Thaipublica World Ocean Day โลกเดือด ทะเลร้อน นักวิชาการ

Leo Migdal
-
thaipublica world ocean day โลกเดือด ทะเลร้อน นักวิชาการ

"วันทะเลโลก" หรือ "วันมหาสมุทรโลก" (World Ocean Day) เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2535 โดยความร่วมมือของกลุ่มประชาคมโลก ในการประชุมสุดยอดด้านสิ่งแวดล้อม (The Earth Summit) ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล โดยมีประเทศสมาชิก 178 ประเทศ รวมตัวกันเพื่อเผยแพร่ความรู้และรณรงค์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งต่อไปยังประชาชนเกิดจิตสำนึกและความตระหนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และในปีนี้เป็นเวลากว่า 32 ปีแล้ว โดยในแต่ละปีก็จะมีธีมในการรณรงค์แตกต่างกัน หลายปีที่ผ่านมาให้ความสำคัญการหยุดยั้งปัญหาขยะทะเล และในปี 2567 ให้ความสำคัญของการลงมือทำ (Action) "Catalyzing Action for our Ocean & Climate : เร่งลงมือเพื่อทะเลและภูมิอากาศ" ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม ได้เรียบเรียงข้อมูลพร้อมหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกและปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้มีการประเมินว่าถ้าอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าระดับปกติ 1.5 องศาเซนติเกรด ปะการังในโลกจะถูกทำลายกว่าร้อยละ 70-90 และหากอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น 2.0 องศาเซนติเกรด ปะการังจะถูกทำลายสูงถึงร้อยละ 99 เลยทีเดียว ระบบนิเวศแนวปะการังนอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญยังเป็นแหล่งอาศัยและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงอีกด้วย ในช่วงสองปีที่ผ่านมาอุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และส่งผลต่อแนวปะการังทั่วโลกกว่า 54 ประเทศแล้ว ในส่วนของประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับภาวะปะการังฟอกขาว กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สำรวจแหล่งปะการังหลายพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล เปิดเผยว่า เกิดปะการังฟอกขาวอย่างรุนแรง จากระดับอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น จนต้องประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล 12 แห่ง ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยในพื้นที่ที่เริ่มเกิดปะการังฟอกขาวแล้วกว่าร้อยละ 50-70 ได้แก่ หมู่เกาะสุรินทร์-สิมิลัน หมู่เกาะชุมพร และอยู่ระหว่างสำรวจเพิ่มเติมอีกในหลายพื้นที่ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้สำรวจติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในปี 2567 บริเวณเกาะโลซิน จังหวัดปัตตานี พบปะการังฟอกขาว ร้อยละ 40 สีจางร้อยละ 30 และยังอยู่ในสภาพปกติเพียงร้อยละ 30 โดยปะการังที่ฟอกขาว ได้แก่ ปะการังโขด ปะการังช่องเล็ก และกลุ่มปะการังเขากวางแผ่นแบนแบบโต๊ะ ดร.วิจารย์ ยังบอกเพิ่มเติมถึงปัญหาต่างๆ ของทะเลว่า ขยะทะเล เป็นปัญหาสำคัญของประเทศและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะขยะพลาสติก การผลิตพลาสติกทั่วโลกปีละกว่า 400 ล้านตัน และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการ และถ้าหากไม่มีการจัดการที่ถูกต้องก็จะมีปัญหาการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและทะเลได้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีปัญหาขยะในทะเลระดับท็อปเท็นของโลก พร้อมกับอีก 4 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน

Home » Sustainability » 8 มิถุนายน วันทะเลโลก (World Ocean Day) … โลกเดือด ทะเลร้อน นักวิชาการ TEI ชี้เร่งรีบแก้ไขปัญหาเดิม เตรียมพร้อมรองรับกับปัญหาใหม่ วันทะเลโลก หรือวันมหาสมุทรโลก (World Ocean Day) เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2535 โดยความร่วมมือของกลุ่มประชาคมโลก ในการประชุมสุดยอดด้านสิ่งแวดล้อม (The Earth Summit) ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล โดยมีประเทศสมาชิก 178 ประเทศ รวมตัวกันเพื่อเผยแพร่ความรู้และรณรงค์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งต่อไปยังประชาชนเกิดจิตสำนึกและความตระหนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และในปีนี้ ก็เป็นเวลากว่า 32 ปีแล้ว โดยในแต่ละปีก็จะมีธีมในการรณรงค์แตกต่างกัน หลายปีที่ผ่านมาให้ความสำคัญการหยุดยั้งปัญหาขยะทะเล และในปี 2567 ให้ความสำคัญของการลงมือทำ (Action) “Catalyzing Action... ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม ได้เรียบเรียงข้อมูลพร้อมหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกและปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้มีการประเมินว่าถ้าอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าระดับปกติ 1.5 องศาเซนติเกรด ปะการังในโลกจะถูกทำลายกว่าร้อยละ 70-90 และหากอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น 2.0 องศาเซนติเกรด ปะการังจะถูกทำลายสูงถึงร้อยละ 99 เลยทีเดียว ระบบนิเวศแนวปะการังนอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญยังเป็นแหล่งอาศัยและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงอีกด้วย “ในช่วงสองปีที่ผ่านมาอุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และส่งผลต่อแนวปะการังทั่วโลกกว่า 54 ประเทศแล้ว ในส่วนของประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับภาวะปะการังฟอกขาว กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สำรวจแหล่งปะการังหลายพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล เปิดเพยว่าเกิด ปะการังฟอกขาวอย่างรุนแรง จากระดับอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น จนต้องประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล 12 แห่ง ทั้งฝังทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยในพื้นที่ที่เริ่มเกิดปะการังฟอกขาวแล้วกว่าร้อยละ 50 – 70 ได้แก่ หมู่เกาะสุรินทร์-สิมิลัน หมู่เกาะชุมพร และอยู่ระหว่างสำรวจเพิ่มเติมอีกในหลายพื้นที่ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้สำรวจติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในปี 2567 บริเวณเกาะโลซิน จังหวัดปัตตานี พบปะการังฟอกขาว ร้อยละ 40 สีจางร้อยละ 30 และยังอยู่ในสภาพปกติเพียงร้อยละ 30... ดร.วิจารย์ ยังบอกเพิ่มเติมถึงปัญหาต่างๆของทะเลว่า ขยะทะเล เป็นปัญหาสำคัญของประเทศและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะขยะพลาสติก การผลิตพลาสติกทั่วโลกปีละกว่า 400 ล้านตัน และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆตามความต้องการและถ้าหากไม่มีการจัดการที่ถูกต้องก็จะมีปัญหาการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและทะเลได้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีปัญหาขยะในทะเลระดับท๊อปเท็นของโลก พร้อมกับอีก 4 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยประเทศไทยสร้างขยะพลาสติกประมาณ 2.5 ล้านตันต่อปี ประมาณร้อยละ 13-15 จากขยะชุมชนทั้งหมด ที่มีปริมาณปีละ 28 – 29 ล้านตันต่อปี โดยได้มีการประเมินว่ามีระบบจัดการได้อย่างถูกต้อง โดยการนำไปรีไซเคิลได้ประมาณ ร้อยละ 25 ที่เหลือร้อยละ 75 ถูกนำไปฝังกลบ หรือเผา หรือกองทิ้ง จึงทำให้ขยะพลาสติกส่วนหนึ่งเล็ดลอดออกสู่คลอง... วันทะเลโลก หรือวันมหาสมุทรโลก (World Ocean Day) เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2535 โดยความร่วมมือของกลุ่มประชาคมโลก ในการประชุมสุดยอดด้านสิ่งแวดล้อม (The Earth Summit) ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล โดยมีประเทศสมาชิก 178 ประเทศ รวมตัวกันเพื่อเผยแพร่ความรู้และรณรงค์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งต่อไปยังประชาชนเกิดจิตสำนึกและความตระหนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และในปีนี้ ก็เป็นเวลากว่า 32 ปีแล้ว โดยในแต่ละปีก็จะมีธีมในการรณรงค์แตกต่างกัน หลายปีที่ผ่านมาให้ความสำคัญการหยุดยั้งปัญหาขยะทะเล และในปี 2567 ให้ความสำคัญของการลงมือทำ (Action) “Catalyzing Action...

