เจาะเมกะเทรนด์ Climate Tech พลิกอนาคตธุรกิจไทย

Leo Migdal
-
เจาะเมกะเทรนด์ climate tech พลิกอนาคตธุรกิจไทย

จากปรากฏการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ที่กลายเป็นเรื่องปกติ สู่ภัยพิบัติรุนแรงทั่วทุกมุมโลก วิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ไม่ใช่เรื่องของสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็น “Game Changer” หรือตัวพลิกเกมครั้งสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และทุกองคาพยพของภาคธุรกิจ นี่คือประเด็นสำคัญที่สะท้อนจากเวทีเสวนา “Global Megatrend in Climate Tech” ซึ่งชี้ชัดว่าเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech คือเมกะเทรนด์ที่ทรงพลังที่สุดแห่งยุค และเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสมหาศาลที่ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัว วงเสวนาประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจาก 3 ภาคส่วนสำคัญ ได้แก่ ภคมน สุภาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริการจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) รศ.ดร.สุทธิรัตน์ กิตติพงศ์วิเศษ ผู้ประสานงานวิจัยความเสี่ยงทางสภาพภูมิอากาศและการรับรู้ปรับฟื้น และหัวหน้าหน่วยบริการและจัดการคาร์บอน สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ วีรศักดิ์ พงษ์ธัญญวชัย หัวหน้าฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่างเห็นพ้องต้องกันว่า Climate Tech คือจุดเปลี่ยนที่ไม่อาจมองข้าม ภคมนระบุว่า ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นแล้ว 1.4 องศาเซลเซียส ซึ่งเข้าใกล้เพดานอันตรายที่ 1.5 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างมาก แรงกดดันนี้ทำให้ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันปล่อยก๊าซเรือนกระจกปีละประมาณ 5 หมื่นล้านตัน ต้องมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สำหรับประเทศไทย ทิศทางเชิงนโยบายกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยล่าสุดได้มีการปรับเป้าหมาย Net Zero ให้เร็วขึ้นจากเดิมปี 2065 มาเป็นปี 2050 เพื่อให้สอดคล้องกับประชาคมโลก การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จะถูกขับเคลื่อนด้วย “พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ซึ่งกำลังจะออกมาเป็นกฎหมายภาคบังคับในไม่ช้า สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือการกำหนดให้องค์กรขนาดใหญ่มีหน้าที่ต้องรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งทิศทางดังกล่าวสอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นแล้ว โดยปัจจุบันมีองค์กรในไทยที่รายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับ TGO กว่า 1,700 แห่ง และในจำนวนนี้กว่า 100 แห่งได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero อย่างชัดเจน โดยภายใต้กฎหมายใหม่ คาดว่าจะมีองค์กรที่เข้าข่ายต้องรายงานเพิ่มขึ้นเป็นราว 3,200 แห่ง และในอนาคตจะมีการกำหนดเพดานการปล่อย (Emission Trading Scheme: ETS) ซึ่งหมายความว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะไม่ใช่เรื่องของความสมัครใจอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องบริหารจัดการอย่างจริงจัง

28th Annual Global CEO Survey – Thailand กรุงเทพฯ, 20 ตุลาคม 2568 – PwC ประเทศไทย เผยธุรกิจไทยเผชิญแรงกดดันจากเมกะเทรนด์ครั้งใหญ่ ทั้ง AI การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่งเชื่อมโยงและส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการและการรายงานทางการเงิน พร้อมแนะองค์กรเร่งติดตามการปรับปรุงมาตรฐานบัญชีและความยั่งยืน และเปลี่ยนบทบาทฝ่ายการเงินเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและผลตอบแทนการลงทุน ดันองค์กรเติบโตท่ามกลางความท้าทาย นางสาว สินสิริ ทังสมบัติ หัวหน้าสายงานตรวจสอบบัญชีและหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าว ณ งานสัมมนา ‘Corporate Reporting Forum’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานสัมมนาประจำปี PwC Thailand’s Symposium 2025: From insight to action: Staying ahead of change ว่า จากการเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งทางการค้า และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ธุรกิจจำเป็นต้องมีการปรับตัว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการปฏิบัติงานและรายงานทางการเงิน ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับการติดตามสถานการณ์ หามาตรการรับมือ... “เมกะเทรนด์ทั้งเทคโนโลยี AI การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ กำลังส่งผลกระทบต่อทุกมิติของธุรกิจ ผู้นำองค์กรต้องปรับตัวอย่างสร้างสรรค์ มองหาโอกาสใหม่ ๆ ทั้งการร่วมมือข้ามอุตสาหกรรม การวางแผนทางการเงินและรายงานความยั่งยืน รวมถึงกลยุทธ์และภาษี เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและสร้างการเติบโตในโลกที่ซับซ้อนขึ้น” นางสาว สินสิริ กล่าว นางสาว สินสิริ กล่าวว่า ในปี 2568 มีการปรับปรุงมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่สำคัญ ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดประเภทหนี้สิน การเปิดเผยข้อมูลสินทรัพย์ทางการเงิน และการบัญชีตราสารหนี้รูปแบบใหม่ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในอนาคต เช่น ESG-linked bond นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น และก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้คน สิ่งมีชีวิต ธรรมชาติ รวมถึงภาครัฐและภาคธุรกิจ จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บรรเทาหรือเพิ่มความยืดหยุ่นต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้อย่างยั่งยืน

