ปะการังฟอกขาว สัญญาณเตือนความหายนะของท้องทะเล
ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ผิดปกติเช่นนี้ คือผลพวงมาจากภาวะโลกร้อน หรือที่ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นกลายเป็นภาวะโลกเดือด (Global Boiling) และมีตัวการที่สำคัญอย่างเราทุกคน ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่รับรู้ถึงความร้อนนี้ได้ สิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ทั้งบนบกและในน้ำ ต่างก็ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนนี้เช่นกัน สัตว์ป่ามีการอพยพออกนอกพื้นที่มากขึ้น ทำลายพืชผลทางการเกษตรเพิ่มขึ้น โรคลมแดดหรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) การเจริญเติบโตได้ดีขึ้นของแบคทีเรีย การสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย รวมถึงผลกระทบทางทะเลอย่าง ‘ปะการังฟอกขาว’ ที่ถือเป็นสัญญาณเตือนความหายนะของความหลากหลายทางชีวภาพ ปะการังฟอกขาว หรือ Coral bleaching คือ ปรากฏการณ์ที่ปะการังมีสีซีดจางลงจนมองเห็นเป็นสีขาว เกิดจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) สาหร่ายขนาดจิ๋วที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง โดยปกติปะการังจะมีสีสันสวยงามจากรงควัตถุ (Pigment) ที่ผลิตโดยสาหร่ายซูแซนเทลลีที่ทำหน้าที่สังเคราะห์ด้วยแสงและให้พลังงานและสารอาหารแก่ปะการัง แต่เมื่อปะการังเผชิญกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่าง อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น มลพิษ หรือ การเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำทะเล สาหร่ายซูแซนเทลลีจะถูกขับออกจากเนื้อเยื่อของปะการัง ส่งผลให้ปะการังสูญเสียสีสัน ขาดอาหาร และตายในที่สุด สาเหตุที่ปะการังจะฟอกขาวเกิดได้หลายปัจจัย ทั้งมลพิษทางทะเลจากสารเคมีจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น น้ำเสียจากการเกษตรหรืออุตสาหกรรม สารเคมีจากครีมกันแดดที่ส่งผลกระทบต่อปะการัง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำทะเล และอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นผิดปกติ เนื่องจากปะการังมีความอ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม เมื่อสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ก็จะส่งผลต่อการมีอยู่ของสาหร่ายซูแซนเทลลี ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์ทะเลนานาชนิด แต่ปะการังมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งสภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อปะการังทำให้เกิดภาวะ “ฟอกขาว”
ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต ออกจากปะการังและนำมาใช้สร้างอาหาร ดังนั้น หากปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่แยกจากกันก็จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของทั้งสองชนิด สาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของปะการังจนเกิดการฟอกขาวมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ สารเคมี และมลพิษต่าง ๆ ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ทั้งชุมชน เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมที่ไหลลงสู่ทะเล ทำให้สาหร่ายซูแซนเทลลี่หนีออกจากเนื้อเยื่อของปะการัง เพื่อหาที่อยู่ใหม่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า ทำให้ปะการังมีสีซีดจางลง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของความเค็มในน้ำทะเลอย่างรวดเร็วและภาวะโลกร้อน (global warming) ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นและร้อนผิดปกติ ปะการังไม่สามารถปรับตัวและทนต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ จึงส่งผลให้ปะการังเกิดการฟอกขาวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล เนื่องจากทำให้สูญเสียแหล่งอาหาร แหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเล จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสัตว์ทะเลจำนวนมากจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย จำนวนประชากรของสัตว์ทะเลลดลง และมีความเสี่ยงที่จะทำให้สัตว์ทะเลมีโอกาสสูญพันธุ์จนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารและความหลากหลายทางชีวภาพใต้ท้องทะเล การหยุดยั้งปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยแนวทางสำคัญที่ทุกคนสามารถร่วมมือกันทำได้ คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การเผาไหม้ในอุตสาหกรรม และการเผาป่า เป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน เพื่อลดอุณหภูมิของโลกและน้ำทะเล ซึ่งจะช่วยลดภาวะฟอกขาวของปะการังได้อีกด้วย นอกจากนี้ การอนุรักษ์แนวปะการังและการป้องกันมลพิษทางทะเล ควรมีมาตรการในการป้องกันและจัดการมลพิษจากน้ำเสีย สารเคมี และการประมงเกินขนาด รวมถึงการห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล เพื่อรักษาระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมทางทะเลให้มีความสมบูรณ์ มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโตของปะการังต่อไป ทุกคนคงเห็นแล้วว่า ปะการังฟอกขาวส่งผลกระทบที่ชัดเจนมาก ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชุมชนชายฝั่งและชาวประมงที่พึ่งพาทรัพยากรทางทะเล คงถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องตระหนักและร่วมมือกันลดภาวะโลกร้อนและดูแลรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและในน้ำ เพื่อคืนความสมดุลให้ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศทางทะเลให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมดีขึ้นอีกครั้ง เมื่อโลกร้อนทะเลเดือด อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อแนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลไทย ภาพแนวปะการังขาวโพลนที่เกิดขึ้นตามจุดต่างๆ ในทะเล สะท้อนวิกฤตปะการังฟอกขาวและสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ว่าปะการังจะอยู่หรือตายหมดทะเล ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ทยอยประกาศปิดจุดดำน้ำท่องเที่ยวในอุทยานฯ ทางทะเล หลายแห่งแล้ว เพื่อลดผลกระทบต่อปะการัง จากการสำรวจปะการังฟอกขาวของคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) นำโดย ผศ.ดร.
ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มก. มีการบันทึกภาพและรายงานข้อมูลที่สำคัญ พบว่า เกาะบริเวณชายฝั่งแกลง เช่น เกาะมันใน หินต่อยหอย เกาะขี้ปลา มีปะการังฟอกขาวรุนแรง ในเขตน้ำตื้นการฟอกขาว 90% และพบปะการังตายแล้ว 10 % ไม่พบปะการังปกติ ขณะที่เกาะอื่นๆ เช่น เกาะทะลุ มีการฟอกขาวลักษณะเดียวกัน แล้วยังมีรายงานจากหาดเจ้าหลาวว่าฟอกขาวรุนแรงก่อนหน้านี้ ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเกิดปะการังฟอกขาวครั้งแรกปี 2534 แต่ฟอกขาวรุนแรงโดนหนักทั้งอ่าวไทยและอันดามัน ปี 2553 จากนั้นเกิดถี่ขึ้นๆ ปี 2558 อันดามันฟอกขาวหนัก คณะประมงติดตามสถานภาพและเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงปะการังที่น่าเศร้ามาตลอด ปี 2562 ปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวเกิดถี่ขึ้นและภาวะโลกร้อนรุนแรงมากขึ้น ปี 2564 เกิดปะการังฟอกขาวระดับเบา ซึ่งคณะประมงจัดจุดติดตามปะการังถาวร เพื่อศึกษาวิจัยระยะยาว โดยตั้งสถานีในทะเลตะวันออก จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี สำรวจและติดตั้งอุปกรณ์วัดอุณหภูมิน้ำ โดยมีการสำรวจ 2-3 ครั้งต่อปี สำรวจปะการังฟอกขาวแบบใช้โดรนกันน้ำติดกล้องถ่ายคลิปใต้น้ำ เก็บพิกัดพร้อมบันทึกภาพรอบด้าน บวกกับการใช้โดรนใหญ่บินสูงเพื่อถ่ายภาพ ควบคู่กับการดำน้ำบางจุด เป้าหมายให้ได้แผนที่ปะการังฟอกขาวในภาพรวม “ จากการสำรวจปะการังฟอกขาวถี่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฟอกขาวเบาเกิดขึ้นปีเว้นปี ทำให้ปะการังไม่ฟื้นตัวแม้ขณะนี้อุณหภูมิน้ำทะเลเริ่มลดลงแล้ว แต่ปะการังแช่น้ำร้อนจัดต่อเนื่อง 6-7 สัปดาห์ น้ำที่เย็นลงก็ยังร้อนอยู่ดี หนนี้เป็นการฟอกขาวรุนแรงที่สุดในรอบ 14 ปี นับจากปี 53 ปะการังฟอกขาวระดับหายนะ ถามว่า ปะการังจะรอดหรือไม่ คำตอบ คือ ยังบอกไม่ได้แต่น่าเป็นห่วงมาก น้ำร้อนมากและร้อนนาน ปะการังอ่อนแอถึงขีดสุด เทียบเป็นมนุษย์ก็เข้าไอซียู จะอยู่จะไปก็ไม่รู้ ต้องเฝ้าระวัง แนวปะการังบางส่วนกลายเป็นสุสานใต้น้ำไปแล้ว ปลาในแนวปะการังลดลง จำนวนชนิดของปลาลดลง ถึงตอนนี้แม้น้ำเย็นลง แต่ยังเกินเส้นวิกฤต 31 องศาเซลเซียส หากสถานการณ์ยังลากยาวไปเรื่อยๆ อีก 2-3... ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลระบุ ปี 64 เกาะมันในและหินต่อยหอย จ.ระยอง ฟอกขาวพร้อมกัน เกาะมันใน ปะการังในน้ำตื้นตายเรียบหมด จนต้องปิดสถานี เพราะไม่สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงได้ ขณะที่หินตอยหอยปะการังน้ำตื้นโทรม แต่ปีนี้รุนแรงมาก ทั้งสองจุดปะการังขาวโพลนไปหมด แม้แต่หินต่อยหอยก็ทนทะเลเดือดไม่ได้ ถ้าไม่ตายทั้งหมด ก็โทรมลง ที่เลือกหินต่อยหอยเป็นจุดสำรวจเพราะเป็นแนวกลางน้ำ มีร่องน้ำตรงกลาง มีปะการังเยอะ น้ำไหลเวียนดี น้ำลึกกว่า สำคัญมากต่อการทนฟอกขาว เจอน้ำร้อนประจำทุกปี ถือเป็นปะการังที่อึดทน แต่ปีนี้เผชิญน้ำร้อนระดับไม่เคยพบเห็น ข้อมูลช่วงต้นเมษายน น้ำร้อนเกิน 34 องศา เกือบแตะ 35 องศา ปะการัง (Coral) เป็นสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลัง (Marine invertebrate) มีสารประกอบเป็นหินปูนโครงร่างแข็ง ซึ่งทำหน้าที่รองรับเนื้อเยื่อรูปทรงคล้ายกระบอกขนาดเล็ก มีหนวดโบกสะบัดบริเวณปลายกระบอก เพื่อดักจับแพลงก์ตอน (Plankton) เป็นอาหาร นอกเหนือจากอาหารที่หาได้ด้วยตนเองแล้ว ปะการังยังได้รับสารอาหารส่วนหนึ่งจากสาหร่ายขนาดเล็กจำนวนมากที่อาศัยอยู่ภายในเนื้อเยื่อของปะการัง ซึ่งเป็นสาหร่ายเซลล์เดียว (Unicellular algae) ที่สร้างอาหารจากการสังเคราะห์แสง และอาศัยอยู่ร่วมกับปะการังในลักษณะ “พึ่งพาอาศัยกัน” (Mutualism)
ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching) เป็นปะการังที่มีลักษณะสีซีดจนกระทั่งเป็น สีขาวแตกต่างจากปะการังปกติที่จะมีสีสันหลากหลาย ลักษณะดังกล่าวเกิดจากภาวะที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นทำให้ปะการังเครียด และทำให้เกิดปรากฏการณ์เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง และมีบทบาทสำคัญในการสร้างอาหารให้กับปะการังผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง รวมทั้งยังมีหน้าที่ช่วยเร่งกระบวนการสร้างหินปูน และสีสันอันหลากหลายให้แก่ตัวปะการังอีกด้วย โดยปกติปะการังจะมีเพียงเนื้อเยื่อใสที่ไม่มีองค์ประกอบเม็ดสี (Pigment) สวยงามใด ๆ แต่เนื่องจากมีสาหร่ายซูแซนเทลลีเข้ามาอยู่อาศัย จึงทำให้ปะการังเกิดสีสันมากมาย ทั้งสีแดง สีส้ม สีเขียว หรือสีน้ำตาล โดยสีสันต่าง ๆ นั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของสาหร่ายซูแซนเทลลีที่เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกันกับปะการัง ปะการังฟอกขาวเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำทะเล ความเป็นกรด-ด่าง ความเค็ม คุณภาพน้ำทะเล มลพิษ คราบน้ำมันหรือสารเคมีต่าง... การฟอกขาวนี้ส่งผลกระทบต่อทั้งปะการังและระบบนิเวศทางทะเลทั้งหมด นอกเหนือจากการฟอกขาวเนื่องจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น และยังมีการฟอกขาวที่เกิดจากสาเหตุอื่นอีกหลายประการ เช่น การเกษตรกรรมและการพัฒนาเมืองที่มีผลให้คุณภาพน้ำลดลงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของปะการัง การเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศทำให้ระดับความเป็นกรดของน้ำทะเลสูงขึ้นและกระทบต่อกระบวนการเจริญเติบโตของปะการัง การฟอกขาวในช่วงแรกนั้นปะการังจะยังไม่ตายแต่จะอ่อนแออย่างมาก หากอุณหภูมิน้ำทะเลกลับสู่สภาวะปกติ ปะการังที่อ่อนแอจะสามารถฟื้นตัวได้เอง แต่ถ้าอุณหภูมิน้ำทะเลยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานานย่อมจะส่งผลให้ปะการังตายในที่สุด อาจกล่าวได้ว่า สาเหตุหลักของปะการังฟอกขาวเป็นผลมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะเวลาอันยาวนานและต่อเนื่อง ทำให้อุณหภูมิโลกและอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นกระทบต่อระบบนิเวศใต้น้ำ สอดคล้องกับที่องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration) หรือ NOAA ได้ประกาศว่าปีนี้เกิดปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ที่สุด เป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ ดังจะเห็นได้ว่าประเทศไทย มีปะการังที่ยังมีชีวิตอยู่โดยภาพรวมเหลือเพียงร้อยละ 23 แม้แต่ในต่างประเทศก็ประสบปัญหาดังกล่าวนี้เช่นเดียวกัน ดังตัวอย่างกรณีของ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแนวปะการังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่สร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิต มีความยาวกว่า 2,400 กิโลเมตร เป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ปัจจุบัน พบว่าเหลือปะการังที่ยังมีชีวิตอยู่เพียงร้อยละ 10... นอกจากนี้นักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลของไทย ยังพบว่า การฟอกขาวระดับรุนแรงที่สุด Level 2 ตอนนี้อยู่บริเวณชายฝั่งอันดามันใต้ คือ อ่าวพังงา กระบี่ ตรัง จึงต้องมีการปิดพื้นที่ท่องเที่ยวของอุทยานหลายแห่ง เช่น ปอดะ เกาะกระดาน เป็นต้น ขณะที่ทางฝั่งอ่าวไทย การฟอกขาวระดับรุนแรงอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ที่แสมสาร และจังหวัดตราด ที่เกาะหมากและเกาะกูด แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้วพบว่าระดับการฟอกขาวยังน้อยกว่าฝั่งอันดามันใต้ ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่าระดับการฟอกขาวจะเป็นระดับรุนแรงเรื่อย ๆ
