Science เรื่องที่ 4 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาตร์ ป 5
แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์แบบฝกึ ทกั ษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ( Science Process Skills) ช่อื -สกุล…………………………………………………………….ชือ่ เล่น…………. โรงเรียน……………………………………………………………………………………… …………………….แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ คำช้แี จง แบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ องนกั เรียนทมี่ ุ่งเน้นทบทวนทักษะขั้นพน้ื ฐาน และเสริมสร้างทักษะขั้นบูรณาการ โดยในชุดแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จะประกอบไปด้วยใบความรู้และใบกิจกรรมให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่อนุญาตให้นำไปดดั แปลงหรอื จำหนา่ ยเพอ่ื ทำการค้า หรอื เผยแพรบ่ นอินเตอรเ์ นต็ ทั้งนี้ในการเฉลยกิจกรรมบางส่วนเป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งที่ผู้จัดทำได้เขียนไว้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการหาคำตอบ ซึ่งนักเรียนสามารถมีคำตอบที่หลากหลายตามความคิดของตนเองได้ในบางกิจกรรม ดังนั้นการตรวจสอบความถูกตอ้ งจึงจำเป็นต้องใช้การพิจารณาตามความเหมาะสมของครูผ้สู อน ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นี้จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และหากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ ทางผู้จัดทำยนิ ดที... การสังเกตทักษะข้นั บูรณาการ 2. การวดั 3. การจำแนกประเภท 4. การหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปสกบั สเปส และสเปสกับเวลา 5.
การคำนวณ 6. การจัดกระทำและสื่อความหมายของข้อมลู 7. การลงความเห็นจากขอ้ มูล 8. การพยากรณ์ 9. การตัง้ สมมตฐิ าน 10. การกำหนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการ 11.
การกำหนดและควบคุมตัวแปร 12. การทดลอง 13. การตีความหมายและลงขอ้ สรปุ 14. การสร้างแบบจำลอง 1แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะการสงั เกต ทักษะการสังเกต หมายถึง กระบวนการหรือความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน เพื่อหาข้อมูลหรือรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกต้องตรงกบั ความเป็นจรงิ โดยไม่เพมิ่ ความคดิ เห็นสว่ นตัวลงไป ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสงั เกต1. ขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ เป็นขอ้ มูลทีไ่ ด้จากการใชป้ ระสาทสัมผสั ทัง้ ห้า คือตา หู จมูก ลนิ้ และผวิ กายในการสังเกตวตั ถนุ ัน้ ๆ เชน่ - ปากกาสีเขยี ว ( ตา ) - ดอกไม้ชนดิ นีก้ ลิน่ ฉนุ ( จมูก... ขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณ เป็นขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการสังเกตโดยอา้ งอิง หนว่ ยการวัด เชน่ - วตั ถุชนิ้ น้ีหนักประมาณ 10 กรมั - ดินสอแท่งน้ียาวกวา่ ดนิ สอแทง่ นั้น - คาดคะเนดว้ ยกายสมั ผัสว่า นำ้ ในแกว้ นม้ี ีอุณหภูมิประมาณ 40๐ C3.
ขอ้ มลู เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลง เป็นขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากผลการเปล่ยี นแปลงของวตั ถุเมอื่ กระทำด้วยวิธีการต่าง ๆ เชน่ การให้ความรอ้ น การบบี การนำไปแชน่ ้ำ เป็นต้นเชน่ เม่อื นำเทยี นไขไปให้ความร้อนเทียนไขจะหลอมเหลว การสงั เกตใชป้ ระสาทสมั ผสั ดงั น้ี 1. ประสาทตา สงั เกตได้โดยการดู 2. ประสาทหู สังเกตโดยการฟัง 3. ประสาทจมกู สังเกตโดยการดมกลิ่น 4. ประสาทล้ิน สงั เกตโดยการชมิ รส 5. ประสาทผวิ กาย สังเกตไดโ้ ดยการสัมผัส 2แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน เรอ่ื ง ทกั ษะการสงั เกตชื่อ…………………………………..............................................ชัน้ ……………….……..เลขที่……………….……..ตอนที่ 1คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นสงั เกตสงิ่ ตา่ ง ๆ ท่ีอยรู่ อบตวั นกั เรยี...
