นักวิทย์เผยข้อมูลใหม่ มหาสมุทรไม่ได้เผชิญแค่ความร้อน แต่ยังถูกคุกคาม
อุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2025 โดยอุณหภูมิผิวน้ำสูงกว่าค่าสูงสุดเดิมเมื่อปี 2022 ถึงกว่า 0.25 องศาเซลเซียส สำนักข่าว BBC รายงานว่า อุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2025 โดยอุณหภูมิผิวน้ำสูงกว่าค่าสูงสุดเดิมเมื่อปี 2022 ถึงกว่า 0.25 องศาเซลเซียส โดยการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยนี้ถือว่ามหาศาลเมื่อเทียบกับพื้นที่ที่กว้างกว่า 10 เท่าของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่าปรากฏการณ์คลื่นความร้อนทางทะเล มีแนวโน้มเกิดบ่อยขึ้นเพราะ ภาวะโลกร้อนจากฝีมือมนุษย์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้กลับรุนแรงและยาวนานผิดปกติ จนยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน โดย เซเก เฮาส์ฟาเธอร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศจาก Berkeley Earth สหรัฐฯชี้ว่า มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือแน่นอน ข้อมูลจากบริการภูมิอากาศโคเปอร์นิคัส (Copernicus) ของยุโรป พบว่า พื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ — ตั้งแต่ชายฝั่งเอเชียตะวันออกจรดอเมริกาเหนือกำลังประสบคลื่นความร้อนทางทะเลขนาดยักษ์ที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "Warm Blob" อุณหภูมิของผิวน้ำในปี 2025 สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับทศวรรษก่อนหน้า และเกินกว่าที่แบบจำลองภูมิอากาศคาดการณ์ไว้มาก โดยมีโอกาสไม่ถึง 1% ที่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นในปีใดปีหนึ่งตามธรรมชาติ ไม่ใช่แค่ ‘ร้อนขึ้น’ แต่มหาสมุทรกำลังเผชิญภัยคุกคามหลายอย่างพร้อมกัน ทั้งความร้อน สูญเสียออกซิเจน และมีความเป็นกรดมากขึ้น งานวิจัยใหม่เผยข้อมูลที่น่าตกใจ พื้นที่มหาสมุทร 1 ใน 5 ของโลกมีภัยพิบัติที่รุนแรงกว่าปี 1960 ถึง 6 เท่า
ท่ามกล่างวิกฤตสภาพอากาศที่โถมกระหน่ำโลก และผู้ได้รับผลกระทบมากสุดคือมหาสมุทรของเรา มันเป็นสถานที่ที่คอยรองรับทุกอย่างทั้งความร้อนจากดวงอาทิตย์ ก๊าซเรือนกระจก และมลพิษจำนวนมากที่เราลักลอบปล่อยลงทะเล ผลกระทบจากสิ่งเหล่านั้นกำลังค่อย ๆ เผยออกมาให้เราเห็นแล้ว งานวิจัยใหม่ที่เผยแพร่ในวารสาร AGU Advances ได้ทำการวิเคราะห์ปัญหาหลัก 3 ประการของมหาสมุทรได้แก่ ความร้อน ปริมาณออกซิเจน และความเป็นกรด พวกเขาพบว่าทะเลทั่วโลกกำลังเผชิญภัยคุกคามดังกล่าว และราว 1 ใน 5 จากมหาสมุทรทั้งหมดกำลังเจอปัญหา 3 อย่างนี้พร้อมกันโดยมีความรุนแรงยิ่งกว่าที่เคยมา “เราเริ่มได้เห็นและได้สัมผัสถึงผลกระทบของสิ่งนี้แล้ว” Joel Wong นักวิจัยจาก สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก (ETH Zurich) กล่าว เขาได้อ้างถึงปรากฏารณ์ ‘ก้อนความร้อน’ (Heat Blob) ซึ่งเป็นพื้นที่ความร้อนขนาดใหญ่เกิดขึ้นในมหาสมุทร “เหตุการณ์สุดขั้วที่รุนแรงเช่นนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต และจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและการประมงทั่วโลก” เป็นที่ทราบกันดีว่าภัยคุกคาม 3 ประการดังกล่าวนั้นเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์เป็นสาเหตุหลัก ทั้งการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล และการตัดไม้ทำลายป่า งานวิจัยระบุว่าปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้นและกินเวลานานกว่าช่วงต้นทศวรรษปี 1960 ถึง 3 เท่า และมีความรุนแรงกว่าถึง 6 เท่า มหาสมุทรมีอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดที่เคยบันทึก จากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของโลก อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลโลกเฉลี่ยต่อวันสูงกว่าสถิติในปี 2559 ในสัปดาห์นี้ ตามข้อมูลของ Copernicus ผู้ให้บริการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรปสูงถึง 20.96C ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเวลานี้ของปีมาก
