ปรากฏการณ์ลานีญาเกิดขึ้นหรือยัง ยาวนานถึงเมื่อไหร่ และสภาพอากาศจะเป็น
ลานีญา (La Niña) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน มีลักษณะเด่นคือการลดลงของอุณหภูมิผิวทะเลในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตเส้นศูนย์สูตร (Equator) โดยทั่วไปแล้ว ลานีญา จะมีผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงในลม ฝน และสภาพภูมิอากาศอื่นๆ ในช่วงที่เกิดลานีญา มักจะทำให้เกิดสภาพอากาศที่เย็นกว่าปกติในบางพื้นที่และอาจทำให้เกิดฝนตกหนักในบางภูมิภาค อาทิ ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเอเชียและบางส่วนของออสเตรเลีย ขณะเดียวกันบางพื้นที่อย่าง อเมริกาใต้บางส่วนอาจประสบกับภัยแล้ง โดยการเกิดลานีญามักจะเกิดขึ้นในวงรอบที่ไม่แน่นอน ประมาณทุก 2-7 ปี และมักจะเกิดขึ้นหลังจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้อุณหภูมิผิวทะเลในพื้นที่เดียวกันอุ่นขึ้น การพยากรณ์ล่าสุดจาก องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ระบุว่าอุณหภูมิผิวทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนคาดว่าจะกลับคืนสู่สภาพปกติ โดยมีโอกาส 60 % ที่สภาพอากาศจะกลับไปสู่ช่วงอุณหภูมิที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า สภาวะปกติ (ENSO-neutral) ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2025 และเพิ่มขึ้นเป็น 70 % ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2025 ทั้งนี้ ENSO (El Niño-Southern Oscillation)-neutral หมายถึงมหาสมุทรไม่ได้มีอุณหภูมิที่ร้อนผิดปกติ (เอลนีโญ) หรือเย็นผิดปกติ (ลานีญา) และโอกาสที่ El Niño จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ก็ต่ำมากหน่วยงานกล่าว ซึ่งตามที่ Celeste Saulo เลขาธิการ WMO กล่าวไว้ว่า การพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ เอลนีโญ และ ลานีญา มีความสำคัญในการเตือนล่วงหน้าและการดำเนินการป้องกัน “การพยากรณ์เหล่านี้แปลเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในการประหยัดทางเศรษฐกิจสำหรับภาคส่วนสำคัญ ทั้ง เกษตรกรรม พลังงาน และการขนส่ง และได้ช่วยชีวิตผู้คนหลายพันคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยการเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ” องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) แห่งสหประชาชาติคาดการณ์ว่า “ปรากฏการณ์ลานีญา” ที่ทำให้อากาศเย็นลงอาจกลับมาอีกครั้งระหว่างเดือนก.ย.- พ.ย.
แต่ถึงแม้ "ลานีญา" จะกลับมา อุณหภูมิโลกจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ดี โลกของเราเข้าสู่ช่วง “ปรากฏการณ์ลานีญา” ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2025 แต่ผ่านมาไม่กี่เดือน สำนักงานบริหารบรรยากาศ และมหาสมุทรแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) ก็ประกาศว่า “ลานีญา” หายไปแล้วอย่างรวดเร็วภายในเวลา 3 เดือน ทำให้ตอนนี้เข้าสู่ “สภาวะความเป็นกลาง” (ENSO-Neutral) และจะเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายเดือน ล่าสุด เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนก.ย.- พ.ย.2025 มีโอกาสประมาณ 55% ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางจะเย็นลง ถึงระดับลานีญา แต่พอไปถึงช่วงระหว่างเดือนต.ค.- ธ.ค. โอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์ลานีญาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นประมาณ 60% แต่ WMO ยืนยัน ว่ามีโอกาสน้อยมากที่เอลนีโญจะเกิดขึ้นลากยาวตั้งแต่ช่วง ก.ย. ไปจนถึงสิ้นปี
