คู่มือ Flip Ebook Pages 1 18 Anyflip

Leo Migdal
-
คู่มือ flip ebook pages 1 18 anyflip

คู่มือ การดูแลช่องปากเพื่อป้องกันและบรรเทาภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบจากการได้รับรังสีรักษาและยาเคมีบำบัดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ สาเหตุ เยื่อบุช่องปากอักเสบ เป็นการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุในช่องปาก พบบ่อยในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด การฉายแสง โดยมีอาการบวม แดง มีแผลในช่องปาก ทำให้มีความเจ็บปวด แสบร้อน ปากแห้ง การรับรสและการรับประทานอาหารเปลี่ยนแปลงไป 1ระดับความรุนแรงของ เยื่อบุช่องปากอักเสบ ระดับ 0เยื่อบุช่องปากปกติ ไม่มีการอักเสบหรือเป็นแผล 2ระดับความรุนแรงของ เยื่อบุช่องปากอักเสบ ระดับ 1 เยื่อบุช่องปากอักเสบเริ่มมีสีแดง แต่ไม่มีอาการปวดหรือเริ่มมีอาการเจ็บในช่องปากเล็กน้อย 3ระดับความรุนแรงของ เยื่อบุช่องปากอักเสบ ระดับ 2 เยื่อบุช่องปากมีสีแดง มีอาการบวม มีอาการปวดหรือมีแผล ทานอาหารธรรมดาหรืออาหารอ่อนได้ 4ระดับความรุนแรงของ... การแปรงฟัน สามารถช่วยลดคราบน้ำลาย ปริมาณของเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนในช่องปาก เช่น ฟันผุเหงือกอักเสบและการติดเชื้อรุนแรงในช่องปาก โดยมีข้อปฏิบัติ ดังนี้ 1. แปรงฟันเบาๆ ทั่วช่องปาก อย่างน้อย 2 ครั้ง/วัน ระยะเวลาอย่าง น้อย 90 วินาที โดยวางแปรงสีฟันบริเวณคอฟันและขอบเหงือก โดยเฉียงลงทำมุม 45 องศากับแนวฟัน 2. กดแปรงและขยับเบาๆ บริเวณคอฟัน แล้วบิดข้อมือให้ขนแปรง ปัดขึ้นในฟันล่าง และบิดข้อมือให้ขนแปรงปัดลงในฟันบนทั้งด้าน นอกและด้านในของตัวฟัน ทำตำแหน่งละ 6 ครั้ง ใช้แปรงเข้าออก ซ้ำๆ บริเวณด้านบดเคี้ยวของฟันกราม ทั้งฟันบนและฟันล่าง 3. หากมีอาการเจ็บในช่องปาก แผลหรือเลือดออกจากแผลในช่อง ปาก ให้เปลี่ยนจากการใช้แปรงสีฟันเป็นไม้พันสำลี เช็ดฟันแทนเพื่อ ลดการระคายเคืองและการบาดเจ็บของเยื่อบุช่องปาก 72. การเลือกแปรงสีฟัน 1.

เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม ขนาดเล็ก 2. ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 1 เดือน3. การเลือกยาสีฟัน 1. เลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพราะจะช่วยลดสภาวะ เป็นกรดในช่องปาก และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับตัวฟัน 2. ไม่มีส่วนผสมของมิ้นต์หรือมีรสชาติเผ็ดร้อน 3. บีบใช้ปริมาณขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียว 84.

