Climate Tech ไทย โอกาสและความท้าทาย บนเส้นทางสู่ความยั่งยืน
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “Climate Tech” หรือเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้กลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย แม้โอกาสจะเปิดกว้างจากความต้องการของผู้บริโภคและแรงกดดันระดับโลก แต่ “ต้นทุน” และ “การสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง” คือโจทย์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไข เพื่อให้ธุรกิจนวัตกรรมเหล่านี้สามารถเติบโตและสร้างผลกระทบได้อย่างแท้จริง โอกาสสำหรับ Climate Tech ในไทยนั้นมีอยู่มหาศาลในหลายมิติ ในมุมของพลังงานและอุตสาหกรรมสีเขียว พงศ์ศักดิ์ เหลืองจินดารัตน์ Chief Strategy and Sustainability Officer, Bangkok Industrial Gas (BIG) กล่าวว่า เทคโนโลยีพลังงานสะอาดอย่างไฮโดรเจนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่ BIG เชี่ยวชาญมากว่า 30-40 ปีแล้ว ความท้าทายในอดีตคือการจัดการคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนการผลิต ปัจจุบัน BIG มีเทคโนโลยี Carbon Capture (การดักจับคาร์บอน) อยู่แล้ว แต่ประเทศไทยยังขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านการกักเก็บและใช้ประโยชน์จากคาร์บอน (CCUS) ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ ระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) ยังเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ปัญหาความไม่เสถียรของพลังงานหมุนเวียน โดยยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือ ช่วงกลางคืนที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นจากการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่เป็นช่วงที่โซลาร์เซลล์ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ สำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในฐานะ “ผู้ร้าย” ที่สร้างคาร์บอนถึง 40% ของทั้งโลก ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ ประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลกิจการด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วงการอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน และนี่คือโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ สนค.
ติดตาม Climate Tech เทรนด์เทคโนโลยีและธุรกิจเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่วยสร้างโอกาสทางการค้าและธุรกิจรูปแบบใหม่ พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต แนะทุกภาคส่วนร่วมผลักดัน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น และก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้คน สิ่งมีชีวิต ธรรมชาติ รวมถึงภาครัฐและภาคธุรกิจ จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บรรเทาหรือเพิ่มความยืดหยุ่นต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้อย่างยั่งยืน ผอ.สนค. ให้ข้อมูลว่า ทุกประเทศและทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน ซึ่ง Climate Tech เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษา McKinsey คาดการณ์ว่า Climate Tech อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ร้อยละ 60 ของปริมาณการปล่อยทั้งหมด นอกจากนี้ Climate Tech ยังเป็นภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต และจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลกในอนาคต โดย Statista ซึ่งเป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลสถิติหลายประเด็นทั่วโลก คาดการณ์ว่า ในปี 2566 ตลาด Climate Tech ทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีก... การเติบโตของตลาด Climate Tech เป็นผลมาจากหลายปัจจัย อาทิ (1) ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น กระตุ้นความต้องการเทคโนโลยีสำหรับป้องกันและแก้ไขปัญหา (2) ความตระหนักของผู้บริโภค ทำให้ความต้องการสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น (3) นโยบายและมาตรการภาครัฐ ที่สนับสนุนการเงิน ลดหย่อนภาษี ส่งเสริมการลงทุน อำนวยความสะดวกด้านกฎหมาย รวมถึงกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (4) กลไกราคาคาร์บอน ซึ่งช่วยกระตุ้นภาคเอกชนให้หาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ (5) โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ Climate Tech โดยเฉพาะระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) โครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบขนส่งสาธารณะ Climate Tech ยังสร้างโอกาสด้านอื่น ๆ อาทิ การพัฒนานวัตกรรมสำหรับแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม การสร้างงานในการผลิต การติดตั้ง และการบำรุงรักษา การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร รวมถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ อาทิ บริษัท Climeworks จากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นธุรกิจบริการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) ได้พัฒนาเครื่องมือและวิธีการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บอากาศโดยตรง ซึ่งสามารถนำไปใช้ชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และช่วยให้แต่ละประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ได้ บริษัท Sonnen จากเยอรมนี ให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในครัวเรือน และก่อตั้ง SonnenCommunity...
