Fm92 ปรัชญาชีวิตที่พอเพียง ตอนที่ 14 การฟอกเขียว Greenwashing
ในขณะที่เราทุกคนออกมาปกป้องโลก หลายบริษัทกลับใช้กลยุทธ์ “การฟอกเขียว” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ดูเป็นมิตรต่อโลกและเพิ่มยอดขายให้กับตัวเอง ทุกวันนี้หลายคนออกมาปกป้องโลก หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องเพื่อยุติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง เราเรียนรู้ว่าการเริ่มเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็ก ๆ สามารถชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้และหลายบริษัทเอกชนก็รู้เช่นกัน การนำจริยธรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจกำลังมาแรงอย่างมากในสหราชอาณาจักร ในปี 2563-2564 มีค่าใช้จ่ายด้านจริยธรรมสำหรับธุรกิจมากขึ้น24% ตีเป็นมูลค่าสูงถึง 122 พันล้านปอนด์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทต่อประชาชนทั่วไป แต่บางบริษัทเลือกที่จะใช้วิธีง่าย ๆ อย่างการฟอกเขียวเพื่อให้พวกเขามีภาพลักษณ์ที่ดี การฟอกเขียวเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทที่ผลิตสินค้าต่าง ๆ ว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะมีการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจริง ๆ กรุงเทพธุรกิจศุภกร เอกชัยไพบูลย์ฝ่ายพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน 1ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การฟอกเขียวธุรกิจ หรือ Green Washing คือ การเปิดเผยข้อมูลหรือข้อความที่แสดงความเป็นมิตรต่อสังคมและ/หรือสิ่งแวดล้อมของธุรกิจที่เกินความเป็นจริง เพื่อหวังจะให้ธุรกิจสามารถขายของหรือสร้างกำไรบนความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ผมเชื่อว่าผู้บริโภคยุคนี้รับรู้ได้ว่าข้อมูลแบบไหนที่เน้นขายบนความรู้สึกคนมากเกินไป และเมื่อบริษัทประพฤติไม่เหมาะสมหรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น การรั่วไหลของน้ำมันใน Deepwater Horizon ของ BP หรือเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลคาร์บอนและการปล่อยมลพิษของ Volkswagen ก็ทำให้เห็นแล้วว่า Green Wash เป็นความเสี่ยงที่ลบทุกความเชื่อมั่นจากธุรกิจ จนสร้างอิมแพคต่อเงินในกระเป๋าบริษัท สอดคล้องกับงานสำรวจของ Harvard Business Review (HBR)[1] ที่แสดงให้เห็นว่าผู้มีส่วนได้เสียจะลงโทษธุรกิจโดยการไม่ลงทุนหรือไม่ซื้อสินค้า และตีตราบริษัทนั้นว่าเป็นธุรกิจ Green Washing หากบริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายและเป้าหมายที่สัญญาไว้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ส่งผลเสียต่อทัศนคติทางสังคมที่มีต่อสินค้าและบริการของบริษัทในระยะยาว ในมิติการลงทุน ข้อมูล ESG ไม่ใช่ผงซักฟอกธุรกิจให้ขาวสะอาดใส ที่ทำให้ท่านมั่นใจว่าธุรกิจเก่ง ดี และพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตการลงทุนของท่าน การที่ทุกฝ่ายลุกขึ้นมาบอกให้ธุรกิจก็ต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นด้านบวกและลบอย่างสมดุล โดยไม่มีกระบวนการตรวจสอบอย่างเป็นกลาง ยิ่งทับถมปัญหาการใช้ข้อมูล ESG ในการฟอกธุรกิจ ขณะที่คนเปิดเผยข้อมูลก็มองเป็นดาบสองคม เพราะถ้าเปิดข้อมูลที่ลบเกินไป คนก็ไม่กล้าลงทุนเพราะเสี่ยงสูง แต่ถ้าเปิดข้อมูลที่เป็นบวกเกินไป คนก็ไม่กล้าลงทุนอีกเพราะเห็นข้อมูลแค่ด้านเดียว