เปิด 4 เมกะเทรนด์โลก พลิกวิกฤติสู่โอกาสครั้งใหญ่ของไทย
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน “TCP Sustainability Forum 2025” ว่า การแข่งขันอันดุเดือดระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังพลิกโฉมภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลก โดยจีนได้แซงหน้าสหรัฐฯ ในหลายด้าน ทั้งการผลิต การส่งออก และเทคโนโลยีอย่าง AI ทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับความกังวลเรื่องการขาดดุลและหนี้มหาศาล จนนำมาซึ่ง "สงครามการค้าและเทคโนโลยี" ซึ่งสร้างความผันผวนไปทั่วโลก แม้สถานการณ์นี้จะดูเหมือนเป็นวิกฤต แต่กลับกลายเป็นโอกาสทองของประเทศอย่างประเทศไทย เมื่อบริษัทข้ามชาติต้องการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อลดความเสี่ยง ภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย จึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญ ตัวเลขจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ชี้ให้เห็นถึงกระแสการลงทุนที่ไหลบ่าเข้าสู่ไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 มีคำขอส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับยอดรวมทั้งปีของปีก่อนหน้า การลงทุนที่พุ่งสูงขึ้นนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยไปสู่ยุคใหม่ ด้วยอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) และดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น หากมองในระดับภูมิภาค อาเซียนกำลังกลับมาเป็นจุดสนใจของการลงทุนระดับโลกอีกครั้ง หลังวิกฤตต้มยำกุ้งที่ทำให้สัดส่วนการลงทุนลดลงอย่างฮวบฮาบ ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนโดยตรงในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากประมาณ 5% เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็น 17% ในปี 2566 และมีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้นถึง 20-25% ในอนาคต การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็วในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภูมิภาคนี้ที่พร้อมจะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของโลก โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า "ในอีก 5 ปีข้างหน้า อาเซียนจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป" กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เวทีสัมมนา “Future Forum 2025: – Great Transformation” ซึ่งมีนักวิชาการและผู้นำภาคธุรกิจเข้าร่วมกว่า 250 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยการตื่นตัวต่อสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาและได้รับการยอมรับตรงกันคือ ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับ “The Great Transformation” ครั้งนี้
นายเฮง สวี เกียต อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานมูลนิธิวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ (National Research Foundation, Singapore) ได้ให้ทรรศนะที่น่าสนใจในหัวข้อ “Economic Transformation for Peoples, For Planet” โดยระบุว่า โลกได้ผ่านวิกฤตการณ์สำคัญมาแล้ว 2 รูปแบบในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา คือวิกฤตเศรษฐกิจ (วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551) และวิกฤตโรคระบาด (โควิด-19) แม้วิกฤตเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบ แต่เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตต่อไปได้แม้จะในอัตราที่ชะลอตัวลง ทว่า วิกฤตโควิด-19 ได้กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนภูมิทัศน์โลกไปอย่างสิ้นเชิง นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี, การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 28 ฉบับ, การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และการปรับใช้เทคโนโลยีในทุกภาคส่วน” นายเฮง สวี เกียต กล่าว เขายังเน้นย้ำว่า “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ AI จะเป็นขุมพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่หัวใจหลักคือการพัฒนาศักยภาพของประชากรให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้ ภาคเอกชนต้องเปลี่ยนวิธีคิด ปรับกลยุทธ์ และเปิดกว้างในการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางความผันผวน” จากปรากฏการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ที่กลายเป็นเรื่องปกติ สู่ภัยพิบัติรุนแรงทั่วทุกมุมโลก วิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ไม่ใช่เรื่องของสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็น “Game Changer” หรือตัวพลิกเกมครั้งสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และทุกองคาพยพของภาคธุรกิจ นี่คือประเด็นสำคัญที่สะท้อนจากเวทีเสวนา “Global Megatrend in Climate Tech” ซึ่งชี้ชัดว่าเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech คือเมกะเทรนด์ที่ทรงพลังที่สุดแห่งยุค และเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสมหาศาลที่ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัว วงเสวนาประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจาก 3 ภาคส่วนสำคัญ ได้แก่ ภคมน สุภาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริการจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) รศ.ดร.สุทธิรัตน์ กิตติพงศ์วิเศษ ผู้ประสานงานวิจัยความเสี่ยงทางสภาพภูมิอากาศและการรับรู้ปรับฟื้น และหัวหน้าหน่วยบริการและจัดการคาร์บอน สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ วีรศักดิ์ พงษ์ธัญญวชัย หัวหน้าฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่างเห็นพ้องต้องกันว่า Climate Tech คือจุดเปลี่ยนที่ไม่อาจมองข้าม