เปิดมุมมองใหม่ของ “Climate Technology” กับสองผู้นำพลังงานไทย ที่ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมพลังงานสะอาดเพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ COO กลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน ปตท. และ คุณสมิทธ์ พนมยงค์ Senior EVP กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ ร่วมเผยภาพรวมความท้าทายและโอกาสของ Climate Tech ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีแห่งอนาคตควบคู่กับ AI, Robotics และ Biotech ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero “Climate Tech” เทคโนโลยีอนาคตที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวดร.บุรณินชี้ว่า Climate Tech คือหัวใจของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ผ่านนวัตกรรมพลังงานสะอาด ตั้งแต่พลังงานทดแทนอย่างโซลาร์และลม, รถยนต์ไฟฟ้า (EV), AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน, ระบบดักจับคาร์บอน (Carbon Capture) ไปจนถึงโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ปตท. ได้ลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้งในไทยและอินเดีย, ปรับโรงงานปิโตรเคมีสู่ Bio-based, และศึกษาพัฒนา SMR (Small Modular Reactor) เพื่อรองรับพลังงานสะอาดในอนาคต“ไทยเราอาจยังไม่ใช่ผู้นำโลกด้าน Climate Tech แต่กำลังวางรากฐานที่มั่นคง โดยเฉพาะโครงสร้าง Smart Grid และการเปิดรับนวัตกรรมจากสตาร์ตอัพ” ดร.บุรณินกล่าว
“ต้องคุ้มค่า ถึงจะเปลี่ยนผ่านสำเร็จ”คุณสมิทธ์ พนมยงค์ เน้นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ต้องเดินควบคู่กับความคุ้มค่าต่อผู้ใช้ ซึ่งเป็นหัวใจที่ทำให้ผู้คนพร้อมเปลี่ยนพฤติกรรม นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น และก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้คน สิ่งมีชีวิต ธรรมชาติ รวมถึงภาครัฐและภาคธุรกิจ จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บรรเทาหรือเพิ่มความยืดหยุ่นต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้อย่างยั่งยืน โดยClimate Tech เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษา McKinsey คาดการณ์ว่า Climate Tech อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 60% ของปริมาณการปล่อยทั้งหมด นอกจากนี้ Climate Tech ยังเป็นภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต และจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลกในอนาคต ทั้งนี้ Statista ซึ่งเป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลสถิติหลายประเด็นทั่วโลก คาดการณ์ว่า ในปี 2566 ตลาด Climate Tech ทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีก 10 ปีข้างหน้า ทำให้ในปี 2576 อาจมีมูลค่าสูงถึง 1.83 แสนล้านดอลลาร์โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 24.5% ต่อปี ด้าน McKinsey ระบุว่า Climate Tech จะช่วยพัฒนาศักยภาพและโอกาสทางการค้าและการลงทุนของแต่ละประเทศ เนื่องจาก Climate Tech อาจช่วยดึงดูดเงินลงทุนทั่วโลกได้มากถึง 1.5... นายพูนพงษ์ กล่าวว่า การเติบโตของตลาด Climate Tech เป็นผลมาจากหลายปัจจัย อาทิ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น กระตุ้นความต้องการเทคโนโลยีสำหรับป้องกันและแก้ไขปัญหา ความตระหนักของผู้บริโภค ทำให้ความต้องการสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้นโยบายและมาตรการภาครัฐ ที่สนับสนุนการเงิน ลดหย่อนภาษี ส่งเสริมการลงทุน อำนวยความสะดวกด้านกฎหมาย รวมถึงกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งกลไกราคาคาร์บอน ซึ่งช่วยกระตุ้นภาคเอกชนให้หาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ Climate Tech โดยเฉพาะระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) โครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบขนส่งสาธารณะ
ประเทศไทยมีเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero GHG Emissions ภายในปี 2065 (UNFCCC, 2023) ภารกิจนี้คือสิ่งที่ต้องเร่งลงมือทำท่ามกลางวิกฤตโลกร้อนที่อาจฉุด GDP ไทยลดลงเหลือ 7.7% ภายในปี 2025 หากเราไม่ทำอะไรเลย กุญแจดอกสำคัญในการแก้ปัญหานี้คือ Climate Tech หรือเทคโนโลยีที่มาช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย เรากลับพบความจริงที่น่ากังวลว่า จาก Startup กว่า 2,100 ราย มีเพียง 3.5% หรือประมาณ 70-80 รายเท่านั้น ที่อยู่ในกลุ่มนี้ นี่คือสัญญาณว่า Ecosystem ของเรายังไม่แข็งแรงพอ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ Thailand Climate Business Network (ThaiCBN) ซึ่งเป็นความร่วมมือของ 34 องค์กรพันธมิตร ต้องลุกขึ้นมาสร้างกลไกใหม่ที่ชื่อว่า Thailand Climate Tech Directory Thailand Climate Business Network (ThaiCBN) คือร่วมมือระหว่างองค์กรพันธมิตร 34 แห่ง ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เพื่อผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ศูนย์ ผ่านการเชื่อมโยง 4 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคการเงินและการธนาคาร โดย ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวในฐานะประธานเครือข่ายฯ ThaiCBN ว่า จากปรากฏการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ที่กลายเป็นเรื่องปกติ สู่ภัยพิบัติรุนแรงทั่วทุกมุมโลก วิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ไม่ใช่เรื่องของสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็น “Game Changer” หรือตัวพลิกเกมครั้งสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และทุกองคาพยพของภาคธุรกิจ นี่คือประเด็นสำคัญที่สะท้อนจากเวทีเสวนา “Global Megatrend in Climate Tech” ซึ่งชี้ชัดว่าเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech คือเมกะเทรนด์ที่ทรงพลังที่สุดแห่งยุค และเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสมหาศาลที่ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัว
วงเสวนาประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจาก 3 ภาคส่วนสำคัญ ได้แก่ ภคมน สุภาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริการจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) รศ.ดร.สุทธิรัตน์ กิตติพงศ์วิเศษ ผู้ประสานงานวิจัยความเสี่ยงทางสภาพภูมิอากาศและการรับรู้ปรับฟื้น และหัวหน้าหน่วยบริการและจัดการคาร์บอน สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ วีรศักดิ์ พงษ์ธัญญวชัย หัวหน้าฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่างเห็นพ้องต้องกันว่า Climate Tech คือจุดเปลี่ยนที่ไม่อาจมองข้าม ภคมนระบุว่า ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นแล้ว 1.4 องศาเซลเซียส ซึ่งเข้าใกล้เพดานอันตรายที่ 1.5 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างมาก แรงกดดันนี้ทำให้ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันปล่อยก๊าซเรือนกระจกปีละประมาณ 5 หมื่นล้านตัน ต้องมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สำหรับประเทศไทย ทิศทางเชิงนโยบายกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยล่าสุดได้มีการปรับเป้าหมาย Net Zero ให้เร็วขึ้นจากเดิมปี 2065 มาเป็นปี 2050 เพื่อให้สอดคล้องกับประชาคมโลก การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จะถูกขับเคลื่อนด้วย “พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ซึ่งกำลังจะออกมาเป็นกฎหมายภาคบังคับในไม่ช้า สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือการกำหนดให้องค์กรขนาดใหญ่มีหน้าที่ต้องรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งทิศทางดังกล่าวสอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นแล้ว โดยปัจจุบันมีองค์กรในไทยที่รายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับ TGO กว่า 1,700 แห่ง และในจำนวนนี้กว่า 100 แห่งได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero อย่างชัดเจน โดยภายใต้กฎหมายใหม่ คาดว่าจะมีองค์กรที่เข้าข่ายต้องรายงานเพิ่มขึ้นเป็นราว 3,200 แห่ง และในอนาคตจะมีการกำหนดเพดานการปล่อย (Emission Trading Scheme: ETS) ซึ่งหมายความว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะไม่ใช่เรื่องของความสมัครใจอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องบริหารจัดการอย่างจริงจัง
People Also Search
- Climate Tech ไทย: โอกาสและความท้าทาย บนเส้นทางสู่ความยั่งยืน
- พาณิชย์ชี้ Climate Tech โอกาสและความท้าทายสำหรับภาคธุรกิจไทย
- PDF Thailand Climate Tech Startup Roadmap - dcce.go.th
- โอกาสเปลี่ยนโลกอยู่ตรงหน้า: มารู้จัก Climate Tech จาก 5 อุตสาหกรรม สู่ ...