“การพยากรณ์ตามฤดูกาลสำหรับเอลนีโญและลานีญา รวมถึงผลกระทบที่เกี่ยวข้องต่อสภาพอากาศของเรา เป็นเครื่องมือวิเคราะห์สภาพภูมิอากาศที่สำคัญ การพยากรณ์เหล่านี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจได้หลายล้านดอลลาร์ สำหรับภาคส่วนสำคัญ ๆ เช่น เกษตรกรรม พลังงาน สุขภาพ และการขนส่ง และช่วยชีวิตผู้คนหลายพันคนเมื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อม และการดำเนินการรับมือ” เซเลสเต เซาโล เลขาธิการ WMO กล่าว ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยกำลังเตรียมรับมือกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นั่นคือ "ปรากฏการณ์ลานีญา" น้องสาวของเอลนีโญที่หลายคนอาจไม่คุ้นเคย แต่มีความสำคัญไม่แพ้กัน "ลานีญา" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "น้องของเอลนีโญ" (El Niño's sister) หรือ "สภาวะตรงข้ามเอลนีโญ" (anti–El Niño) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรมีค่าต่ำกว่าปกติ เนื่องจากลมค้าตะวันออกเฉียงใต้มีกำลังแรงมากกว่าปกติ ส่งผลให้น้ำอุ่นถูกพัดพาไปสะสมทางตะวันตกมากขึ้น ทำให้บริเวณดังกล่าวซึ่งเดิมมีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลและระดับน้ำทะเลสูงกว่าทางตะวันออกอยู่แล้ว ยิ่งมีอุณหภูมิและระดับน้ำทะเลสูงขึ้นไปอีก ปรากฏการณ์ลานีญา มักเกิดขึ้นทุก 2-3 ปี และปกติจะคงอยู่ประมาณ 9-12 เดือน แต่บางครั้งอาจปรากฏอยู่ได้นานถึง 2 ปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ศูนย์ภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า ปรากฏการณ์เอนโซ (ENSO) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของการเกิดลานีญา กำลังอยู่ในสภาวะปกติ แต่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลง โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติและแบบจำลองเชิงพลวัต พบว่า มีความน่าจะเป็นถึง 70% ที่ปรากฏการณ์เอนโซจะเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะลานีญา ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม 2567 และอาจต่อเนื่องไปจนถึงช่วงพฤศจิกายน 2567 ถึงมกราคม 2568
ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2024 ถึงต้นปี 2025 เราได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบายนานกว่าหลายปีที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว (ตามปกติแบบที่ควรจะเป็น) และที่อากาศเย็นสบาย (หนาวน้อยแต่หนาวนะ) นานหน่อย ก็เพราะผลของ "ปรากฏการณ์ลานีญา" ที่แม้จะมาช้า...แต่ก็มานะ! ทศวรรษนี้โลกของเราเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนพร้อมเปิดบันทึกหน้าในประวัติศาสตร์ใหม่ (พร้อมฉายซ้ำ) ทั้งไฟไหม้ป่า พายุถล่ม น้ำท่วมใหญ่ และคลื่นความร้อน (Heat wave) ที่คร่าชีวิตมนุษย์และสัตว์นับไม่ถ้วน เราเคยได้ยินเรื่องของ "ลานีญา" และ "เอลนีโญ" หรือแม้แต่คำว่า "โลกร้อน" แต่จริงๆ แล้วการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราอย่างไร? มันจะหยุดอยู่แค่นี้จริงหรือ? หรือโลกพักร้อนชั่วครู่...แล้วเราจะเจอกับอะไรต่อไป? ในปี 2025 นี้ เราเผชิญกับ "ปรากฏการณ์ลานีญา" ราวสัปดาห์แรกๆ ของปี และกำลังจะจบลงในเร็วๆ นี้ หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้?