การบ้วนปาก การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือจะทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองและไม่ทำลายเยื่อบุผิวในช่องปาก ส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อและการฟื้นหายของแผล และยังมีผลทำให้เยื่อบุผิวและแผลที่เกิดขึ้นในช่องปากสะอาด ลดอาการบวม ลดความเจ็บปวด และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ช่องปาก 1. แนะนำการบ้วนปากวิธี Ballooning & sucking โดยเทน้ำเกลือ สำหรับบ้วนปากลงในแก้วปริมาณ 30 มิลลิลิตร 2. โดย วิธี Ballooning จะกลั้วน้ำเกลือสลับไปมาทั้งทางด้านซ้ายและขวาของ กระพุ้งแก้ม ดังรูปภาพที่ 1 ส่วนวิธี sucking ให้ดูดแก้มเพื่อให้มีแรง เคลื่อนของน้ำเกลือระหว่างฟัน ดังรูปภาพที่ 2 เป็นระยะเวลา 30 วินาที แล้วบ้วนทิ้ง 3. โดยให้บ้วนทุกๆ 4 ชั่วโมงหรือทุกครั้งหลังรับประทานอาหารและก่อนนอน 4. ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาบ้วนปากทางการค้าต่างๆ เนื่องจากมีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ในปริมาณสูง ส่งผลให้เกิดการระคายเคือง ช่องปากแห้ง วิธีการทำน้ำเกลือบ้วนปากใช้อัตราส่วนของ น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว 1,000 มิลลิลิตร : เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ รูปภาพที่ 1 การบ้วนปากวิธี Ballooning รูปภาพที่ 2 การบ้วนปากวิธี sucking 9รูปภาพที่ 1 การบ้วนปากวิธี Ballooning5. การเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปาก เพื่อลดการระคายเคืองและการบาดเจ็บต่อเยื่อบุช่องปาก ดังนี้ 1.

ควรดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 2 ลิตร/วัน โดยการจิบน้ำ บ่อยๆระหว่างวันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปาก 2. ทาวาสลีนบริเวณริมฝีปากระหว่างวันเพื่อป้องกันริมฝีปากแห้ง แตกเป็นแผล 3. หากน้ำลายแห้งมาก ให้อมลูกอมหรือหมากฝรั่งที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายหรือใช้น้ำลายเทียมตามแผนการรักษา ของแพทย์ 106. การรับประทานอาหาร 1. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ได้แก่ อาหารแข็ง รสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ร้อนจัด 2. หลีกเลี่ยงชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 11การดูแลช่องปากตามระดับความรุนแรง ของเยื่อบุช่องปากอักเสบ ระดับ 0-11.

แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน ด้วยแปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม ยาสีฟัน ที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์และรสอ่อน ไม่เผ็ดซ่า2. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือทุก 4 ชั่วโมงหรือทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงใช้น้ำยาบ้วนปากอื่นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์3. ดื่มน้ำอย่างน้อย 2 ลิตร/วัน ในกรณีที่ไม่มีข้อห้าม4. ทาวาสลีนบริเวณริมฝีปาก5. รับประทานอาหารอ่อนนุ่ม ไม่ระคายเคืองต่อเยื่อบุช่องปาก และให้ครบ 5 หมู่ เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย6. หลีกเลี่ยงชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และ งดสูบบุหรี่7.

หากผู้ป่วยสวมฟันปลอม แนะนำให้ถอดออกเพื่อป้องกันการบาดเจ็บของ เหงือกจากแรงกด8. ประเมินช่องปากด้วยตนเองวันละ 1 ครั้ง เพื่อเฝ้าระวังการเกิดติดเชื้อหรือ เลือดออกจากแผลในช่องปาก หากพบให้แจ้งพยาบาลหรือแพทย์ เจ้าของไข้ 12ระดับ 2-31. แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน ด้วยแปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม ยาสีฟันที่ มีส่วนผสมของฟลูออไรด์และรสอ่อน ไม่เผ็ดซ่า แต่หากเจ็บแผลในช่องปาก มาก ให้เช็ดในช่องปากอย่างเบามือ ด้วยผ้าก๊อซหรือสำลีพันปลายไม้ที่ชุบ ด้วยน้ำเกลือ2. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือสำหรับบ้วนปากทุก 2 ชั่วโมง3. หลีกเลี่ยงการใช้ไหมขัดฟัน เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อเหงือกได้4. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ได้แก่ อาหาร แข็ง รสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ร้อนจัด เย็นจัด หากมีอาการเจ็บในช่องปากและคอเล็กน้อย แนะนำให้รับประทาน อาหารอ่อน เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือไข่ ตุ๋น เป็นต้น หากมีอาการเจ็บปากและคอมาก มีอาการกลืนติด กลืนลำบาก แนะนำ ให้รับประทานอาหารเหลว เช่น น้ำซุปข้นหรือใส นม น้ำเต้าหู้ อาหารปั่นหรือ อาหารเสริมทางการแพทย์ เพื่อให้ง่ายต่อการกลืนและลดการบาดเจ็บของ เยื่อบุในช่องปากและคอ 13ระดับ 2-35.

