9 กรกฎาคม 2566 ปะการังฟอกขาว สัญญาณอันตรายต่อระบบนิเวศ ย้ําความสําคัญ

Leo Migdal
-
9 กรกฎาคม 2566 ปะการังฟอกขาว สัญญาณอันตรายต่อระบบนิเวศ ย้ําความสําคัญ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/sustainable/2706888 “ภาวะโลกร้อน” ในปัจจุบัน กำลังทวีความรุนแรงและก่อเกิดอันตรายต่อผู้คนและระบบนิเวศจำนวนมาก หนึ่งในสัญญาณเตือนของวิกฤติโลกร้อน คือ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว(Coral Bleaching) เนื่องจากปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมในมหาสมุทร การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเลเพียง 1-2 องศาเซลเซียส ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ สามารถทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวขึ้นได้ ขณะที่ในภาวะปกติ “ปะการัง” กับ “สาหร่าย” ต่างใช้ชีวิตอย่างเกื้อกูลกันกระทั่งเมื่อใดที่สภาพแวดล้อมในทะเลมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีสภาวะไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ความเค็มของน้ำทะเลลดลง สาหร่ายซูแซนเทลลี จะออกจากเนื้อเยื่อของปะการังเพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้ปะการังเหลือเพียงเนื้อเยื่อใสๆ เผยให้เห็นสีขาวของโครงสร้างหินปูนที่อยู่ภายใน หรือที่เรียกว่า “ปะการังฟอกขาว” นั่นเอง ทั้งนี้ การที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี ไม่ได้มีผลเพียงสีสันที่เคยสวยงามที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสารอาหารที่ปะการังเคยได้รับจะลดน้อยลงไปด้วยแต่ถ้าสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลง และกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงระยะเวลาอันสั้น สาหร่ายซูแซนเทลลี ก็จะกลับเข้ามาอาศัยในเนื้อเยื่อปะการังตามเดิม ส่งผลให้ปะการังฟื้นคืน และกลับมามีชีวิตปกติได้อีกครั้ง แต่หากสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะเวลานาน ปะการังก็จะเริ่มอ่อนแอและล้มตายลงจนสูญพันธุ์ได้ในที่สุด "ภาวะโลกร้อน" ในปัจจุบัน กำลังทวีความรุนแรงและก่อเกิดอันตรายต่อผู้คนและระบบนิเวศจำนวนมาก หนึ่งในสัญญาณเตือนของวิกฤติโลกร้อน คือ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching) เนื่องจากปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมในมหาสมุทร การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเลเพียง 1-2 องศาเซลเซียส ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ สามารถทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวขึ้นได้ เมื่อน้ำทะเลร้อนขึ้น ปะการังที่มีความอ่อนไหวมากๆ ก็จะเกิดการฟอกขาว เพราะสาหร่าย "ซูแซนเทลลี" จะอพยพออกจากเนื้อเยื่อของปะการัง เพื่อแสวงหาสภาพแวดล้อมใหม่ให้มีชีวิตรอด ทำให้ปะการังสูญเสียแหล่งอาหารสำคัญ และเหลือเพียงโครงสร้างหินปูนสีขาว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ปะการังฟอกขาว เช่น การปล่อยน้ำบำบัดหรือสารเคมีต่างๆ จากโรงงานอุตสาหกรรมลงสู่ทะเล น้ำจืดที่ไหลลงสู่ทะเลในปริมาณมากส่งผลต่อสภาพความเค็มของน้ำทะเล

