มหาสมุทรทั่วโลกร้อนขึ้น เป็นกรด และสูญเสียออกซิเจนรุนแรง คล้ายกับการสู

Leo Migdal
-
มหาสมุทรทั่วโลกร้อนขึ้น เป็นกรด และสูญเสียออกซิเจนรุนแรง คล้ายกับการสู

รายงานล่าสุดจากศูนย์พลังงานและวัสดุของ World Economic Forum (WEF) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับภาวะ "มหาสมุทรเป็นกรด" (Ocean Acidification) ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ระดับอันตรายอย่างยิ่งยวด โดยได้ก้าวข้าม "ขีดจำกัดของดาวเคราะห์" (planetary boundary) ที่สำคัญไปแล้ว ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยร้ายแรงต่อสุขภาพของมหาสมุทรทั่วโลกและสิ่งมีชีวิตนับล้านที่อาศัยอยู่ในนั้น ภาวะมหาสมุทรเป็นกรด คือกระบวนการที่มหาสมุทรดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส่วนเกินจากชั้นบรรยากาศ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลและกิจกรรมของมนุษย์อื่น ๆ เมื่อ CO2 ละลายในน้ำทะเล จะเกิดปฏิกิริยาเคมีที่เพิ่มความเป็นกรดของน้ำ โดยลดค่า pH ของน้ำทะเลลง การเปลี่ยนแปลงค่า pH เพียงเล็กน้อยก็ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศทางทะเลทั้งหมด นักวิทยาศาสตร์จาก Plymouth Marine Laboratory ในสหราชอาณาจักร และ National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำในการศึกษาครั้งสำคัญนี้ ได้ค้นพบว่าขีดจำกัดวิกฤตดังกล่าวได้ถูกละเมิดไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก พวกเขาเน้นย้ำว่านี่ไม่ใช่ปัญหาในอนาคต แต่เป็น "ระเบิดเวลา" ที่กำลังเดินหน้าและส่งผลกระทบอยู่ในขณะนี้ การเพิ่มขึ้นของความเป็นกรดในมหาสมุทรส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งมีชีวิตที่มีเปลือกหรือโครงสร้างที่เป็นหินปูน เช่น ปะการัง หอย ปู และแพลงก์ตอนหอย ความเป็นกรดที่เพิ่มขึ้นทำให้การสร้างและรักษาเปลือกเหล่านี้ยากขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อห่วงโซ่อาหารทั้งหมด ปะการังฟอกขาวและตายลง ทำให้ระบบนิเวศแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำนับล้านถูกทำลาย นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดของน้ำยังส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของปลาหลายชนิด ความสามารถในการนำทาง การหาอาหาร และการสืบพันธุ์ของปลาอาจลดลง ทำให้เกิดความไม่สมดุลในระบบนิเวศ และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประมงซึ่งเป็นแหล่งอาหารและรายได้ที่สำคัญของประชากรโลกหลายล้านคน ภาวะดังกล่าวย่อมส่งผลต่อระบบนิเวศทางทะเลทั่วโลก แบบจำลองใหม่พบว่ามหาสมุทรความลึกระดับกลางซึ่งเป็นทรัพยากรทางทะเลสำคัญของอุตสาหกรรมประมงเริ่มเผชิญกับภาวะสูญเสียออกซิเจนในอัตราเร็วที่ผิดธรรมชาติ และพ้นปริมาณวิกฤติของการสูญเสียออกซิเจนในปี พ.ศ.

2564 มหาสมุทรมีออกซิเจนละลายในรูปของแก๊ส สัตว์น้ำก็ไม่ต่างจากสัตว์บกที่ต้องพึ่งพาออกซิเจนในการหายใจ แต่ยิ่งมหาสมุทรอุ่นขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ น้ำทะเลก็มีปริมาณออกซิเจนละลายได้น้อยลง นักวิทยาศาสตร์ติดตามการลดลงของออกซิเจนในมหาสมุทรต่อเนื่องหลายปี แต่งานวิจัยชิ้นใหม่นี้เน้นให้เห็นถึงเหตุผลที่เราควรกังวลและหาทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะสายเกินแก้ งานวิจัยชิ้นใหม่คืองานชิ้นแรกที่ใช้แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อทำนายภาวะการลดลงของออกซิเจนซึ่งหมายถึงปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำลดลงในมหาสมุทรทั่วโลกเกินกว่าวัฏจักรตามธรรมชาติ ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไร ผลการวิจัยพบว่าการลดลงซึ่งไม่อาจฟื้นฟูได้ของปริมาณออกซิเจนในมหาสมุทร ณ ระดับความลึกระดับกลางซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลากหลายชนิดพันธุ์เริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. 2564 และอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประมงทั่วโลก แบบจำลองใหม่นี้คาดว่าภาวะขาดออกซิเจนจะเริ่มส่งผลกระทบเป็นวงกว้างภายในปี พ.ศ. 2623 ผลการศึกษาดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสาร Geophysical Research Letters

