Nia เปิดเทรนด์สตาร์ทอัพสายเอไอ กรีน การเงิน โตรับปี 2025 พร้อม
นางสาวกริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีจำนวนสตาร์ทอัพประมาณ 2,100 ราย แบ่งเป็นระยะ Pre-seed 700 ราย และระยะ Go-to market หรือ Growth 1,400 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สตาร์ทอัพไทยถือว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการระดมทุนในรอบ Seed เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปีก่อน มีการเติบโตสะสมตั้งแต่ปี 2546 เพิ่มถึงร้อยละ 3.3 ทั้งนี้ ผลการจัดอันดับดัชนีระบบนิเวศสตาร์ทอัพโลก (Global Startup Ecosystem Index) ในปีที่ผ่านมาโดย StartupBlink (ศูนย์กลางข้อมูลด้านระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่ครอบคลุมทั่วโลก) ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 54 ของโลก อันดับที่ 4 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทย ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่น่าสนใจสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจนี้ ความท้าทายของธุรกิจสตาร์ทอัพที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นมิติด้าน Data Center ที่ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการลงทุน ทั้งจากผู้เล่นไทยและระดับโลก ในฐานะ "ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล" แห่งใหม่ในภูมิภาค 3 ปีที่ผ่านมาขนาด Data Center ของไทยเติบโตกว่าร้อยละ 54 เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งคาดการณ์ว่าปี 2567 – 2570 ประเทศไทยน่าจะสามารถดึงดูดการลงทุน Data Center ได้เป็นมูลค่าประมาณ 2.6 แสนล้านบาท
สรุปข้อมูลหลังจากทีมเทคซอสร่วมล้อมวงพูดคุยกับ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA และ คุณปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA ทั้งภาพรวมการเติบโตของระบบนิเวศสตาร์ทอัพในประเทศไทย เทรนด์การเติบโตของสตาร์ทอัพในปี 2025 พร้อมเผยแนวทางสนับสนุน Deep Tech เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันให้ประเทศและทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัว ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ให้ข้อมูลในภาพรวมของสตาร์ทอัพในประเทศไทยและตัวเลขการเติบโต ซึ่งตอกย้ำว่า ไทยเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพแห่งหนึ่งของโลก ดังนี้ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA และ คุณปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA ดร.กริชผกาถึงปี 2025 ว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของธุรกิจสตาร์ทอัพ จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ พฤติกรรมการบริโภค คลื่นเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงมิติด้าน Data Center ที่ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการลงทุน ทั้งจากผู้เล่นไทยและระดับโลก 3 ปีที่ผ่านมาขนาด Data Center ของไทยเติบโตกว่าร้อยละ 54 เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และคาดการณ์ว่าปี 2024 – 2027 ประเทศไทยน่าจะสามารถดึงดูดการลงทุน Data Center ได้เป็นมูลค่าประมาณ 2.6 แสนล้านบาท กรุงเทพฯ 22 กุมภาพันธ์ 2567 - สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เผยเทรนด์ “กรีนไฟแนนซ์” หรือ “การเงินสีเขียว” ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ พร้อมวางแนวทางการสนับสนุนเงินทุนสำหรับส่งเสริมและเร่งสร้างการเติบโตให้กับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบธุรกิจนวัตกรรมไทยที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ผ่านโครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน ปี 2567 ด้านนวัตกรรมเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม และโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคมรายสาขา ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้านความเชื่อมโยงระหว่างอาหาร น้ำ และพลังงาน ด้านเกษตรกรรมยั่งยืน และด้านการจัดการภัยพิบัติ ภายใต้ฝ่ายนวัตกรรมเพื่อสังคม ที่ได้จัดสรรงบประมาณรองรับกว่า 20 ล้านบาท
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า การที่ประเทศไทยวางเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศไปสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Net Zero) ให้ได้ในปี 2593 เป็นเสมือนกลไกผลักดันให้ทุกภาคส่วนเกิดความตื่นตัวและเห็นความสำคัญของการนำนวัตกรรมมาเป็นเครื่องมือช่วยลดผลกระทบจากวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงแนวโน้มการเกิด “ภาวะโลกเดือด (Global Boiling)” ตามที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ทั้งอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นและร้อนที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา องค์กรอุตุนิยมวิทยาโลกได้รายงานว่าเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในรอบ 60 ปี จากวิกฤตการณ์ระดับโลกดังกล่าว ภาคธุรกิจจึงควรเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนและลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และการใช้หลักธรรมาภิบาล จึงทำให้แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนที่เรียกว่า ESG (Environment Social และ Governance) กลายเป็นดัชนีชี้วัดที่นักลงทุนใช้ประกอบการพิจารณาลงทุนซึ่งถูกนำไปใช้แล้วทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงนั่นคือ “Green Finance (การเงินสีเขียว)” ซึ่งเป็นเครื่องมือของ “โลกการเงิน” ที่จะช่วยกอบกู้โลกจากวิกฤตการณ์ด้านสภาพอากาศ (Climate Change) โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ได้ให้ความหมายไว้ว่า เป็นการเพิ่มกระแสการเงินไม่ว่าจะจากธนาคาร การให้สินเชื่อ การประกันภัย และการลงทุน ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนให้ไหลไปสู่กิจกรรมของโลกธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมีจุดสำคัญอยู่ที่การบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมให้ดีขึ้น คว้าโอกาสการให้ผลตอบแทนและประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน เพื่อนำไปสู่การดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น “Green Finance ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เป็นเทรนด์ระดับโลกที่เดินหน้ามาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากรายงานมูลค่าการออก ESG Bond หรือ ตราสารหนี้ด้านความยั่งยืนในอาเซียนที่มีการขยายตัวอย่างมากในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2564 มีมูลค่ามากถึง 165.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งมากกว่าช่วงปี 2563 ที่ 91.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนในประเทศไทยนับตั้งแต่มีการออก ESG Bond ครั้งแรก เมื่อปี 2562 มูลค่าการออก ESG Bond ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จากยอดการออกที่... ดร.กริชผกา กล่าวเพิ่มเติมว่า NIA ในฐานะ “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม” (Focal Conductor) พร้อมเชื่อมโยงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพ กิจการเพื่อสังคม และผู้ประกอบการไทยให้เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม โดยเฉพาะนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้ฝ่ายนวัตกรรมเพื่อสังคม เพื่อสอดรับกับเทรนด์โลกที่มุ่งสู่การสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิด “การเงินสีเขียว” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมา NIA ได้ให้การสนับสนุนโครงการนวัตกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไปแล้วกว่า 25 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนกว่า 20 ล้านบาท กระจายอยู่ทั้งในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร และในส่วนภูมิภาค ครอบคลุมทั้งปัญหาการจัดการสภาพอากาศ ไฟป่า ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานทางเลือก การบริหารจัดการขยะและสิ่งเหลือใช้ รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งในเมืองและการทำเกษตรกรรมยั่งยืน”
People Also Search
- Nia เปิดเทรนด์สตาร์ทอัพสายเอไอ - กรีน - การเงิน โตรับปี 2025 พร้อม ...
- เอ็นไอเอเปิดเทรนด์สตาร์ตอัปสายเอไอ - กรีน - การเงิน โตรับปี 2025 พร้อม ...
- Nia หนุนสตาร์ทอัพสายเทค ชี้เทรนด์ Ai - กรีน -การเงิน มาแรง รับดาต้า ...
- NIA Unveils 2025 Startup Trends: AI, Green Tech, and FinTech Set to ...
- Nia เปิดข้อมูลระบบนิเวศสตาร์ทอัพ รับเทรนด์เติบโต 2025 และการจัดหาสเปซ ...
- Nia แนะสตาร์ทอัพ ชี้ 3 เทรนด์อุตสาหกรรมน่าลงทุน
- Site 2025 มหกรรมนวัตกรรม-สตาร์ทอัพ Nia ดึงนักลงทุนทั่วโลกเข้าไทย
- Nia เผยเทรนด์สตาร์ทอัพไทย "เอไอ-ความยั่งยืน" มาแรง
- "เอ็นไอเอ" เปิดเทรนด์ "กรีนไฟแนนซ์" ขยายธุรกิจนวัตกรรม หนุนสู้วิกฤตโลก ...
- Nia หนุนสตาร์ทอัพ/ผู้ประกอบการสายกรีนสู่ระบบการเงินสีเขียว
นางสาวกริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ
นางสาวกริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีจำนวนสตาร์ทอัพประมาณ 2,100 ราย แบ่งเป็นระยะ Pre-seed 700 ราย และระยะ Go-to market หรือ Growth 1,400 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สตาร์ทอัพไทยถือว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการระดมทุนในรอบ Seed เพ...
สรุปข้อมูลหลังจากทีมเทคซอสร่วมล้อมวงพูดคุยกับ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA และ คุณปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม
สรุปข้อมูลหลังจากทีมเทคซอสร่วมล้อมวงพูดคุยกับ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA และ คุณปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA ทั้งภาพรวมการเติบโตของระบบนิเวศสตาร์ทอัพในประเทศไทย เทรนด์การเติบโตของสตาร์ทอัพในปี 2025 พร้อมเผยแนวทางสนับสนุน Deep Tech เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันให้ประเทศและทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัว ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ให้ข้อมู...
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า การที่ประเทศไทยวางเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศไปสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Net Zero) ให้ได้ในปี 2593
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า การที่ประเทศไทยวางเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศไปสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Net Zero) ให้ได้ในปี 2593 เป็นเสมือนกลไกผลักดันให้ทุกภาคส่วนเกิดความตื่นตัวและเห็นความสำคัญของการนำนวัตกรรมมาเป็นเครื่องมือช่วยลดผลกระทบจากวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงแนวโน้มการเกิด “ภาวะโลก...