ปะการังฟอกขาว วิกฤตท้องทะเล สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ

Leo Migdal
-
ปะการังฟอกขาว วิกฤตท้องทะเล สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ

ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์ทะเลนานาชนิด แต่ปะการังมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งสภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อปะการังทำให้เกิดภาวะ “ฟอกขาว” ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต ออกจากปะการังและนำมาใช้สร้างอาหาร ดังนั้น หากปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่แยกจากกันก็จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของทั้งสองชนิด สาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของปะการังจนเกิดการฟอกขาวมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ สารเคมี และมลพิษต่าง ๆ ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ทั้งชุมชน เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมที่ไหลลงสู่ทะเล ทำให้สาหร่ายซูแซนเทลลี่หนีออกจากเนื้อเยื่อของปะการัง เพื่อหาที่อยู่ใหม่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า ทำให้ปะการังมีสีซีดจางลง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของความเค็มในน้ำทะเลอย่างรวดเร็วและภาวะโลกร้อน (global warming) ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นและร้อนผิดปกติ ปะการังไม่สามารถปรับตัวและทนต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ จึงส่งผลให้ปะการังเกิดการฟอกขาวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล เนื่องจากทำให้สูญเสียแหล่งอาหาร แหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเล จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสัตว์ทะเลจำนวนมากจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย จำนวนประชากรของสัตว์ทะเลลดลง และมีความเสี่ยงที่จะทำให้สัตว์ทะเลมีโอกาสสูญพันธุ์จนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารและความหลากหลายทางชีวภาพใต้ท้องทะเล การหยุดยั้งปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยแนวทางสำคัญที่ทุกคนสามารถร่วมมือกันทำได้ คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การเผาไหม้ในอุตสาหกรรม และการเผาป่า เป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน เพื่อลดอุณหภูมิของโลกและน้ำทะเล ซึ่งจะช่วยลดภาวะฟอกขาวของปะการังได้อีกด้วย นอกจากนี้ การอนุรักษ์แนวปะการังและการป้องกันมลพิษทางทะเล ควรมีมาตรการในการป้องกันและจัดการมลพิษจากน้ำเสีย สารเคมี และการประมงเกินขนาด รวมถึงการห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล เพื่อรักษาระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมทางทะเลให้มีความสมบูรณ์ มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโตของปะการังต่อไป ทุกคนคงเห็นแล้วว่า ปะการังฟอกขาวส่งผลกระทบที่ชัดเจนมาก ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชุมชนชายฝั่งและชาวประมงที่พึ่งพาทรัพยากรทางทะเล คงถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องตระหนักและร่วมมือกันลดภาวะโลกร้อนและดูแลรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและในน้ำ เพื่อคืนความสมดุลให้ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศทางทะเลให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมดีขึ้นอีกครั้ง วันที่ 21 สิงหาคม 2567 นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยถึงปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในปี พ.ศ.