ภคมนระบุว่า ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นแล้ว 1.4 องศาเซลเซียส ซึ่งเข้าใกล้เพดานอันตรายที่ 1.5 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างมาก แรงกดดันนี้ทำให้ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันปล่อยก๊าซเรือนกระจกปีละประมาณ 5 หมื่นล้านตัน ต้องมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สำหรับประเทศไทย ทิศทางเชิงนโยบายกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยล่าสุดได้มีการปรับเป้าหมาย Net Zero ให้เร็วขึ้นจากเดิมปี 2065 มาเป็นปี 2050 เพื่อให้สอดคล้องกับประชาคมโลก การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จะถูกขับเคลื่อนด้วย “พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ซึ่งกำลังจะออกมาเป็นกฎหมายภาคบังคับในไม่ช้า สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือการกำหนดให้องค์กรขนาดใหญ่มีหน้าที่ต้องรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งทิศทางดังกล่าวสอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นแล้ว โดยปัจจุบันมีองค์กรในไทยที่รายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับ TGO กว่า 1,700 แห่ง และในจำนวนนี้กว่า 100 แห่งได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero อย่างชัดเจน โดยภายใต้กฎหมายใหม่ คาดว่าจะมีองค์กรที่เข้าข่ายต้องรายงานเพิ่มขึ้นเป็นราว 3,200 แห่ง และในอนาคตจะมีการกำหนดเพดานการปล่อย (Emission Trading Scheme: ETS) ซึ่งหมายความว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะไม่ใช่เรื่องของความสมัครใจอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องบริหารจัดการอย่างจริงจัง ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วการเข้าใจทิศทางของเมกะเทรนด์ระดับโลกจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดร.สันติธาร เสถียรไทย นักเศรษฐศาสตร์และนักเขียนชื่อดัง ได้เผย 4 คลื่นยักษ์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะส่งผลต่อโลกธุรกิจอย่างมหาศาลในปี 2025 หนึ่งในประเด็นที่กระทบกับคนวัยทำงานโดยตรง คือ การเข้ามาของ AI ที่กำลังเปลี่ยนโฉมโลกการทำงานแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะ Generative AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ChatGPT ที่สามารถดึงดูดผู้ใช้ 100 ล้านคนภายใน 2 เดือน ซึ่งเร็วกว่า Facebook ที่ใช้เวลาถึง 10 ปี ล่าสุด AI จากจีนอย่าง DeepSeek ได้เปิดตัวขึ้น ซึ่งสะท้อนว่า AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนถูกลง ทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ส่งผลกระทบสำคัญ 2 ด้าน ได้แก่
AI กำลังเข้ามาช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในหลายสายอาชีพ แต่นั่นก็หมายความว่าหลายตำแหน่งอาจถูกแทนที่ ดังนั้น คนวัยทำงานต้องพิจารณาว่างานประเภทไหนที่มนุษย์ควรทำเอง และงานแบบไหนที่ AI ควรเข้ามาช่วย แต่ความท้าทายที่สำคัญคือ การใช้ AI มากเกินไปอาจนำไปสู่ Learning Loss หรือการสูญเสียโอกาสในการเรียนรู้ คนวัยทำงานจึงต้องหาสมดุลระหว่างการใช้ AI กับการพัฒนาทักษะของตัวเอง AI กำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ระบบอัลกอริธึมสามารถเรียนรู้และคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้แม่นยำขึ้น ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวให้ทัน จากงานสัมมนา Future Forum 2025: - Great Transformation ที่จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจประเทศไทย (TMA) โดยมีนักวิชาการและภาคธุรกิจเข้าร่วมสัมมนากว่า 250 คน ต่างระบุตรงกันว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับการท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น 18 กันยายน 2568 — มร.เฮง สวี เกียต (Mr. Heng Swee Keat) อดีตรองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ และประธานมูลนิธิวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ (National Research Foundation, Singapore) ให้ความเห็นบนเวทีสัมมนาในหัวข้อ “Economic Transformation for Peoples, For Planet” ว่า “กว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกเผชิญกับวิกฤตที่สำคัญ 2 วิกฤต คือ วิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตจากโรคระบาด วิกฤตแรกมีสองครั้งใหญ่คือ วิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียช่วงปี 2540 และวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2551 ส่วนวิกฤตจากโรคระบาดคือ จากการแพร่ระบาดของโรคระบาดอย่าง โคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่...
