มหาสมุทรทั่วโลกร้อนขึ้น เป็นกรด และสูญเสียออกซิเจนรุนแรง คล้ายกับการสู
รายงานล่าสุดจากศูนย์พลังงานและวัสดุของ World Economic Forum (WEF) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับภาวะ "มหาสมุทรเป็นกรด" (Ocean Acidification) ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ระดับอันตรายอย่างยิ่งยวด โดยได้ก้าวข้าม "ขีดจำกัดของดาวเคราะห์" (planetary boundary) ที่สำคัญไปแล้ว ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยร้ายแรงต่อสุขภาพของมหาสมุทรทั่วโลกและสิ่งมีชีวิตนับล้านที่อาศัยอยู่ในนั้น ภาวะมหาสมุทรเป็นกรด คือกระบวนการที่มหาสมุทรดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส่วนเกินจากชั้นบรรยากาศ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลและกิจกรรมของมนุษย์อื่น ๆ เมื่อ CO2 ละลายในน้ำทะเล จะเกิดปฏิกิริยาเคมีที่เพิ่มความเป็นกรดของน้ำ โดยลดค่า pH ของน้ำทะเลลง การเปลี่ยนแปลงค่า pH เพียงเล็กน้อยก็ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศทางทะเลทั้งหมด นักวิทยาศาสตร์จาก Plymouth Marine Laboratory ในสหราชอาณาจักร และ National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำในการศึกษาครั้งสำคัญนี้ ได้ค้นพบว่าขีดจำกัดวิกฤตดังกล่าวได้ถูกละเมิดไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก พวกเขาเน้นย้ำว่านี่ไม่ใช่ปัญหาในอนาคต แต่เป็น "ระเบิดเวลา" ที่กำลังเดินหน้าและส่งผลกระทบอยู่ในขณะนี้ การเพิ่มขึ้นของความเป็นกรดในมหาสมุทรส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งมีชีวิตที่มีเปลือกหรือโครงสร้างที่เป็นหินปูน เช่น ปะการัง หอย ปู และแพลงก์ตอนหอย ความเป็นกรดที่เพิ่มขึ้นทำให้การสร้างและรักษาเปลือกเหล่านี้ยากขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อห่วงโซ่อาหารทั้งหมด ปะการังฟอกขาวและตายลง ทำให้ระบบนิเวศแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำนับล้านถูกทำลาย นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดของน้ำยังส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของปลาหลายชนิด ความสามารถในการนำทาง การหาอาหาร และการสืบพันธุ์ของปลาอาจลดลง ทำให้เกิดความไม่สมดุลในระบบนิเวศ และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประมงซึ่งเป็นแหล่งอาหารและรายได้ที่สำคัญของประชากรโลกหลายล้านคน ภาวะดังกล่าวย่อมส่งผลต่อระบบนิเวศทางทะเลทั่วโลก แบบจำลองใหม่พบว่ามหาสมุทรความลึกระดับกลางซึ่งเป็นทรัพยากรทางทะเลสำคัญของอุตสาหกรรมประมงเริ่มเผชิญกับภาวะสูญเสียออกซิเจนในอัตราเร็วที่ผิดธรรมชาติ และพ้นปริมาณวิกฤติของการสูญเสียออกซิเจนในปี พ.ศ.
