นักวิทยาศาสตร์ประเมิน ภาวะโลกร้อนจะทําให้ระดับน้ําทะเลจะสูงขึ้น 0 5 1

Leo Migdal
-
นักวิทยาศาสตร์ประเมิน ภาวะโลกร้อนจะทําให้ระดับน้ําทะเลจะสูงขึ้น 0 5 1

ปัจจุบันโลกยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้หลายปีที่ผ่านมา โลกมีระดับอุณหภูมิสูงทำลายสถิติติดต่อกันหลายเดือน ซึ่งนอกจากผลกระทบเรื่องความร้อนแล้ว ก๊าซเรือนกระจกยังทำให้ระดับน้ำทะเลมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากมันได้ไปละลายน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกซึ่งเพิ่มปริมาณน้ำเข้าไปยังมหาสมุทร โดยทั่วไปแล้วการคาดการณ์เกี่ยวกับระดับน้ำทะเลในปัจจุบันนั้นมีวิธีต่าง ๆ มากมายในการสร้างแบบจำลองสภาพอากาศ อย่างไรก็ตามระบบอากาศของโลกเป็นสิ่งที่ซับซ้อนอย่างมากและได้รับผลกระทบจากปัจจัยจำนวนมาก ดังนั้นแบบจำลองจึงให้ภาพที่แตกต่างกันไป ทำให้การประเมินระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นให้ได้อย่างแม่นยำนั้นเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้แม้แต่องค์กรอย่างคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ก็ยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่กันแน่ แต่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เห็นตรงกันคือน้ำทะเลจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้และแก้ไขความไม่แน่นอนในการจำลองระดับน้ำทะเล ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนานยาง (NTU) จากประเทศสิงคโปร์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ (TU Delft) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ร่วมมือกันพัฒนาวิธีใหม่เพื่อทำให้ภาพดังกล่าวชัดเจนขึ้น “แนวทางใหม่ของเราช่วยแก้ปัญหาสำคัญในวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับระดับน้ำทะเลได้ เนื่องจากวิธีการต่าง ๆ ที่ใช้ในการคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของระดับทะเลนั้นมักจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างมาก” ดร.เบนจามิน แกรนเดย์ (Benjamin Grandey) นักวิจัยอาวุโสจากคณะวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนานยาง กล่าว “ภาวะโลกร้อน” ทำให้ “น้ำแข็งขั้วโลก” ละลายอย่างรวดเร็วขึ้นไปทุกขณะ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “ระดับน้ำทะเล” ที่พุ่งสูงขึ้น และดูเหมือนว่าการประเมินการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะต่ำความเป็นจริงอยู่เรื่อยมา ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบปัจจัยใหม่ที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว และระดับน้ำทะเลพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย

จากการศึกษาใหม่จากคณะสำรวจทวีปแอนตาร์ติกาของสหราชอาณาจักร หรือ BAS ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience พบว่า มีน้ำทะเลอุ่นแทรกซึมอยู่ระหว่างแผ่นน้ำแข็งชายฝั่งและพื้นดินอยู่ ซึ่งน้ำอุ่นละลายช่องน้ำแข็ง ยิ่งทำให้น้ำไหลเข้าไปในน้ำแข็งได้มากขึ้น และเมื่อน้ำแข็งละลายสู่มหาสมุทร ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การศึกษาครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ “เขตกราวดิง” (grounding zones) เป็นบริเวณที่น้ำแข็งจากพื้นดินมาบรรจบกับทะเล เมื่อเวลาผ่านไป น้ำแข็งบนบกจะเคลื่อนตัวลงสู่มหาสมุทรโดยรอบและละลายในที่สุด ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ชายฝั่งแอนตาร์กติกาและกรีนแลนด์ และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น นักวิทยาศาสตร์สร้างแบบจำลอง เพื่อหาว่าน้ำทะเลสามารถซึมระหว่างพื้นดินกับแผ่นน้ำแข็งได้อย่างไร ส่งผลต่อการละลายน้ำแข็งเฉพาะจุดและเร่งให้ละลายเร็วขึ้นอย่างไร ซึ่งพบว่ากระบวนการนี้เกิดขึ้นจาก น้ำทะเลอุ่นเข้ามาละลายน้ำแข็งบริเวณกราวดิงจนเป็นโพรงใหญ่ และทำให้น้ำอุ่นไหลเข้ามาในแผ่นน้ำแข็ง ซึ่งจะเร่งให้น้ำแข็งละลายมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น ดังนั้นหากน้ำทะเลมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นแม้เพียงนิดเดียวก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราการละลายของน้ำแข็ง ซึ่งจะเปลี่ยนจากระยะทางไม่กี่เมตรให้กลายเป็นหลาย 10 กิโลเมตร ได้ในระยะเวลาไม่นาน เมื่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี จนมีการคาดการณ์ว่า ผู้คนมากกว่า 410 ล้านคนอาจมีความเสี่ยงจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นภายในปี 2100 และกรุงเทพอาจเป็นหนึ่งในเมืองที่รับผลกระทบด้วย องค์กรวิจัยของสถาบันสมิธโซเนียนระบุว่า ในช่วงทศวรรษที่ 1800 เราสามารถวัดระดับพื้นผิวของน้ำทะเล โดยใช้มาตรวัดที่ติดอยู่กับโครงสร้าง เช่น ท่าเรือวัดระดับน้ำทะเลทั่วโลก แต่อาจมีความคลาดเคลื่อนจากปัจจัยด้านสภาพอากาศ ปัจจุบันจึงมีดาวเทียมที่สามารถสะท้อนสัญญาณเรดาร์จากพื้นผิวมหาสมุทรทั่วโลกเพื่อวัดระดับและหาค่าเฉลี่ยได้อย่างแม่นยำ

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2021 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ‘ร่องรอย’ ของระดับน้ำทะเลจากแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันความน่ากลัวของการที่น้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วเนื่องมาจากวิกฤติสภาพอากาศ โดยตอนนี้แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์สูญเสียน้ำแข็งประมาณ 30 ล้านตันต่อชั่วโมง และคาดว่ามันจะพังทลายลงทั้งหมดภายในปี 2025 รายงานของ NASA ระบุว่า ระดับน้ำทะเลทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 10 ซม. ระหว่างปี 1993 ถึง 2024 ซึ่งนับเป็นระดับที่สูงขึ้นในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วง 2,500 ปีที่ผ่านมา และหลายหน่วยงานของสหรัฐฯ ต่างส่งคำเตือนตรงกันว่า ระดับน้ำตามแนวชายฝั่งของประเทศอาจเพิ่มขึ้นอีก 25-30 ซม. ภายในปี 2050 เมื่อวัดเป็นระดับเซ็นติเมตรอาจทำให้รู้สึกว่าระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่การเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบที่รุนแรงในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อมีภัยพิบัติอย่าง ‘สตอร์ม เซิร์จ’ ที่สามารถโหมทำลายพื้นที่ชายฝั่งได้ลึกกว่าเดิม อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเป็นหนึ่งในผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดของภาวะโลกร้อน ผู้คนหลายล้านอาศัยอยู่บนชายฝั่งและบนเกาะต่ำดังนั้นหากไม่ดำเนินการใด ๆ ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้านี้ จะต้องมีการอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน. จนกระทั่งปัจจุบันนี้ คิดว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 1,3-2 มม. ต่อปี อย่างไรก็ตาม, การวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่ามันเพิ่มขึ้นเร็วขึ้น. ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ได้รับเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลมาจากเครือข่ายเครื่องวัดระดับน้ำขึ้นน้ำลง ที่ตั้งอยู่ตามชายฝั่ง เครื่องมือเหล่านี้มีประโยชน์มากหากคุณต้องการทราบว่าพื้นที่เหล่านี้เพิ่มขึ้นเท่าใด แต่ พวกเขาจะไม่ให้ผลลัพธ์โดยรวม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะถูกกำหนดโดยการเคลื่อนที่ในแนวตั้งของแผ่นดินในเปลือกโลกและรูปแบบความแปรปรวนในระดับภูมิภาคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของการหมุนเวียนของมหาสมุทร การกระจายตัวใหม่ของลม หรือผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงของการกระจายตัวใหม่ของมวลน้ำและน้ำแข็งบนโลก ตามที่ Sönke Dangendorf ซึ่งเป็นผู้เขียนหลักของการศึกษาได้อธิบายไว้ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์มีเครื่องวัดความสูงที่ใช้ตรวจสอบระดับน้ำทะเลในมหาสมุทรทั้งหมดบนเรือ ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้น (SLR) เกิดจากปัจจัยหลัก 3.25 ประการ ได้แก่ การขยายตัวเนื่องจากความร้อนและการละลายของแผ่นน้ำแข็งที่เพิ่มขึ้น IPCC รายงานว่าระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 1993 มม.

ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2100 คาดว่าภายในปี 0.43 ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 0.84 ถึง XNUMX เมตร อ้าง นักวิทยาศาสตร์บางคนโต้แย้งว่าด้วยอัตราปัจจุบัน ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจะมีผลกระทบต่อแนวปะการังเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการเติบโตของปะการังและการเพิ่มจำนวนของแนวปะการังอาจตามทัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยอื่นๆ ระบุว่าการเพิ่มจำนวนของแนวปะการังโดยรวมอาจช้ากว่าการเติบโตของกลุ่มปะการังแต่ละกลุ่มอย่างมาก อ้าง แสดงให้เห็นว่าแนวปะการังส่วนใหญ่อาจไม่มีความสามารถในการชดเชย SLR อ้าง นอกจากนี้ ปัจจัยกดดันอื่นๆ ได้แก่ อุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ภาวะเป็นกรดในมหาสมุทร โรคภัย และการทำประมงมากเกินไป ยังเป็นความท้าทายเพิ่มเติมที่อาจขัดขวางความสามารถของปะการังในการรับมือกับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ในระดับท้องถิ่น SLR อาจทำให้เกิดตะกอนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งอาจทำให้แนวปะการังหายใจไม่ออกหรือแสงแดดที่จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์แสงลดลง SLR ยังอาจทำให้ท่วมและกัดเซาะแหล่งที่อยู่อาศัยของชายฝั่ง เช่น ป่าชายเลนและชายหาดที่ทำรังของเต่าทะเลได้อีกด้วย การกัดเซาะชายหาดในเมืองแคนคูน ประเทศเม็กซิโก ภาพถ่ายโดย Jesse Festa ในปัจจุบัน มีประชากรมากกว่า 2.5 ล้านคนอาศัยอยู่ภายในรัศมี 100 กม. จากแนวชายฝั่ง และ 898 ล้านคนอยู่ในเขตชายฝั่งระดับความสูงต่ำทั่วโลก อ้าง การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลส่งผลกระทบโดยตรงต่อชุมชนชายฝั่ง เช่นเดียวกันกับพายุโซนร้อนและฝนตก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งอาจส่งผลให้บ้านเรือน ที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหาย และปนเปื้อนน้ำดื่มและพื้นที่เกษตรกรรม

