เมื่อโลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ส่องทางรอดเศรษฐกิจไทย จาก 4 ความเปลี่ยนแปล
ภายในงาน ‘Thailand Economic Outlook 2026 Out of the Trap’ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ Keynote ของ คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ไม่ได้มาเพียงเพื่อฉายภาพความท้าทาย แต่มาพร้อมพิมพ์เขียวเชิงรุก เพื่อพาเศรษฐกิจไทยออกจาก ‘กับดัก’ ที่ฉุดรั้งการเติบโตมานานหลายปี ท่ามกลางภูมิทัศน์โลกที่ซับซ้อนและแรงกดดันรอบด้าน นี่ไม่ใช่แค่การแก้เกมระยะสั้น แต่คือการวางรากฐานใหม่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ภารกิจนี้เดิมพันด้วยอนาคตของประเทศ และนี่คือบทสรุปทุกประเด็นสำคัญที่นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และคนไทยทุกคนต้องรู้ คุณศุภจีตอกย้ำว่า ไทยไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว แต่กำลังเผชิญกับ Global Headwind หรือลมต้านระดับโลกที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและสมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่ทำให้การค้าโลกปั่นป่วน เกิดกำแพงภาษีรูปแบบใหม่ๆ บีบให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวครั้งใหญ่ แต่หัวใจสำคัญคือ 4 เมกะเทรนด์ ที่กำลังเปลี่ยนโลกอย่างสิ้นเชิง เมื่อหันกลับมามองภาพในประเทศ สถานการณ์ก็น่ากังวลไม่แพ้กัน ทั้งตัวเลข GDP ที่เติบโตชะลอตัว จากค่าเฉลี่ย 5% ในอดีต เหลือคาดการณ์ไม่เกิน 2% ในปี 2566, ภาวะเงินฝืดที่ติดลบต่อเนื่อง 6 เดือน สะท้อนกำลังซื้อที่อ่อนแอ และ ผลิตภาพแรงงานที่ลดลง จากจำนวนคนวัยทำงานที่หดตัวลงทุกปี ‘เราไม่เปลี่ยนคงไม่ได้แล้ว ถ้าเรายังเป็นอยู่อย่างนี้ คงจะลำบากแน่นอน’ คุณศุภจีกล่าวย้ำ เพื่อทลายกับดักนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้วางยุทธศาสตร์ที่ผสมผสานทั้งการแก้ปัญหาระยะสั้น (Quick Wins) อย่างการลดค่าครองชีพผ่านโครงการธงฟ้าและการเปิดเผยราคายาในโรงพยาบาลเอกชน ควบคู่ไปกับการปฏิรูปโครงสร้างระยะยาวผ่าน 3 ยุทธศาสตร์หลัก ที่จะเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจไทย ผู้นำเศรษฐกิจ ธุรกิจไทย-ต่างชาติเห็นตรง เศรษฐกิจไทยกำลังเจอ 4D Major Trends “การเปลี่ยนแปลงโลกาภิวัตน์ , การลดคาร์บอน, การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และ ความท้าทายด้านประชากร คีย์สำคัญพลิกแลนสเคป เศรษฐกิจโลก ชี้ขาดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและภาคธุรกิจ
จากงานสัมมนา Future Forum 2025: - Great Transformation ที่จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจประเทศไทย (TMA) เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 โดยมีนักวิชาการและภาคธุรกิจเข้าร่วมสัมมนากว่า 250 คน ต่างระบุตรงกันว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับการท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มร.เฮง สวี เกียต (Mr. Heng Swee Keat) อดีตรองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ และประธานมูลนิธิวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ (National Research Foundation, Singapore) ให้ความเห็นบนเวทีสัมมนาในหัวข้อ “Economic Transformation for Peoples, For Planet” ว่า “กว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกเผชิญกับวิกฤตที่สำคัญ 2 วิกฤต คือ วิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตจากโรคระบาด วิกฤตแรกมีสองครั้งใหญ่คือ วิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียช่วงปี 2540 และวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2551 ส่วนวิกฤตจากโรคระบาดคือ จากการแพร่ระบาดของโรคระบาดอย่าง โคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (Covid-19) การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั้งสองรอบส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลก แต่ก็ยังสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกให้สามารถเติบโตได้ทั้งเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจอาเซียน 5 ประเทศคือ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แต่เป็นการเติบโตที่ชะลอตัวลงหลังปี 2551 ในขณะที่วิกฤตจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเรื่องของเทคโนโลยี ภูมิทัศน์ของโลกเปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โลกในปัจจุบันเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า Major Trend ใน 4D คือ ในยุคที่ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกกลายเป็นสภาวะปกติ กรอบการวัดขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง พรมแดนทางกายภาพเริ่มมีความสำคัญน้อยลงกว่าอิทธิพลของ “แพลตฟอร์มดิจิทัล” ที่สามารถเข้าถึงและวิเคราะห์พฤติกรรมประชากรโลกได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน บริบทดังกล่าวได้ตั้งคำถามสำคัญต่อทิศทางของประเทศไทยว่า เราจะปรับตัวอย่างไรเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต
ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า โลกได้เข้าสู่ยุคที่ “ประเทศ” ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยพรมแดนอีกต่อไป แต่กลายเป็น “แพลตฟอร์ม” ที่มีประชากรเป็นของตนเอง เช่น Google มีผู้ใช้งานกว่า 4.9 พันล้านคน ซึ่งรู้จักพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยได้ดีกว่าหน่วยงานภาครัฐเสียอีก ดังนั้น เพื่อแข่งขันในสนามรบใหม่นี้ ประเทศไทยต้องมุ่งเน้น 3 แกนยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ดร.ชินาวุธ เสนอว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวชี้วัดความสำเร็จ จากเดิมที่มุ่งเน้นเพียง GDP ไปสู่การวัด สัดส่วน GDP ที่มาจากเศรษฐกิจใหม่ (New S-Curve) เพื่อให้เห็นการเติบโตที่เกิดขึ้นจากนวัตกรรมอย่างแท้จริง ธนวิชญ์ ต้นกันยา นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup) ได้ย้ำเตือนผ่านบทเรียนราคาแพงจากสมรภูมิ E-commerce ซึ่งการปรับตัวที่ล่าช้าส่งผลให้ ตลาดที่มีมูลค่ากว่า 8 ล้านล้านบาทต่อปี ถูกครอบครองโดยแพลตฟอร์มต่างชาติเกือบสมบูรณ์ โดย 80% ของสินค้ามาจากต่างประเทศ คิดเป็นเม็ดเงินที่ไหลออกนอกประเทศกว่า 6.4 ล้านล้านบาท ธนวิชญ์ ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันคลื่นการเปลี่ยนแปลงระลอกใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังเกิดขึ้นในอัตราเร่งที่สูงกว่ามาก หากในอดีตเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนกระบวนการทำงาน ปัจจุบัน AI มีศักยภาพที่จะเข้ามาแทนที่บทบาทของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ตำแหน่ง CFO ที่มีเงินเดือนหลักแสน อาจถูกแทนที่ด้วย AI ที่มีค่าใช้จ่ายเพียงเดือนละ 6,000 บาท ภาคธุรกิจจึงเผชิญความท้าทายเร่งด่วนในการปรับตัว ก่อนที่จะถูกทิ้งห่างไปอีกครั้ง ในขณะที่โลกกำลังจับตาความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสองมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ใครจะคิดว่าคลื่นความขัดแย้งนี้จะซัดพา "โอกาส" มาสู่ประเทศไทย รายงานล่าสุดเปิดเผยภาพที่น่าสนใจว่า เมื่อจีนเริ่มเบนเข็มการส่งออกจากสหรัฐฯ มายังภูมิภาคอื่น ๆ การส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนและไทยกลับเติบโตอย่างก้าวกระโดด นั่นหมายความว่าประเทศไทยกำลังถูกดึงเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังก่อตัว เจียง เหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวในงาน ว่า “TCP Sustainability Forum 2025” ว่าการย้ายฐานการผลิตที่เคยตั้งในจีนก็กำลังไหลบ่าเข้ามาในภูมิภาคของไทย ทำให้ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในประเทศไทยช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 พุ่งสูงถึง 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเท่ากับยอดรวมทั้งปี 2565 การลงทุนเหล่านี้ไม่ได้มาในรูปแบบเดิม ๆ แต่เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV), ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และอิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำถึงปลายน้ำ นี่คือสัญญาณบ่งชี้ว่าไทยกำลังมีโอกาสก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตระดับโลกอีกครั้ง เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อนในยุคที่ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุน
แม้ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมจะดูเหมือนถูกลดความสำคัญลงไปบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติกำลังเป็นสัญญาณเตือนให้ทั่วโลกต้องกลับมาให้ความสำคัญกับ Green Transition อย่างจริงจัง "เจียง เหว่ย" ชี้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่รอได้อีกต่อไป แต่เป็นช่วงเวลา 2-3 ปีทองที่ไทยต้องเร่งปรับตัว เตรียมพร้อมสำหรับการออกกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม และเร่งลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวต่าง ๆ เช่น โซลาร์เซลล์ ที่มีต้นทุนถูกลงอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจที่ปรับตัวก่อน ไม่เพียงแต่จะอยู่รอด แต่ยังได้เปรียบในการแข่งขันในเวทีโลกยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากขึ้นเรื่อย ๆ กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เวทีสัมมนา “Future Forum 2025: – Great Transformation” ซึ่งมีนักวิชาการและผู้นำภาคธุรกิจเข้าร่วมกว่า 250 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยการตื่นตัวต่อสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาและได้รับการยอมรับตรงกันคือ ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับ “The Great Transformation” ครั้งนี้ นายเฮง สวี เกียต อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานมูลนิธิวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ (National Research Foundation, Singapore) ได้ให้ทรรศนะที่น่าสนใจในหัวข้อ “Economic Transformation for Peoples, For Planet” โดยระบุว่า โลกได้ผ่านวิกฤตการณ์สำคัญมาแล้ว 2 รูปแบบในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา คือวิกฤตเศรษฐกิจ (วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551) และวิกฤตโรคระบาด (โควิด-19) แม้วิกฤตเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบ แต่เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตต่อไปได้แม้จะในอัตราที่ชะลอตัวลง ทว่า วิกฤตโควิด-19 ได้กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนภูมิทัศน์โลกไปอย่างสิ้นเชิง นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี, การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 28 ฉบับ, การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และการปรับใช้เทคโนโลยีในทุกภาคส่วน” นายเฮง สวี เกียต กล่าว เขายังเน้นย้ำว่า “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ AI จะเป็นขุมพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่หัวใจหลักคือการพัฒนาศักยภาพของประชากรให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้ ภาคเอกชนต้องเปลี่ยนวิธีคิด ปรับกลยุทธ์ และเปิดกว้างในการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางความผันผวน” ปาฐกถาพิเศษ | Global Transition : เศรษฐกิจไทยภายใต้จุดเปลี่ยน โดย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในงาน MOF Journey 150 ปี เส้นทางการคลังไทย วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.25-10.45 น. สถานที่ Hall 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมพบกิจกรรมภายในงานภายในงาน 1854 ชั้น 8 ถนนเทพรัตน แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
People Also Search
- เมื่อโลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ส่องทางรอดเศรษฐกิจไทย จาก 4 ความเปลี่ยนแปลง ...
- Techsauce - เมื่อโลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ... | Facebook
- 4 เทรนด์ "4d" พลิกโฉมเศรษฐกิจโลก "ปรับตัวคือทางรอดเดียวของธุรกิจไทย"
- [บทความ] 4 จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อโลกพลิกผันเศรษฐกิจไทยเผชิญ ธุรกิจจะหนี ...