โดยClimate Tech เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษา McKinsey คาดการณ์ว่า Climate Tech อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 60% ของปริมาณการปล่อยทั้งหมด นอกจากนี้ Climate Tech ยังเป็นภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต และจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลกในอนาคต ทั้งนี้ Statista ซึ่งเป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลสถิติหลายประเด็นทั่วโลก คาดการณ์ว่า ในปี 2566 ตลาด Climate Tech ทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีก 10 ปีข้างหน้า ทำให้ในปี 2576 อาจมีมูลค่าสูงถึง 1.83 แสนล้านดอลลาร์โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 24.5% ต่อปี ด้าน McKinsey ระบุว่า Climate Tech จะช่วยพัฒนาศักยภาพและโอกาสทางการค้าและการลงทุนของแต่ละประเทศ เนื่องจาก Climate Tech อาจช่วยดึงดูดเงินลงทุนทั่วโลกได้มากถึง 1.5... นายพูนพงษ์ กล่าวว่า การเติบโตของตลาด Climate Tech เป็นผลมาจากหลายปัจจัย อาทิ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น กระตุ้นความต้องการเทคโนโลยีสำหรับป้องกันและแก้ไขปัญหา ความตระหนักของผู้บริโภค ทำให้ความต้องการสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้นโยบายและมาตรการภาครัฐ ที่สนับสนุนการเงิน ลดหย่อนภาษี ส่งเสริมการลงทุน อำนวยความสะดวกด้านกฎหมาย รวมถึงกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งกลไกราคาคาร์บอน ซึ่งช่วยกระตุ้นภาคเอกชนให้หาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ Climate Tech โดยเฉพาะระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) โครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบขนส่งสาธารณะ กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เวทีสัมมนา “Future Forum 2025: – Great Transformation” ซึ่งมีนักวิชาการและผู้นำภาคธุรกิจเข้าร่วมกว่า 250 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยการตื่นตัวต่อสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาและได้รับการยอมรับตรงกันคือ ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับ “The Great Transformation” ครั้งนี้ นายเฮง สวี เกียต อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานมูลนิธิวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ (National Research Foundation, Singapore) ได้ให้ทรรศนะที่น่าสนใจในหัวข้อ “Economic Transformation for Peoples, For Planet” โดยระบุว่า โลกได้ผ่านวิกฤตการณ์สำคัญมาแล้ว 2 รูปแบบในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา คือวิกฤตเศรษฐกิจ (วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551) และวิกฤตโรคระบาด (โควิด-19) แม้วิกฤตเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบ แต่เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตต่อไปได้แม้จะในอัตราที่ชะลอตัวลง ทว่า วิกฤตโควิด-19 ได้กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนภูมิทัศน์โลกไปอย่างสิ้นเชิง

นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี, การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 28 ฉบับ, การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และการปรับใช้เทคโนโลยีในทุกภาคส่วน” นายเฮง สวี เกียต กล่าว เขายังเน้นย้ำว่า “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ AI จะเป็นขุมพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่หัวใจหลักคือการพัฒนาศักยภาพของประชากรให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้ ภาคเอกชนต้องเปลี่ยนวิธีคิด ปรับกลยุทธ์ และเปิดกว้างในการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางความผันผวน” สนค. ติดตาม Climate Tech เทรนด์เทคโนโลยีและธุรกิจเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่วยสร้างโอกาสทางการค้าและธุรกิจรูปแบบใหม่ พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต แนะทุกภาคส่วนร่วมผลักดัน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น และก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้คน สิ่งมีชีวิต ธรรมชาติ รวมถึงภาครัฐและภาคธุรกิจ จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บรรเทาหรือเพิ่มความยืดหยุ่นต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้อย่างยั่งยืน

ผอ.สนค. ให้ข้อมูลว่า ทุกประเทศและทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน ซึ่ง Climate Tech เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษา McKinsey คาดการณ์ว่า Climate Tech อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ร้อยละ 60 ของปริมาณการปล่อยทั้งหมด นอกจากนี้ Climate Tech ยังเป็นภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต และจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลกในอนาคต โดย Statista ซึ่งเป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลสถิติหลายประเด็นทั่วโลก คาดการณ์ว่า ในปี 2566 ตลาด Climate Tech ทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีก... การเติบโตของตลาด Climate Tech เป็นผลมาจากหลายปัจจัย อาทิ (1) ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น กระตุ้นความต้องการเทคโนโลยีสำหรับป้องกันและแก้ไขปัญหา (2) ความตระหนักของผู้บริโภค ทำให้ความต้องการสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น (3) นโยบายและมาตรการภาครัฐ ที่สนับสนุนการเงิน ลดหย่อนภาษี ส่งเสริมการลงทุน อำนวยความสะดวกด้านกฎหมาย รวมถึงกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (4) กลไกราคาคาร์บอน ซึ่งช่วยกระตุ้นภาคเอกชนให้หาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ (5) โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ Climate Tech โดยเฉพาะระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) โครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบขนส่งสาธารณะ Climate Tech ยังสร้างโอกาสด้านอื่น ๆ อาทิ การพัฒนานวัตกรรมสำหรับแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม การสร้างงานในการผลิต การติดตั้ง และการบำรุงรักษา การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร รวมถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ อาทิ บริษัท Climeworks จากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นธุรกิจบริการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) ได้พัฒนาเครื่องมือและวิธีการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บอากาศโดยตรง ซึ่งสามารถนำไปใช้ชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และช่วยให้แต่ละประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ได้ บริษัท Sonnen จากเยอรมนี ให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในครัวเรือน และก่อตั้ง SonnenCommunity... ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “Climate Tech” หรือเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้กลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย แม้โอกาสจะเปิดกว้างจากความต้องการของผู้บริโภคและแรงกดดันระดับโลก แต่ “ต้นทุน” และ “การสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง” คือโจทย์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไข เพื่อให้ธุรกิจนวัตกรรมเหล่านี้สามารถเติบโตและสร้างผลกระทบได้อย่างแท้จริง