2564 มหาสมุทรมีออกซิเจนละลายในรูปของแก๊ส สัตว์น้ำก็ไม่ต่างจากสัตว์บกที่ต้องพึ่งพาออกซิเจนในการหายใจ แต่ยิ่งมหาสมุทรอุ่นขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ น้ำทะเลก็มีปริมาณออกซิเจนละลายได้น้อยลง นักวิทยาศาสตร์ติดตามการลดลงของออกซิเจนในมหาสมุทรต่อเนื่องหลายปี แต่งานวิจัยชิ้นใหม่นี้เน้นให้เห็นถึงเหตุผลที่เราควรกังวลและหาทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะสายเกินแก้ งานวิจัยชิ้นใหม่คืองานชิ้นแรกที่ใช้แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อทำนายภาวะการลดลงของออกซิเจนซึ่งหมายถึงปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำลดลงในมหาสมุทรทั่วโลกเกินกว่าวัฏจักรตามธรรมชาติ ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไร ผลการวิจัยพบว่าการลดลงซึ่งไม่อาจฟื้นฟูได้ของปริมาณออกซิเจนในมหาสมุทร ณ ระดับความลึกระดับกลางซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลากหลายชนิดพันธุ์เริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. 2564 และอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประมงทั่วโลก แบบจำลองใหม่นี้คาดว่าภาวะขาดออกซิเจนจะเริ่มส่งผลกระทบเป็นวงกว้างภายในปี พ.ศ. 2623 ผลการศึกษาดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสาร Geophysical Research Letters
ความลึกระดับกลางของมหาสุมทร (ตั้งแต่ 200 เมตรถึง 1,000 เมตร) หรือที่เรียกว่าเขตสนธยา (mesopelagic zones) จะเป็นพื้นที่แรกซึ่งสูญเสียปริมาณออกซิเจนอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พื้นที่ดังกล่าวคือแหล่งอาศัยสำคัญของปลาเศรษฐกิจหลากชนิดพันธุ์ ความสูญเสียนั้นอาจส่งผลกระทบเลวร้ายต่อเศรษฐกิจ การขาดแคลนอาหารทะเล และนิเวศทางทะเลที่ถูกทำลาย มหาสมุทรของเรากำลังเผชิญกับวิกฤต ระบบนิเวศมหาสมุทรและทะเลที่อุดมสมบูรณ์กำลังถูกคุกคามจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการประมงเกินขนาด มลพิษพลาสติก การปนเปื้อนของสารพิษ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยคุกคามเหล่านี้ส่งผลให้ระบบนิเวศทางทะเลเสื่อมโทรม และเร่งให้สัตว์น้ำจำนวนมากต้องสูญพันธุ์หรือตกอยู่ในความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ อุตสาหกรรมการประมงต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อปกป้องมหาสมุทรและทะเลของเรา อุตสาหกรรมประมงเชิงพาณิชย์ที่ไร้ความรับผิดชอบออกแย่งชิงทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลที่มีปริมาณน้อยลงเรื่อยๆ ด้วยเรือประมงที่พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากการจับปลาในปริมาณมหาศาลแล้ว อุปกรณ์เหล่านี้ยังส่งผลกระทบต่อแนวปะการัง ดอกไม้ทะเล หรือสัตว์หน้าดิน เร่งให้เกิดทำลายระบบนิเวศเกินกว่าการที่ธรรมชาติจะสามารถฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำได้ การทำประมงยุคใหม่นั้นก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศโดยไม่จำเป็น ในทุกๆปี เครื่องมือประมงทำลายล้างและอวนลากคร่าชีวิตวาฬและโลมาไม่น้อยกว่า 300,000 ตัวทั่วโลก เนื่องจากการใช้เครื่องมือประมงที่ไม่เหมาะสมกับประเภทสัตว์น้ำที่จับ วาฬ โลมา หรือฉลามจึงมักจะติดอวนลากขึ้นมาโดยไม่ใช่สัตว์น้ำกลุ่มเป้าหมาย และยังทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยและสัตว์น้ำประจำถิ่น ตัวอย่างเช่น เรืออวนลากที่ทำลายระบบนิเวศปะการังที่อยู่มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรณ์ ไปพร้อมกับระบบนิเวศทางทะเลที่เปราะบางโดยรอบ เรือประมงที่ละเมิดกฎหมายมักออกทำการประมง และไม่คำนึงถึงน่านน้ำของประเทศที่ขาดความมั่นคงทางอาหารและรายได้ โดยกิจการประมงที่ผิดกฎหมายนั้นจะให้ผลตอบแทนน้อยมากให้กับประเทศผู้เป็นเจ้าของน่านน้ำที่มีทรัพยากรสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ เช่นประเทศชายฝั่งทะเลของแอฟริกาและกลุ่มประเทศริมฝั่งและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