หากเจ็บในช่องปากและคอมาก ทำให้รับประทานอาหารไม่ได้ แนะนำ ให้ปรึกษาพยาบาลและให้แจ้งแพทย์เจ้าของไข้ เพื่อพิจารณาการให้สาร อาหารทางอื่น เพิื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหาร เช่น การให้อาหาร ทางสายยาง และได้รับยาบรรเทาความเจ็บปวดที่เหมาะสม6. แนะนำให้อม/กลั้วยาชา ปริมาณ 5-10 ml อมกลั้วให้ทั่วปากและคอแล้ว กลืนช้าๆ ก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อลดความเจ็บปวดขณะกลืนอาหาร7. ประเมินช่องปากด้วยตนเองวันละ 1 ครั้ง เพื่อเฝ้าระวังการเกิดติดเชื้อหรือ เลือดออกจากแผลในช่องปาก หากพบให้แจ้งพยาบาลหรือแพทย์เจ้าของไข้ 14ระดับ 41. ดูแลความสะอาดในช่องปากด้วยการเช็ดในช่องปากอย่างเบามือ ด้วยผ้าก๊อซ หรือสำลีพันปลายไม้ หากแผลมีเลือดออกหรือเจ็บในช่องปากมาก ให้บ้วนปาก ด้วยน้ำเกลือสำหรับบ้วนปากทุก 2 ชั่วโมง2. แนะนำให้รับประทานอาหารเหลวหรืออาหารเสริมทางการแพทย์ หากเจ็บ ในช่องปากและคอมาก แพทย์อาจพิจารณาให้สารอาหารทางอื่น เช่น การ ให้อาหารทางสายยาง เพื่อให้ได้สารอาหารเพียงพอกับความต้องการของ ร่างกาย เพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหาร และเพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวและ การหายของแผลในช่องปาก3. แนะนำรับประทานยาบรรเทาอาการเจ็บปวด หรืออม/กลั้วยาชา ตาม แผนการรักษาของแพทย์4.

ประเมินช่องปากด้วยตนเองวันละ 1 ครั้ง เพื่อเฝ้าระวังการเกิดติดเชื้อหรือ เลือดออกจากแผลในช่องปาก หากพบให้แจ้งพยาบาลหรือแพทย์เจ้าของไข้ 15อ้างอิง วันทกานต์ ราชวงศ์,(2559). คู่มือการพยาบาลการดูแลช่องปากในผู้ ป่วยมะเร็งศีรษะและคอที่ได้รับการฉายรังสี. จาก https://www2.si.mahidol.ac.th/division/nursing/sin /attachments/article/218/sins_ nursing_manual _2558_06.pdf อนุสสรา ส่งทอง,(2557). การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะเยื่อบุช่องปาก อักเสบ. จาก https://he01.tci-thaijo.org › article › 16โดย รายวิชาที่ ๖นางจันทร์เพ็ญ ศรีประเสริฐ ปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็ง ๒ (Practicum in oncology care ๒) นางสาวเปมิกา พู่พวง หลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทาง สาขาการพยาบาลผู้ป่วยโรคมะเร็ง รุ่นที่ ๓ นางสาวโสภิตา หัสดิพันธ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ร่วมกับโรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี พ.ศ. ๒๕๖๕

Important AnnouncementPubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am. PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated! 1 1. คุณครเู ตรียมไฟล์ pdf ท่ตี ้องการจัดทาเป็น E-book และทาการเข้าสเู่ วบ็ www.anyflip.com และคลิกท่ี Sing Up เพอื่ ทาการเข้าสูร่ ะบบ 2. เลอื กชอ่ งทางการเข้าระบบ โดยสามารถเข้าสู่ระบบผา่ น Google หรอื Facebook 3. เลอื กท่ี Add new book เพือ่ เพิม่ หนงั สือใหม่2 4.