ความลึกระดับกลางของมหาสุมทร (ตั้งแต่ 200 เมตรถึง 1,000 เมตร) หรือที่เรียกว่าเขตสนธยา (mesopelagic zones) จะเป็นพื้นที่แรกซึ่งสูญเสียปริมาณออกซิเจนอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พื้นที่ดังกล่าวคือแหล่งอาศัยสำคัญของปลาเศรษฐกิจหลากชนิดพันธุ์ ความสูญเสียนั้นอาจส่งผลกระทบเลวร้ายต่อเศรษฐกิจ การขาดแคลนอาหารทะเล และนิเวศทางทะเลที่ถูกทำลาย มหาสมุทรของเรากำลังเผชิญกับวิกฤต ระบบนิเวศมหาสมุทรและทะเลที่อุดมสมบูรณ์กำลังถูกคุกคามจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการประมงเกินขนาด มลพิษพลาสติก การปนเปื้อนของสารพิษ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยคุกคามเหล่านี้ส่งผลให้ระบบนิเวศทางทะเลเสื่อมโทรม และเร่งให้สัตว์น้ำจำนวนมากต้องสูญพันธุ์หรือตกอยู่ในความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ อุตสาหกรรมการประมงต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อปกป้องมหาสมุทรและทะเลของเรา อุตสาหกรรมประมงเชิงพาณิชย์ที่ไร้ความรับผิดชอบออกแย่งชิงทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลที่มีปริมาณน้อยลงเรื่อยๆ ด้วยเรือประมงที่พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากการจับปลาในปริมาณมหาศาลแล้ว อุปกรณ์เหล่านี้ยังส่งผลกระทบต่อแนวปะการัง ดอกไม้ทะเล หรือสัตว์หน้าดิน เร่งให้เกิดทำลายระบบนิเวศเกินกว่าการที่ธรรมชาติจะสามารถฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำได้ การทำประมงยุคใหม่นั้นก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศโดยไม่จำเป็น ในทุกๆปี เครื่องมือประมงทำลายล้างและอวนลากคร่าชีวิตวาฬและโลมาไม่น้อยกว่า 300,000 ตัวทั่วโลก เนื่องจากการใช้เครื่องมือประมงที่ไม่เหมาะสมกับประเภทสัตว์น้ำที่จับ วาฬ โลมา หรือฉลามจึงมักจะติดอวนลากขึ้นมาโดยไม่ใช่สัตว์น้ำกลุ่มเป้าหมาย และยังทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยและสัตว์น้ำประจำถิ่น ตัวอย่างเช่น เรืออวนลากที่ทำลายระบบนิเวศปะการังที่อยู่มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรณ์ ไปพร้อมกับระบบนิเวศทางทะเลที่เปราะบางโดยรอบ เรือประมงที่ละเมิดกฎหมายมักออกทำการประมง และไม่คำนึงถึงน่านน้ำของประเทศที่ขาดความมั่นคงทางอาหารและรายได้ โดยกิจการประมงที่ผิดกฎหมายนั้นจะให้ผลตอบแทนน้อยมากให้กับประเทศผู้เป็นเจ้าของน่านน้ำที่มีทรัพยากรสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ เช่นประเทศชายฝั่งทะเลของแอฟริกาและกลุ่มประเทศริมฝั่งและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก

มหาสมุทรของโลกกำลังมีสภาวะเป็น ‘กรด’ มากเกินไปจนอาจไม่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้ในอนาคต ตามรายงานใหม่จากสถาบันวิจัยผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ Potsdam (PIK) มหาสมุทรที่เฟื่องฟูไปด้วยชีวิตอาจเต็มไปด้วย ‘ความตาย’ ในท้ายที่สุด อย่างที่เราทราบกันดี มหาสมุทรของโลกคอยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส่วนเกินที่มนุษย์ปล่อยออกมาประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งหมด ทำให้ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไม่รุนแรงขึ้นกระทันซึ่งนับเป็นหนึ่งในประโยชน์ที่มนุษย์ได้รับ ทว่ามหาสมุทรก็ต้องเจอกับผลลัพธ์ดัานลบนั่นคือค่า pH ของน้ำทะเลลดลงซึ่งหมายความว่ามีความเป็นกรดมากยิ่งขึ้น ค่า pH นี้เป็น 1 ใน 9 ขอบเขตตัวชี้วัดสุขภาพของดาวเคราะห์ที่นักวิทยาศาสตร์กำหนดขึ้นมา หากค่าใดผิดปกติมากเกินไปมันก็อาจคุกคามการมีอยู่ของทุกชีวิตบนโลกใบนี้ “เมื่อมีการปล่อย CO2 เพิ่มขึ้น ปริมาณ CO2 ก็จะถูกละลายในน้ำทะเลมากขึ้น และทำให้มหาสมุทรมีสภาพเป็นกรดมากขึ้น” Boris Sakschewski หนึ่งในผู้เขียนหลัก กล่าว “แม้จะลดการปล่อย CO2 อย่างรวดเร็ว แต่ภาวะความเป็นกรดที่ต่อเนื่องนี้ก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะ CO2 ถูกปล่อยออกมาแล้ว ดังนั้นความเป็นกรดนี้จึงดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” และสถานการณ์ต่าง ๆ ก็มีแนวโน้มว่าจะเลวร้ายลงมาก โดยนับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม นักวิทยาศาสตร์ได้ประเมินว่าค่า pH ของมหาสมุทรลดลงจากประมาณ 8.16 เป็น 8.07 (ค่า pH 7 คือค่าความเป็นกลาง) ซึ่งหากเรายังคงปล่อย CO2 ต่อไปตัวเลขดังกล่าวก็จะลดลงเหลือประมาณ 7.67 ภายในปี 2100 Reading Time: 3 minutesคำถามจึงไม่ใช่ว่าแลนด์บริดจ์คุ้มหรือไม่คุ้ม แต่คือเราจะยอมแลกต้นทุนธรรมชาติซึ่งเป็นอนาคตความยั่งยืนของท้องถิ่นและประเทศกับความฝันทางเศรษฐกิจระยะสั้นที่ไม่มีหลักประกันใด ๆ เลยเช่นนั้นหรือ

Reading Time: 4 minutesความอร่อยมีหลายแบบ อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจเปิดลิ้น เพื่อค้นหาและรับรู้หรือไม่เท่านั้น ถ้าเราตกอยู่ภายใต้มายาคติความอร่อยของสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น เนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว การครอบงำ กระทั่งปิดกั้นการรับรู้รสชาติความอร่อยที่หลากหลาย ก็ย่อมยังดำเนินอยู่ต่อไป Reading Time: 4 minutes“อาหารไม่ปลอดภัย ไม่ใช่อาหาร” แล้วเราจะไว้ใจอาหารบนจานเราได้แค่ไหน เพราะการปนเปื้อนที่พบเจอยังไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ทะเลผืนน้ำสีฟ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาคอยหล่อเลี้ยงมนุษย์มานานนับหมื่นนับพันปี เป็นทั้งชีวิต อาหาร แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ธุรกิจ สุขภาพ และการท่องเที่ยว เราเคยคิดว่าทะเลและมหาสมุทรเหล่านี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ถูกรบกวนได้ แต่ความเป็นจริงแล้วผืนน้ำนี้กลับอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลก กิจกรรมของมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงทะเลและแนวชายฝั่งทั่วโลกอย่างลึกซึ่ง ในไม่ช้า ระบบนิเวศทางทะเลหลายแห่งอาจเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและตลอดไป ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การทำประมงเกินขนาด ภาวะกรด และการปรับภูมิทัศน์ของชายฝั่ง ทั้งหมดได้สร้างความเปราะบางให้กับทะเลทั่วโลก “มันเหมือนความตายที่ถูกเฉือนแล้วเฉือนอีกเป็นพัน ๆ ครั้ง” เบน ฮาลเพิร์น นักชีววิทยาทางทะเลและนักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาร์บารา และหนึ่งในผู้เขียนผลการศึกษาใหม่นี้ กล่าว “มันจะกลายเป็นชุมชนของสิ่งมีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์น้อยลง และมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราเคยเห็นมา” ตามรายงานใหม่จากศูนย์วิเคราะห์และสังเคราะห์ระบบนิเวศแห่งชาติสหรัฐฯ (NCEAS) และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาร์บารา (UCSB) ซึ่งเผยแพร่บนวารสาร Science ได้พยายามสร้างแบบจำลองผลกระทบที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยรวบรวมจากงานวิจัยตั้งแต่ปี 2008