มหาสมุทรของโลกกำลังมีสภาวะเป็น ‘กรด’ มากเกินไปจนอาจไม่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้ในอนาคต ตามรายงานใหม่จากสถาบันวิจัยผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ Potsdam (PIK) มหาสมุทรที่เฟื่องฟูไปด้วยชีวิตอาจเต็มไปด้วย ‘ความตาย’ ในท้ายที่สุด อย่างที่เราทราบกันดี มหาสมุทรของโลกคอยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส่วนเกินที่มนุษย์ปล่อยออกมาประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งหมด ทำให้ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไม่รุนแรงขึ้นกระทันซึ่งนับเป็นหนึ่งในประโยชน์ที่มนุษย์ได้รับ ทว่ามหาสมุทรก็ต้องเจอกับผลลัพธ์ดัานลบนั่นคือค่า pH ของน้ำทะเลลดลงซึ่งหมายความว่ามีความเป็นกรดมากยิ่งขึ้น ค่า pH นี้เป็น 1 ใน 9 ขอบเขตตัวชี้วัดสุขภาพของดาวเคราะห์ที่นักวิทยาศาสตร์กำหนดขึ้นมา หากค่าใดผิดปกติมากเกินไปมันก็อาจคุกคามการมีอยู่ของทุกชีวิตบนโลกใบนี้ “เมื่อมีการปล่อย CO2 เพิ่มขึ้น ปริมาณ CO2 ก็จะถูกละลายในน้ำทะเลมากขึ้น และทำให้มหาสมุทรมีสภาพเป็นกรดมากขึ้น” Boris Sakschewski หนึ่งในผู้เขียนหลัก กล่าว “แม้จะลดการปล่อย CO2 อย่างรวดเร็ว แต่ภาวะความเป็นกรดที่ต่อเนื่องนี้ก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะ CO2 ถูกปล่อยออกมาแล้ว ดังนั้นความเป็นกรดนี้จึงดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” และสถานการณ์ต่าง ๆ ก็มีแนวโน้มว่าจะเลวร้ายลงมาก โดยนับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม นักวิทยาศาสตร์ได้ประเมินว่าค่า pH ของมหาสมุทรลดลงจากประมาณ 8.16 เป็น 8.07 (ค่า pH 7 คือค่าความเป็นกลาง) ซึ่งหากเรายังคงปล่อย CO2 ต่อไปตัวเลขดังกล่าวก็จะลดลงเหลือประมาณ 7.67 ภายในปี 2100 Reading Time: 3 minutesคำถามจึงไม่ใช่ว่าแลนด์บริดจ์คุ้มหรือไม่คุ้ม แต่คือเราจะยอมแลกต้นทุนธรรมชาติซึ่งเป็นอนาคตความยั่งยืนของท้องถิ่นและประเทศกับความฝันทางเศรษฐกิจระยะสั้นที่ไม่มีหลักประกันใด ๆ เลยเช่นนั้นหรือ
Reading Time: 4 minutesความอร่อยมีหลายแบบ อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจเปิดลิ้น เพื่อค้นหาและรับรู้หรือไม่เท่านั้น ถ้าเราตกอยู่ภายใต้มายาคติความอร่อยของสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น เนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว การครอบงำ กระทั่งปิดกั้นการรับรู้รสชาติความอร่อยที่หลากหลาย ก็ย่อมยังดำเนินอยู่ต่อไป Reading Time: 4 minutes“อาหารไม่ปลอดภัย ไม่ใช่อาหาร” แล้วเราจะไว้ใจอาหารบนจานเราได้แค่ไหน เพราะการปนเปื้อนที่พบเจอยังไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ทะเลผืนน้ำสีฟ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาคอยหล่อเลี้ยงมนุษย์มานานนับหมื่นนับพันปี เป็นทั้งชีวิต อาหาร แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ธุรกิจ สุขภาพ และการท่องเที่ยว เราเคยคิดว่าทะเลและมหาสมุทรเหล่านี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ถูกรบกวนได้ แต่ความเป็นจริงแล้วผืนน้ำนี้กลับอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลก กิจกรรมของมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงทะเลและแนวชายฝั่งทั่วโลกอย่างลึกซึ่ง ในไม่ช้า ระบบนิเวศทางทะเลหลายแห่งอาจเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและตลอดไป ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การทำประมงเกินขนาด ภาวะกรด และการปรับภูมิทัศน์ของชายฝั่ง ทั้งหมดได้สร้างความเปราะบางให้กับทะเลทั่วโลก “มันเหมือนความตายที่ถูกเฉือนแล้วเฉือนอีกเป็นพัน ๆ ครั้ง” เบน ฮาลเพิร์น นักชีววิทยาทางทะเลและนักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาร์บารา และหนึ่งในผู้เขียนผลการศึกษาใหม่นี้ กล่าว “มันจะกลายเป็นชุมชนของสิ่งมีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์น้อยลง และมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราเคยเห็นมา” ตามรายงานใหม่จากศูนย์วิเคราะห์และสังเคราะห์ระบบนิเวศแห่งชาติสหรัฐฯ (NCEAS) และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาร์บารา (UCSB) ซึ่งเผยแพร่บนวารสาร Science ได้พยายามสร้างแบบจำลองผลกระทบที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยรวบรวมจากงานวิจัยตั้งแต่ปี 2008
ทีมวิจัยได้สังเคราะห์ชุดข้อมูลทั่วโลก 17 ชุดเพื่อทำแผนที่ความรุนแรงและขอบเขตของกิจกรรมมนุษย์ในทะเลทั่วโลก ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่าตกใจนั่นคือ ไม่มีพื้นที่ใดเลยที่ไม่ได้รับผลกระทบ และร้อยละ 41 ของสิ่งแวดล้อมทางทะเลของโลกนั้นอยู่ในอาการ ‘สาหัสสากรรจ์’ Tecnobits - ข่าว - การทำให้เป็นกรดในมหาสมุทร: ภัยคุกคามเงียบ ๆ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศภาคพื้นดินเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออีกด้วย มหาสมุทร- ทะเลดูดซับความร้อนได้มากซึ่งเกิดจากความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นของ ก๊าซเรือนกระจก ในชั้นบรรยากาศ รวมถึงหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ การดูดซึมคาร์บอนไดออกไซด์นี้ทำให้เกิด การทำให้เป็นกรดของมหาสมุทรซึ่งเป็นภัยคุกคามเงียบที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล Nicolás Gruber ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์สิ่งแวดล้อมที่ ETH Zurich เตือนว่า "แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งเหล่านี้ แต่ผู้คนจำนวนมากยังไม่ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรของเรา" เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทีมนักวิจัยได้พัฒนาเครื่องมือเว็บที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้คุณเห็นภาพกระบวนการของ ความเป็นกรดของมหาสมุทร ในภูมิภาคต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป โดยใช้แถบรหัสสี เมื่อ CO2 ละลายในน้ำทะเลจะก่อตัวขึ้น กรดคาร์บอนิกซึ่งทำให้ค่า pH ลดลง และทำให้มหาสมุทรเป็นกรด นอกจากนี้ส่วนหนึ่งของกรดคาร์บอนิกยังทำปฏิกิริยากับ ไอออนคาร์บอเนต ละลายในน้ำลดสถานะความอิ่มตัวของน้ำทะเลด้วยความเคารพต่อแร่ธาตุคาร์บอเนตเช่น อาราโกไนต์ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างโครงกระดูกและเปลือกหอยของสิ่งมีชีวิตในทะเลหลายชนิด การเปลี่ยนแปลงทางเคมีเหล่านี้ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลที่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของปูน เช่น แพลงก์ตอน, เมจิลโลนส์ และ ปะการัง- Nicolás Gruber เน้นย้ำถึงความสำคัญของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้: "เนื่องจากพวกมันมักจะอยู่ที่ฐานของห่วงโซ่อาหาร พวกมันจึงเป็นพื้นฐานของระบบนิเวศทางทะเลหลายแห่ง และดังนั้นจึงเกี่ยวข้องกับมนุษย์ด้วย"
