Tdri แนะไทยเกาะ 4 เมกะเทรนด์ ทางรอดธุรกิจ ประเทศไทย
ล่าสุด สำนักข่าว PostToday จัดสัมมนา “PostToday Thailand Economic Drive 2024 ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจปี 2567 เพื่อให้เห็นมุมมองเศรษฐกิจ การปรับตัว และโอกาสของภาคธุรกิจไทย เพื่อรอดพ้นจากวิกฤติที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า “กิริฎา เภาพิจิตร” ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เล็ก สูงวัย และกำลังซื้อในประเทศไม่ได้มากนัก แต่ไทยสามารถฉกฉวยโอกาสจากตลาดโลกได้ จาก 4 เมกะเทรนด์ เมกะเทรนด์แรก ภูมิรัฐศาสตร์ ที่นำมาสู่ความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้เกิดทั้งสงครามระหว่างประเทศ การกีดกันทางการค้า ในช่วงซัพพลายเชนโลกกำลังปรับเปลี่ยน ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตการลงทุนอย่างมหาศาล ในรอบ 50 ปี เหล่านี้คือ โอกาสของธุรกิจประเทศไทยในการปรับตัว เพื่อทำให้ดึงดูดการลงทุนเหล่านี้เข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะ สินค้าที่เป็นนิวบิซิเนส เช่น สินค้าไฮเทค เช่น ยานยนต์อีวี อิเล็กทรอนิกส์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ดิจิทัลเทคโนโลยี เหล่านี้มีโอกาสย้ายเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น เมกะเทรนด์ที่สอง สินค้าที่เกี่ยวกับ Low carbon การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ การไปสู่สังคมโลกคาร์บอนจึงเป็นการสร้างโอกาสสำหรับนิวบิซิเนสมากขึ้น ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระห่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวในงานสัมมนา THAILAND ECONOMIC DRIVES หัวข้อเรื่อง “NEW BUSINESS กับการขับเคลื่อน” ว่า แม้ว่าประเทศไทยยังเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่เรายังมีโอกาสจากการปรับโมเดลธุรกิจ หรือการสร้างธุรกิจใหม่ๆ
โดยมองว่าเมกะเทรนด์ที่จะมีในโลก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อีก 10 -20 ปี เทรนด์เหล่านั้นก็ยังอยู่กับเรา แบ่งเป็น 4 เทรนด์ ได้แก่ 1.ภูมิรัฐศาสตร์ ปัจจุบันยังเผชิญกับ การเมืองโลก ซึ่งนำมาซึ่งความเสี่ยงต่างๆ เช่น สงคราม การกีดกันการค้า โดยอเมริกา ก็ยังมีความขัดแย้งกับจีน ฉะนั้น ซับพลายเชนในโลกกำลังปรับ ไปยังประเทศต่างๆ ที่เป็นเพื่อนเขา บางส่วนย้ายกลับไปประเทศแม่ บางส่วนมองการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่เป็นมิตร สำหรับการย้ายฐานการลงทุนอย่างมหาศาลในครั้งนี้ไม่ได้มีมาบ่อย 50 ปีมาครั้ง ถือเป็นโอกาสของไทย โดยการย้ายฐานการลงทุนมีมา 4-5 ปีที่ผ่านมา ทั้งจากสงครามการค้า และหนีการดิสรัปชั่นที่มาประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อย ทั้งนี้ มองว่าเทรนด์นี้จะไม่จบง่ายๆ ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมที่ย้ายฐานการผลิตมาไทยก็ไม่ใช่สินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น ส่วนใหญ่ไทยจะได้สินค้าเป็นธุรกิจใหม่ เช่น อีวี อิเล็กทรอนิกส์ และดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น ทั้งนี้ จากข้อมูลการลงทุนที่มาขอสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พบว่า เทรนด์ที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และจีน ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เวทีสัมมนา “Future Forum 2025: – Great Transformation” ซึ่งมีนักวิชาการและผู้นำภาคธุรกิจเข้าร่วมกว่า 250 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยการตื่นตัวต่อสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาและได้รับการยอมรับตรงกันคือ ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับ “The Great Transformation” ครั้งนี้ นายเฮง สวี เกียต อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานมูลนิธิวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ (National Research Foundation, Singapore) ได้ให้ทรรศนะที่น่าสนใจในหัวข้อ “Economic Transformation for Peoples, For Planet” โดยระบุว่า โลกได้ผ่านวิกฤตการณ์สำคัญมาแล้ว 2 รูปแบบในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา คือวิกฤตเศรษฐกิจ (วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551) และวิกฤตโรคระบาด (โควิด-19) แม้วิกฤตเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบ แต่เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตต่อไปได้แม้จะในอัตราที่ชะลอตัวลง ทว่า วิกฤตโควิด-19 ได้กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนภูมิทัศน์โลกไปอย่างสิ้นเชิง
นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี, การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 28 ฉบับ, การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และการปรับใช้เทคโนโลยีในทุกภาคส่วน” นายเฮง สวี เกียต กล่าว เขายังเน้นย้ำว่า “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ AI จะเป็นขุมพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่หัวใจหลักคือการพัฒนาศักยภาพของประชากรให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้ ภาคเอกชนต้องเปลี่ยนวิธีคิด ปรับกลยุทธ์ และเปิดกว้างในการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางความผันผวน” ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน นักวิชาการ ด้านการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน Thailand Development Research Institute (TDRI)
565 Ramkhamhaeng 39(Thepleela) Wangthonglang Bangkok Thailand 10310 All rights reserved. All published materials are reserved under a Creative Commons license. "กิริฎา" ทีดีอาร์ไอ ย้ำกลางเวที Posttoday Thailand Economic Drive 2024 ชี้ 4 เมกะเทรนด์โลก ช่วยดันไทยสู่เวทีโลก เผยโอกาสไทยมีเพียบ พร้อมนำวิจัยไปต่อยอดธุรกิจใหม่ แนะใช้พลังสร้างสรรค์ควบคู่ซอฟต์พาวเวอร์ ชดันเศรษฐกิจไทยโต ควันหลงเวที Posttoday Thailand ECONOMIC DRIVE 2024 "ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ 2567" ในหัวข้อ New Business กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ยังมีมุมมองจากหลายท่านที่น่าสนใจ ตอนหนึ่ง ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก TDRI กล่าวว่า ธุรกิจใหม่ที่ประเทศไทยน่าจะมีโอกาสในเวทีโลก ทั้งเรื่องสินค้า บริการ อย่างที่เราทราบ Mega Trend(เมกะเทรนด์) ในโลกอนาคต จะยังอยู่กับเราอีกนาน โดยแต่ละเรื่องล้วนเป็นโอกาสของประเทศและธุรกิจใหม่ๆ ดังนี้ 1.ภูมิรัฐศาสตร์ การเมืองโลก แม้จะนำมาซึ่งความเสี่ยงสงคราม การกีดกันทางการค้า Supply Chain ในโลกกำลังปรับ มีทั้งย้ายการลงทุน ย้ายออกจากประเทศแม่ ไปหาประเทศที่เป็นมิตร ประเทศไทยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ยินดีต้อนรับการลงทุน โดยเฉพาะในธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ ธุรกิจใหม่เกี่ยวกับ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ดาต้าเซ็นเตอร์ เมื่อดูตัวเลขลงทุนขอสิทธิประโยชน์จาก บีโอไอ ช่วง2-3ปีที่ผ่านมา ได้รับสิทธิบัตรจากบีโอไอไปมากมาย ประเทศที่มาส่วนใหญ่เกี่ยวกับ อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพ อาหารในอนาคต ผงโปรตีนมาจากแมลง บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ ถือว่าโอกาสของประเทศมาแล้ว ในท่ามกลางการเมืองโลก
2.เมกกะเทรนด์ เกี่ยวกับการลดคาร์บอน ในทุกธุรกิจที่จะมาลงทุนในประเทศ ต้องนำไปสู่สังคม โลว์คาร์บอนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น การจัดหาพลังงานสะอาด การเก็บกักพลังงานแบตเตอร์รี่ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงชิ้นส่วนเครื่องขนส่งทางอากาศ น้ำมันเติมเครื่องบินสีเขียว ที่มาจากน้ำมันทำกับข้าวใช้แล้ว เศษอาหาร สินค้าเกษตร นำมากลั่นใหม่กลายเป็น น้ำมันสีเขียวสำหรับเครื่องบิน โปรตีนไม่ได้มาจากเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์มาจากผงแมลง ทั้งนี้แต่ละบริษัทที่จะมาลงทุน ภายในปี2050 จะต้องลด Carbon Footprint ให้ได้ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่จะมากับธุรกิจและสังคมสีเขียว 3.