ภาพที่ 1 .......................................................................................... .......................................................................................... ภาพท่ี 2 ......................................................................................... .........................................................................................2. ภาพท่ี 1 ......................................................................................... …………………………………………………………………………………………….
ภาพท่ี 2 ......................................................................................... .........................................................................................3. ภาพที่ 1 ......................................................................................... ........................................................................................ ภาพท่ี 2 ......................................................................................... ………………………………………………………………………………………..
5แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ทกั ษะการวดั ทกั ษะการวดั คือ การใชเ้ คร่ืองมอื สำหรบั การวัดข้อมูลในเชิงปริมาณของสงิ่ ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ ขอ้ มลู เปน็ ตัวเลขในหน่วยการวัดที่ถกู ต้องแม่นยำได้ โดยตอ้ งมีหน่วยกำกับเสมอ ทงั้ นีก้ ารใช้เคร่ืองมือ จำเป็นต้องเลอื กใชใ้ ห้เหมาะสมกบั ส่ิงทตี่ ้องการวดั รวมถึงเข้าใจวิธีการวดั และแสดงข้นั ตอนการวัดได้ อย่างถูกตอ้ ง สำหรับวิธีการวัด สามารถทำได้... การวัดโดยตรง เป็นการวัดหาค่าของสิ่งต่าง ๆ โดยใช้เครื่องมือวัดวัดโดยตรงกับวัตถุ แล้วอ่านคา่ ท่วี ัดได้ออกมา เชน่ การวดั ความยาวของห้องเรียนโดยใช้ตลบั เมตร การวดั อุณหภูมขิ องน้ำโดยใช้เทอรม์ อมิเตอร์ เป็นต้นไมบ้ รรทัด ตลบั เมตร สายวัดตัว เทอรม์ อมเิ ตอร์ ไมโ้ ปรแทรกเตอร์ ไมเ้ มตร 2. การวดั โดยอ้อม เปน็ การวัดท่ใี ชเ้ ครอ่ื งมอื วัดแล้วนำค่าท่ีไดจ้ ากการวัดมาคำนวณอีกคร้ังหนึง่ จงึ จะทราบคา่ ท่แี น่นอน เชน่ การวดั ปริมาตรของวัตถุ การวดั พน้ื ท่ขี องหอ้ ง เปน็ ต้น 6แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน เรอื่... เมื่อสงั เกตด้วยตาอย่างเดียว นักเรียนคดิ วา่ รูป (ก) เส้นตรง AB กับ CD ยาวเท่ากันหรือไม่อย่างไรA B ..................................................................... ......................................................................C D ......................................................................
รปู ก .รปู (ข) เส้นในแนวนอนขนานกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร ..................................................................... ...................................................................... ...................................................................... .รปู (ค) วงกลมที่อยู่ขา้ งในมขี นาดเท่ากันหรือไมอ่ ยา่ งไร ..................................................................... ...................................................................... ......................................................................
.รูป A รูป B 8แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ทกั ษะการจำแนกประเภท ทักษะการจำแนกประเภท หมายถึง ความสามารถในการจัดจำแนกหรือเรียงลำดับวัตถุ หรือสิ่งท่ีอยู่ในปรากฏการณ์ต่าง ๆ ออกเป็นหมวดหมู่โดยมีเกณฑ์ในการจำแนก เป็นกระบวนการที่ใช้จัดจำแนกพวกวัตถุหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องการศึกษาออกเป็นหมวดหมู่ โดยจัดสิ่งที่มีสมบัติบางประการรวมกันให้อยู่กลุ่มเดียวกัน ในการจำแนกประเภทต้องมีเกณฑ์ในการจำแนก เกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกประเภทจะพจิ ารณาจากความเหมือนและความแตกต่าง หรือความสมั พนั ธอ์ ยา่ งใดอย่างหน่งึ ก็ได้ เกณฑ์ทีใ่ ชใ้ นการจำแนกประเภทมี 3 อย่าง ได้แก่ 1. ความเหมือน 2. ความแตกต่าง 3. ความสัมพันธ์ การจำแนกประเภทจะทำใหส้ ามารถศกึ ษาขอ้ มลู ไดง้ า่ ยขึน้ เนือ่ งจากคณุ ลักษณะทเี่ หมือนกันในแตล่ ะกลุ่ม เปน็ การนำเสนอผลการศกึ ษาคน้ คว้า เพอื่ ให้ผอู้ า่ นได้เกิดความเขา้ ใจไดง้ ่ายขึน้ เช่นจำแนกสง่ิ ของทมี่ ีรปู รา่ งเหมือนกันอยเู่ ป็นกลุม่ ๆ ดงั ภาพตวั อยา่ ง... ทกั ษะการจำแนกประเภท คะแนน ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง ทกั ษะการจำแนกประเภทชื่อ…………………………………..............................................ช้ัน……………….……..เลขท่ี……………….……..1.