จะเป็นปีที่สงบสุข? หรือจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมากขึ้นในอนาคต? นี่คือเรื่องราวที่เราอยากจะเล่าให้ฟัง ผ่านข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะมาถึงและเตรียมพร้อมกับอนาคตที่ไม่แน่นอน หากย้อนกลับไปในปี 2024 เราจะพบว่าโลกเราได้เผชิญกับปรากฏการณ์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เพราะสภาพอากาศสุดขั้ว ที่มีปรากฏการณ์ "เอลนีโญ" เป็นหนึ่งใจปัจจัยที่ช่วยเร่งให้โลกเราร้อนทะลุขีดจำกัด โดยอุณหภูมิของโลกในปีนั้นสูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียสจากค่าเฉลี่ยเป็นครั้งแรก ซึ่งหมายความว่าโลกได้ก้าวเข้าสู่ภาวะที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ ลานีญา (สเปน: La Niña) เป็นปรากฏการณ์บรรยากาศมหาสมุทรคู่กันซึ่งเกิดขึ้นคู่กับเอลนีโญอันเป็นส่วนหนึ่งของเอลนีโญ-ความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้ ในช่วงที่เกิดลานีญา อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลตลอดมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางตะวันออกแถบเส้นศูนย์สูตรจะต่ำกว่าปกติ 3-5 °C ชื่อลานีญามาจากภาษาสเปน หมายถึง "เด็กหญิง" คล้ายกับเอลนีโญที่หมายถึง "เด็กชาย" ลานีญา หรือที่บางทีเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "แอนติเอลนีโญ" เป็นปรากฏการณ์ตรงกันข้ามกับเอลนีโญ ซึ่งปรากฏการณ์เอลนีโญนี้จะเป็นช่วงที่อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อย 0.5 °C และผลกระทบของลานีญามักจะตรงกันข้ามกับของเอลนีโญ เอลนีโญเป็นปรากฏการณ์ที่มีชื่อเสียงเนื่องจากสามารถมีผลกระทบร้ายแรงต่อสภาพอากาศของทั้งชายฝั่งชิลี เปรูและออสเตรเลีย รวมทั้งอีกหลายประเทศ ลานีญามักเกิดขึ้นหลังปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรง
ผลกระทบของลานีญาส่วนใหญ่จะตรงข้ามกับของเอลนีโญ ตัวอย่างเช่น เอลนีโญจะทำให้เกิดช่วงฝนตกในแถบสหรัฐอเมริกาตอนกลางตะวันตก ขณะที่ลานีญาจะทำให้เกิดช่วงแห้งแล้งในพื้นที่เดียวกัน ส่วนอีกด้านหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ลานีญาทำให้เกิดฝนตกหนัก สำหรับอินเดีย เอลนีโญมักเป็นสาเหตุของความกังวลเพราะผลของมันที่ตรงกันข้ามกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเคยเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2552 แต่ลานีญา มักเป็นประโยชน์สำหรับฤดูมรสุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลัง แต่ลานีญาซึ่งปรากฏในมหาสมุทรแปซิฟิกยังอาจทำให้ฝนตกหนักในออสเตรเลีย ซึ่งเกิดเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งโดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐควีนส์แลนด์จมอยู่ใต้น้ำจากอุทกภัยอันเกิดจากสัดส่วนผิดปกติหรือถูกพายุหมุนเขตร้อนพัดถล่ม ซึ่งรวมไปถึงพายุหมุนเขตร้อนระดับ 5 ไซโคลนยาซี่ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความหายนะแบบเดียวกันในบราซิลตะวันออกเฉียงใต้และมีส่วนทำให้เกิดฝนตกหนักและอุทกภัยตามมาในศรีลังกา มีช่วงลานีญาเกิดขึ้นรุนแรงระหว่าง ลานีญาจะส่งผลกระทบรุนแรงพ.ศ. 2531-2532 ลานีญายังได้เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2538 และใน พ.ศ. 2542-2543 ลานีญาไม่รุนแรงนักเกิดขึ้นใน พ.ศ.
