ปะการังฟอกขาว การสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี สู่วิกฤติใต้ท้องทะเล

Leo Migdal
-
ปะการังฟอกขาว การสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี สู่วิกฤติใต้ท้องทะเล

ปะการังฟอกขาว (Coral bleaching) ปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อของปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) ซึ่งเกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป ที่ผ่านมา น่านน้ำไทย เคยได้รับผลกระทบเมื่อปี 2534 , 2538 , 2541 , 2546 , 2548 และ 2550 โดยปี พ.ศ.2534 และ 2538 แนวปะการังทางฝั่งทะเลอันดามันได้รับความเสียหายมาก ปะการังตายประมาณ 10-20% ส่วนในปี 2541 ก่อให้เกิดความเสียหายมากทางฝั่งอ่าวไทย ขณะเดียวกัน “แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ” เป็นแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเกิดการฟอกขาวมาแล้วหลายครั้ง จน UN แนะนำให้เพิ่ม แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟในรายชื่อแหล่งมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย ปะการังฟอกขาว (coral bleaching) จากข้อมูล ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อธิบายว่า เป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป มีน้ำจืดไหลลงมาทำให้ความเค็มลดลง ตะกอนที่ถูกน้ำจืดไหลพัดพามาจากชายฝั่ง หรือแม้แต่มลพิษที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ทางทะเลของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยน้ำเสีย การใช้ครีมกันแดด การทิ้งขยะตามแนวชายหาดก็ล้วนมีผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลีออกมาจากเนื้อเยื่อของปะการังเพื่อความอยู่รอด ปะการังสีซีดจางลงจากการ สูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) ซึ่งเกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป วงจรชีวิตของสาหร่ายซูแซนเทลลีกับปะการัง เป็นภาวะพึ่งพาอาศัยกัน (Mutualism) ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์ทะเลนานาชนิด แต่ปะการังมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งสภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อปะการังทำให้เกิดภาวะ “ฟอกขาว”

ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต ออกจากปะการังและนำมาใช้สร้างอาหาร ดังนั้น หากปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่แยกจากกันก็จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของทั้งสองชนิด สาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของปะการังจนเกิดการฟอกขาวมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ สารเคมี และมลพิษต่าง ๆ ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ทั้งชุมชน เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมที่ไหลลงสู่ทะเล ทำให้สาหร่ายซูแซนเทลลี่หนีออกจากเนื้อเยื่อของปะการัง เพื่อหาที่อยู่ใหม่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า ทำให้ปะการังมีสีซีดจางลง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของความเค็มในน้ำทะเลอย่างรวดเร็วและภาวะโลกร้อน (global warming) ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นและร้อนผิดปกติ ปะการังไม่สามารถปรับตัวและทนต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ จึงส่งผลให้ปะการังเกิดการฟอกขาวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล เนื่องจากทำให้สูญเสียแหล่งอาหาร แหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเล จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสัตว์ทะเลจำนวนมากจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย จำนวนประชากรของสัตว์ทะเลลดลง และมีความเสี่ยงที่จะทำให้สัตว์ทะเลมีโอกาสสูญพันธุ์จนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารและความหลากหลายทางชีวภาพใต้ท้องทะเล การหยุดยั้งปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยแนวทางสำคัญที่ทุกคนสามารถร่วมมือกันทำได้ คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การเผาไหม้ในอุตสาหกรรม และการเผาป่า เป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน เพื่อลดอุณหภูมิของโลกและน้ำทะเล ซึ่งจะช่วยลดภาวะฟอกขาวของปะการังได้อีกด้วย นอกจากนี้ การอนุรักษ์แนวปะการังและการป้องกันมลพิษทางทะเล ควรมีมาตรการในการป้องกันและจัดการมลพิษจากน้ำเสีย สารเคมี และการประมงเกินขนาด รวมถึงการห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล เพื่อรักษาระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมทางทะเลให้มีความสมบูรณ์ มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโตของปะการังต่อไป ทุกคนคงเห็นแล้วว่า ปะการังฟอกขาวส่งผลกระทบที่ชัดเจนมาก ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชุมชนชายฝั่งและชาวประมงที่พึ่งพาทรัพยากรทางทะเล คงถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องตระหนักและร่วมมือกันลดภาวะโลกร้อนและดูแลรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและในน้ำ เพื่อคืนความสมดุลให้ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศทางทะเลให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมดีขึ้นอีกครั้ง ปะการังฟอกขาว เป็นสภาวะที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียว ที่ชื่อว่า “ซูแซนเทลลี” (Zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ภายในเนื้อเยื่อของปะการังอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะแวดล้อมของมหาสมุทร เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ความเค็มของน้ำทะเลเปลี่ยนแปลง หรือมลพิษต่างๆ ส่งผลให้ปะการังเหลือเพียงโครงสร้างหินปูนสีขาว กลายเป็นที่มาของปรากฏการณ์ “ปะการังฟอกขาว” ที่พบได้ในมหาสมุทรทั่วโลก ที่มาภาพ : https://ngthai.com/science/26012/coral-bleaching/

การสูญเสียแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล เนื่องจากสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดต่างใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตตามแนวปะการัง ซึ่งเป็นทั้งแหล่งพักอาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเลมากมาย มนุษย์เองก็เช่นกัน เรามีประชากรมากกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกที่พึ่งพาอาศัยแนวปะการังธรรมชาติเป็นแหล่งอาหารและแหล่งรายได้หลัก ทั้งจากการทำประมงและการท่องเที่ยว การสูญเสียแนวปะการังยังรวมไปถึงการสูญเสียประโยชน์ของระบบนิเวศด้านอื่นๆ เช่น การชะลอคลื่น และการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งจากคลื่นลมในมหาสมุทรอีกด้วย https://ngthai.com/science/26012/coral-bleaching/ "ภาวะโลกร้อน" ในปัจจุบัน กำลังทวีความรุนแรงและก่อเกิดอันตรายต่อผู้คนและระบบนิเวศจำนวนมาก หนึ่งในสัญญาณเตือนของวิกฤติโลกร้อน คือ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching) เนื่องจากปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมในมหาสมุทร การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเลเพียง 1-2 องศาเซลเซียส ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ สามารถทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวขึ้นได้ เมื่อน้ำทะเลร้อนขึ้น ปะการังที่มีความอ่อนไหวมากๆ ก็จะเกิดการฟอกขาว เพราะสาหร่าย "ซูแซนเทลลี" จะอพยพออกจากเนื้อเยื่อของปะการัง เพื่อแสวงหาสภาพแวดล้อมใหม่ให้มีชีวิตรอด ทำให้ปะการังสูญเสียแหล่งอาหารสำคัญ และเหลือเพียงโครงสร้างหินปูนสีขาว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ปะการังฟอกขาว เช่น การปล่อยน้ำบำบัดหรือสารเคมีต่างๆ จากโรงงานอุตสาหกรรมลงสู่ทะเล น้ำจืดที่ไหลลงสู่ทะเลในปริมาณมากส่งผลต่อสภาพความเค็มของน้ำทะเล สำหรับ "สาหร่ายซูแซนเทลลี" คือ สาหร่ายขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับปะการัง "แบบพึ่งพากัน" (mutualism) โดยสาหร่ายจะทำหน้าที่สังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหาร ช่วยเร่งกระบวนการสร้างหินปูน รวมถึงการสร้างสีสันให้แก่ตัวปะการัง ส่วนปะการังก็ให้ที่อยู่แก่สาหร่าย ปกติในเนื้อเยื่อของปะการังไม่ได้มีสีสันสวยงาม เป็นเพียงเนื้อเยื่อใสๆ เท่านั้น ส่วนสีที่เราเห็นในปะการังล้วนเป็นสีที่ได้รับมาจากสาหร่ายซูแซนเทลลี ซึ่งอาจจะเป็นสีแดง, สีส้ม, สีเขียว หรือน้ำตาล ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของซูแซนเทลลีที่เข้าไปอาศัยอยู่ในตัวปะการัง ขณะที่ในภาวะปกติ "ปะการัง" กับ "สาหร่าย" ต่างใช้ชีวิตอย่างเกื้อกูลกัน กระทั่งเมื่อใดที่สภาพแวดล้อมในทะเลมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีสภาวะไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ความเค็มของน้ำ ทะเลลดลง สาหร่ายซูแซนเทลลีจะออกจากเนื้อเยื่อของปะการังเพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้ปะการังเหลือเพียงเนื้อเยื่อใสๆ เผยให้เห็นสีขาวของโครงสร้างหินปูนที่อยู่ภายใน หรือที่เรียกว่า "ปะการังฟอกขาว" นั่นเอง