เทคโนโลยีกับเอไอ ได้ดึงดูดการลงทุนให้เข้ามาในประเทศ ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แทบเล็ต มือถือ Tele Medicine ที่ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสเทคโนโลยีแพร่กระจายไปทั่วโลก ในการนำไปต่อยอดทางธุรกิจใหม่ๆ ในส่วนของการใช้ เอไอ มากที่สุดพบว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับ สุขภาพ รองลงไปเกี่ยวกับธุรกิจการจัดการข้อมูล การเงิน การค้าปลีก ขณะเดียวกันการเข้ามาตั้งบริษัทดาต้า เซ็นเตอร์ ที่เข้ามาตั้งในประเทศไทย เมื่อมาตั้งแล้ว จะต้องลดคาร์บอนได้ แต่ละอุตสาหกรรมล้วนผูกกัน ซึ่งถือเป็นโอกาส การใช้เทคโนโลยีเอไอ ในการนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ได้เช่นกัน ภายในงาน ‘Thailand Economic Outlook 2026 Out of the Trap’ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ Keynote ของ คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ไม่ได้มาเพียงเพื่อฉายภาพความท้าทาย แต่มาพร้อมพิมพ์เขียวเชิงรุก เพื่อพาเศรษฐกิจไทยออกจาก ‘กับดัก’ ที่ฉุดรั้งการเติบโตมานานหลายปี ท่ามกลางภูมิทัศน์โลกที่ซับซ้อนและแรงกดดันรอบด้าน นี่ไม่ใช่แค่การแก้เกมระยะสั้น แต่คือการวางรากฐานใหม่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ภารกิจนี้เดิมพันด้วยอนาคตของประเทศ และนี่คือบทสรุปทุกประเด็นสำคัญที่นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และคนไทยทุกคนต้องรู้ คุณศุภจีตอกย้ำว่า ไทยไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว แต่กำลังเผชิญกับ Global Headwind หรือลมต้านระดับโลกที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและสมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่ทำให้การค้าโลกปั่นป่วน เกิดกำแพงภาษีรูปแบบใหม่ๆ บีบให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวครั้งใหญ่ แต่หัวใจสำคัญคือ 4 เมกะเทรนด์ ที่กำลังเปลี่ยนโลกอย่างสิ้นเชิง เมื่อหันกลับมามองภาพในประเทศ สถานการณ์ก็น่ากังวลไม่แพ้กัน ทั้งตัวเลข GDP ที่เติบโตชะลอตัว จากค่าเฉลี่ย 5% ในอดีต เหลือคาดการณ์ไม่เกิน 2% ในปี 2566, ภาวะเงินฝืดที่ติดลบต่อเนื่อง 6 เดือน สะท้อนกำลังซื้อที่อ่อนแอ และ ผลิตภาพแรงงานที่ลดลง จากจำนวนคนวัยทำงานที่หดตัวลงทุกปี ‘เราไม่เปลี่ยนคงไม่ได้แล้ว ถ้าเรายังเป็นอยู่อย่างนี้ คงจะลำบากแน่นอน’ คุณศุภจีกล่าวย้ำ
เพื่อทลายกับดักนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้วางยุทธศาสตร์ที่ผสมผสานทั้งการแก้ปัญหาระยะสั้น (Quick Wins) อย่างการลดค่าครองชีพผ่านโครงการธงฟ้าและการเปิดเผยราคายาในโรงพยาบาลเอกชน ควบคู่ไปกับการปฏิรูปโครงสร้างระยะยาวผ่าน 3 ยุทธศาสตร์หลัก ที่จะเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจไทย 28th Annual Global CEO Survey – Thailand กรุงเทพฯ, 20 ตุลาคม 2568 – PwC ประเทศไทย เผยธุรกิจไทยเผชิญแรงกดดันจากเมกะเทรนด์ครั้งใหญ่ ทั้ง AI การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่งเชื่อมโยงและส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการและการรายงานทางการเงิน พร้อมแนะองค์กรเร่งติดตามการปรับปรุงมาตรฐานบัญชีและความยั่งยืน และเปลี่ยนบทบาทฝ่ายการเงินเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและผลตอบแทนการลงทุน ดันองค์กรเติบโตท่ามกลางความท้าทาย นางสาว สินสิริ ทังสมบัติ หัวหน้าสายงานตรวจสอบบัญชีและหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าว ณ งานสัมมนา ‘Corporate Reporting Forum’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานสัมมนาประจำปี PwC Thailand’s Symposium 2025: From insight to action: Staying ahead of change ว่า จากการเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งทางการค้า และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ธุรกิจจำเป็นต้องมีการปรับตัว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการปฏิบัติงานและรายงานทางการเงิน ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับการติดตามสถานการณ์ หามาตรการรับมือ... “เมกะเทรนด์ทั้งเทคโนโลยี AI การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ กำลังส่งผลกระทบต่อทุกมิติของธุรกิจ ผู้นำองค์กรต้องปรับตัวอย่างสร้างสรรค์ มองหาโอกาสใหม่ ๆ ทั้งการร่วมมือข้ามอุตสาหกรรม การวางแผนทางการเงินและรายงานความยั่งยืน รวมถึงกลยุทธ์และภาษี เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและสร้างการเติบโตในโลกที่ซับซ้อนขึ้น” นางสาว สินสิริ กล่าว นางสาว สินสิริ กล่าวว่า ในปี 2568 มีการปรับปรุงมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่สำคัญ ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดประเภทหนี้สิน การเปิดเผยข้อมูลสินทรัพย์ทางการเงิน และการบัญชีตราสารหนี้รูปแบบใหม่ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในอนาคต เช่น ESG-linked bond
ท่ามกลางปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ล้วนสร้างผลกระทบ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากกับทุกประเทศทั่วโลก ทั้งการทำธุรกิจ การลงทุน ชีวิตการเป็นอยู่ ที่มีผลกระทบทั้งในทิศทางที่ดี และเชิงลบมากขึ้น ล่าสุด PostToday จัดสัมมนา PostToday x TDRI Economic Drive 2024 “ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ 2567” เพื่อให้เห็นมุมมองเศรษฐกิจ การปรับตัวและโอกาสของภาคธุรกิจไทย เพื่อรอดพ้นจากวิกฤติที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า นางกิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ภายใต้หลายปัจจัยที่เกิดขึ้นทั่วโลกสร้างความท้าทายต่อการทำธุรกิจขึ้น แต่มองว่ายังมีโอกาสสำหรับธุรกิจในบนเวทีโลก แม้ไทยเป็นประเทศเล็ก สูงวัยและกำลังซื้อในประเทศไม่มาก แต่ไทยฉวยโอกาสจากตลาดโลกได้ ทั้งเป็นซัพพลายเชน ซัพพลายเออร์ของสินค้าและบริการสำหรับตลาดโลก ทั้งนี้หากดูโอกาสของไทยเชื่อว่ามีหลายด้านทั้งโอกาสภายใต้ภูมิรัฐศาสตร์ เมกะเทรนด์ ดิจิทัลเทคโนโลยี ที่ล้วนสร้างโอกาสใหม่ให้ธุรกิจไทย ดังนี้ 1.เมกะเทรนด์ ภูมิรัฐศาสตร์ ที่นำมาสู่ความเสี่ยงมากขึ้น ให้เกิดทั้งสงครามระหว่างประเทศ การกีดกันทางการค้า การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ดังนั้น ในช่วงซัพพลายเชนโลกกำลังปรับเปลี่ยน ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตการลงทุนอย่างมหาศาลในรอบ 50 ปี และความตึงเครียดเกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์จะไม่หายไป ดังนั้น เป็นโอกาสของธุรกิจไทย ประเทศไทย ในการปรับตัวเพื่อดึงการลงทุน “จะทำให้เกิดธุรกิจใหม่ที่เข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าไฮเทค เช่น อีวี อิเล็กทรอนิกส์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ดิจิทัลเทคโนโลยี ซึ่งมีโอกาสย้ายเข้ามาในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะทิศทางทางการลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา” ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจทิศทางและแนวโน้มของโลกธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ดร.สันติธาร เสถียรไทย นักเศรษฐศาสตร์และนักเขียนชื่อดัง ได้นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจในงาน Future Trends Ahead Summit 2025 โดยชี้ให้เห็นถึง 4 คลื่นยักษ์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังส่งผลกระทบต่อโลกธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในเทรนด์สำคัญต่อวัยทำงานทุกคนก็คือ การเข้ามาของ AI ที่เขย่าโลกการทำงานให้พลิกโฉมจากหน้ามือเป็นหลังมือ