จงจำแนกยานพาหนะตอ่ ไปนอี้ อกเป็นหลาย ๆ ช้ัน จนกลุ่มย่อยสุดท้ายประกอบด้วย ยานพาหนะชนิดเดยี ว โดยใชเ้ กณฑข์ องนักเรยี นเอง2. ให้นักเรยี นจำแนกสตั ว์ต่อไปน้อี อกเป็น 3 กลุ่ม11แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. ทกั ษะการหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปส กบั สเปส และสเปสกบั เวลา สเปสของวตั ถุ หมายถงึ ทวี่ า่ งที่วัตถนุ ้ันครองอยู่ ซ่ึงมีรปู ร่างลักษณะเชน่ เดียวกับวัตถุนั้นโดยทวั่ ไปสเปสของวตั ถุจะมี 3 มติ ิ คือ ความกว้าง ความยาว และความสูง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปสกบั... ทําใหท้ ราบความสัมพันธ์ระหวา่ งปรากฏการณ์ตา่ งๆ ท่ีเกิดข้นึ2. ชว่ ยใหว้ างส่ิงของตา่ งๆ ไดเ้ หมาะสม สวยงาม ความสามารถทีแ่ สดงว่าเกิดทักษะการหาความสมั พันธร์ ะหว่างสเปสกบั สเปส และสเปสกับเวลา1. บอกหรอื วาดรปู 2 มิติ กบั 3 มติ ิ ได้2.
บอกความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรูป 2 มติ ิ กับ 2 มติ ิ ได้3. บอกตําแหน่งหรือทศิ ทางของวตั ถุได้4. บอกความสมั พนั ธร์ ะหว่างสง่ิ ทีอ่ ยหู่ นา้ กระจกและภาพในกระจกได้ 12แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์4. ทกั ษะการหาความสมั พนั ธร์ ะหว่างสเปสกบั สเปส และสเปสกบั เวลา ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนนเรอื่ ง ทกั ษะการหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปสกบั สเปส และสเปสกบั เวลา ชอ่ื …………………………………..............................................ชัน้ ……………….……..เลขท่ี……………….……..กจิ กรรมที่ 1 : คําชแี้ จง นักเรยี นศึกษาแผนผังที่แสดงที่ต้งั... หอ้ งสมดุ อย่ทู างทิศใดของโรงอาหาร........................................................................................................................................................................... ...........................................2.
อาคารเรยี นมที ้ังหมดกีห่ ลงั........................................................................................................................................................................... ...........................................3. สนามฟตุ บอล อยทู่ างทิศใดของเสาธง........................................................................................................................................................................... ...........................................4. หอ้ งประชมุ 1 อย่ทู างทิศใดของอาคาร 2........................................................................................................................................................................... ...........................................5.
ตน้ ไทรอยูท่ างทิศใดของของสนามฟตุ บอล........................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. 13แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์กจิ กรรมท่ี 2 : คำชแ้ี จง จงเขยี นภาพในกระจกเงาของรูปต่อไปน้ี 1. 2. 3. 4.
14แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์กจิ กรรมท่ี 3 : คำชแ้ี จง ใหนกั เรยี นวาดรปู ตัดท่ีไดจ้ ากการตดั ตามแนวทก่ี าํ หนดให้ตอไปนี้ ระนาบ ระนาบ ระนาบกจิ กรรมท่ี 4 : คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนวาดรูปคลี่ของรูปสามมิตติ ่อไปนี้ 15แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5. การคำนวณ ทกั ษะการคาํ นวณ หมายถึง การนําค่าทไี่ ด้จากการสํารวจเชงิ ปริมาณ การวัด การทดลองจากแหล่งอื่นมาจัดกระทําให้เกิดค่าใหม่ โดยการนับ การบวก ลบ คูณ หาร การหาค่าเฉลี่ยยกกาํ ลังสอง หรอื อ่ืน ๆ เพอื่ ใชใ้ นการแปลความหมายหรอื ลงข้อสรุป ประโยชนข์ องทกั ษะการคำนวณ 1. นำผลจากการวัดไปคำนวณและแปลความหมายไดถ้ ูกต้อง 2. ทำให้ทราบรายละเอียดตา่ ง ๆ ของขอ้ มูล 3. นำผลจากการคำนวณไปแกป้ ญั หาไดถ้ กู ตอ้ ง 4. ใชเ้ ปน็ พนื้ ฐานในการค้นควา้ ทางวิทยาศาสตร์ ความสามารถทแ่ี สดงการเกดิ ทกั ษะ 1.
นับจำนวนสงิ่ ของได้ถูกตอ้ ง 2. ใชต้ ัวเลขแสดงจำนวนท่นี บั ได้ 3. บอกวธิ คี ำนวณได้ 4. คิดคำนวณไดถ้ กู ตอ้ ง 5. แสดงวิธกี ารคำนวณได้ 16แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ คะแนน เรอื่ ง ทกั ษะการคำนวณ ชื่อ…………………………………..............................................ชั้น……………….……..เลขท่ี……………….……..ตอนที่ 1คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรียนศกึ ษาขอ้ มูลต่อไปน้ี แลว้ ตอบคำถามตกุ๊ กีเ้ ลย้ี งไกไ่ วห้ นงึ่ ตวั เพื่อศกึ... สัปดาห์ที่ไก่มนี ้าํ หนกั เพิ่มข้นึ เทา่ กันคอื ..........................................................................................................................2.
ช่วงสปั ดาห์ท่ี 4 ไก่หนกั ขน้ึ .............................................................................. กิโลกรัม3. นำ้ หนกั เฉลยี่ ของไกต่ ้ังแตส่ ปั ดาห์ที่ 2-5 เทา่ กบั .......................................................................................................กิโลกรัม4. สัปดาห์ที่ 6 ไก่หนกั ตา่ งกับสัปดาห์ที่ 3 เทา่ กับ ....................................................................................................... กิโลกรมั5. ไก่น้ำหนกั เพม่ิ ขนึ้ มากท่สี ดุ ในชว่ งสัปดาหท์ .่ี ........................................................................................................................6.
ต้ังแต่สปั ดาห์ที่ 1-6 ไก่มนี ำ้ หนักเพ่ิมขน้ึ …………………………………………............………………………………………………………….กิโลกรัม 17แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ตอนที่ 2คำชแ้ี จง : ให้นักเรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้พร้อมทั้งแสดงวธิ ที ำ 1. จงหาคา่ เฉลย่ี ของความสงู ของนกั เรียนในชั้น 7 คน ซ่งึ มคี วามสูง 156, 158, 164,159,160, 155 และ 162 เซนติเมตร ตามลำดบั 2. ถา้ วัตถุ A มมี วล 10 กรัม มีความหนาแน่น 0.4 กรัมตอ่ ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร วตั ถุ A มีปรมิ าตร เท่าใด 3. กลอ่ งกระดาษชำระทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก กว้าง 8 เซนตเิ มตร ยาว 11 เซนตเิ มตร และสูง 23 เซนตเิ มตร กลอ่ งกระดาษชำระมีปรมิ าตรเทา่ ไร 4. ขายปลาไป 7 ของจำนวนปลาทง้ั หมดในบอ่ ถ้าปลาในบ่อเหลอื 300 ตวั เดมิ ในบอ่ มปี ลาเทา่ ไร 8 18แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 6. การจดั กระทำและส่อื ความหมายของข้อมูล การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล หมายถึง การนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกต การวัดการทดลอง และจากแหล่งอื่น ๆ มาจัดกระทำใหม่ เช่น การหาความถี่ เรียงลำดับ จัดแยกประเภทหรอื คำนวณค่าใหม่ ทีส่ ามารถแสดงให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายของข้อมูลชุดน้ันได้ดีขน้ึ โดยอาจแสดงในรปู ของตาราง แผนภมู ิ แผนภาพ แผนผงั วงจร กราฟ สมการ การเขียน หรือการบรรยาย เปน็ ตน้ ความสามารถทแ่ี สดงการเกดิ ทกั ษะ...