- สันติธาร เสนอรัฐเดินหน้า4เสา รับเศรษฐกิจแนวใหม่ ในai และสังคมสูงวัย
- โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ: ทางรอดในสนามรบเศรษฐกิจยุค Ai
- 'พิพัฒน์'ชี้4ปัจจัยท้าทายเศรษฐกิจไทยรับกระแสโลกเปลี่ยน
- 'คลื่นยักษ์' แห่งการเปลี่ยนแปลง โอกาสทองของไทย เมื่อโลกเปลี่ยนขั้วสู่ ...
- เปิด 4 เมกะเทรนด์ พลิกโฉมเศรษฐกิจโลก ธุรกิจไทยต้องปรับตัวด่วน
- Global Transition : เศรษฐกิจไทยภายใต้จุดเปลี่ยน
ภายในงาน ‘Thailand Economic Outlook 2026 Out Of The Trap’ ทุกสายตาจับจ้องไปที่
ภายในงาน ‘Thailand Economic Outlook 2026 Out of the Trap’ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ Keynote ของ คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ไม่ได้มาเพียงเพื่อฉายภาพความท้าทาย แต่มาพร้อมพิมพ์เขียวเชิงรุก เพื่อพาเศรษฐกิจไทยออกจาก ‘กับดัก’ ที่ฉุดรั้งการเติบโตมานานหลายปี ท่ามกลางภูมิทัศน์โลกที่ซับซ้อนและแรงกดดันรอบด้าน นี่ไม่ใช่แค่การแก้เกมระยะสั้น แต่คือการวางรากฐานใหม่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ภ...
จากงานสัมมนา Future Forum 2025: - Great Transformation ที่จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจประเทศไทย (TMA)
จากงานสัมมนา Future Forum 2025: - Great Transformation ที่จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจประเทศไทย (TMA) เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 โดยมีนักวิชาการและภาคธุรกิจเข้าร่วมสัมมนากว่า 250 คน ต่างระบุตรงกันว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับการท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มร.เฮง สวี เกียต (Mr. Heng Swee Keat) อดีตรองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ และประธา...
ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า โลกได้เข้าสู่ยุคที่ “ประเทศ” ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยพรมแดนอีกต่อไป แต่กลายเป็น
ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า โลกได้เข้าสู่ยุคที่ “ประเทศ” ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยพรมแดนอีกต่อไป แต่กลายเป็น “แพลตฟอร์ม” ที่มีประชากรเป็นของตนเอง เช่น Google มีผู้ใช้งานกว่า 4.9 พันล้านคน ซึ่งรู้จักพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยได้ดีกว่าหน่วยงานภาครัฐเสียอีก ดังนั้น เพื่อแข่งขันในสนามรบใหม่นี้ ประเทศไทยต้องมุ่งเน้น 3 แกนยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ดร.ชิ...
แม้ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมจะดูเหมือนถูกลดความสำคัญลงไปบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติกำลังเป็นสัญญาณเตือนให้ทั่วโลกต้องกลับมาให้ความสำคัญกับ Green Transition อย่างจริงจัง "เจียง
แม้ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมจะดูเหมือนถูกลดความสำคัญลงไปบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติกำลังเป็นสัญญาณเตือนให้ทั่วโลกต้องกลับมาให้ความสำคัญกับ Green Transition อย่างจริงจัง "เจียง เหว่ย" ชี้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่รอได้อีกต่อไป แต่เป็นช่วงเวลา 2-3 ปีทองที่ไทยต้องเร่งปรับตัว เตรียมพร้อมสำหรับการออกกฎหมายด้านสิ...
“สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี, การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 28 ฉบับ, การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล
“สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี, การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 28 ฉบับ, การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และการปรับใช้เทคโนโลยีในทุกภาคส่วน” นายเฮง สวี เกียต กล่าว เขายังเน้นย้ำว่า “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ AI จะเป็นขุมพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่หัวใจหลักคือการพัฒนาศักยภาพของประชากร...