มิหนำซ้ำการมีกระบวนการตรวจสอบทำให้ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้นไปอีก ดังนั้น ถ้าต้องเลือก ธุรกิจก็จะเปิดเผยข้อมูลเท่าที่ทำได้ และรายงานแบบ propaganda “โปร ปะ กัน (โดน) ด่า” มากกว่า เราต้องมาขบคิดกันว่าจะจัดการปัญหา Green Washing แบบไหนที่ตอบโจทย์ทั้งธุรกิจและผู้บริโภคข้อมูล ผมอ่านแนวทางหลีกเลี่ยงปัญหาเบื้องต้น พบว่ามีหลากหลายวิธี เช่น การอ้างสิทธิ์ในสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควรตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับของที่มาสินค้าได้ด้วย หรือบริษัทควรพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลของสินค้า บริการ หรือการดำเนินธุรกิจมีหน่วยงานหรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเป็นผู้รับรองข้อมูลที่เป็นวิชาการ เป็นต้น หลายคนคงจะคุ้นกับคำว่า การลงทุนแบบ ESG ซึ่งก็คือการลงทุนที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราลงทุนไปนั้น ผู้เป็นเจ้าของธุรกิจได้นำไปลงทุนโดยคำนึงถึงสิ่งเหล่านั้นจริงๆ การตั้งคำถามของนักลงทุนและสังคมจึงเกิดขึ้น จนกลายเป็นที่มาของคำว่า ‘การฟอกเขียว’ การฟอกเขียว หรือ Greenwashing คือ การทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดด้วยการโฆษณาสินค้าหรือองค์กรให้มีภาพลักษณ์ว่ารับผิดชอบต่อสังคม โดยการรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น หรือสามารถแปลตรงตัวได้ว่า คือการฟอกตัวเองให้ดูสะอาด โปร่งใส รักโลก ใส่ใจธรรมชาติ ทั้งๆ ที่เรื่องจริงไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลย เพียงแค่อยากอยู่ในกระแส และอยากขายของได้เท่านั้น
โดยจุดเริ่มต้นของ ‘การฟอกเขียว’ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2523-2533 คือการที่บริษัทหรือองค์กรเน้นการลงทุนไปกับการตลาด เพื่อปรับภาพลักษณ์ขององค์กรว่ามีนโยบายและแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากแต่เนื้อแท้แล้ว (จากการถูกตรวจสอบและวิพากษ์โดยภาคประชาสังคม) อาจเป็นเพียงคำอวดอ้างมากกว่าที่จะยืนหยัดอยู่บนความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ที่ส่วนหนึ่งตั้งใจปรับพฤติกรรมหันมาใช้และสนับสนุนสินค้าและบริการที่ตระหนักถึงความยั่งยืนอย่างแท้จริง จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ผู้คนเริ่มกังวลถึงสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้สายตาทั้งหลายจับจ้องไปที่บริษัทที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารของหลายๆ บริษัทจึงจำเป็นต้องเลือกระหว่างการเปลี่ยนแปลงวิถีธุรกิจอย่างจริงจัง หรือจ่ายเงินทำประชาสัมพันธ์ใหม่ แต่หลายบริษัทกลับหันไปทางเลือกทางหลัง ยกตัวอย่างเช่น บางบริษัทผู้ผลิตที่กล่าวอ้างว่าบรรจุภัณฑ์พลาสติกของตนสามารถรีไซเคิลได้ แต่ไม่ได้บอกว่ารีไซเคิลไม่ได้ทั้งหมด หรือบางบริษัทอ้างแม้กระทั่งบอกว่าย่อยสลายได้ แต่ที่จริงแล้วกลายเป็นแค่คำโฆษณาที่ทำให้สินค้าของตัวเองดูรักโลกขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มคนรักษ์โลกและกอบโกยกำไรเพียงเท่านั้น โดยไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่ว่า ผู้บริโภคอาจจะถอดใจจากการสนับสนุนความยั่งยืนไปเสียก่อน เพราะเกิดความไม่เชื่อใจกับการฟอกเขียวของภาคธุรกิจ จนกลับไปเลือกทางเลือกธุรกิจที่ทำแบบเดิมๆ เหมือนที่เคยเป็นมา (Business as Usual) เพราะไม่มีความแตกต่างกัน จุดนี้ยิ่งเป็นอันตรายต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และบ่อนทำลายแก่นแท้ของ ESG นอกจากนี้ ในส่วนของกระแสการลงทุนอย่างยั่งยืนที่มีการเติบโตที่รวดเร็ว ทำให้มี Sustainable Funds เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ก็อาจเกิดความไม่มั่นใจของนักลงทุนว่า กองทุนเหล่านั้นช่วยส่งเสริมเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคมได้จริงหรือไม่ ภาวะฟอกเขียวหรือ Greenwashing อาจเกิดขึ้นได้หากเงินลงทุนเหล่านั้นไม่ได้ไปช่วยให้เกิดการลงทุนอย่างยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมได้อย่างแท้จริง ตอนนี้ประเทศไทยของเรากำลังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ มาอย่างยาวนาน หลายคนอาจจจะมีปัญหากับการดำเนินชีวิตในหลายๆด้าน แต่ถ้าเราอยากจะหลุดจากปัญหาเหล่านี้ไม่ยากเลยค่ะ แค่เอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเรา แค่นี้เราก็สามารถพึ่งตนเองได้โดยที่ไม่ต้องไปเบียดเบียนใครแล้วค่ะ แต่แนวทางที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ ความพอประมาณ คือ การทางสายกลาง ทั้งชีวิต การเงิน และความเป็นอยู่ถ้า ขาดความพอประมาณ ชีวิตก็จะผลกระทบคือเกิน พอดี เกิดความไม่รู้จักพอ เกินความต้องการอยากได้อยากมี กระทบการเงิน คือการใช้จ่ายเกินตัว ไม่รู้จักพอ เกินประมาณใช้เงินเกินความพอดี ความเป็นอยู่ที่เกินพอดี จะใช้แบบหรูหรา ฟุ่มเฟือยทั้งอาหาร เครื่องใช้ต่างๆ ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นใดๆ เลย
หมายถึง การพิจารณาที่จะดำเนินงานใดๆ ด้วยความถี่ถ้วนรอบคอบ ไม่ย่อท้อ ไร้อคติ คำนึงถึงเหตุและปัจจัยแวดล้อมทั้งหมด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างถูกต้องดีงาม เกิดประสิทธิผล เกิดประโยชน์และความสุข โดยปราศจากการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นนั้น คือการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้ และไกล เป็นคุณลักษณะที่สามในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นอกเหนือจากคุณลักษณะด้านความพอประมาณและด้านความมีเหตุผล การมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี หมายถึง การจัดองค์ประกอบของการดำเนินงาน ให้มีสภาพพร้อมรองรับต่อผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายในได้เป็นอย่างดี โดยต้องคำนึงถึงความจริงในโลกว่า ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ ทุกอย่างต้องลงทุนลงแรงทั้งนั้น เช่น การลงทุนทำมาค้าขาย หาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ โดยอาจต้องลงทั้งทุน ลงทั้งแรง ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อเป้าหมายในการเพิ่มเงินเดือนหรือหาโอกาสก้าวหน้าขึ้นในอนาคต รายจ่ายแต่ละอย่างมีระดับความสำคัญไม่เท่ากัน เราควรใช้จ่ายกับสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตก่อน เช่น ค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย และพยายามลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น “เงินทองไม่ได้ตกจากฟ้า ได้มาเพราะเราหา หมดไปเพราะเราใช้ เหลืออยู่ได้เพราะเราแบ่งเก็บ เมื่อยามเราป่วยเจ็บจะได้เยียวยา” การฟอกเขียว ซึ่งหมายถึงการที่บริษัทพยายามสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือมีความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง หรือทำแค่นิดหน่อยพอให้มีภาพลักษณ์ การฟอกเขียวมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเลือกรายงานเฉพาะข้อมูลด้านบวก