People Also Search
- science เรื่องที่ 4 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาตร์ ป.5
- ใบงานทักษะวิทย์5.28.63-ฉบับสมบูรณ์ - Flip eBook Pages 1-42 | AnyFlip
- เฉลย มมฐวิทยาศาสตร์ ป5 | Pdf
- PDF สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 การพัฒนาทักษะกระบวนการทาง ...
- PDF ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้านทักษะพื้นฐาน ของนักเรียนชั้นประถม ...
- ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ | วิทยาศาสตร์ ป.5 | Deedeal Class
- หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 - โครงการสอนออนไลน์ - Project 14
- ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
- PDF กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
- ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ป.5 - จับคู่
แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์แบบฝกึ ทกั ษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ( Science Process
แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์แบบฝกึ ทกั ษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ( Science Process Skills) ช่อื -สกุล…………………………………………………………….ชือ่ เล่น…………. โรงเรียน……………………………………………………………………………………… …………………….แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ คำช้แี จง แบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ องนกั เรียนทมี่ ุ่งเน้นทบทวนทักษะขั้นพน้ื ฐาน และเสริมสร้...
การคำนวณ 6. การจัดกระทำและสื่อความหมายของข้อมลู 7. การลงความเห็นจากขอ้ มูล 8. การพยากรณ์ 9. การตัง้
การคำนวณ 6. การจัดกระทำและสื่อความหมายของข้อมลู 7. การลงความเห็นจากขอ้ มูล 8. การพยากรณ์ 9. การตัง้ สมมตฐิ าน 10. การกำหนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการ 11.
การกำหนดและควบคุมตัวแปร 12. การทดลอง 13. การตีความหมายและลงขอ้ สรปุ 14. การสร้างแบบจำลอง 1แบบฝกึ ทกั
การกำหนดและควบคุมตัวแปร 12. การทดลอง 13. การตีความหมายและลงขอ้ สรปุ 14. การสร้างแบบจำลอง 1แบบฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะการสงั เกต ทักษะการสังเกต หมายถึง กระบวนการหรือความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน เพื่อหาข้อมูลหรือรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกต้องตรงกบั ความเป็นจรงิ โดยไม่เพมิ่ ความคดิ เห็นสว่ นตัวลงไป ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสงั เกต1. ขอ้ มลู เชง...
ขอ้ มลู เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลง เป็นขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากผลการเปล่ยี
ขอ้ มลู เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลง เป็นขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากผลการเปล่ยี นแปลงของวตั ถุเมอื่ กระทำด้วยวิธีการต่าง ๆ เชน่ การให้ความรอ้ น การบบี การนำไปแชน่ ้ำ เป็นต้นเชน่ เม่อื นำเทยี นไขไปให้ความร้อนเทียนไขจะหลอมเหลว การสงั เกตใชป้ ระสาทสมั ผสั ดงั น้ี 1. ประสาทตา สงั เกตได้โดยการดู 2. ประสาทหู สังเกตโดยการฟัง 3. ประสาทจมกู สังเกตโดยการดมกลิ่น 4. ประสาทล้ิน สงั เกตโดยการชมิ รส 5. ประสาทผวิ กาย สังเกต...
ภาพที่ 1 .......................................................................................... .......................................................................................... ภาพท่ี 2 ......................................................................................... .........................................................................................2. ภาพท่ี 1
ภาพที่ 1 .......................................................................................... .......................................................................................... ภาพท่ี 2 ......................................................................................... .........................................................................................2. ภาพท่ี 1 ............