ทั้งนี้ การที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี ไม่ได้มีผลเพียงสีสันที่เคยสวยงามที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสารอาหารที่ปะการังเคยได้รับจะลดน้อยลงไปด้วย แต่ถ้าสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงระยะเวลาอันสั้น สาหร่ายซูแซนเทลลีก็จะกลับเข้ามาอาศัยในเนื้อเยื่อปะการังตามเดิม ส่งผลให้ปะการังฟื้นคืนและกลับมามีชีวิตปกติได้อีกครั้ง แต่หากสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะเวลานาน ปะการังก็จะเริ่มอ่อนแอและล้มตายลงจนสูญพันธุ์ได้ในที่สุด อุณหภูมิประเทศไทยเวลานี้ สูงติดอยู่ในโซนแดง ชนิดที่เรียกว่า อันตรายมาก ท่ามกลางความร้อนเหล่านี้ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ล้วนได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “ปะการัง” ที่เกิดภาวะ “ฟอกขาว” ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทางทะเลโดยตรง ปะการังฟอกขาว คือปรากฏการณ์แบบใด ? และเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลอย่างไร ? Thai PBS นำเรื่องราวเหล่านี้มาบอกกัน ปะการังฟอกขาว หรือ Coral bleaching เป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลง ต้นเหตุเกิดจากการสูญเสีย “สาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae)” ซึ่งเป็นสาหร่ายที่ทำหน้าที่สังเคราะห์แสง ให้ธาตุแก่ปะการังในการดำรงชีวิต

รวมทั้งเป็นตัวสร้างสีสันให้กับปะการัง เนื่องจากปกติปะการังไม่มีมีสี เป็นเพียงเยื่อใส ๆ การเห็นว่าปะการังมีสี เกิดจากสาหร่ายซูแซนเทลลี ที่ให้สีแดง ส้ม เขียว น้ำตาล นั่นเอง นอกจากนี้ ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี ยังมีภาวะที่เกื้อกูลต่อกัน กล่าวคือ ปะการังเป็นที่อยู่อาศัยให้สาหร่ายซูแซนเทลลี ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลีจะนำของเสียจากปะการัง เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต มาใช้สร้างอาหาร ดังนั้น หากทั้งสองสิ่งแยกจากกัน ทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ ความร้อนทำโลกรวน สภาพอากาศแปรปรวน เกิดจากกิจวัตรประจำวันของผู้คน ที่ส่งผลกระทบไปถึงใต้ท้องทะเล หนึ่งในนั้นคืออุณหภูมิของน้ำทะเลที่จะสูงถึง 31 องศา ในช่วงเมษายน-กรกฎาคม นี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แจ้งข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในประเทศไทย โดยคาดการณ์ว่าอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากปัจจัยต่างๆ รวมถึง ภาวะโลกรวน อาจทำให้เกิดเหตุปะการังฟอกขาวได้ในปีนี้ ปัจจุบันวิกฤตการณ์ใต้ทะเลที่เป็นผลมาจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ เนื่องมาจากน้ำมือของมนุษย์ กำลังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเลอย่างหนักโดยเฉพาะกับปะการังที่พบการเกิดปรากฏการณ์ฟอกขาวขึ้นเป็นวงกว้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลที่ใช้ประโยชน์จากแนวปะการังให้ขาดที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร แหล่งอนุบาลลูกปลา และที่หลบภัย ทำให้ถูกล่าได้ง่ายขึ้นเป็นผลให้ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลดลงเป็นอย่างมาก มนุษย์เองก็เช่นกัน เรามีประชากรมากกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกที่พึ่งพาอาศัยแนวปะการังธรรมชาติเป็นแหล่งอาหารและแหล่งรายได้หลัก ทั้งจากการทำประมงและการท่องเที่ยว การสูญเสียแนวปะการังยังรวมไปถึงการสูญเสียประโยชน์ของระบบนิเวศด้านอื่นๆ เช่น การชะลอคลื่น และการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งจากคลื่นลมในมหาสมุทรอีกด้วย