จากนน้ั ทาการกรอกข้อมูลชือ่ หนงั สอื และเลือกประเภทของหนงั สือ และทาการ UPLOAD YOUR PDF 5. เมอื่ Upload ไฟลเ์ รียบร้อยแล้วจะปรากฏตวั อยา่ งหนังสอื ดงั ภาพ3 6. จากนัน้ คลิกท่ีช้นั หนงั สือเพ่ือให้แสดงผลหนงั สือที่ได้ทาการสร้างไว้ 7. จะปรากฏช้นั หนังสือ โดยสามารถแชรช์ น้ั หนงั สอื ของเราโดยใช้ ลิงคท์ ี่ปรากฏหรอื qr code4 8. จะปรากฏหนา้ ชน้ั หนงั สอื ของคุณครูขนึ้ มา ทาการคลกิ ที่หนังสือเพ่ือเปิดอ่าน 9. ตัวอยา่ ง E-book ทไ่ี ด้ทาการสร้างขึ้น ซ่งึ รองรับการแสดงผลทุกอปุ กรณ์ค่ะ5

การสร้าง E-book Online ด้วยโปรแกรม Flip PDF โปรแกรม Flip PDF เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างหนังสือ E-Book Online โดยมีหลักการท าดังนี้ จัดท าเอกสารต้นฉบับ > แปลงไฟล์ที่จัดท าต้นฉบับเป็นไฟล์ PDF > น าไฟล์ PDF เข้าสู่โปรแกรม PDF เพื่อ เปลี่ยน E-Book > เผยแพร่ E-Book ที่จัดท าเรียบร้อยแล้วให้อยู่ในรูปแบบต่างๆตามความต้องการ... สร้างต้นฉบับให้สมบูรณ์จากโปรแกรม MS Word , MS PowerPoint , Pages , Keynote และท าการ แปลงไฟล์เป็น PDF วิธี Save ไฟล์ที่สร้างจากโปรแกรม Pages ให้เป็นไฟล์ PDF มีขั้นตอนดังนี้ 1.1.1) เมื่อเปิดสร้างไฟล์ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์แล้วให้คลิ๊กไปที่ File 1.1.1 111 1.1.2) เลือก Export To >> PDF ตามรูป 1.1.2 1.1.3 เลือกระดับความละเอียดของไฟล์ต้นฉบับ Image Quality (Best คือระดับที่มีความละเอียดสูงสุดขนาด ไฟล์ที่แปลงเป็น PDF จะมีขนาดใหญ่ที่สุด) และเลือก Next… 1.1.3 1.1.4 สร้างเชื่อไฟล์ที่ต้องการให้แปลงเป็น PDF ที่ Save As 1.1.5 กดปุ่ม Export จะได้ไฟล์ต้นฉบับในรูปแบบ PDF 1.1.4 1.1.5 11 วิธี Save ไฟล์ที่สร้างจากโปรแกรม MS Word ให้เป็นไฟล์ PDF มีขั้นตอนดังนี้ 1.2.1) เปิดสร้างไฟล์ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ที่ต้องการ Save ไฟล์เป็น PDF 1.2.2) เข้าค าสั่งแฟ้ม เลือก บันทึกเป็น 1.2.2

People Also Search

คู่มือ การดูแลช่องปากเพื่อป้องกันและบรรเทาภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบจากการได้รับรังสีรักษาและยาเคมีบำบัดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ สาเหตุ เยื่อบุช่องปากอักเสบ เป็นการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุในช่องปาก พบบ่อยในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด การฉายแสง โดยมีอาการบวม แดง มีแผลในช่องปาก