- เปิดเวที Climate Tech ไทย: ปฏิบัติการจริงสู่ Net Zero ในงาน SITE ...
- เปิดเวที Climate Tech ไทย: ปฏิบัติการจริงสู่ Net Zero ในงาน SITE 2025
- พาณิชย์ ชี้ Climate Tech เทรนด์เทคโนโลยี โอกาสและความท้าทายธุรกิจไทย
- Climate Tech โอกาสและความท้าทายสำหรับภาคธุรกิจ SME ไทย ในการลดก๊าซเรือน ...
- ThaiCBN เปิดแผน Thailand Climate Tech Directory สนับสนุน Startup ไทย ...
- เจาะเมกะเทรนด์ Climate Tech พลิกอนาคตธุรกิจไทย
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “Climate Tech” หรือเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้กลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย แม้โอกาสจะเปิดกว้างจากความต้องการของผู้บริโภคและแรงกดดันระดับโลก แต่ “ต้นทุน” และ “การสร้างระบบนิเวศ
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “Climate Tech” หรือเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้กลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย แม้โอกาสจะเปิดกว้างจากความต้องการของผู้บริโภคและแรงกดดันระดับโลก แต่ “ต้นทุน” และ “การสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง” คือโจทย์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไข เพื่อให้ธุรกิจนวัตกรรมเหล่านี้สามารถเติบโตและสร้างผ...
ติดตาม Climate Tech เทรนด์เทคโนโลยีและธุรกิจเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่วยสร้างโอกาสทางการค้าและธุรกิจรูปแบบใหม่ พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต แนะทุกภาคส่วนร่วมผลักดัน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์
ติดตาม Climate Tech เทรนด์เทคโนโลยีและธุรกิจเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่วยสร้างโอกาสทางการค้าและธุรกิจรูปแบบใหม่ พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต แนะทุกภาคส่วนร่วมผลักดัน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มีแนวโน้มรุนแรงมาก...
เปิดมุมมองใหม่ของ “Climate Technology” กับสองผู้นำพลังงานไทย ที่ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมพลังงานสะอาดเพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ COO กลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน ปตท.
เปิดมุมมองใหม่ของ “Climate Technology” กับสองผู้นำพลังงานไทย ที่ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมพลังงานสะอาดเพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ COO กลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน ปตท. และ คุณสมิทธ์ พนมยงค์ Senior EVP กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ ร่วมเผยภาพรวมความท้าทายและโอกาสของ Climate Tech ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีแห่งอนาคตควบคู่กับ AI, Robotics และ Biotech ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมา...
“ต้องคุ้มค่า ถึงจะเปลี่ยนผ่านสำเร็จ”คุณสมิทธ์ พนมยงค์ เน้นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ต้องเดินควบคู่กับความคุ้มค่าต่อผู้ใช้ ซึ่งเป็นหัวใจที่ทำให้ผู้คนพร้อมเปลี่ยนพฤติกรรม นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)
“ต้องคุ้มค่า ถึงจะเปลี่ยนผ่านสำเร็จ”คุณสมิทธ์ พนมยงค์ เน้นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ต้องเดินควบคู่กับความคุ้มค่าต่อผู้ใช้ ซึ่งเป็นหัวใจที่ทำให้ผู้คนพร้อมเปลี่ยนพฤติกรรม นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น และก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้คน สิ่งมีช...
ประเทศไทยมีเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero GHG Emissions
ประเทศไทยมีเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero GHG Emissions ภายในปี 2065 (UNFCCC, 2023) ภารกิจนี้คือสิ่งที่ต้องเร่งลงมือทำท่ามกลางวิกฤตโลกร้อนที่อาจฉุด GDP ไทยลดลงเหลือ 7.7% ภายในปี 2025 หากเราไม่ทำอะไรเลย กุญแจดอกสำคัญในการแก้ปัญหานี้คือ Climate Tech หรือเทคโนโลยีที่มาช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย เรากลับพบความจริงที่น่ากังวลว่า จาก Startup กว่า 2,100...