ทีมวิจัยได้สังเคราะห์ชุดข้อมูลทั่วโลก 17 ชุดเพื่อทำแผนที่ความรุนแรงและขอบเขตของกิจกรรมมนุษย์ในทะเลทั่วโลก ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่าตกใจนั่นคือ ไม่มีพื้นที่ใดเลยที่ไม่ได้รับผลกระทบ และร้อยละ 41 ของสิ่งแวดล้อมทางทะเลของโลกนั้นอยู่ในอาการ ‘สาหัสสากรรจ์’ Tecnobits - ข่าว - การทำให้เป็นกรดในมหาสมุทร: ภัยคุกคามเงียบ ๆ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศภาคพื้นดินเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออีกด้วย มหาสมุทร- ทะเลดูดซับความร้อนได้มากซึ่งเกิดจากความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นของ ก๊าซเรือนกระจก ในชั้นบรรยากาศ รวมถึงหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ การดูดซึมคาร์บอนไดออกไซด์นี้ทำให้เกิด การทำให้เป็นกรดของมหาสมุทรซึ่งเป็นภัยคุกคามเงียบที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล Nicolás Gruber ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์สิ่งแวดล้อมที่ ETH Zurich เตือนว่า "แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งเหล่านี้ แต่ผู้คนจำนวนมากยังไม่ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรของเรา" เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทีมนักวิจัยได้พัฒนาเครื่องมือเว็บที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้คุณเห็นภาพกระบวนการของ ความเป็นกรดของมหาสมุทร ในภูมิภาคต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป โดยใช้แถบรหัสสี เมื่อ CO2 ละลายในน้ำทะเลจะก่อตัวขึ้น กรดคาร์บอนิกซึ่งทำให้ค่า pH ลดลง และทำให้มหาสมุทรเป็นกรด นอกจากนี้ส่วนหนึ่งของกรดคาร์บอนิกยังทำปฏิกิริยากับ ไอออนคาร์บอเนต ละลายในน้ำลดสถานะความอิ่มตัวของน้ำทะเลด้วยความเคารพต่อแร่ธาตุคาร์บอเนตเช่น อาราโกไนต์ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างโครงกระดูกและเปลือกหอยของสิ่งมีชีวิตในทะเลหลายชนิด การเปลี่ยนแปลงทางเคมีเหล่านี้ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลที่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของปูน เช่น แพลงก์ตอน, เมจิลโลนส์ และ ปะการัง- Nicolás Gruber เน้นย้ำถึงความสำคัญของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้: "เนื่องจากพวกมันมักจะอยู่ที่ฐานของห่วงโซ่อาหาร พวกมันจึงเป็นพื้นฐานของระบบนิเวศทางทะเลหลายแห่ง และดังนั้นจึงเกี่ยวข้องกับมนุษย์ด้วย"

People Also Search

รายงานล่าสุดจากศูนย์พลังงานและวัสดุของ World Economic Forum (WEF) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับภาวะ "มหาสมุทรเป็นกรด" (Ocean Acidification) ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ระดับอันตรายอย่างยิ่งยวด

รายงานล่าสุดจากศูนย์พลังงานและวัสดุของ World Economic Forum (WEF) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับภาวะ "มหาสมุทรเป็นกรด" (Ocean Acidification) ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ระดับอันตรายอย่างยิ่งยวด โดยได้ก้าวข้าม "ขีดจำกัดของดาวเคราะห์" (planetary boundary) ที่สำคัญไปแล้ว ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยร้ายแรงต่อสุขภาพของมหาสมุทรทั่วโลกและสิ่งมีชีวิตนับล้านที่อาศัยอยู่ในนั้น ภาวะมหาสมุทรเป็นกรด คือกระบวนการที่มหาส...