มหาสมุทรเป็นตัวควบคุมสภาพอากาศที่สำคัญ ดูดซับความร้อน ผลิตออกซิเจนครึ่งหนึ่งของโลก และขับเคลื่อนรูปแบบสภาพอากาศ น้ำที่ร้อนขึ้นจะมีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง หมายความว่าก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้นจะคงอยู่ในชั้นบรรยากาศมากขึ้น และยังสามารถเร่งการละลายของธารน้ำแข็งที่ไหลลงสู่มหาสมุทร ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น มหาสมุทรที่ร้อนขึ้นและคลื่นความร้อนรบกวนสัตว์ทะเล เช่น ปลาและวาฬ ขณะที่พวกมันเคลื่อนไหวเพื่อค้นหาน้ำเย็น ซึ่งทำให้ห่วงโซ่อาหารปั่นป่วน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าปลาอาจได้รับผลกระทบ "มหาสมุทร" ดูดซับความร้อนซึ่งส่วนใหญ่มาจาก “ภาวะโลกร้อน” ทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตรวมถึงมนุษย์ด้วย ซึ่งดูเหมือนว่ามหาสมุทรทำงานหลายอย่างในการลดระดับความร้อนเลยก็ว่าได้ นี่คือข้อมูลจาก “เบย์เลอร์ ฟอกซ์ เคมเปอร์" ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โลก สิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์แห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวกับซีเอ็นบีซี เขายังบอกอีกว่า กว่าร้อยละ 90 ของความร้อนบนโลก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พบได้ในมหาสมุทรที่อุ่นขึ้น บางส่วนอยู่ในพื้นผิวมหาสมุทร และบางส่วนอยู่ที่ระดับความลึก คือสาเหตุที่อุณหภูมิในมหาสมุทรสูงเป็นประวัติการณ์ มหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยทั่วโลกแตะระดับสูงสุดที่ 69.73 องศาฟาเรนไฮต์หรือ 20.96 องศาเซลเซียส ในวันที่ 31 กรกฎาคม ตามชุดข้อมูลที่ดูแลโดย “โคเปอร์นิคัส” หน่วยงานสังเกตการณ์โลกในโครงการอวกาศของสหภาพยุโรป ซึ่งย้อนกลับไปใน ปี 1979 ชุดข้อมูลเฉพาะนี้วัดอุณหภูมิที่ประมาณ 33 ฟุตใต้พื้นผิวมหาสมุทร
ในมหาสมุทรนอกชายฝั่งฟลอริดา เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผลกระทบที่ชัดเจนขึ้นของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 101 องศาฯ NASA กล่าวว่า เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่อบอุ่นที่สุดของการบันทึกย้อนหลังไปถึงปี 1880 "มหาสมุทรอุ่นขึ้นที่เห็นอยู่ในขณะนี้แสดงถึงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้น" เบนจามิน เคิร์ทแมน ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์บรรยากาศแห่งมหาวิทยาลัยไมอามี กล่าว และสิ่งนี้สอดคล้องกับสภาพอากาศที่รุนแรงในระบบภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ คลื่นความร้อน ความร้อนในทะเลที่เพิ่มมากขึ้น ความแห้งแล้งในพื้นที่ที่แห้งแล้งอยู่แล้ว น้ำท่วมในพื้นที่ที่เปียกชื้นอยู่แล้ว ลมแรง และไฟ
People Also Search
- นักวิทย์เผยข้อมูลใหม่ มหาสมุทรไม่ได้เผชิญแค่ความร้อน แต่ยังถูกคุกคาม ...
- มหาสมุทรแปซิฟิกเดือด! คลื่นความร้อนทะเลทุบสถิติ นักวิทย์ยังหาคำตอบ ...
- คลื่นความร้อนลึกลับ ทำมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือร้อนทุบสถิติสูงสุด นัก ...
- มหาสมุทรทั่วโลกร้อนขึ้น เป็นกรด และสูญเสียออกซิเจนรุนแรง คล้ายกับการสูญ ...
- Environman - #NATURE ไม่ใช่แค่ 'ร้อนขึ้น'... | Facebook
- คลื่นความร้อนในมหาสมุทรทะลุสถิติ นัยยะอันน่าสะพรึงกลัวสำหรับโลก
- มหาสมุทรดูดซับความร้อน 90% สัญญาณอันตรายโลกรวน
- คลื่นความร้อนลึกลับในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ: นักวิทย์ยังหาคำตอบไม่ได้ ...
อุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2025 โดยอุณหภูมิผิวน้ำสูงกว่าค่าสูงสุดเดิมเมื่อปี 2022 ถึงกว่า 0.25 องศาเซลเซียส สำนักข่าว BBC
อุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2025 โดยอุณหภูมิผิวน้ำสูงกว่าค่าสูงสุดเดิมเมื่อปี 2022 ถึงกว่า 0.25 องศาเซลเซียส สำนักข่าว BBC รายงานว่า อุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2025 โดยอุณหภูมิผิวน้ำสูงกว่าค่าสูงสุดเดิมเมื่อปี 2022 ถึงกว่า 0.25 องศาเซลเซียส โดยก...
ท่ามกล่างวิกฤตสภาพอากาศที่โถมกระหน่ำโลก และผู้ได้รับผลกระทบมากสุดคือมหาสมุทรของเรา มันเป็นสถานที่ที่คอยรองรับทุกอย่างทั้งความร้อนจากดวงอาทิตย์ ก๊าซเรือนกระจก และมลพิษจำนวนมากที่เราลักลอบปล่อยลงทะเล ผลกระทบจากสิ่งเหล่านั้นกำลังค่อย ๆ เผยออกมาให้เราเห็นแล้ว งานวิจัยใหม่ที่เผยแพร่ในวารสาร AGU
ท่ามกล่างวิกฤตสภาพอากาศที่โถมกระหน่ำโลก และผู้ได้รับผลกระทบมากสุดคือมหาสมุทรของเรา มันเป็นสถานที่ที่คอยรองรับทุกอย่างทั้งความร้อนจากดวงอาทิตย์ ก๊าซเรือนกระจก และมลพิษจำนวนมากที่เราลักลอบปล่อยลงทะเล ผลกระทบจากสิ่งเหล่านั้นกำลังค่อย ๆ เผยออกมาให้เราเห็นแล้ว งานวิจัยใหม่ที่เผยแพร่ในวารสาร AGU Advances ได้ทำการวิเคราะห์ปัญหาหลัก 3 ประการของมหาสมุทรได้แก่ ความร้อน ปริมาณออกซิเจน และความเป็นกรด พวกเขาพบ...
มหาสมุทรเป็นตัวควบคุมสภาพอากาศที่สำคัญ ดูดซับความร้อน ผลิตออกซิเจนครึ่งหนึ่งของโลก และขับเคลื่อนรูปแบบสภาพอากาศ น้ำที่ร้อนขึ้นจะมีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง หมายความว่าก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้นจะคงอยู่ในชั้นบรรยากาศมากขึ้น และยังสามารถเร่งการละลายของธารน้ำแข็งที่ไหลลงสู่มหาสมุทร ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น มหาสมุทรที่ร้อนขึ้นและคลื่นความร้อนรบกวนสัตว์ทะเล เช่น
มหาสมุทรเป็นตัวควบคุมสภาพอากาศที่สำคัญ ดูดซับความร้อน ผลิตออกซิเจนครึ่งหนึ่งของโลก และขับเคลื่อนรูปแบบสภาพอากาศ น้ำที่ร้อนขึ้นจะมีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง หมายความว่าก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้นจะคงอยู่ในชั้นบรรยากาศมากขึ้น และยังสามารถเร่งการละลายของธารน้ำแข็งที่ไหลลงสู่มหาสมุทร ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น มหาสมุทรที่ร้อนขึ้นและคลื่นความร้อนรบกวนสัตว์ทะเล เช่น ปลาและวาฬ ขณะที...
ในมหาสมุทรนอกชายฝั่งฟลอริดา เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผลกระทบที่ชัดเจนขึ้นของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 101 องศาฯ NASA กล่าวว่า เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่อบอุ่นที่สุดของการบันทึกย้อนหลังไปถึงปี 1880 "มหาสมุทรอุ่นขึ้นที่เห็นอยู่ในขณะนี้แสดงถึงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้น"
ในมหาสมุทรนอกชายฝั่งฟลอริดา เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผลกระทบที่ชัดเจนขึ้นของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 101 องศาฯ NASA กล่าวว่า เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่อบอุ่นที่สุดของการบันทึกย้อนหลังไปถึงปี 1880 "มหาสมุทรอุ่นขึ้นที่เห็นอยู่ในขณะนี้แสดงถึงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้น" เบนจามิน เคิร์ทแมน ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์บรรยากาศแห่งมหาวิทยาลัยไมอามี...