People Also Search
- มหาสมุทรเป็นกรดเกินขีดจำกัด 'ระเบิดเวลา' สำหรับระบบนิเวศทางทะเลทั่วโลก
- วิกฤตกรดในมหาสมุทร เสียงเตือนจากใต้ทะเลลึก เสี่ยงสูญเสียระบบนิเวศทางทะเล
- ภาวะทะเลเป็นกรดใกล้ถึงขั้นวิกฤติ หอยทากทะเลถึงกับเปลือกละลาย
- 'มหาสมุทร' เผชิญความร้อนจัด ขาดออกซิเจน ภาวะเป็นกรด รับ 'วันทะเลโลก' 8 ...
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำลังทำให้มหาสมุทรขาดอากาศหายใจ
- วิกฤตของมหาสมุทร - Greenpeace Thailand
- มหาสมุทรกำลังเป็นกรดมากขึ้น มากกว่าค่าปกติ 5 เท่า รุนแรงที่สุดในรอบ 21 ...
- โลกเดือด ชะตากรรมของมหาสมุทร (ตอนที่ 1) - Decode
- นักวิทยาศาสตร์เตือน ทะเลทั่วโลกจะเข้าสู่จุดวิกฤตที่รุนแรงสุดในประวัติ ...
- การทำให้เป็นกรดในมหาสมุทร: ภัยคุกคามเงียบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ️
รายงานล่าสุดจากศูนย์พลังงานและวัสดุของ World Economic Forum (WEF) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับภาวะ "มหาสมุทรเป็นกรด" (Ocean Acidification) ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ระดับอันตรายอย่างยิ่งยวด
รายงานล่าสุดจากศูนย์พลังงานและวัสดุของ World Economic Forum (WEF) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับภาวะ "มหาสมุทรเป็นกรด" (Ocean Acidification) ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ระดับอันตรายอย่างยิ่งยวด โดยได้ก้าวข้าม "ขีดจำกัดของดาวเคราะห์" (planetary boundary) ที่สำคัญไปแล้ว ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยร้ายแรงต่อสุขภาพของมหาสมุทรทั่วโลกและสิ่งมีชีวิตนับล้านที่อาศัยอยู่ในนั้น ภาวะมหาสมุทรเป็นกรด คือกระบวนการที่มหาส...
2564 มหาสมุทรมีออกซิเจนละลายในรูปของแก๊ส สัตว์น้ำก็ไม่ต่างจากสัตว์บกที่ต้องพึ่งพาออกซิเจนในการหายใจ แต่ยิ่งมหาสมุทรอุ่นขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ น้ำทะเลก็มีปริมาณออกซิเจนละลายได้น้อยลง นักวิทยาศาสตร์ติดตามการลดลงของออกซิเจนในมหาสมุทรต่อเนื่องหลายปี แต่งานวิจัยชิ้นใหม่นี้เน้นให้เห็นถึงเหตุผลที่เราควรกังวลและหาทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะสายเกินแก้ งานวิจัยชิ้นใหม่คืองานชิ้นแรกที่ใช้แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อทำนายภาวะการลดลงของออกซิเจนซึ่งหมายถึงปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำลดลงในมหาสมุทรทั่วโลกเกินกว่าวัฏจักรตามธรรมชาติ ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไร ผลการวิจัยพบว่าการลดลงซึ่งไม่อาจฟื้นฟูได้ของปริมาณออกซิเจนในมหาสมุทร
2564 มหาสมุทรมีออกซิเจนละลายในรูปของแก๊ส สัตว์น้ำก็ไม่ต่างจากสัตว์บกที่ต้องพึ่งพาออกซิเจนในการหายใจ แต่ยิ่งมหาสมุทรอุ่นขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ น้ำทะเลก็มีปริมาณออกซิเจนละลายได้น้อยลง นักวิทยาศาสตร์ติดตามการลดลงของออกซิเจนในมหาสมุทรต่อเนื่องหลายปี แต่งานวิจัยชิ้นใหม่นี้เน้นให้เห็นถึงเหตุผลที่เราควรกังวลและหาทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะสายเกินแก้ งานวิจัยชิ้นใหม่คืองานชิ้นแรกที่ใช้แบบจำลอ...