มร.เฮง สวี เกียต กล่าวและเพิ่มเติมว่า “สิงคโปร์ นำทั้ง 4 เทรนด์มาใช้ในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน โดยคำนึงถึงเรื่องการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยี การให้ความสำคัญกับเรื่องของการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการทำข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ (Free Trade Area) ซึ่งปัจจุบันสิงคโปร์มีข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศทั้งในระดับประเทศ และระดับกลุ่มประเทศถึง 28 ฉบับ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างมีหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในทุกภาคอุตสาหกรรมรวมไปถึงการพัฒนาบุคลากร การขับเคลื่อนประเทศและเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน ประเทศต้องขับเคลื่อนโดยการพัฒนาศักยภาพของประชากรในประเทศ เพราะท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โครงสร้างเศรษฐกิจจะเปลี่ยนไป โครงสร้างการทำงานก็เปลี่ยนไป เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทโดยเฉพาะเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การที่จะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกที่กำลังเกิดขึ้น โดยการที่ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนได้ สิ่งสำคัญคือ การต้องพัฒนาศักยภาพในการทำงานของประชากรในประเทศให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปได้ เพราะ AI จะเป็นขุมพลังสำหรับการพัฒนาในทุกภาคส่วนของประเทศ รวมไปถึงต้องไม่หยุดที่จะวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ภาคเอกชนต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิด ปรับกลยุทธในการทำธุรกิจ และ รู้จักที่จะใช้เทคโนโลยี รวมทั้งการออกแบบกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงเปิดกว้างในการร่วมมือกับธุรกิจทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการเติบโตได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน” มร. เฮง สวี เกียต กล่าว ในขณะที่ ศาสตราจารย์อาร์ทูโร บริส (Prof. Arturo Bris) ผู้อำนวยการ IMD World Competitiveness Center กล่าวในช่วงการสัมมนา “The New Transformation Model” ว่า “กรอบแนวคิดดั้งเดิมของความสามารถในการแข่งขันคือ การมีประสิทธิภาพในการทำงาน ความร่วมมือระหว่างกัน และการเพิ่มผลผลิต แต่ปัจจุบันแนวคิดดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงไปตามกลไกทางเศรษฐกิจ การเมือง ที่เปลี่ยนแปลงไป คือความสามารถในการแข่งขันในปัจจุบันไม่ได้ถูกวัดแค่เรื่องประสิทธิภาพในการทำงาน การเพิ่มผลผลิต และความร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนเท่านั้น แต่จะถูกวัดด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่มีประสิทธิภาพในระดับโลก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และนโยบายในการบริหารจัดการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ที่โรงแรมอีสตินแกรนด์ พญาไท ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก TDRI กล่าวในงาน Posttoday Thailand ECONOMIC DRIVE 2024 "ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ 2567" ในหัวข้อ New Business กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ตอนหนึ่งว่า จะมานำเสนองานวิจัย วิเคราะห์เกี่ยวกับธุรกิจใหม่ ที่ประเทศไทยน่าจะมีโอกาสในเวทีโลก ทั้งเรื่องสินค้า บริการ อย่างที่เราทราบ Mega Trend(เมกะเทรนด์) ในโลกอนาคต จะยังอยู่กับเราอีกนาน โดยแต่ละเรื่องล้วนเป็นโอกาสของประเทศและธุรกิจใหม่ๆ