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม ได้เรียบเรียงข้อมูลพร้อมหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกและปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้มีการประเมินว่าถ้าอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าระดับปกติ 1.5 องศาเซนติเกรด ปะการังในโลกจะถูกทำลายกว่าร้อยละ 70-90 และหากอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น 2.0 องศาเซนติเกรด ปะการังจะถูกทำลายสูงถึงร้อยละ 99 เลยทีเดียว ระบบนิเวศแนวปะการังนอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญยังเป็นแหล่งอาศัยและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงอีกด้วย “ในช่วงสองปีที่ผ่านมาอุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และส่งผลต่อแนวปะการังทั่วโลกกว่า 54 ประเทศแล้ว ในส่วนของประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับภาวะปะการังฟอกขาว กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สำรวจแหล่งปะการังหลายพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล เปิดเพยว่าเกิด ปะการังฟอกขาวอย่างรุนแรง จากระดับอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น จนต้องประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล 12 แห่ง ทั้งฝังทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยในพื้นที่ที่เริ่มเกิดปะการังฟอกขาวแล้วกว่าร้อยละ 50 – 70 ได้แก่ หมู่เกาะสุรินทร์-สิมิลัน หมู่เกาะชุมพร และอยู่ระหว่างสำรวจเพิ่มเติมอีกในหลายพื้นที่ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้สำรวจติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในปี 2567 บริเวณเกาะโลซิน จังหวัดปัตตานีพบปะการังฟอกขาว ร้อยละ 40 สีจางร้อยละ 30 และยังอยู่ในสภาพปกติเพียงร้อยละ 30 โดยปะการังที่ฟอกขาว ได้แก่ ปะการังโขด ปะการังช่องเล็ก และกลุ่มปะการังเขากวางแผ่นแบนแบบโต๊ะ” ดร.วิจารย์ ยังบอกเพิ่มเติมถึงปัญหาต่างๆของทะเลว่า ขยะทะเล เป็นปัญหาสำคัญของประเทศและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะขยะพลาสติก การผลิตพลาสติกทั่วโลกปีละกว่า 400 ล้านตัน และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆตามความต้องการและถ้าหากไม่มีการจัดการที่ถูกต้องก็จะมีปัญหาการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและทะเลได้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีปัญหาขยะในทะเลระดับท๊อปเท็นของโลก พร้อมกับอีก 4 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยประเทศไทยสร้างขยะพลาสติกประมาณ 2.5 ล้านตันต่อปี ประมาณร้อยละ 13-15 จากขยะชุมชนทั้งหมด ที่มีปริมาณปีละ 28 – 29 ล้านตันต่อปี โดยได้มีการประเมินว่ามีระบบจัดการได้อย่างถูกต้อง โดยการนำไปรีไซเคิลได้ประมาณ ร้อยละ 25 ที่เหลือร้อยละ 75 ถูกนำไปฝังกลบ หรือเผา หรือกองทิ้ง จึงทำให้ขยะพลาสติกส่วนหนึ่งเล็ดลอดออกสู่คลอง... ที่มา : Today.line.me (https://today.line.me/th/v2/article/j7mzNJg) จากกรณีวันที่ 21 เมษายน 67 ผศ.ดร.ธรณ์ ธรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ขอต้อนรับเพื่อนธรณ์สู่ประสบการณ์โลกเดือด แม้เอลนิโญใกล้จบ แต่ความร้อนยังไม่จบ บวกกับโลกร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้น นี่คือโลกเดือด!“ โดยผศ.ดร.ธรณ์ อธิบายว่า ปริมาณฝนสะสมในอีก 3 วันข้างหน้า ดำสนิทเกือบทั้งประเทศ หมายถึง แทบไม่มีฝนจริงจังเลย ยกเว้นภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งฝนที่มาในช่วงนี้ก็ต้องระวัง ลมแรง ตกหนัก ฟ้าผ่า ไฟดับ น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่เล็กๆ เป็นฝน โลกร้อน ทะเลร้อน...