สำหรับ "สาหร่ายซูแซนเทลลี" คือ สาหร่ายขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับปะการัง "แบบพึ่งพากัน" (mutualism) โดยสาหร่ายจะทำหน้าที่สังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหาร ช่วยเร่งกระบวนการสร้างหินปูน รวมถึงการสร้างสีสันให้แก่ตัวปะการัง ส่วนปะการังก็ให้ที่อยู่แก่สาหร่าย ปกติในเนื้อเยื่อของปะการังไม่ได้มีสีสันสวยงาม เป็นเพียงเนื้อเยื่อใสๆ เท่านั้น ส่วนสีที่เราเห็นในปะการังล้วนเป็นสีที่ได้รับมาจากสาหร่ายซูแซนเทลลี ซึ่งอาจจะเป็นสีแดง, สีส้ม, สีเขียว หรือน้ำตาล ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของซูแซนเทลลีที่เข้าไปอาศัยอยู่ในตัวปะการัง ขณะที่ในภาวะปกติ "ปะการัง" กับ "สาหร่าย" ต่างใช้ชีวิตอย่างเกื้อกูลกัน กระทั่งเมื่อใดที่สภาพแวดล้อมในทะเลมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีสภาวะไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ความเค็มของน้ำ ทะเลลดลง สาหร่ายซูแซนเทลลีจะออกจากเนื้อเยื่อของปะการังเพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้ปะการังเหลือเพียงเนื้อเยื่อใสๆ เผยให้เห็นสีขาวของโครงสร้างหินปูนที่อยู่ภายใน หรือที่เรียกว่า "ปะการังฟอกขาว" นั่นเอง ทั้งนี้ การที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี ไม่ได้มีผลเพียงสีสันที่เคยสวยงามที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสารอาหารที่ปะการังเคยได้รับจะลดน้อยลงไปด้วย แต่ถ้าสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงระยะเวลาอันสั้น สาหร่ายซูแซนเทลลีก็จะกลับเข้ามาอาศัยในเนื้อเยื่อปะการังตามเดิม ส่งผลให้ปะการังฟื้นคืนและกลับมามีชีวิตปกติได้อีกครั้ง แต่หากสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะเวลานาน ปะการังก็จะเริ่มอ่อนแอและล้มตายลงจนสูญพันธุ์ได้ในที่สุด อุณหภูมิประเทศไทยเวลานี้ สูงติดอยู่ในโซนแดง ชนิดที่เรียกว่า อันตรายมาก ท่ามกลางความร้อนเหล่านี้ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ล้วนได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “ปะการัง” ที่เกิดภาวะ “ฟอกขาว” ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทางทะเลโดยตรง ปะการังฟอกขาว คือปรากฏการณ์แบบใด ? และเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลอย่างไร ?

Thai PBS นำเรื่องราวเหล่านี้มาบอกกัน ปะการังฟอกขาว หรือ Coral bleaching เป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลง ต้นเหตุเกิดจากการสูญเสีย “สาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae)” ซึ่งเป็นสาหร่ายที่ทำหน้าที่สังเคราะห์แสง ให้ธาตุแก่ปะการังในการดำรงชีวิต รวมทั้งเป็นตัวสร้างสีสันให้กับปะการัง เนื่องจากปกติปะการังไม่มีมีสี เป็นเพียงเยื่อใส ๆ การเห็นว่าปะการังมีสี เกิดจากสาหร่ายซูแซนเทลลี ที่ให้สีแดง ส้ม เขียว น้ำตาล นั่นเอง นอกจากนี้ ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี ยังมีภาวะที่เกื้อกูลต่อกัน กล่าวคือ ปะการังเป็นที่อยู่อาศัยให้สาหร่ายซูแซนเทลลี ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลีจะนำของเสียจากปะการัง เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต มาใช้สร้างอาหาร ดังนั้น หากทั้งสองสิ่งแยกจากกัน ทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ ช่วงนี้เราจะได้ยินข่าวปรากฎการณ์ ‘ปะการังฟอกขาว’ บ่อยขึ้น หลายคนอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่รู้ไหมว่านี่เป็นสัญญาณเตือนของโลกร้อน ที่เราควรเร่งมือลดการปล่อยมลพิษ และปะการังฟอกขาวนอกจากจะส่งผลบระบบนิเวศแล้วยังส่งผลกับความมั่นคงทางอาหารของมนุษย์ด้วย NOAA ประกาศ "ปะการังฟอกขาวระดับหายนะ" ถือเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ แสดงถึงความรุนแรงของโลกร้อนทะเลเดือด ล่าสุดเกิดขึ้นใน 53 ประเทศใน 3 มหาสมุทร ซึ่งประเทศไทยต้องเฝ้าระวังในช่วงสิ้นเดือน เม.ย.-พ.ค.