1.ภูมิรัฐศาสตร์ การเมืองโลก แม้จะนำมาซึ่งความเสี่ยงสงคราม การกีดกันทางการค้า Supply Chain ในโลกกำลังปรับ มีทั้งย้ายการลงทุน ย้ายออกจากประเทศแม่ ไปหาประเทศที่เป็นมิตร ประเทศไทยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ยินดีต้อนรับการลงทุน โดยเฉพาะในธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ ธุรกิจใหม่เกี่ยวกับ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ดาต้าเซ็นเตอร์ เมื่อดูตัวเลขลงทุนขอสิทธิประโยชน์จาก บีโอไอ ช่วง2-3ปีที่ผ่านมา ได้รับสิทธิบัตรจากบีโอไอไปมากมาย ประเทศที่มาส่วนใหญ่เกี่ยวกับ อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพ อาหารในอนาคต ผงโปรตีนมาจากแมลง บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ ถือว่าโอกาสของประเทศมาแล้ว ในท่ามกลางการเมืองโลก 2. เมกกะเทรนด์ เกี่ยวกับการลดคาร์บอน ในทุกธุรกิจที่จะมาลงทุนในประเทศ ต้องนำไปสู่สังคม โลว์คาร์บอนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น การจัดหาพลังงานสะอาด การเก็บกักพลังงานแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงชิ้นส่วนเครื่องขนส่งทางอากาศ น้ำมันเติมเครื่องบินสีเขียว ที่มาจากน้ำมันทำกับข้าวใช้แล้ว เศษอาหาร สินค้าเกษตร นำมากลั่นใหม่กลายเป็น น้ำมันสีเขียวสำหรับเครื่องบิน โปรตีนไม่ได้มาจากเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์มาจากผงแมลง ทั้งนี้แต่ละบริษัทที่จะมาลงทุน ภายในปี2050 จะต้องลด Carbon Footprint ให้ได้ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่จะมากับธุรกิจและสังคมสีเขียว 3. เทคโนโลยีกับเอไอ ได้ดึงดูดการลงทุนให้เข้ามาในประเทศ ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิสก์ แทบเล็ต มือถือ Tele Medicine ที่ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสเทคโนโลยีแพร่กระจายไปทั่วโลก ในการนำไปต่อยอดทางธุรกิจใหม่ๆ ในส่วนของการใช้ เอไอ มากที่สุดพบว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับ สุขภาพ รองลงไปเกี่ยวกับธุรกิจการจัดการข้อมูล การเงิน การค้าปลีก ขณะเดียวกันการเข้ามาตั้งบริษัทดาต้า เซ็นเตอร์ ที่เข้ามาตั้งในประเทศไทย เมื่อมาตั้งแล้ว จะต้องลดคาร์บอนได้ แต่ละอุตสาหกรรมล้วนผูกกัน ซึ่งถือเป็นโอกาส การใช้เทคโนโลยีเอไอ ในการนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ได้เช่นกัน 4.สังคมผู้สูงวัย ที่คนอายุ65ปี จะมีมากขึ้น ต่างต้องการสินค้า บริการแตกต่างทางสังคม แม้ส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ไทยก็รวมอยู่ในนั้นด้วยที่มีประชากรสูงวัยจำนวนมากด้วย ดังนั้น ธุรกิจเกี่ยวอาหารที่เป็นสีเขียว ดีต่อสุขภาพ การจัดชั้นในร้านค้าปลีก ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เอื้อต่อคนสูงวัย Health Care บ้านที่ต้องปรับปรุงเป็นสมาร์ทโฮม การท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัย ผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ที่จะแปรเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นเงิน เป็นเรื่องที่ตอบโจทย์ในวันข้างหน้าและเป็นโอกาส
ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจทิศทางและแนวโน้มของโลกธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ดร.สันติธาร เสถียรไทย นักเศรษฐศาสตร์และนักเขียนชื่อดัง ได้นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจในงาน Future Trends Ahead Summit 2025 โดยชี้ให้เห็นถึง 4 คลื่นยักษ์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังส่งผลกระทบต่อโลกธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในเทรนด์สำคัญต่อวัยทำงานทุกคนก็คือ การเข้ามาของ AI ที่เขย่าโลกการทำงานให้พลิกโฉมจากหน้ามือเป็นหลังมือ แรกสุด ดร.สันติธาร ได้ตั้งคำถามว่า ตอนนี้เรากำลงเล่นเกมผิดที่ผิดเวลาหรือเปล่า? เนื่องจากในโลกที่กฎกติกากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเป็นผู้ชนะในเกมที่ผิดก็อาจกลายเป็นผู้แพ้ได้ในที่สุด หลายธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จในอดีตอาจพบว่าตนเองกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งนี้มีปัจจัยจาก 4 เมกะเทรนด์ใหญ่ๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจและโลกการทำงาน ซึ่งไม่ใช่เพียงกระแสชั่วคราว แต่เป็นแนวโน้มที่กำลังกำหนดทิศทางอนาคตของเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก หากองค์กร ผู้ประกอบการธุรกิจ และเหล่าวัยทำงานไม่ยอมปรับตัวให้ทัน พวกเขาอาจกลายเป็นผู้แพ้ในที่สุด ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะ Generative AI (Gen AI) กำลังเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ChatGPT ที่มีผู้ใช้งาน 100 ล้านคนภายใน 2 เดือน ซึ่งเร็วกว่าการเติบโตของ Facebook ในอดีตที่ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ล่าสุด AI จากจีนอย่าง DeepSeek ได้เปิดตัวขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนถูกลงมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ส่งผลกระทบสำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทำงาน (Works & Jobs Redesign): AI สามารถช่วยสร้างเนื้อหาขั้นต้น นักเขียนอาจเปลี่ยนบทบาทจากผู้เขียนเป็นบรรณาธิการ งานที่ต้องใช้การวิเคราะห์และการตัดสินใจสูงจะต้องปรับรูปแบบการทำงานใหม่ การเรียนรู้แบบดั้งเดิมอาจหายไป หากวัยทำงานพึ่งพา AI มากเกินไป ผู้ใช้งาน AI ต้องหาจุดสมดุลระหว่างการใช้ AI และการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และระวังการสูญเสียการเรียนรู้ (Learning Loss)
People Also Search
- เปิด '4 เมกะเทรนด์โลก' พลิกวิกฤติสู่โอกาสครั้งใหญ่ของไทย
- เปิด 4 เมกะเทรนด์ พลิกโฉมเศรษฐกิจโลก ธุรกิจไทยต้องปรับตัวด่วน
- เจาะเมกะเทรนด์ Climate Tech พลิกอนาคตธุรกิจไทย
- 4 เมกะเทรนด์พลิกโลกปี 2025 คนไทยต้องปรับตัวอย่างไร?
- กรุงเทพธุรกิจ - เปิด '4 เมกะเทรนด์โลก' พลิกวิกฤติสู่โอกาสครั้งใหญ่ของ ...
- เมื่อโลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ส่องทางรอดเศรษฐกิจไทย จาก 4 ความเปลี่ยนแปลง ...
- เปิด 4 เทรนด์พลิกโฉมเศรษฐกิจโลก สู่การปรับตัวครั้งใหญ่ของภาคธุรกิจ
- กิริฎา เปิดงานวิจัย 4 เมกะเทรนด์โลก ต่อยอดธุรกิจใหม่ ดันไทยสู่เวทีโลก
- ดร.สันติธาร เผย 4 เมกะเทรนด์เขย่าโลกปี 2025 คนไทยปรับตัวยังไงดี?