2567 ว่า ปะการังฟอกขาว เป็นสภาวะที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียว (Zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการังแบบพึ่งพากัน (Symbiosis) และเป็นแหล่งพลังงานหลักของปะการัง ทำให้ปะการังอ่อนแอเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และอาจตายได้ในที่สุดหากอยู่ในสภาวะเครียดเป็นเวลานาน สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการฟอกขาวเป็นวงกว้างคือ ภาวะโลกร้อน และสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น จนปะการังเครียดและสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลีในเนื้อเยื่อให้ปะการังจนเห็นโครงสร้างหินปูนสีขาว นอกจากอุณหภูมิน้ำที่ร้อนขึ้นแล้ว น้ำจืด รวมทั้งสารเคมี และมลพิษต่างๆ ที่ไหลลงสู่ทะเล ล้วนส่งผลต่อการดำรงชีวิตและการฟอกขาวของปะการัง สำหรับประเทศไทยในปีนี้ สถานการณ์ปะการังฟอกขาวค่อนข้างรุนแรง โดยฝั่งอ่าวไทยเริ่มมีรายงานพบปะการังฟอกขาวในช่วงกลางเดือนเมษายนและสูงสุดในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ฝั่งทะเลอันดามันเริ่มเริ่มมีรายงานพบปะการังฟอกขาวในช่วงกลางเดือนเมษายนและสูงสุดในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ฝั่งทะเลอันดามันเริ่มมีรายงานปะการังฟอกขาวในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมและสูงสุดในเดือนมิถุนายน สำหรับสถานการณ์ปะการังฟอกขาวโดยภาพรวมของประเทศไทย มีอัตราการฟอกขาวประมาณ 60-80% หลังจากนั้นปะการังที่ฟอกขาวค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น 60% และมีบางส่วนตายไป 40%... สำหรับสถานภาพปะการังมีแนวโน้มเสื่อมโทรมลง เนื่องจากมีปะการังตายเพิ่มขึ้น การฟื้นฟูแนวปะการังจึงอาจมีความจำเป็นและต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ กรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจได้มอบหมายให้ส่วนที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการป้องกันและคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น พร้อมกับติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม การฟอกขาวของปะการังที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การดำรงชีวิต ความมั่นคงทางอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น เราทุกคนควรตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีจิตสำนึกที่ดีต่อระบบนิเวศทางทะเล และร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โดยเริ่มต้นที่ตัวเราและส่งต่อถึงคนรอบข้างหรือคนในครอบครัว ไม่ทิ้งขยะ น้ำเสีย หรือสิ่งปฏิกูลลงในทะเล เพื่อลดปัจจัยทำให้เกิดการฟอกขาว และลดมลภาวะทางทะเลได้อีกด้วย “ดร.ปิ่นสักก์ กล่าวทิ้งท้าย” ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/sustainable/2706888 “ภาวะโลกร้อน” ในปัจจุบัน กำลังทวีความรุนแรงและก่อเกิดอันตรายต่อผู้คนและระบบนิเวศจำนวนมาก หนึ่งในสัญญาณเตือนของวิกฤติโลกร้อน คือ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว(Coral Bleaching) เนื่องจากปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมในมหาสมุทร การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเลเพียง 1-2 องศาเซลเซียส ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ สามารถทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวขึ้นได้ ขณะที่ในภาวะปกติ “ปะการัง” กับ “สาหร่าย” ต่างใช้ชีวิตอย่างเกื้อกูลกันกระทั่งเมื่อใดที่สภาพแวดล้อมในทะเลมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีสภาวะไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ความเค็มของน้ำทะเลลดลง สาหร่ายซูแซนเทลลี จะออกจากเนื้อเยื่อของปะการังเพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้ปะการังเหลือเพียงเนื้อเยื่อใสๆ เผยให้เห็นสีขาวของโครงสร้างหินปูนที่อยู่ภายใน หรือที่เรียกว่า “ปะการังฟอกขาว” นั่นเอง ทั้งนี้ การที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี ไม่ได้มีผลเพียงสีสันที่เคยสวยงามที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสารอาหารที่ปะการังเคยได้รับจะลดน้อยลงไปด้วยแต่ถ้าสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลง และกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงระยะเวลาอันสั้น สาหร่ายซูแซนเทลลี ก็จะกลับเข้ามาอาศัยในเนื้อเยื่อปะการังตามเดิม ส่งผลให้ปะการังฟื้นคืน และกลับมามีชีวิตปกติได้อีกครั้ง แต่หากสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะเวลานาน ปะการังก็จะเริ่มอ่อนแอและล้มตายลงจนสูญพันธุ์ได้ในที่สุด

พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกของเราได้ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั่วโลก ต่างต้องเผชิญหน้ากับการแปรปรวนของสภาพอากาศแบบสุดขั้วที่เรียกว่า “ภาวะโลกเดือด” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะระบบนิเวศทางทะเล คือสิ่งที่ระบบนิเวศทางทะเลกำลังเผชิญกับผลกระทบหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหญ้าทะเลเกิดความเสื่อมโทรมอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นผิดปกติ และการเกิดสถานการณ์ปะการังฟอกขาว ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ นับว่าเป็นสัญญาณเตือนของวิกฤตทะเลเดือด จากปัญหาที่เกิดขึ้น ตนในฐานะผู้นำของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้หารือกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเร่งหาแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานในการจัดการและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามที่ได้ประกาศไว้ พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ปะการังฟอกขาวที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้ อันเป็นทรัพยากรสำคัญของระบบนิเวศทางทะเล นอกจากนี้ การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับภาวะโลกเดือดให้กับประชาชนนับเป็นเรื่องที่สำคัญ ควรมีการจัดเวทีประชุมให้ทุกคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากวิกฤตโลกเดือด การปล่อยของเสีย และการทิ้งขยะลงในทะเล รวมถึงดึงภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และเครือข่ายอนุรักษ์ เข้ามามีบทบาทในการปกป้อง ดูแล รักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล เพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนเรื่องใกล้ตัวให้เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบ ปรับเปลี่ยนทัศนคติและรูปแบบการใช้ชีวิตชีวิตประจำวันให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตั้งรับ ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดทั้งร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นำไปสู่การเปลี่ยนโลกเพื่อ “ลดโลกเดือด” ต่อไป ด้าน นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และสัตว์ทะเลหายาก ได้ติดตามสถานการณ์โลกเดือดอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้หน่วยงานในพื้นที่เตรียมความพร้อมในการรับมือและดำเนินการวางแผนเฝ้าระวังสถานการณ์ปะการังฟอกขาว ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในฤดูร้อนช่วงเดือนเมษายน ถึงพฤษภาคม โดยในปีนี้ได้คาดการณ์ว่าจะเกิด ปะการังฟอกขาวเป็นวิกฤตโลก...