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 29 มกราคม 2568 ที่มา : National Geographic (https://ngthai.com/environment/76397/sea-leve-rise-up-by-2100/) “ระดับน้ำทะเลทั่วโลกอาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.9 เมตรภายในปี 2100 ซึ่งมีความเป็นไปได้อยู่ที่ร้อยละ 90 สูงกว่าการคาดการณ์ล่าสุดของสหประชาชาติถึง 90 เซนติเมตร” ปัจจุบันโลกยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้หลายปีที่ผ่านมา โลกมีระดับอุณหภูมิสูงทำลายสถิติติดต่อกันหลายเดือน ซึ่งนอกจากผลกระทบเรื่องความร้อนแล้ว ก๊าซเรือนกระจก ยังทำให้ระดับน้ำทะเลมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากมันได้ไปละลายน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกซึ่งเพิ่มปริมาณน้ำเข้าไปยังมหาสมุทร โดยทั่วไปแล้วการคาดการณ์เกี่ยวกับระดับน้ำทะเลในปัจจุบันนั้นมีวิธีต่าง ๆ มากมายในการสร้างแบบจำลองสภาพอากาศ อย่างไรก็ตามระบบอากาศของโลกเป็นสิ่งที่ซับซ้อนอย่างมากและได้รับผลกระทบจากปัจจัยจำนวนมาก ดังนั้นแบบจำลองจึงให้ภาพที่แตกต่างกันไป ทำให้การประเมินระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นให้ได้อย่างแม่นยำนั้นเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้แม้แต่องค์กรอย่างคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ก็ยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่กันแน่ แต่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เห็นตรงกันคือน้ำทะเลจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้และแก้ไขความไม่แน่นอนในการจำลองระดับน้ำทะเล ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนานยาง (NTU) จากประเทศสิงคโปร์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ (TU Delft) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ร่วมมือกันพัฒนาวิธีใหม่เพื่อทำให้ภาพดังกล่าวชัดเจนขึ้น “การจำกัดภาวะโลกร้อนให้ไม่เกิน 1.5°C จะถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่” คริส สโตกส์ (Chris Stokes) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเดอรัมในอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้เขียนหลัก กล่าว ซึ่งจะช่วยให้โลกหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านสภาพอากาศที่เลวร้ายได้หลายประการ

“แต่แม้ว่าจะบรรลุเป้าหมายนี้ ระดับน้ำทะเลก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนปรับตัวได้ยากมาก” เขาเสริม ตามรายงานใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Communications earth & environment เตือนว่าระดับน้ำทะเลจะยังคงสูงขึ้นในแบบควบคุมไม่ได้ แม้จะควบคุมภาวะโลกร้อนไม่ให้เกิน 1.5°C ซึ่งจะนำไปสู่การอพยพครั้งใหญ่ และเหตุการณ์นี้จะยังคงเกิดขึ้นแม้ระดับความร้อนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2°C ก็ตาม ท่ามกลางวิกฤตสภาพอากาศปัจจุบันทำให้แผ่นน้ำแข็งยักษ์กรีนแลนด์และแอนตาร์กติกามีการละลายเพิ่มขึ้น 4 เท่าตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ซึ่งนำไปสู่ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น แต่เพื่อจำกัดผลกระทบต่าง ๆ หลายประเทศทั่วโลกจึงมีเป้าหมายรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C อย่างไรก็ตามดูเหมือนเราจะยังมีความพยายามไม่มากพอ ทำให้เป้าหมายดังกล่าวแทบจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อพิจารณาจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังนั้นแทนที่จะเป็น 1.5°C โลกกลับมุ่งสู่ภาวะโลกร้อนที่ 2.5-2.9°C ซึ่งแน่นอนว่าจะก้าวข้ามจุด ‘หายนะ’ ที่ทำให้แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกพังทลาย

People Also Search

ปัจจุบันโลกยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้หลายปีที่ผ่านมา โลกมีระดับอุณหภูมิสูงทำลายสถิติติดต่อกันหลายเดือน ซึ่งนอกจากผลกระทบเรื่องความร้อนแล้ว ก๊าซเรือนกระจกยังทำให้ระดับน้ำทะเลมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากมันได้ไปละลายน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกซึ่งเพิ่มปริมาณน้ำเข้าไปยังมหาสมุทร โดยทั่วไปแล้วการคาดการณ์เกี่ยวกับระดับน้ำทะเลในปัจจุบันนั้นมีวิธีต่าง ๆ มากมายในการสร้างแบบจำลองสภาพอากาศ อย่างไรก็ตามระบบอากาศของโลกเป็นสิ่งที่ซับซ้อนอย่างมากและได้รับผลกระทบจากปัจจัยจำนวนมาก

ปัจจุบันโลกยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้หลายปีที่ผ่านมา โลกมีระดับอุณหภูมิสูงทำลายสถิติติดต่อกันหลายเดือน ซึ่งนอกจากผลกระทบเรื่องความร้อนแล้ว ก๊าซเรือนกระจกยังทำให้ระดับน้ำทะเลมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากมันได้ไปละลายน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกซึ่งเพิ่มปริมาณน้ำเข้าไปยังมหาสมุทร โดยทั่วไปแล้วการคาดการณ์เกี่ยวกับระดับน้ำทะเลในปัจจุบันนั้นมีวิธีต่าง ๆ มากมายในการสร้างแบบจำลองสภาพอากาศ อย่า...