แรกสุด ดร.สันติธาร ได้ตั้งคำถามว่า ตอนนี้เรากำลงเล่นเกมผิดที่ผิดเวลาหรือเปล่า? เนื่องจากในโลกที่กฎกติกากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเป็นผู้ชนะในเกมที่ผิดก็อาจกลายเป็นผู้แพ้ได้ในที่สุด หลายธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จในอดีตอาจพบว่าตนเองกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งนี้มีปัจจัยจาก 4 เมกะเทรนด์ใหญ่ๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจและโลกการทำงาน ซึ่งไม่ใช่เพียงกระแสชั่วคราว แต่เป็นแนวโน้มที่กำลังกำหนดทิศทางอนาคตของเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก หากองค์กร ผู้ประกอบการธุรกิจ และเหล่าวัยทำงานไม่ยอมปรับตัวให้ทัน พวกเขาอาจกลายเป็นผู้แพ้ในที่สุด ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะ Generative AI (Gen AI) กำลังเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ChatGPT ที่มีผู้ใช้งาน 100 ล้านคนภายใน 2 เดือน ซึ่งเร็วกว่าการเติบโตของ Facebook ในอดีตที่ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ล่าสุด AI จากจีนอย่าง DeepSeek ได้เปิดตัวขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนถูกลงมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ส่งผลกระทบสำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทำงาน (Works & Jobs Redesign): AI สามารถช่วยสร้างเนื้อหาขั้นต้น นักเขียนอาจเปลี่ยนบทบาทจากผู้เขียนเป็นบรรณาธิการ งานที่ต้องใช้การวิเคราะห์และการตัดสินใจสูงจะต้องปรับรูปแบบการทำงานใหม่ การเรียนรู้แบบดั้งเดิมอาจหายไป หากวัยทำงานพึ่งพา AI มากเกินไป ผู้ใช้งาน AI ต้องหาจุดสมดุลระหว่างการใช้ AI และการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และระวังการสูญเสียการเรียนรู้ (Learning Loss) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน “TCP Sustainability Forum 2025” ว่า การแข่งขันอันดุเดือดระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังพลิกโฉมภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลก โดยจีนได้แซงหน้าสหรัฐฯ ในหลายด้าน ทั้งการผลิต การส่งออก และเทคโนโลยีอย่าง AI ทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับความกังวลเรื่องการขาดดุลและหนี้มหาศาล จนนำมาซึ่ง "สงครามการค้าและเทคโนโลยี" ซึ่งสร้างความผันผวนไปทั่วโลก
แม้สถานการณ์นี้จะดูเหมือนเป็นวิกฤต แต่กลับกลายเป็นโอกาสทองของประเทศอย่างประเทศไทย เมื่อบริษัทข้ามชาติต้องการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อลดความเสี่ยง ภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย จึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญ ตัวเลขจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ชี้ให้เห็นถึงกระแสการลงทุนที่ไหลบ่าเข้าสู่ไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 มีคำขอส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับยอดรวมทั้งปีของปีก่อนหน้า การลงทุนที่พุ่งสูงขึ้นนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยไปสู่ยุคใหม่ ด้วยอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) และดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น หากมองในระดับภูมิภาค อาเซียนกำลังกลับมาเป็นจุดสนใจของการลงทุนระดับโลกอีกครั้ง หลังวิกฤตต้มยำกุ้งที่ทำให้สัดส่วนการลงทุนลดลงอย่างฮวบฮาบ ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนโดยตรงในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากประมาณ 5% เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็น 17% ในปี 2566 และมีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้นถึง 20-25% ในอนาคต การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็วในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภูมิภาคนี้ที่พร้อมจะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของโลก โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า "ในอีก 5 ปีข้างหน้า อาเซียนจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป"
People Also Search
- Tdri แนะไทยเกาะ 4 เมกะเทรนด์ ทางรอดธุรกิจ - ประเทศไทย
- Tdri เผย 4 เมกะเทรนด์ สร้างโอกาสขับเคลื่อนธุรกิจ
- เปิด 4 เมกะเทรนด์ พลิกโฉมเศรษฐกิจโลก ธุรกิจไทยต้องปรับตัวด่วน
- Home Page - TDRI: Thailand Development Research Institute
- ส่องเมกะเทรนด์ธุรกิจใหม่ มุ่งสู่ "ลดคาร์บอน" มาแรง! ดันไทยสู่เวทีสากล
- เมื่อโลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ส่องทางรอดเศรษฐกิจไทย จาก 4 ความเปลี่ยนแปลง ...