การใช้ภาษาที่คลุมเครือ ไปจนถึงการตั้งเป้าหมายที่ไกลเกินจริง ตัวอย่างเช่น บริษัทผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่แห่งหนึ่งประกาศว่าจะใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิล 100% ภายในปี 2030 แต่กลับไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณพลาสติกที่ใช้ในปัจจุบัน หรือแผนการลดการใช้พลาสติกโดยรวม นี่เป็นตัวอย่างของการใช้เป้าหมายที่ฟังดูดีแต่ขาดความโปร่งใสในรายละเอียด
ในภาคพลังงาน เราอาจพบกรณีของบริษัทที่โฆษณาตัวเองว่าเป็น “ผู้นำด้านพลังงานสะอาด” โดยอ้างถึงการลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม แต่ในความเป็นจริง รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทยังคงมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การนำเสนอข้อมูลเช่นนี้อาจทำให้นักลงทุนและผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาพรวมการดำเนินงานของบริษัท สำหรับภาคการเงิน เราอาจพบกรณีของธนาคารที่ประกาศนโยบาย “การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ” แต่ในทางปฏิบัติยังคงให้เงินกู้แก่โครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยอ้างว่าเป็นเพียงส่วนน้อยของภาพรวมการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด
People Also Search
- FM92 ปรัชญาชีวิตที่พอเพียง ตอนที่ 14 การฟอกเขียว Greenwashing
- หลุมพรางของการฟอกเขียว (greenwashing) - Greenpeace Thailand
- การฟอกเขียว (Greenwashing) : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย - ศูนย์พัฒนา ...
- Greenwashing มีหลายเฉดสี รู้ทัน 7 วิธี 'ฟอกเขียว' โดยบริษัทยักษ์ใหญ่
- Green Washing ข้อมูลอันตราย ทำลายระบบนิเวศความยั่งยืน
- PDF การฟอกเขียวผ่านมุมมองอาชญาวิทยา
- 'การฟอกเขียว' ฝันร้ายและภัยมืดของนักลงทุนสาย Esg
- 10 แนวทางการใช้ชีวิตอย่าง"พอเพียง" ตามแบบฉบับ ร. 9
- Fm92 ปรัชญาชีวิตที่พอเพียง ตอนที่ 38 เจนเนอเรชั่นของคนและผลิตภัณฑ์ที่ ...
- การฟอกเขียว เรื่องที่ต้องแก้ให้ตกของ Esg
ในขณะที่เราทุกคนออกมาปกป้องโลก หลายบริษัทกลับใช้กลยุทธ์ “การฟอกเขียว” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ดูเป็นมิตรต่อโลกและเพิ่มยอดขายให้กับตัวเอง ทุกวันนี้หลายคนออกมาปกป้องโลก หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องเพื่อยุติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง เราเรียนรู้ว่าการเริ่มเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็ก ๆ สามารถชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้และหลายบริษัทเอกชนก็รู้เช่นกัน การนำจริยธรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจกำลังมาแรงอย่างมากในสหราชอาณาจักร
ในขณะที่เราทุกคนออกมาปกป้องโลก หลายบริษัทกลับใช้กลยุทธ์ “การฟอกเขียว” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ดูเป็นมิตรต่อโลกและเพิ่มยอดขายให้กับตัวเอง ทุกวันนี้หลายคนออกมาปกป้องโลก หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องเพื่อยุติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง เราเรียนรู้ว่าการเริ่มเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็ก ๆ สามารถชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้และหลายบริษัทเอกชนก็รู้เช่นกัน การนำจริยธรรมมาเป็นส่วนหนึ่งขอ...
