ระหว่างที่ร่างสนธิสัญญาแก้ปัญหามลพิษจากพลาสติก ซึ่งสมาชิก 175 ประเทศลงนามร่วมกันให้จัดทำมาตรการทางกฎหมายเพื่อเป็นแนวทางการจัดการพลาสติกที่ครอบคลุมและตลอดวงจรชีวิตพลาสติก ลดการผลิตพลาสติก เลิกผลิต เลิกใช้ ควบคุม พลาสติกบางประเภท และการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (EPR) ร่างกฎหมายระหว่างประเทศนี้ เตรียมจะนำมาเจรจาในการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 4 (INC-4) ที่เมืองออตตาว่า ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นการเจรจาก่อนเจรจารอบสุดท้าย และเป็นที่คาดหวังว่า เอกสารร่างสนธิสัญญาจะต้องแล้วเสร็จ และกลายเป็นมาตรการทางกฎหมายฉบับแรกของโลกที่จะลดภัยคุกคามพลาสติก ตลอดจนไมโครพลาสติกที่พบแล้วในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงลดภาวะโลกเดือด เพราะการผลิตพลาสติกเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีความเคลื่อนไหวในบ้านเรา มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม (Environmental Justice Foundation: EJF) กรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) และมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) จัดงาน “สนธิสัญญาพลาสติกโลก สู่การยุติมลพิษพลาสติก สำคัญอย่างไรต่อสังคมไทย” เพื่อสร้างความตระหนักรู้ และประกาศจุดยืนให้มาตราการทางกฎหมายฉบับนี้คำนึงถึงสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมเป็นเป้าหมายสูงสุด และเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติมลพิษพลาสติกเพื่อโลกที่ยั่งยืน
ดร.สุจิตรา วาสนาดำรงดี นักวิจัยเชี่ยวชาญสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าในระดับโลกมีการผลักดันการแก้ไขภาคสมัครใจมาก่อนแล้ว คือ Ellen MacArthur Foundation ร่วมกับโครงการสิ่งแวดล้อมหสประชาชาติทำโครงการ Global Commitment ผลักดันให้แบรนด์ ห้างค้าปลีกรายใหญ่ รัฐบาลประเทศต่างมาตั้งเป้าร่วมกันว่าภายในปี 2025 จะลดการใช้พลาสติกใหม่ เพิ่มพลาสติกรีไซเคิล ปรับบรรจุภัณฑ์ใช้ซ้ำได้ ซึ่งเริ่มมาตั้งปี 2018 จนถึงปี 2023 มีความคืบหน้า แต่สุดท้ายทั่วโลกยังผลิตพลาสติกใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งที่มาให้คำมั่นร่วมพันองค์กร ในรายงาน 5 ปีระบุว่า ยังเป็นส่วนน้อยเท่านั้น ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับโลกได้อย่างแท้จริง ข้อสรุปรายงานบอกว่าต้องมาช่วยกันผลักดันให้สินธิสัญญานี้เกิดขึ้น และมีการออกกฎระเบียบในประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “ อุปสรรคสำคัญ สิ่งท้าทายหลัก คือ การส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่ ถ้าภาครัฐไม่ได้ส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ส่งเสิมการ reuse refill แม้ภาคธุรกิจอยากจะทำ ก็ทำไม่ค่อยได้ ส่วนบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ช่วยรักษาคุณภาพอาหารหรือเครื่องสำอางค์ยังไม่มีทางออกที่จะปรับวัสดุให้คุ้มค่าต่อต้นทุน และระบบจัดเก็บมารีไซเคิลมีปัญหามาก “ ดร.สุจิตรา กล่าว การประชุมเจรจาเพื่อให้เกิดสนธิสัญญาพลาสติกโลกเดินทางมาถึงครั้งที่ 5.2 (Intergovernmental Negotiating Committee : INC-5 ) โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2565 ระหว่างการประชุมครั้งที่ห้าของสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UN Environmental Assembly : UNEA) มติประวัติศาสตร์ (5/14) ถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนากฎหมายที่มีผลผูกพันเกี่ยวกับมลพิษจากพลาสติก มติ 5/14 นี้มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากเป็นการขอให้ผู้อำนวยการบริหารของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) จัดตั้งคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาล (INC) เพื่อพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันเกี่ยวกับมลพิษจากพลาสติก ที่ผ่านมาคณะกรรมการ INC ได้จัดการประชุมครั้งแรก (INC-1) ที่เมืองปุนตา เดล เอสเต้ ประเทศอุรุกวัย ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 2 ธันวาคม 2565 การประชุมครั้งถัดไปจัดขึ้นที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส (INC-2), ไนโรบี ประเทศเคนยา (INC-3) และออตตาวา ประเทศแคนาดา (INC-4) และการประชุมครั้งที่ห้า (INC-5) ณ เมืองปูซาน เกาหลีใต้เป็นการสรุปความพยายามที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผลการเจรจา INC-5 ไม่บรรลุผล แม้ว่ามีประเทศกว่า 100 ประเทศร่วมลงชื่อสนับสนุนสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่มุ่งมั่นและสนับสนุน “การตั้งเป้าลดการผลิตพลาสติก” ซึ่งประเทศเหล่านี้ต่างจริงจังและร่วมยืนหยัดต่อเป้าหมายนี้ แต่ยังมีหลายประเทศปฏิเสธที่จะยอมรับประเด็นข้างต้น จึงได้มีการต่อเวลาการเจรจา จนเกิดการเจรจาขึ้นอีกครั้ง และจะเป็นครั้งสุดท้าย หรือที่เรียกว่า INC 5.2 ซึ่งจะจัดขึ้นในปี 2568 นี้
ประเทศที่เข้าร่วมการเจรจา INC-5 ยังคงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ถึงเวลาแล้วที่เหล่าผู้นำทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันผลักดันให้เกิดสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง และเสียงของคุณมีความหมาย ร่วมลงชื่อสนับสนุนเพื่อให้สนธิสัญญาพลาสติกโลกเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการ หยุดวิกฤตมลพิษพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง! ลงชื่อสนับสนุนการสร้าง “ทะเลชุมชน” หรือพื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่ชุมชนเป็นผู้นำ (Community-led marine protected areas) และปกป้องสิทธิของชุมชนชายฝั่งที่กำลังได้รับผลกระทบจากทั้งวิกฤตสภาพภูมิอากาศ มลพิษจากอุตสาหกรรม และประมงทำลายล้าง ท้องถิ่นภาคเหนือรวมตัว ชวนคิดข้อเสนอนโยบายในงาน People’s Policy Hub อดบ่ไหว แก้ไขสักกำเต๊อะ : คนเหนือชวนคิดนโยบายแก้ฝุ่นพิษ PM2.5 ภายใต้ความถูกและเร็ว ของอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่น คือห่วงโซ่ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ผู้บริโภคต้อง ‘รับ’ โดยไม่รู้ตัว2-7 ธันวาคม 2568📍หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร(BACC) เราทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและเป็นธรรมในประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโลก
People Also Search
- จบไปแล้วสำหรับการสัมมนาวิชาการ... - Greenpeace Thailand | Facebook
- ข้อเสนอสู่เวทีเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลก กับคำถามโค้งสุดท้าย: ผลิตและ ...
- Greenpeace Thailand | จบไปเรียบร้อยสำหรับงานเสวนา "สนธิสัญญาพลาสติกโลก ...
- "สนธิสัญญาพลาสติกโลก" ไทยพร้อมหรือยังที่จะยุติขยะมลพิษ
- จบไปเรียบร้อยสำหรับงานเสวนา... - Greenpeace Thailand
- "เราต้องการสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง-ไทยควรมีบทบาท" 3 องค์กรสวล.
- สนธิสัญญาพลาสติกโลก ... - Greenpeace
- 'สนธิสัญญาพลาสติกโลก' ไทยลงเหวมลพิษพลาสติก
- ประชุมสุดท้ายปี 2568 สนธิสัญญาพลาสติกโลก เรียกร้องไทยแสดงจุดยืนเข้มแข็ง
- กรีนพีซ ประเทศไทย - Greenpeace Thailand
หลังจากที่ได้มีการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 และได้กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเจรจาระหว่างประเทศ (Intergovernmental Negotiating Committee –
หลังจากที่ได้มีการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 และได้กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเจรจาระหว่างประเทศ (Intergovernmental Negotiating Committee – INC) เพื่อร่วมกันจัดทำมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายว่าด้วยมลพิษพลาสติกรวมถึงสิ่งแวดล้อมในทะเล และได้ตกลงให้มี “สนธิสัญญาพลาสติกโลก” หรือ “Global Plastic Treaty” ขึ้น โดยกำหนดว่า สนธิสัญญานี้จะต้องครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตพล...