จากการศึกษาใหม่จากคณะสำรวจทวีปแอนตาร์ติกาของสหราชอาณาจักร หรือ BAS ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience พบว่า มีน้ำทะเลอุ่นแทรกซึมอยู่ระหว่างแผ่นน้ำแข็งชายฝั่งและพื้นดินอยู่ ซึ่งน้ำอุ่นละลายช่องน้ำแข็ง ยิ่งทำให้น้ำไหลเข้าไปในน้ำแข็งได้มากขึ้น

จากการศึกษาใหม่จากคณะสำรวจทวีปแอนตาร์ติกาของสหราชอาณาจักร หรือ BAS ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience พบว่า มีน้ำทะเลอุ่นแทรกซึมอยู่ระหว่างแผ่นน้ำแข็งชายฝั่งและพื้นดินอยู่ ซึ่งน้ำอุ่นละลายช่องน้ำแข็ง ยิ่งทำให้น้ำไหลเข้าไปในน้ำแข็งได้มากขึ้น และเมื่อน้ำแข็งละลายสู่มหาสมุทร ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การศึกษาครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ “เขตกราวดิง” (grounding zones) เป็นบริเวณที่น้ำแข็งจากพื้นดินมาบรรจ...

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2021 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ‘ร่องรอย’ ของระดับน้ำทะเลจากแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันความน่ากลัวของการที่น้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วเนื่องมาจากวิกฤติสภาพอากาศ โดยตอนนี้แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์สูญเสียน้ำแข็งประมาณ 30 ล้านตันต่อชั่วโมง และคาดว่ามันจะพังทลายลงทั้งหมดภายในปี

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2021 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ‘ร่องรอย’ ของระดับน้ำทะเลจากแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันความน่ากลัวของการที่น้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วเนื่องมาจากวิกฤติสภาพอากาศ โดยตอนนี้แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์สูญเสียน้ำแข็งประมาณ 30 ล้านตันต่อชั่วโมง และคาดว่ามันจะพังทลายลงทั้งหมดภายในปี 2025 รายงานของ NASA ระบุว่า ระดับน้ำทะเลทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 10 ซม. ระหว่างปี 1993 ถึง 2024 ซึ่งน...

การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเป็นหนึ่งในผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดของภาวะโลกร้อน ผู้คนหลายล้านอาศัยอยู่บนชายฝั่งและบนเกาะต่ำดังนั้นหากไม่ดำเนินการใด ๆ ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้านี้ จะต้องมีการอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน. จนกระทั่งปัจจุบันนี้ คิดว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 1,3-2 มม. ต่อปี

การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเป็นหนึ่งในผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดของภาวะโลกร้อน ผู้คนหลายล้านอาศัยอยู่บนชายฝั่งและบนเกาะต่ำดังนั้นหากไม่ดำเนินการใด ๆ ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้านี้ จะต้องมีการอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน. จนกระทั่งปัจจุบันนี้ คิดว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 1,3-2 มม. ต่อปี อย่างไรก็ตาม, การวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่ามันเพิ่มขึ้นเร็วขึ้น. ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ข้อมูลที่นักวิท...

ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2100 คาดว่าภายในปี 0.43 ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 0.84 ถึง XNUMX เมตร อ้าง

ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2100 คาดว่าภายในปี 0.43 ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 0.84 ถึง XNUMX เมตร อ้าง นักวิทยาศาสตร์บางคนโต้แย้งว่าด้วยอัตราปัจจุบัน ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจะมีผลกระทบต่อแนวปะการังเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการเติบโตของปะการังและการเพิ่มจำนวนของแนวปะการังอาจตามทัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยอื่นๆ ระบุว่าการเพิ่มจำนวนของแนวปะการังโดยรวมอาจช้ากว่าการเติบโตของกลุ่มปะการังแต่ละกลุ่มอย่างมาก อ้าง แสดงให้เห็นว่...