อาจเป็นช่วงวิกฤต ปะการังสีซีดจาง หรือ ปะการังฟอกขาว เป็นการที่ปะการังสูญเสียสีสันสดใสและเปลี่ยนเป็นสีขาวจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย หากสภาพแวดล้อมในมหาสมุทรเปลี่ยนแปลง เช่น หากร้อนเกินไป ปะการังจะเครียดและขับสาหร่ายออกไป ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว ปัจจุบันปะการังฟอกขาวอยู่ในระดับวิกฤตเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสภาพภูมิอากาศ และโลกร้อนอันเนื่องมาจากฝีมือของมนุษย์ ปัจจัยที่ทำให้ปะการังฟอกขาวมีหลายสาเหตุ เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป น้ำจืดไหลลงมาทำให้ความเค็มลดลง ตะกอนที่ถูกน้ำจืดไหลพัดพามาจากชายฝั่ง หรือมลพิษที่เกิดจากกิจกรรมทางทะเลของมนุษย์ ทั้งการปล่อยน้ำเสีย หรือใช้ครีมกันแดด การที่ปะการังสีซีดลงส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้คน ความมั่นคงทางอาหาร และความปลอดภัย แนวปะการังเป็นสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติที่ดูดซับพลังของคลื่นและคลื่นพายุ ทำให้ชุมชนชายฝั่งปลอดภัย ปะการัง (Coral) เป็นสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลัง (Marine invertebrate) มีสารประกอบเป็นหินปูนโครงร่างแข็ง ซึ่งทำหน้าที่รองรับเนื้อเยื่อรูปทรงคล้ายกระบอกขนาดเล็ก มีหนวดโบกสะบัดบริเวณปลายกระบอก เพื่อดักจับแพลงก์ตอน (Plankton) เป็นอาหาร นอกเหนือจากอาหารที่หาได้ด้วยตนเองแล้ว ปะการังยังได้รับสารอาหารส่วนหนึ่งจากสาหร่ายขนาดเล็กจำนวนมากที่อาศัยอยู่ภายในเนื้อเยื่อของปะการัง ซึ่งเป็นสาหร่ายเซลล์เดียว (Unicellular algae) ที่สร้างอาหารจากการสังเคราะห์แสง และอาศัยอยู่ร่วมกับปะการังในลักษณะ “พึ่งพาอาศัยกัน” (Mutualism) ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching) เป็นปะการังที่มีลักษณะสีซีดจนกระทั่งเป็น สีขาวแตกต่างจากปะการังปกติที่จะมีสีสันหลากหลาย ลักษณะดังกล่าวเกิดจากภาวะที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นทำให้ปะการังเครียด และทำให้เกิดปรากฏการณ์เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง และมีบทบาทสำคัญในการสร้างอาหารให้กับปะการังผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง รวมทั้งยังมีหน้าที่ช่วยเร่งกระบวนการสร้างหินปูน และสีสันอันหลากหลายให้แก่ตัวปะการังอีกด้วย โดยปกติปะการังจะมีเพียงเนื้อเยื่อใสที่ไม่มีองค์ประกอบเม็ดสี (Pigment) สวยงามใด ๆ แต่เนื่องจากมีสาหร่ายซูแซนเทลลีเข้ามาอยู่อาศัย จึงทำให้ปะการังเกิดสีสันมากมาย ทั้งสีแดง สีส้ม สีเขียว หรือสีน้ำตาล โดยสีสันต่าง ๆ นั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของสาหร่ายซูแซนเทลลีที่เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกันกับปะการัง ปะการังฟอกขาวเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำทะเล ความเป็นกรด-ด่าง ความเค็ม คุณภาพน้ำทะเล มลพิษ คราบน้ำมันหรือสารเคมีต่าง...