ความลึกระดับกลางของมหาสุมทร (ตั้งแต่ 200 เมตรถึง 1,000 เมตร) หรือที่เรียกว่าเขตสนธยา (mesopelagic Zones) จะเป็นพื้นที่แรกซึ่งสูญเสียปริมาณออกซิเจนอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความลึกระดับกลางของมหาสุมทร (ตั้งแต่ 200 เมตรถึง 1,000 เมตร) หรือที่เรียกว่าเขตสนธยา (mesopelagic zones) จะเป็นพื้นที่แรกซึ่งสูญเสียปริมาณออกซิเจนอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พื้นที่ดังกล่าวคือแหล่งอาศัยสำคัญของปลาเศรษฐกิจหลากชนิดพันธุ์ ความสูญเสียนั้นอาจส่งผลกระทบเลวร้ายต่อเศรษฐกิจ การขาดแคลนอาหารทะเล และนิเวศทางทะเลที่ถูกทำลาย มหาสมุทรของเรากำลังเผชิญกับวิกฤต ระบบนิเวศมหาส...
มหาสมุทรของโลกกำลังมีสภาวะเป็น ‘กรด’ มากเกินไปจนอาจไม่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้ในอนาคต ตามรายงานใหม่จากสถาบันวิจัยผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ Potsdam (PIK) มหาสมุทรที่เฟื่องฟูไปด้วยชีวิตอาจเต็มไปด้วย ‘ความตาย’ ในท้ายที่สุด อย่างที่เราทราบกันดี
มหาสมุทรของโลกกำลังมีสภาวะเป็น ‘กรด’ มากเกินไปจนอาจไม่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้ในอนาคต ตามรายงานใหม่จากสถาบันวิจัยผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ Potsdam (PIK) มหาสมุทรที่เฟื่องฟูไปด้วยชีวิตอาจเต็มไปด้วย ‘ความตาย’ ในท้ายที่สุด อย่างที่เราทราบกันดี มหาสมุทรของโลกคอยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส่วนเกินที่มนุษย์ปล่อยออกมาประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งหมด ทำให้ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไม่รุนแรงขึ้...
Reading Time: 4 Minutesความอร่อยมีหลายแบบ อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจเปิดลิ้น เพื่อค้นหาและรับรู้หรือไม่เท่านั้น ถ้าเราตกอยู่ภายใต้มายาคติความอร่อยของสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น เนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว การครอบงำ
Reading Time: 4 minutesความอร่อยมีหลายแบบ อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจเปิดลิ้น เพื่อค้นหาและรับรู้หรือไม่เท่านั้น ถ้าเราตกอยู่ภายใต้มายาคติความอร่อยของสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น เนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว การครอบงำ กระทั่งปิดกั้นการรับรู้รสชาติความอร่อยที่หลากหลาย ก็ย่อมยังดำเนินอยู่ต่อไป Reading Time: 4 minutes“อาหารไม่ปลอดภัย ไม่ใช่อาหาร” แล้วเราจะไว้ใจอาหารบนจานเราได้แค่ไหน เพราะการปนเปื้อนที่พบเจอยังไม่สามา...