ยากมากๆ เพราะเราทำร้ายโลกมาถึงตอนนี้ นับร้อยปีที่ก๊าซเรือนกระจกสะสมบนฟ้า ทะเลช่วยดูดซับความร้อนไว้ แต่ตอนนี้ทะเลบอกไม่ไหวแล้ว มันจึงมาถึงจุดที่ต้องบอกว่า ต้องหาทางรอด ปรับตัวเท่าที่ทำได้โลกเดือดยังส่งผลต่อเศรษฐกิจรุนแรง มั่งความแปรปรวนของลมฟ้าท้องน้ำ เรื่อยไปจนถึงภัยพิบัติ ทั้งพูดทั้งเขียนเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว หวังว่าเพื่อนธรณ์คงเข้าใจ เมืองไทยอากาศร้อนทะลุ 43 องศา บนบกก็ว่าร้อนตับจะแตกแล้ว ดำลงน้ำก็ร้อนพอกัน อ.ธรณ์ เปิดเผยว่า วัดอุณหภูมิท้องทะเลช่วง 7 โมงเช้า ได้ 32 องศาเข้าไปแล้ว มารีเช็กกันหน่อยว่า ทะเลไทยในยุคโลกเดือดได้รับผลกระทบยังไงบ้าง? องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ หรือ NOAA ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า โลกกำลังเจอกับปะการังฟอกขาวระดับหายนะ (Global Coral Bleaching Event) ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ของโลก และถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปี ซึ่งแน่นอนว่าเป็นผลมาจากอุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้น เป็นเหตุให้ขณะนี้ กว่า 53 ประเทศทั่วโลกกำลังเจอกับปะการังฟอกขาว ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะปะการังเหล่านี้ถือเป็นที่อิงอาศัยให้กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ และคอยมอบความอุดมสมบูรณ์ให้กับประเทศต่าง ๆ แต่ดูเหมือนว่า “The Giverแห่งท้องทะเล” กำลังถูกทะเลเดือดเล่นงานแบบไม่ให้พักยก “สวัสดีวัน Earth Day ด้วยความร้อน 43 องศา ทะเลร้อนเกิน 32 องศา ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไม่รักโลกตอนนี้ ก็ไม่เหลือเวลาให้รักแล้วครับ” นี่คือประโยคสั้น ๆ จาก ผศ.ดร.

ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือ อ.ธรณ์ ในแบบที่เรารู้จัก แสดงให้เห็นว่า แม้แต่เวลาที่เช้ามาก ๆ ท้องทะเลก็มิได้เย็นตามความเข้าใจ เราต้องยอมรับและตื่นตัวกันอย่างจริงจังได้แล้ว เพื่อหาวิธี “ทุเลา” ทะเลไทย เพราะสายเกินไปแล้วที่จะกลับไปแก้...

People Also Search

"วันทะเลโลก" หรือ "วันมหาสมุทรโลก" (World Ocean Day) เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2535 โดยความร่วมมือของกลุ่มประชาคมโลก

"วันทะเลโลก" หรือ "วันมหาสมุทรโลก" (World Ocean Day) เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2535 โดยความร่วมมือของกลุ่มประชาคมโลก ในการประชุมสุดยอดด้านสิ่งแวดล้อม (The Earth Summit) ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล โดยมีประเทศสมาชิก 178 ประเทศ รวมตัวกันเพื่อเผยแพร่ความรู้และรณรงค์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งต่อไปยังประชาชนเกิดจิตสำนึกและความตระหนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และในปีนี้เป็นเวลากว่า 32 ปี...