การฟอกขาวนี้ส่งผลกระทบต่อทั้งปะการังและระบบนิเวศทางทะเลทั้งหมด นอกเหนือจากการฟอกขาวเนื่องจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น และยังมีการฟอกขาวที่เกิดจากสาเหตุอื่นอีกหลายประการ เช่น การเกษตรกรรมและการพัฒนาเมืองที่มีผลให้คุณภาพน้ำลดลงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของปะการัง การเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศทำให้ระดับความเป็นกรดของน้ำทะเลสูงขึ้นและกระทบต่อกระบวนการเจริญเติบโตของปะการัง การฟอกขาวในช่วงแรกนั้นปะการังจะยังไม่ตายแต่จะอ่อนแออย่างมาก หากอุณหภูมิน้ำทะเลกลับสู่สภาวะปกติ ปะการังที่อ่อนแอจะสามารถฟื้นตัวได้เอง แต่ถ้าอุณหภูมิน้ำทะเลยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานานย่อมจะส่งผลให้ปะการังตายในที่สุด อาจกล่าวได้ว่า สาเหตุหลักของปะการังฟอกขาวเป็นผลมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะเวลาอันยาวนานและต่อเนื่อง ทำให้อุณหภูมิโลกและอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นกระทบต่อระบบนิเวศใต้น้ำ สอดคล้องกับที่องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration) หรือ NOAA ได้ประกาศว่าปีนี้เกิดปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ที่สุด เป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ ดังจะเห็นได้ว่าประเทศไทย มีปะการังที่ยังมีชีวิตอยู่โดยภาพรวมเหลือเพียงร้อยละ 23 แม้แต่ในต่างประเทศก็ประสบปัญหาดังกล่าวนี้เช่นเดียวกัน ดังตัวอย่างกรณีของ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแนวปะการังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่สร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิต มีความยาวกว่า 2,400 กิโลเมตร เป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ปัจจุบัน พบว่าเหลือปะการังที่ยังมีชีวิตอยู่เพียงร้อยละ 10... นอกจากนี้นักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลของไทย ยังพบว่า การฟอกขาวระดับรุนแรงที่สุด Level 2 ตอนนี้อยู่บริเวณชายฝั่งอันดามันใต้ คือ อ่าวพังงา กระบี่ ตรัง จึงต้องมีการปิดพื้นที่ท่องเที่ยวของอุทยานหลายแห่ง เช่น ปอดะ เกาะกระดาน เป็นต้น ขณะที่ทางฝั่งอ่าวไทย การฟอกขาวระดับรุนแรงอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ที่แสมสาร และจังหวัดตราด ที่เกาะหมากและเกาะกูด แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้วพบว่าระดับการฟอกขาวยังน้อยกว่าฝั่งอันดามันใต้ ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่าระดับการฟอกขาวจะเป็นระดับรุนแรงเรื่อย ๆ ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์ทะเลนานาชนิด แต่ปะการังมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งสภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อปะการังทำให้เกิดภาวะ “ฟอกขาว” ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต ออกจากปะการังและนำมาใช้สร้างอาหาร ดังนั้น หากปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่แยกจากกันก็จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของทั้งสองชนิด สาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของปะการังจนเกิดการฟอกขาวมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ สารเคมี และมลพิษต่าง ๆ ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ทั้งชุมชน เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมที่ไหลลงสู่ทะเล ทำให้สาหร่ายซูแซนเทลลี่หนีออกจากเนื้อเยื่อของปะการัง เพื่อหาที่อยู่ใหม่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า ทำให้ปะการังมีสีซีดจางลง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของความเค็มในน้ำทะเลอย่างรวดเร็วและภาวะโลกร้อน (global warming) ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นและร้อนผิดปกติ ปะการังไม่สามารถปรับตัวและทนต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ จึงส่งผลให้ปะการังเกิดการฟอกขาวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล เนื่องจากทำให้สูญเสียแหล่งอาหาร แหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเล จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสัตว์ทะเลจำนวนมากจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย จำนวนประชากรของสัตว์ทะเลลดลง และมีความเสี่ยงที่จะทำให้สัตว์ทะเลมีโอกาสสูญพันธุ์จนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารและความหลากหลายทางชีวภาพใต้ท้องทะเล

การหยุดยั้งปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยแนวทางสำคัญที่ทุกคนสามารถร่วมมือกันทำได้ คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การเผาไหม้ในอุตสาหกรรม และการเผาป่า เป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน เพื่อลดอุณหภูมิของโลกและน้ำทะเล ซึ่งจะช่วยลดภาวะฟอกขาวของปะการังได้อีกด้วย นอกจากนี้ การอนุรักษ์แนวปะการังและการป้องกันมลพิษทางทะเล ควรมีมาตรการในการป้องกันและจัดการมลพิษจากน้ำเสีย สารเคมี และการประมงเกินขนาด รวมถึงการห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล เพื่อรักษาระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมทางทะเลให้มีความสมบูรณ์ มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโตของปะการังต่อไป ทุกคนคงเห็นแล้วว่า ปะการังฟอกขาวส่งผลกระทบที่ชัดเจนมาก ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชุมชนชายฝั่งและชาวประมงที่พึ่งพาทรัพยากรทางทะเล คงถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องตระหนักและร่วมมือกันลดภาวะโลกร้อนและดูแลรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและในน้ำ เพื่อคืนความสมดุลให้ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศทางทะเลให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมดีขึ้นอีกครั้ง

People Also Search

ที่มา : Https://www.thairath.co.th/news/sustainable/2706888 “ภาวะโลกร้อน” ในปัจจุบัน กำลังทวีความรุนแรงและก่อเกิดอันตรายต่อผู้คนและระบบนิเวศจำนวนมาก หนึ่งในสัญญาณเตือนของวิกฤติโลกร้อน คือ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว(Coral Bleaching)

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/sustainable/2706888 “ภาวะโลกร้อน” ในปัจจุบัน กำลังทวีความรุนแรงและก่อเกิดอันตรายต่อผู้คนและระบบนิเวศจำนวนมาก หนึ่งในสัญญาณเตือนของวิกฤติโลกร้อน คือ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว(Coral Bleaching) เนื่องจากปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมในมหาสมุทร การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเลเพียง 1-2 องศาเซลเซียส ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ สามาร...