2543-2544 ลานีญาซึ่งเกิดขึ้นในกลาง พ.ศ. 2550 และเกิดขึ้นจนถึงต้น พ.ศ. 2552 นั้น เป็นลานีญาความรุนแรงปานกลาง NOAA คาดว่าลานีญาความรุนแรงปานกลางที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นต่อไปจนถึง พ.ศ. 2551 ตามข้อมูลของ NOAA "ผลกระทบของลานีญาที่คาดการณ์ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม รวมถึงการดำเนินไปของหยาดน้ำฟ้าสูงกว่าปกติเหนืออินโดนีเซีย และหยาดน้ำฟ้าต่ำกว่าปกติเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางแถบเส้นศูนย์สูตร สำหรับสหรัฐอเมริกาแผ่นดินใหญ่ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นรวมไปถึงหยาดน้ำฟ้ามากกว่าปกติทางเหนือของเทือกเขาร็อกกี แคลิฟอร์เนียเหนือ และในภูมิภาคใต้และตะวันตกของแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่าทางใต้จะมีปริมาณหยาดน้ำฟ้าน้อยกว่าปกติลดหลั่นลงมาทางใต้ โดยเฉพาะในรัฐทางตะวันตกเฉียงใต้และตะวันออกเฉียงใต้"[1] อย่างไรก็ตาม เอลนีโญย้อนกลับมาเกิดอีกในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน พ.ศ. 2552 ซึ่งดำเนินไปกระทั่งเดือนเมษายน พ.ศ.
2553 ผลกระทบของเอลนีโญเห็นได้ชัดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง พ.ศ. 2552 เมื่อพายุหมุนเขตร้อน ไอดา เพิ่มกำลังแรงขึ้นเป็นพายุชายฝั่งอันรุนแรง[2][3] ปัจจัยทางธรรมชาติที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ชื่อพายุโซนร้อนปี 2565, ดีเปรสชั่น, โซนร้อน, ไต้ฝุ่น เวลามาตรฐาน,การประกาศใช้เวลามาตรฐานของประเทศไทย ปัจจัยทางธรรมชาติที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
ชื่อพายุโซนร้อนปี 2565, ดีเปรสชั่น, โซนร้อน, ไต้ฝุ่น
People Also Search
- ปรากฏการณ์ลานีญาเกิดขึ้นหรือยัง ยาวนานถึงเมื่อไหร่ และสภาพอากาศจะเป็น ...
- จับตาลานีญา-เอลนีโญ 2025 ไทยเจอฝนหนักต้นปี แล้งรุนแรงปลายปี
- 'ลานีญา' กลับมาแล้ว เตรียมเจอฝนตกหนัก แต่ไม่ช่วยให้อากาศเย็นลง ร้อนอยู่ดี
- อัปเดตทิศทาง "ลานีญา" เตรียมรับมือ ฝนจะรุนแรงกว่าปีที่แล้วจริงหรือไม่?
- 'ลานีญา 2025' ช่วงเวลาที่โลกได้พักร้อนกำลังจะหมดไป แล้วเราต้องเจออะไรต่อ?
- 'ลานีญา' มาแล้ว จะเกิดอะไรกับประเทศไทย
- ลานีญา - วิกิพีเดีย
- ทำความรู้จัก! เอลนีโญ-ลานีญา ปรากฏการณ์สภาพอากาศ 2 ขั้ว ออกสอบบ่อย
- กรมอุตุนิยมวิทยา | ปรากฏการณ์ลานีญา
- ศูนย์องค์ความรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ลานีญา (La Niña) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน มีลักษณะเด่นคือการลดลงของอุณหภูมิผิวทะเลในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตเส้นศูนย์สูตร (Equator) โดยทั่วไปแล้ว ลานีญา จะมีผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก เช่น
ลานีญา (La Niña) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน มีลักษณะเด่นคือการลดลงของอุณหภูมิผิวทะเลในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตเส้นศูนย์สูตร (Equator) โดยทั่วไปแล้ว ลานีญา จะมีผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงในลม ฝน และสภาพภูมิอากาศอื่นๆ ในช่วงที่เกิดลานีญา มักจะทำให้เกิดสภาพอากาศที่เย็นกว่าปกติในบางพื้นที่และอาจทำให้เกิดฝนตกหนักในบางภูมิภาค อา...