- PwC ประเทศไทย ชี้ธุรกิจต้องสร้างสรรค์และติดตามมาตรฐานใหม่ รับมือเมกะ ...
- 'กิริฎา- ภูมิธรรม' แนะธุรกิจปรับตัว รับเมกะเทรนด์-ระเบียบโลกใหม่
- ดร.สันติธาร เผย 4 เมกะเทรนด์เขย่าโลกปี 2025 คนไทยปรับตัวยังไงดี?
- เปิด '4 เมกะเทรนด์โลก' พลิกวิกฤติสู่โอกาสครั้งใหญ่ของไทย
ล่าสุด สำนักข่าว PostToday จัดสัมมนา “PostToday Thailand Economic Drive 2024 ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจปี
ล่าสุด สำนักข่าว PostToday จัดสัมมนา “PostToday Thailand Economic Drive 2024 ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจปี 2567 เพื่อให้เห็นมุมมองเศรษฐกิจ การปรับตัว และโอกาสของภาคธุรกิจไทย เพื่อรอดพ้นจากวิกฤติที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า “กิริฎา เภาพิจิตร” ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เล็ก สูงวัย และกำ...
โดยมองว่าเมกะเทรนด์ที่จะมีในโลก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อีก 10 -20 ปี เทรนด์เหล่านั้นก็ยังอยู่กับเรา แบ่งเป็น 4 เทรนด์
โดยมองว่าเมกะเทรนด์ที่จะมีในโลก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อีก 10 -20 ปี เทรนด์เหล่านั้นก็ยังอยู่กับเรา แบ่งเป็น 4 เทรนด์ ได้แก่ 1.ภูมิรัฐศาสตร์ ปัจจุบันยังเผชิญกับ การเมืองโลก ซึ่งนำมาซึ่งความเสี่ยงต่างๆ เช่น สงคราม การกีดกันการค้า โดยอเมริกา ก็ยังมีความขัดแย้งกับจีน ฉะนั้น ซับพลายเชนในโลกกำลังปรับ ไปยังประเทศต่างๆ ที่เป็นเพื่อนเขา บางส่วนย้ายกลับไปประเทศแม่ บางส่วนมองการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่เป็...
นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี,
นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี, การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 28 ฉบับ, การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และการปรับใช้เทคโนโลยีใ...
565 Ramkhamhaeng 39(Thepleela) Wangthonglang Bangkok Thailand 10310 All Rights Reserved.
565 Ramkhamhaeng 39(Thepleela) Wangthonglang Bangkok Thailand 10310 All rights reserved. All published materials are reserved under a Creative Commons license. "กิริฎา" ทีดีอาร์ไอ ย้ำกลางเวที Posttoday Thailand Economic Drive 2024 ชี้ 4 เมกะเทรนด์โลก ช่วยดันไทยสู่เวทีโลก เผยโอกาสไทยมีเพียบ พร้อมนำวิจัยไปต่อยอดธุรกิจใหม่ แนะใช้พลังสร้างสรรค์ควบคู่ซอฟต์พาวเวอร์ ชดันเศรษฐกิจไทยโต ควันหลงเวที Posttoda...
2.เมกกะเทรนด์ เกี่ยวกับการลดคาร์บอน ในทุกธุรกิจที่จะมาลงทุนในประเทศ ต้องนำไปสู่สังคม โลว์คาร์บอนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น การจัดหาพลังงานสะอาด การเก็บกักพลังงานแบตเตอร์รี่ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงชิ้นส่วนเครื่องขนส่งทางอากาศ
2.เมกกะเทรนด์ เกี่ยวกับการลดคาร์บอน ในทุกธุรกิจที่จะมาลงทุนในประเทศ ต้องนำไปสู่สังคม โลว์คาร์บอนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น การจัดหาพลังงานสะอาด การเก็บกักพลังงานแบตเตอร์รี่ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงชิ้นส่วนเครื่องขนส่งทางอากาศ น้ำมันเติมเครื่องบินสีเขียว ที่มาจากน้ำมันทำกับข้าวใช้แล้ว เศษอาหาร สินค้าเกษตร นำมากลั่นใหม่กลายเป็น น้ำมันสีเขียวสำหรับเครื่องบิน โปรตีนไม่ได้มาจากเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์มาจากผง...