ปะการังฟอกขาว (coral bleaching) เป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย เช่นอุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป มีน้ำจืดไหลลงมาทำให้ความเค็มลดลง ตะกอนที่ถูกน้ำจืดไหลพัดพามาจากชายฝั่ง หรือแม้แต่มลพิษที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ทางทะเลของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยน้ำเสีย การใช้ครีมกันแดด การทิ้งขยะตามแนวชายหาดก็ล้วนมีผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลีออกมาจากเนื้อเยื่อของปะการังเพื่อความอยู่รอด

People Also Search

ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching) ปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อของปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) ซึ่งเกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป ที่ผ่านมา น่านน้ำไทย

ปะการังฟอกขาว (Coral bleaching) ปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อของปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) ซึ่งเกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป ที่ผ่านมา น่านน้ำไทย เคยได้รับผลกระทบเมื่อปี 2534 , 2538 , 2541 , 2546 , 2548 และ 2550 โดยปี พ.ศ.2534 และ 2538 แนวปะการังทางฝั่งทะเลอันดามันได้รับความเสียหายมาก ปะการังตายประมาณ 10-20% ส่...

ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น

ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต ออ...

การสูญเสียแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล เนื่องจากสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดต่างใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตตามแนวปะการัง ซึ่งเป็นทั้งแหล่งพักอาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเลมากมาย มนุษย์เองก็เช่นกัน เรามีประชากรมากกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกที่พึ่งพาอาศัยแนวปะการังธรรมชาติเป็นแหล่งอาหารและแหล่งรายได้หลัก ทั้งจากการทำประมงและการท่องเที่ยว

การสูญเสียแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล เนื่องจากสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดต่างใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตตามแนวปะการัง ซึ่งเป็นทั้งแหล่งพักอาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเลมากมาย มนุษย์เองก็เช่นกัน เรามีประชากรมากกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกที่พึ่งพาอาศัยแนวปะการังธรรมชาติเป็นแหล่งอาหารและแหล่งรายได้หลัก ทั้งจากการทำประมงและการท่องเที่ยว การสูญเสียแนวปะการังยังรวมไป...

ทั้งนี้ การที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี ไม่ได้มีผลเพียงสีสันที่เคยสวยงามที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสารอาหารที่ปะการังเคยได้รับจะลดน้อยลงไปด้วย แต่ถ้าสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงระยะเวลาอันสั้น สาหร่ายซูแซนเทลลีก็จะกลับเข้ามาอาศัยในเนื้อเยื่อปะการังตามเดิม ส่งผลให้ปะการังฟื้นคืนและกลับมามีชีวิตปกติได้อีกครั้ง แต่หากสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะเวลานาน ปะการังก็จะเริ่มอ่อนแอและล้มตายลงจนสูญพันธุ์ได้ในที่สุด อุณหภูมิประเทศไทยเวลานี้

ทั้งนี้ การที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี ไม่ได้มีผลเพียงสีสันที่เคยสวยงามที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสารอาหารที่ปะการังเคยได้รับจะลดน้อยลงไปด้วย แต่ถ้าสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงระยะเวลาอันสั้น สาหร่ายซูแซนเทลลีก็จะกลับเข้ามาอาศัยในเนื้อเยื่อปะการังตามเดิม ส่งผลให้ปะการังฟื้นคืนและกลับมามีชีวิตปกติได้อีกครั้ง แต่หากสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะเ...

รวมทั้งเป็นตัวสร้างสีสันให้กับปะการัง เนื่องจากปกติปะการังไม่มีมีสี เป็นเพียงเยื่อใส ๆ การเห็นว่าปะการังมีสี เกิดจากสาหร่ายซูแซนเทลลี ที่ให้สีแดง ส้ม เขียว น้ำตาล

รวมทั้งเป็นตัวสร้างสีสันให้กับปะการัง เนื่องจากปกติปะการังไม่มีมีสี เป็นเพียงเยื่อใส ๆ การเห็นว่าปะการังมีสี เกิดจากสาหร่ายซูแซนเทลลี ที่ให้สีแดง ส้ม เขียว น้ำตาล นั่นเอง นอกจากนี้ ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี ยังมีภาวะที่เกื้อกูลต่อกัน กล่าวคือ ปะการังเป็นที่อยู่อาศัยให้สาหร่ายซูแซนเทลลี ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลีจะนำของเสียจากปะการัง เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต มาใช้สร้างอาหาร ดังนั้น หากทั้งส...