แต่ถึงแม้ "ลานีญา" จะกลับมา อุณหภูมิโลกจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ดี โลกของเราเข้าสู่ช่วง “ปรากฏการณ์ลานีญา” ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2025 แต่ผ่านมาไม่กี่เดือน สำนักงานบริหารบรรยากาศ
แต่ถึงแม้ "ลานีญา" จะกลับมา อุณหภูมิโลกจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ดี โลกของเราเข้าสู่ช่วง “ปรากฏการณ์ลานีญา” ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2025 แต่ผ่านมาไม่กี่เดือน สำนักงานบริหารบรรยากาศ และมหาสมุทรแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) ก็ประกาศว่า “ลานีญา” หายไปแล้วอย่างรวดเร็วภายในเวลา 3 เดือน ทำให้ตอนนี้เข้าสู่ “สภาวะความเป็นกลาง” (ENSO-Neutral) และจะเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายเดือน ล่าสุด เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนก.ย.- พ.ย.2025 มีโอก...
“การพยากรณ์ตามฤดูกาลสำหรับเอลนีโญและลานีญา รวมถึงผลกระทบที่เกี่ยวข้องต่อสภาพอากาศของเรา เป็นเครื่องมือวิเคราะห์สภาพภูมิอากาศที่สำคัญ การพยากรณ์เหล่านี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจได้หลายล้านดอลลาร์ สำหรับภาคส่วนสำคัญ ๆ เช่น เกษตรกรรม พลังงาน สุขภาพ
“การพยากรณ์ตามฤดูกาลสำหรับเอลนีโญและลานีญา รวมถึงผลกระทบที่เกี่ยวข้องต่อสภาพอากาศของเรา เป็นเครื่องมือวิเคราะห์สภาพภูมิอากาศที่สำคัญ การพยากรณ์เหล่านี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจได้หลายล้านดอลลาร์ สำหรับภาคส่วนสำคัญ ๆ เช่น เกษตรกรรม พลังงาน สุขภาพ และการขนส่ง และช่วยชีวิตผู้คนหลายพันคนเมื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อม และการดำเนินการรับมือ” เซเลสเต เซาโล เลขาธิการ WMO กล่าว ในขณะที่โ...
ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2024 ถึงต้นปี 2025 เราได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบายนานกว่าหลายปีที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว (ตามปกติแบบที่ควรจะเป็น) และที่อากาศเย็นสบาย (หนาวน้อยแต่หนาวนะ) นานหน่อย
ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2024 ถึงต้นปี 2025 เราได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบายนานกว่าหลายปีที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว (ตามปกติแบบที่ควรจะเป็น) และที่อากาศเย็นสบาย (หนาวน้อยแต่หนาวนะ) นานหน่อย ก็เพราะผลของ "ปรากฏการณ์ลานีญา" ที่แม้จะมาช้า...แต่ก็มานะ! ทศวรรษนี้โลกของเราเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนพร้อมเปิดบันทึกหน้าในประวัติศาสตร์ใหม่ (พร้อมฉายซ้ำ) ทั้งไฟไหม้ป่า พายุถล่ม น้ำ...
จะเป็นปีที่สงบสุข? หรือจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมากขึ้นในอนาคต? นี่คือเรื่องราวที่เราอยากจะเล่าให้ฟัง ผ่านข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะมาถึงและเตรียมพร้อมกับอนาคตที่ไม่แน่นอน หากย้อนกลับไปในปี 2024 เราจะพบว่าโลกเราได้เผชิญกับปรากฏการณ์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เพราะสภาพอากาศสุดขั้ว ที่มีปรากฏการณ์ "เอลนีโญ"
จะเป็นปีที่สงบสุข? หรือจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมากขึ้นในอนาคต? นี่คือเรื่องราวที่เราอยากจะเล่าให้ฟัง ผ่านข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะมาถึงและเตรียมพร้อมกับอนาคตที่ไม่แน่นอน หากย้อนกลับไปในปี 2024 เราจะพบว่าโลกเราได้เผชิญกับปรากฏการณ์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เพราะสภาพอากาศสุดขั้ว ที่มีปรากฏการณ์ "เอลนีโญ" เป็นหนึ่งใจปัจจัยที่ช่วยเร่งให้โ...