การฟอกเขียวธุรกิจ หรือ Green Washing คือ การเปิดเผยข้อมูลหรือข้อความที่แสดงความเป็นมิตรต่อสังคมและ/หรือสิ่งแวดล้อมของธุรกิจที่เกินความเป็นจริง เพื่อหวังจะให้ธุรกิจสามารถขายของหรือสร้างกำไรบนความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ผมเชื่อว่าผู้บริโภคยุคนี้รับรู้ได้ว่าข้อมูลแบบไหนที่เน้นขายบนความรู้สึกคนมากเกินไป และเมื่อบริษัทประพฤติไม่เหมาะสมหรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น
การฟอกเขียวธุรกิจ หรือ Green Washing คือ การเปิดเผยข้อมูลหรือข้อความที่แสดงความเป็นมิตรต่อสังคมและ/หรือสิ่งแวดล้อมของธุรกิจที่เกินความเป็นจริง เพื่อหวังจะให้ธุรกิจสามารถขายของหรือสร้างกำไรบนความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ผมเชื่อว่าผู้บริโภคยุคนี้รับรู้ได้ว่าข้อมูลแบบไหนที่เน้นขายบนความรู้สึกคนมากเกินไป และเมื่อบริษัทประพฤติไม่เหมาะสมหรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้มีส่วนได้เสีย...
โดยจุดเริ่มต้นของ ‘การฟอกเขียว’ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2523-2533 คือการที่บริษัทหรือองค์กรเน้นการลงทุนไปกับการตลาด เพื่อปรับภาพลักษณ์ขององค์กรว่ามีนโยบายและแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากแต่เนื้อแท้แล้ว (จากการถูกตรวจสอบและวิพากษ์โดยภาคประชาสังคม)
โดยจุดเริ่มต้นของ ‘การฟอกเขียว’ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2523-2533 คือการที่บริษัทหรือองค์กรเน้นการลงทุนไปกับการตลาด เพื่อปรับภาพลักษณ์ขององค์กรว่ามีนโยบายและแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากแต่เนื้อแท้แล้ว (จากการถูกตรวจสอบและวิพากษ์โดยภาคประชาสังคม) อาจเป็นเพียงคำอวดอ้างมากกว่าที่จะยืนหยัดอยู่บนความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ที...
หมายถึง การพิจารณาที่จะดำเนินงานใดๆ ด้วยความถี่ถ้วนรอบคอบ ไม่ย่อท้อ ไร้อคติ คำนึงถึงเหตุและปัจจัยแวดล้อมทั้งหมด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างถูกต้องดีงาม เกิดประสิทธิผล เกิดประโยชน์และความสุข โดยปราศจากการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นนั้น
หมายถึง การพิจารณาที่จะดำเนินงานใดๆ ด้วยความถี่ถ้วนรอบคอบ ไม่ย่อท้อ ไร้อคติ คำนึงถึงเหตุและปัจจัยแวดล้อมทั้งหมด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างถูกต้องดีงาม เกิดประสิทธิผล เกิดประโยชน์และความสุข โดยปราศจากการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นนั้น คือการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใ...
ในภาคพลังงาน เราอาจพบกรณีของบริษัทที่โฆษณาตัวเองว่าเป็น “ผู้นำด้านพลังงานสะอาด” โดยอ้างถึงการลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม แต่ในความเป็นจริง รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทยังคงมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การนำเสนอข้อมูลเช่นนี้อาจทำให้นักลงทุนและผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาพรวมการดำเนินงานของบริษัท สำหรับภาคการเงิน เราอาจพบกรณีของธนาคารที่ประกาศนโยบาย “การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ”
ในภาคพลังงาน เราอาจพบกรณีของบริษัทที่โฆษณาตัวเองว่าเป็น “ผู้นำด้านพลังงานสะอาด” โดยอ้างถึงการลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม แต่ในความเป็นจริง รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทยังคงมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การนำเสนอข้อมูลเช่นนี้อาจทำให้นักลงทุนและผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาพรวมการดำเนินงานของบริษัท สำหรับภาคการเงิน เราอาจพบกรณีของธนาคารที่ประกาศนโยบาย “การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ” แต่ในทางปฏิบัติยังคงให้...