2564 มหาสมุทรมีออกซิเจนละลายในรูปของแก๊ส สัตว์น้ำก็ไม่ต่างจากสัตว์บกที่ต้องพึ่งพาออกซิเจนในการหายใจ แต่ยิ่งมหาสมุทรอุ่นขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ น้ำทะเลก็มีปริมาณออกซิเจนละลายได้น้อยลง นักวิทยาศาสตร์ติดตามการลดลงของออกซิเจนในมหาสมุทรต่อเนื่องหลายปี แต่งานวิจัยชิ้นใหม่นี้เน้นให้เห็นถึงเหตุผลที่เราควรกังวลและหาทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะสายเกินแก้ งานวิจัยชิ้นใหม่คืองานชิ้นแรกที่ใช้แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อทำนายภาวะการลดลงของออกซิเจนซึ่งหมายถึงปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำลดลงในมหาสมุทรทั่วโลกเกินกว่าวัฏจักรตามธรรมชาติ ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไร ผลการวิจัยพบว่าการลดลงซึ่งไม่อาจฟื้นฟูได้ของปริมาณออกซิเจนในมหาสมุทร

2564 มหาสมุทรมีออกซิเจนละลายในรูปของแก๊ส สัตว์น้ำก็ไม่ต่างจากสัตว์บกที่ต้องพึ่งพาออกซิเจนในการหายใจ แต่ยิ่งมหาสมุทรอุ่นขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ น้ำทะเลก็มีปริมาณออกซิเจนละลายได้น้อยลง นักวิทยาศาสตร์ติดตามการลดลงของออกซิเจนในมหาสมุทรต่อเนื่องหลายปี แต่งานวิจัยชิ้นใหม่นี้เน้นให้เห็นถึงเหตุผลที่เราควรกังวลและหาทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะสายเกินแก้ งานวิจัยชิ้นใหม่คืองานชิ้นแรกที่ใช้แบบจำลอ...

ความลึกระดับกลางของมหาสุมทร (ตั้งแต่ 200 เมตรถึง 1,000 เมตร) หรือที่เรียกว่าเขตสนธยา (mesopelagic Zones) จะเป็นพื้นที่แรกซึ่งสูญเสียปริมาณออกซิเจนอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ความลึกระดับกลางของมหาสุมทร (ตั้งแต่ 200 เมตรถึง 1,000 เมตร) หรือที่เรียกว่าเขตสนธยา (mesopelagic zones) จะเป็นพื้นที่แรกซึ่งสูญเสียปริมาณออกซิเจนอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พื้นที่ดังกล่าวคือแหล่งอาศัยสำคัญของปลาเศรษฐกิจหลากชนิดพันธุ์ ความสูญเสียนั้นอาจส่งผลกระทบเลวร้ายต่อเศรษฐกิจ การขาดแคลนอาหารทะเล และนิเวศทางทะเลที่ถูกทำลาย มหาสมุทรของเรากำลังเผชิญกับวิกฤต ระบบนิเวศมหาส...

มหาสมุทรของโลกกำลังมีสภาวะเป็น ‘กรด’ มากเกินไปจนอาจไม่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้ในอนาคต ตามรายงานใหม่จากสถาบันวิจัยผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ Potsdam (PIK) มหาสมุทรที่เฟื่องฟูไปด้วยชีวิตอาจเต็มไปด้วย ‘ความตาย’ ในท้ายที่สุด อย่างที่เราทราบกันดี

มหาสมุทรของโลกกำลังมีสภาวะเป็น ‘กรด’ มากเกินไปจนอาจไม่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้ในอนาคต ตามรายงานใหม่จากสถาบันวิจัยผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ Potsdam (PIK) มหาสมุทรที่เฟื่องฟูไปด้วยชีวิตอาจเต็มไปด้วย ‘ความตาย’ ในท้ายที่สุด อย่างที่เราทราบกันดี มหาสมุทรของโลกคอยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส่วนเกินที่มนุษย์ปล่อยออกมาประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งหมด ทำให้ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไม่รุนแรงขึ้...

Reading Time: 4 Minutesความอร่อยมีหลายแบบ อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจเปิดลิ้น เพื่อค้นหาและรับรู้หรือไม่เท่านั้น ถ้าเราตกอยู่ภายใต้มายาคติความอร่อยของสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น เนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว การครอบงำ

Reading Time: 4 minutesความอร่อยมีหลายแบบ อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจเปิดลิ้น เพื่อค้นหาและรับรู้หรือไม่เท่านั้น ถ้าเราตกอยู่ภายใต้มายาคติความอร่อยของสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น เนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว การครอบงำ กระทั่งปิดกั้นการรับรู้รสชาติความอร่อยที่หลากหลาย ก็ย่อมยังดำเนินอยู่ต่อไป Reading Time: 4 minutes“อาหารไม่ปลอดภัย ไม่ใช่อาหาร” แล้วเราจะไว้ใจอาหารบนจานเราได้แค่ไหน เพราะการปนเปื้อนที่พบเจอยังไม่สามา...