เผยความกังวลในปัจจุบันสนธิสัญญาอาจไม่เข้มงวดอย่างที่หวัง พร้อมอีกหนึ่งปัญหาในประเทศที่ยังคงไม่มีกฎหมายรองรับ พร้อมแถลงต่อ 175 ประเทศ รวมถึงรัฐบาลไทย ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพ “ต้องมีความจริงจัง-มีแนวทางเป็นรูปธรรม-มีขอบเขตเวลาชัดเจน-มีกลไกการเงิน” “เราต้องการสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง และมุ่งไปที่การลดการผลิตพลาสติกอย่างน้อย
เผยความกังวลในปัจจุบันสนธิสัญญาอาจไม่เข้มงวดอย่างที่หวัง พร้อมอีกหนึ่งปัญหาในประเทศที่ยังคงไม่มีกฎหมายรองรับ พร้อมแถลงต่อ 175 ประเทศ รวมถึงรัฐบาลไทย ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพ “ต้องมีความจริงจัง-มีแนวทางเป็นรูปธรรม-มีขอบเขตเวลาชัดเจน-มีกลไกการเงิน” “เราต้องการสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง และมุ่งไปที่การลดการผลิตพลาสติกอย่างน้อย 75% ภายในปี 2583 เพื่อให้เรายังคงอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ป...
ปุณญธร จึงสมาน นักวิจัยนโยบายพลาสติก Environmental Justice Foundation (EJF) เล่าถึงที่มาของสนธิสัญญาฉบับสำคัญนี้ “สนธิสัญญานี้เกิดจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลเพื่อจัดตั้งมาตรการเพื่อแก้ปัญหามลพิษพลาสติกอย่างครอบคลุมและจัดการพลาสติกตลอดวงจรชีวิตให้เสร็จสิ้นภายในปี 2567”
ปุณญธร จึงสมาน นักวิจัยนโยบายพลาสติก Environmental Justice Foundation (EJF) เล่าถึงที่มาของสนธิสัญญาฉบับสำคัญนี้ “สนธิสัญญานี้เกิดจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลเพื่อจัดตั้งมาตรการเพื่อแก้ปัญหามลพิษพลาสติกอย่างครอบคลุมและจัดการพลาสติกตลอดวงจรชีวิตให้เสร็จสิ้นภายในปี 2567” ปัจจุบันได้มีร่างสนธิสัญญาฉบับศูนย์ฉบับปรุง (Revised Zero Draft) ที่ได้มาจากการประชุมครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาล (INC-3...
ดร.สุจิตรา วาสนาดำรงดี นักวิจัยเชี่ยวชาญสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าในระดับโลกมีการผลักดันการแก้ไขภาคสมัครใจมาก่อนแล้ว คือ Ellen MacArthur Foundation ร่วมกับโครงการสิ่งแวดล้อมหสประชาชาติทำโครงการ
ดร.สุจิตรา วาสนาดำรงดี นักวิจัยเชี่ยวชาญสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าในระดับโลกมีการผลักดันการแก้ไขภาคสมัครใจมาก่อนแล้ว คือ Ellen MacArthur Foundation ร่วมกับโครงการสิ่งแวดล้อมหสประชาชาติทำโครงการ Global Commitment ผลักดันให้แบรนด์ ห้างค้าปลีกรายใหญ่ รัฐบาลประเทศต่างมาตั้งเป้าร่วมกันว่าภายในปี 2025 จะลดการใช้พลาสติกใหม่ เพิ่มพลาสติกรีไซเคิล ปรับบรรจุภัณฑ์ใช้ซ้ำได้ ซึ่งเริ่...
ประเทศที่เข้าร่วมการเจรจา INC-5 ยังคงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ถึงเวลาแล้วที่เหล่าผู้นำทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันผลักดันให้เกิดสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง และเสียงของคุณมีความหมาย ร่วมลงชื่อสนับสนุนเพื่อให้สนธิสัญญาพลาสติกโลกเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการ หยุดวิกฤตมลพิษพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง!
ประเทศที่เข้าร่วมการเจรจา INC-5 ยังคงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ถึงเวลาแล้วที่เหล่าผู้นำทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันผลักดันให้เกิดสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เข้มแข็ง และเสียงของคุณมีความหมาย ร่วมลงชื่อสนับสนุนเพื่อให้สนธิสัญญาพลาสติกโลกเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการ หยุดวิกฤตมลพิษพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง! ลงชื่อสนับสนุนการสร้าง “ทะเลชุมชน” หรือพื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่ชุมชนเป็นผู้นำ (Community-led marine protecte...