ปะการังฟอกขาว มีสาเหตุมาจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติ และความเค็มลดลงเนื่องจากอิทธิพลของน้ำจืด ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี โดยเป็นผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกเดือด ปะการังฟอกขาว คือ ปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย อาทิ อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป มีน้ำจืดไหลลงมาทำให้ความเค็มลดลง ตะกอนที่ถูกน้ำจืดไหลพัดพามาจากชายฝั่ง หรือแม้แต่มลพิษที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ทางทะเลของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยน้ำเสีย การใช้ครีมกันแดด การทิ้งขยะตามแนวชายหาดก็ล้วนมีผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลีออกมาจากเนื้อเยื่อของปะการังเพื่อความอยู่รอด ทั้งนี้ ตามปกติเนื้อเยื่อของปะการังไม่ได้มีสีสันสวยงามจากรงควัตถุ (Pigment) เป็นเพียงเนื้อเยื่อใส ๆ เท่านั้น ส่วนที่เห็นเป็นสีสันจากปะการังไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีส้ม สีเขียว หรือสีน้ำตาลนั้นมาจากสาหร่ายซูแซนเทลลีทั้งสิ้น ซึ่งสาหร่ายจะทำหน้าที่ในการสังเคราะห์แสง ให้ธาตุอาหารแก่ปะการังใช้ในการดำรงชีวิตและช่วยในการเจริญเติบโต ปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยและให้สาหร่ายนำของเสียจากปะการัง เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟตมาใช้ในการสร้างสารอาหาร วงจรชีวิตของปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี เป็นภาวะพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้น หากแยกกันอยู่จะไม่สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำทะเล ทำให้สาหร่ายซูแซนเทลลีจะถูกขับออกจากเนื้อเยื่อของปะการัง ส่งผลให้ปะการังสูญเสียสีสัน ขาดอาหาร และตายในที่สุด ปะการังฟอกขาว เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งมลพิษทางทะเลจากสารเคมีจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น น้ำเสียจากการเกษตรหรืออุตสาหกรรม สารเคมีจากครีมกันแดดที่ส่งผลกระทบต่อปะการัง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำทะเล และอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นผิดปกติ เนื่องจากปะการังมีความอ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม เมื่อสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ก็จะส่งผลต่อการมีอยู่ของสาหร่ายซูแซนเทลลี

People Also Search

ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์ทะเลนานาชนิด แต่ปะการังมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งสภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อปะการังทำให้เกิดภาวะ “ฟอกขาว” ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า

ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์ทะเลนานาชนิด แต่ปะการังมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งสภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อปะการังทำให้เกิดภาวะ “ฟอกขาว” ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่...

2567 ว่า ปะการังฟอกขาว เป็นสภาวะที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียว (Zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการังแบบพึ่งพากัน (Symbiosis) และเป็นแหล่งพลังงานหลักของปะการัง ทำให้ปะการังอ่อนแอเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และอาจตายได้ในที่สุดหากอยู่ในสภาวะเครียดเป็นเวลานาน

2567 ว่า ปะการังฟอกขาว เป็นสภาวะที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียว (Zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการังแบบพึ่งพากัน (Symbiosis) และเป็นแหล่งพลังงานหลักของปะการัง ทำให้ปะการังอ่อนแอเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และอาจตายได้ในที่สุดหากอยู่ในสภาวะเครียดเป็นเวลานาน สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการฟอกขาวเป็นวงกว้างคือ ภาวะโลกร้อน และสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น จนปะการัง...

พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกของเราได้ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั่วโลก ต่างต้องเผชิญหน้ากับการแปรปรวนของสภาพอากาศแบบสุดขั้วที่เรียกว่า “ภาวะโลกเดือด” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อม

พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกของเราได้ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั่วโลก ต่างต้องเผชิญหน้ากับการแปรปรวนของสภาพอากาศแบบสุดขั้วที่เรียกว่า “ภาวะโลกเดือด” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะระบบนิเวศทาง...

ปะการังฟอกขาว มีสาเหตุมาจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติ และความเค็มลดลงเนื่องจากอิทธิพลของน้ำจืด ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี โดยเป็นผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกเดือด ปะการังฟอกขาว คือ ปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย อาทิ

ปะการังฟอกขาว มีสาเหตุมาจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติ และความเค็มลดลงเนื่องจากอิทธิพลของน้ำจืด ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี โดยเป็นผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกเดือด ปะการังฟอกขาว คือ ปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย อาทิ อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป มีน้ำจืดไหลลงมาทำให้ความเค็มลดลง ตะกอนที่ถูกน้ำจืดไห...