สำหรับ "สาหร่ายซูแซนเทลลี" คือ สาหร่ายขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับปะการัง "แบบพึ่งพากัน" (mutualism) โดยสาหร่ายจะทำหน้าที่สังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหาร ช่วยเร่งกระบวนการสร้างหินปูน รวมถึงการสร้างสีสันให้แก่ตัวปะการัง

สำหรับ "สาหร่ายซูแซนเทลลี" คือ สาหร่ายขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับปะการัง "แบบพึ่งพากัน" (mutualism) โดยสาหร่ายจะทำหน้าที่สังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหาร ช่วยเร่งกระบวนการสร้างหินปูน รวมถึงการสร้างสีสันให้แก่ตัวปะการัง ส่วนปะการังก็ให้ที่อยู่แก่สาหร่าย ปกติในเนื้อเยื่อของปะการังไม่ได้มีสีสันสวยงาม เป็นเพียงเนื้อเยื่อใสๆ เท่านั้น ส่วนสีที่เราเห็นในปะการังล้วนเป็นสีที...

Thai PBS นำเรื่องราวเหล่านี้มาบอกกัน ปะการังฟอกขาว หรือ Coral Bleaching เป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลง ต้นเหตุเกิดจากการสูญเสีย “สาหร่ายซูแซนเทลลี

Thai PBS นำเรื่องราวเหล่านี้มาบอกกัน ปะการังฟอกขาว หรือ Coral bleaching เป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลง ต้นเหตุเกิดจากการสูญเสีย “สาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae)” ซึ่งเป็นสาหร่ายที่ทำหน้าที่สังเคราะห์แสง ให้ธาตุแก่ปะการังในการดำรงชีวิต รวมทั้งเป็นตัวสร้างสีสันให้กับปะการัง เนื่องจากปกติปะการังไม่มีมีสี เป็นเพียงเยื่อใส ๆ การเห็นว่าปะการังมีสี เกิดจากสาหร่ายซูแซนเทลลี ที่ให้สีแ...

อาจเป็นช่วงวิกฤต ปะการังสีซีดจาง หรือ ปะการังฟอกขาว เป็นการที่ปะการังสูญเสียสีสันสดใสและเปลี่ยนเป็นสีขาวจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย หากสภาพแวดล้อมในมหาสมุทรเปลี่ยนแปลง เช่น หากร้อนเกินไป

อาจเป็นช่วงวิกฤต ปะการังสีซีดจาง หรือ ปะการังฟอกขาว เป็นการที่ปะการังสูญเสียสีสันสดใสและเปลี่ยนเป็นสีขาวจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย หากสภาพแวดล้อมในมหาสมุทรเปลี่ยนแปลง เช่น หากร้อนเกินไป ปะการังจะเครียดและขับสาหร่ายออกไป ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว ปัจจุบันปะการังฟอกขาวอยู่ในระดับวิกฤตเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสภาพภูมิอาก...

การฟอกขาวนี้ส่งผลกระทบต่อทั้งปะการังและระบบนิเวศทางทะเลทั้งหมด นอกเหนือจากการฟอกขาวเนื่องจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น และยังมีการฟอกขาวที่เกิดจากสาเหตุอื่นอีกหลายประการ เช่น การเกษตรกรรมและการพัฒนาเมืองที่มีผลให้คุณภาพน้ำลดลงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของปะการัง การเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศทำให้ระดับความเป็นกรดของน้ำทะเลสูงขึ้นและกระทบต่อกระบวนการเจริญเติบโตของปะการัง การฟอกขาวในช่วงแรกนั้นปะการังจะยังไม่ตายแต่จะอ่อนแออย่างมาก หากอุณหภูมิน้ำทะเลกลับสู่สภาวะปกติ ปะการังที่อ่อนแอจะสามารถฟื้นตัวได้เอง แต่ถ้าอุณหภูมิน้ำทะเลยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานานย่อมจะส่งผลให้ปะการังตายในที่สุด

การฟอกขาวนี้ส่งผลกระทบต่อทั้งปะการังและระบบนิเวศทางทะเลทั้งหมด นอกเหนือจากการฟอกขาวเนื่องจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น และยังมีการฟอกขาวที่เกิดจากสาเหตุอื่นอีกหลายประการ เช่น การเกษตรกรรมและการพัฒนาเมืองที่มีผลให้คุณภาพน้ำลดลงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของปะการัง การเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศทำให้ระดับความเป็นกรดของน้ำทะเลสูงขึ้นและกระทบต่อกระบวนการเจริญเติบโตของปะการัง การฟอกขาวในช่วงแรก...