- 4 เทรนด์พลิกโฉมเศรษฐกิจโลก สู่อนาคตที่ยั่งยืน - sdggo.com
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน “TCP Sustainability
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน “TCP Sustainability Forum 2025” ว่า การแข่งขันอันดุเดือดระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังพลิกโฉมภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลก โดยจีนได้แซงหน้าสหรัฐฯ ในหลายด้าน ทั้งการผลิต การส่งออก และเทคโนโลยีอย่าง AI ทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับความกังวลเรื่องการขาดดุลและหนี้มหาศาล จนนำมาซึ่ง "สงครามการค้าและเทคโนโลยี" ซึ่งสร้างความผ...
นายเฮง สวี เกียต อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานมูลนิธิวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ (National Research Foundation, Singapore) ได้ให้ทรรศนะที่น่าสนใจในหัวข้อ “Economic
นายเฮง สวี เกียต อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานมูลนิธิวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ (National Research Foundation, Singapore) ได้ให้ทรรศนะที่น่าสนใจในหัวข้อ “Economic Transformation for Peoples, For Planet” โดยระบุว่า โลกได้ผ่านวิกฤตการณ์สำคัญมาแล้ว 2 รูปแบบในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา คือวิกฤตเศรษฐกิจ (วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551) และวิกฤตโรคระบาด (โควิด-19) แม้วิกฤตเศรษฐกิจจะส่งผลกระ...
ภคมนระบุว่า ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นแล้ว 1.4 องศาเซลเซียส ซึ่งเข้าใกล้เพดานอันตรายที่ 1.5 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างมาก
ภคมนระบุว่า ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นแล้ว 1.4 องศาเซลเซียส ซึ่งเข้าใกล้เพดานอันตรายที่ 1.5 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างมาก แรงกดดันนี้ทำให้ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันปล่อยก๊าซเรือนกระจกปีละประมาณ 5 หมื่นล้านตัน ต้องมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สำหรับประเทศไทย ทิศทางเชิงนโยบายกำลังจะเปลี่ยนไปอ...
AI กำลังเข้ามาช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในหลายสายอาชีพ แต่นั่นก็หมายความว่าหลายตำแหน่งอาจถูกแทนที่ ดังนั้น คนวัยทำงานต้องพิจารณาว่างานประเภทไหนที่มนุษย์ควรทำเอง และงานแบบไหนที่ AI ควรเข้ามาช่วย แต่ความท้าทายที่สำคัญคือ การใช้
AI กำลังเข้ามาช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในหลายสายอาชีพ แต่นั่นก็หมายความว่าหลายตำแหน่งอาจถูกแทนที่ ดังนั้น คนวัยทำงานต้องพิจารณาว่างานประเภทไหนที่มนุษย์ควรทำเอง และงานแบบไหนที่ AI ควรเข้ามาช่วย แต่ความท้าทายที่สำคัญคือ การใช้ AI มากเกินไปอาจนำไปสู่ Learning Loss หรือการสูญเสียโอกาสในการเรียนรู้ คนวัยทำงานจึงต้องหาสมดุลระหว่างการใช้ AI กับการพัฒนาทักษะของตัวเอง AI กำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู...
มร.เฮง สวี เกียต กล่าวและเพิ่มเติมว่า “สิงคโปร์ นำทั้ง 4 เทรนด์มาใช้ในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน โดยคำนึงถึงเรื่องการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยี
มร.เฮง สวี เกียต กล่าวและเพิ่มเติมว่า “สิงคโปร์ นำทั้ง 4 เทรนด์มาใช้ในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน โดยคำนึงถึงเรื่องการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยี การให้ความสำคัญกับเรื่องของการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการทำข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ (Free Trade Area) ซึ่งปัจจุบันสิงคโปร์มีข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศทั้งในระดับประเทศ และระดับกลุ่มประเทศถึง 28 ฉ...