Home » Sustainability » 8 มิถุนายน วันทะเลโลก (World Ocean Day)

Home » Sustainability » 8 มิถุนายน วันทะเลโลก (World Ocean Day) … โลกเดือด ทะเลร้อน นักวิชาการ TEI ชี้เร่งรีบแก้ไขปัญหาเดิม เตรียมพร้อมรองรับกับปัญหาใหม่ วันทะเลโลก หรือวันมหาสมุทรโลก (World Ocean Day) เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2535 โดยความร่วมมือของกลุ่มประชาคมโลก ในการประชุมสุดยอดด้านสิ่งแวดล้อม (The Earth Summit) ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล โดยมีประเทศสมาชิก 178 ประเทศ รวมตัวกันเพื่อเผยแพร่ความ...

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม ได้เรียบเรียงข้อมูลพร้อมหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกและปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้มีการประเมินว่าถ้าอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าระดับปกติ 1.5

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม ได้เรียบเรียงข้อมูลพร้อมหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกและปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้มีการประเมินว่าถ้าอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าระดับปกติ 1.5 องศาเซนติเกรด ปะการังในโลกจะถูกทำลายกว่าร้อยละ 70-90 และหากอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น 2.0 องศาเซน...

ยากมากๆ เพราะเราทำร้ายโลกมาถึงตอนนี้ นับร้อยปีที่ก๊าซเรือนกระจกสะสมบนฟ้า ทะเลช่วยดูดซับความร้อนไว้ แต่ตอนนี้ทะเลบอกไม่ไหวแล้ว มันจึงมาถึงจุดที่ต้องบอกว่า ต้องหาทางรอด ปรับตัวเท่าที่ทำได้โลกเดือดยังส่งผลต่อเศรษฐกิจรุนแรง มั่งความแปรปรวนของลมฟ้าท้องน้ำ เรื่อยไปจนถึงภัยพิบัติ

ยากมากๆ เพราะเราทำร้ายโลกมาถึงตอนนี้ นับร้อยปีที่ก๊าซเรือนกระจกสะสมบนฟ้า ทะเลช่วยดูดซับความร้อนไว้ แต่ตอนนี้ทะเลบอกไม่ไหวแล้ว มันจึงมาถึงจุดที่ต้องบอกว่า ต้องหาทางรอด ปรับตัวเท่าที่ทำได้โลกเดือดยังส่งผลต่อเศรษฐกิจรุนแรง มั่งความแปรปรวนของลมฟ้าท้องน้ำ เรื่อยไปจนถึงภัยพิบัติ ทั้งพูดทั้งเขียนเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว หวังว่าเพื่อนธรณ์คงเข้าใจ เมืองไทยอากาศร้อนทะลุ 43 องศา บนบกก็ว่าร้อนตับจะแตกแล้ว ดำล...

ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือ อ.ธรณ์ ในแบบที่เรารู้จัก แสดงให้เห็นว่า แม้แต่เวลาที่เช้ามาก ๆ ท้องทะเลก็มิได้เย็นตามความเข้าใจ เราต้องยอมรับและตื่นตัวกันอย่างจริงจังได้แล้ว

ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือ อ.ธรณ์ ในแบบที่เรารู้จัก แสดงให้เห็นว่า แม้แต่เวลาที่เช้ามาก ๆ ท้องทะเลก็มิได้เย็นตามความเข้าใจ เราต้องยอมรับและตื่นตัวกันอย่างจริงจังได้แล้ว เพื่อหาวิธี “ทุเลา” ทะเลไทย เพราะสายเกินไปแล้วที่จะกลับไปแก้...