โอกาสสำหรับ Climate Tech ในไทยนั้นมีอยู่มหาศาลในหลายมิติ ในมุมของพลังงานและอุตสาหกรรมสีเขียว พงศ์ศักดิ์ เหลืองจินดารัตน์ Chief Strategy and Sustainability Officer, Bangkok Industrial Gas (BIG) กล่าวว่า เทคโนโลยีพลังงานสะอาดอย่างไฮโดรเจนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่ BIG เชี่ยวชาญมากว่า 30-40 ปีแล้ว ความท้าทายในอดีตคือการจัดการคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนการผลิต ปัจจุบัน BIG มีเทคโนโลยี Carbon Capture (การดักจับคาร์บอน) อยู่แล้ว แต่ประเทศไทยยังขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านการกักเก็บและใช้ประโยชน์จากคาร์บอน (CCUS) ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ ระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) ยังเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ปัญหาความไม่เสถียรของพลังงานหมุนเวียน โดยยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือ ช่วงกลางคืนที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นจากการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่เป็นช่วงที่โซลาร์เซลล์ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ สำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในฐานะ “ผู้ร้าย” ที่สร้างคาร์บอนถึง 40% ของทั้งโลก ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ ประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลกิจการด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วงการอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน และนี่คือโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ

People Also Search

จากปรากฏการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ที่กลายเป็นเรื่องปกติ สู่ภัยพิบัติรุนแรงทั่วทุกมุมโลก วิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ไม่ใช่เรื่องของสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็น “Game Changer”

จากปรากฏการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ที่กลายเป็นเรื่องปกติ สู่ภัยพิบัติรุนแรงทั่วทุกมุมโลก วิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ไม่ใช่เรื่องของสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็น “Game Changer” หรือตัวพลิกเกมครั้งสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และทุกองคาพยพของภาคธุรกิจ นี่คือประเด็นสำคัญที่สะท้อนจากเวทีเสวนา “Global Megatrend in Climate Tech” ซึ่งชี้ชัดว่าเทคโนโลยีด้านสภาพภูม...

28th Annual Global CEO Survey – Thailand กรุงเทพฯ, 20 ตุลาคม

28th Annual Global CEO Survey – Thailand กรุงเทพฯ, 20 ตุลาคม 2568 – PwC ประเทศไทย เผยธุรกิจไทยเผชิญแรงกดดันจากเมกะเทรนด์ครั้งใหญ่ ทั้ง AI การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่งเชื่อมโยงและส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการและการรายงานทางการเงิน พร้อมแนะองค์กรเร่งติดตามการปรับปรุงมาตรฐานบัญชีและความยั่งยืน และเปลี่ยนบทบาทฝ่ายการเงินเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและผลตอบแทนกา...

โดยClimate Tech เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษา McKinsey คาดการณ์ว่า Climate Tech อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 60%

โดยClimate Tech เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษา McKinsey คาดการณ์ว่า Climate Tech อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 60% ของปริมาณการปล่อยทั้งหมด นอกจากนี้ Climate Tech ยังเป็นภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต และจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลกในอนาคต ทั้งนี้ Statista ซึ่งเป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลสถิติหลายประเด็นทั่วโลก คาดการณ์ว่า ในปี 2566 ตลาด Climate Tech ทั่วโลก ม...

นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี,

นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี, การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 28 ฉบับ, การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และการปรับใช้เทคโนโลยีใ...

ผอ.สนค. ให้ข้อมูลว่า ทุกประเทศและทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน ซึ่ง Climate Tech เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษา McKinsey คาดการณ์ว่า

ผอ.สนค. ให้ข้อมูลว่า ทุกประเทศและทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน ซึ่ง Climate Tech เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษา McKinsey คาดการณ์ว่า Climate Tech อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ร้อยละ 60 ของปริมาณการปล่อยทั้งหมด นอกจากนี้ Climate Tech ยังเป็นภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต และจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลกในอนาคต โดย Statista ซึ่งเ...