คู่มือ การดูแลช่องปากเพื่อป้องกันและบรรเทาภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบจากการได้รับรังสีรักษาและยาเคมีบำบัดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ สาเหตุ เยื่อบุช่องปากอักเสบ เป็นการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุในช่องปาก พบบ่อยในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด การฉายแสง โดยมีอาการบวม แดง มีแผลในช่องปาก ทำให้มีความเจ็บปวด แสบร้อน ปากแห้ง การรับรสและการรับประทานอาหารเปลี่ยนแปลงไป 1ระดับความรุนแรงของ เยื่อบุช่องปากอักเส...

เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม ขนาดเล็ก 2. ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 1 เดือน3. การเลือกยาสีฟัน 1. เลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพราะจะช่วยลดสภาวะ

เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม ขนาดเล็ก 2. ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 1 เดือน3. การเลือกยาสีฟัน 1. เลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพราะจะช่วยลดสภาวะ เป็นกรดในช่องปาก และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับตัวฟัน 2. ไม่มีส่วนผสมของมิ้นต์หรือมีรสชาติเผ็ดร้อน 3. บีบใช้ปริมาณขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียว 84.

การบ้วนปาก การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือจะทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองและไม่ทำลายเยื่อบุผิวในช่องปาก ส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อและการฟื้นหายของแผล และยังมีผลทำให้เยื่อบุผิวและแผลที่เกิดขึ้นในช่องปากสะอาด ลดอาการบวม ลดความเจ็บปวด และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ช่องปาก 1. แนะนำการบ้วนปากวิธี Ballooning

การบ้วนปาก การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือจะทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองและไม่ทำลายเยื่อบุผิวในช่องปาก ส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อและการฟื้นหายของแผล และยังมีผลทำให้เยื่อบุผิวและแผลที่เกิดขึ้นในช่องปากสะอาด ลดอาการบวม ลดความเจ็บปวด และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ช่องปาก 1. แนะนำการบ้วนปากวิธี Ballooning & sucking โดยเทน้ำเกลือ สำหรับบ้วนปากลงในแก้วปริมาณ 30 มิลลิลิตร 2. โดย วิธี Ballooning จะกลั้วน้ำเกลือสลับไปมาทั...

ควรดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 2 ลิตร/วัน โดยการจิบน้ำ บ่อยๆระหว่างวันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปาก 2. ทาวาสลีนบริเวณริมฝีปากระหว่างวันเพื่อป้องกันริมฝีปากแห้ง แตกเป็นแผล 3.

ควรดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 2 ลิตร/วัน โดยการจิบน้ำ บ่อยๆระหว่างวันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปาก 2. ทาวาสลีนบริเวณริมฝีปากระหว่างวันเพื่อป้องกันริมฝีปากแห้ง แตกเป็นแผล 3. หากน้ำลายแห้งมาก ให้อมลูกอมหรือหมากฝรั่งที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายหรือใช้น้ำลายเทียมตามแผนการรักษา ของแพทย์ 106. การรับประทานอาหาร 1. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ได้แก่ อาหารแข็ง...

แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน ด้วยแปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม ยาสีฟัน ที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์และรสอ่อน ไม่เผ็ดซ่า2. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือทุก 4

แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน ด้วยแปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม ยาสีฟัน ที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์และรสอ่อน ไม่เผ็ดซ่า2. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือทุก 4 ชั่วโมงหรือทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงใช้น้ำยาบ้วนปากอื่นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์3. ดื่มน้ำอย่างน้อย 2 ลิตร/วัน ในกรณีที่ไม่มีข้อห้าม4. ทาวาสลีนบริเวณริมฝีปาก5. รับประทานอาหารอ่อนนุ่ม ไม่ระคายเคืองต่อเยื่อบุช่องปาก และให้ครบ 5 หมู่ เพียงพอกับความต้อง...