People Also Search
- 'ปะการังฟอกขาว' สัญญาณเตือนความหายนะของท้องทะเล!
- "ปะการังฟอกขาว" วิกฤตท้องทะเล - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ ...
- สัญญาณเตือน!!! "ปะการังฟอกขาว" ภาพสะท้อน "ระบบนิเวศทางทะเล" เข้าขั้น ...
- ปะการังฟอกขาวระดับหายนะ วิกฤตทะเลเดือด
- ปะการังฟอกขาว: สัญญาณเตือนภัยของทะเล
- ปะการังฟอกขาว - โครงการพัฒนาระบบประเมินการเกิดปะการังฟอกขาว กรมทรัพยากร ...
- ปะการังฟอกขาว เกิดจากอะไร และส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลอย่างไร
- สัญญาณเตือนความหายนะ…วิกฤตการณ์ใต้ทะเล "ปะการังฟอกขาว"
- หายนะครั้งใหญ่ของประการังฟอกขาวในยุคโลกเดือด (Global Boiling)
- Noaa ประกาศ ปะการังฟอกขาวระดับ "หายนะ" ใน 3 มหาสมุทร 53 ประเทศ
ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ผิดปกติเช่นนี้ คือผลพวงมาจากภาวะโลกร้อน หรือที่ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นกลายเป็นภาวะโลกเดือด (Global Boiling) และมีตัวการที่สำคัญอย่างเราทุกคน ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่รับรู้ถึงความร้อนนี้ได้ สิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ
ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ผิดปกติเช่นนี้ คือผลพวงมาจากภาวะโลกร้อน หรือที่ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นกลายเป็นภาวะโลกเดือด (Global Boiling) และมีตัวการที่สำคัญอย่างเราทุกคน ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่รับรู้ถึงความร้อนนี้ได้ สิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ทั้งบนบกและในน้ำ ต่างก็ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนนี้เช่นกัน สัตว์ป่ามีการอพยพออกนอกพื้นที่มากขึ้น ทำลา...
ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น
ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังเกิดการสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อว่า ซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ผลิตพลังงาน และสร้างสีสันที่สวยงามสดใสให้กับปะการัง ปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี่พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยปะการังจะเป็นที่อยู่อาศัยแก่สาหร่ายชนิดนี้ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะนำของเสีย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท ฟอสเฟต ออ...
ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มก. มีการบันทึกภาพและรายงานข้อมูลที่สำคัญ พบว่า เกาะบริเวณชายฝั่งแกลง เช่น เกาะมันใน หินต่อยหอย
ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มก. มีการบันทึกภาพและรายงานข้อมูลที่สำคัญ พบว่า เกาะบริเวณชายฝั่งแกลง เช่น เกาะมันใน หินต่อยหอย เกาะขี้ปลา มีปะการังฟอกขาวรุนแรง ในเขตน้ำตื้นการฟอกขาว 90% และพบปะการังตายแล้ว 10 % ไม่พบปะการังปกติ ขณะที่เกาะอื่นๆ เช่น เกาะทะลุ มีการฟอกขาวลักษณะเดียวกัน แล้วยังมีรายงานจากหาดเจ้าหลาวว่าฟอกขาวรุนแรงก่อนหน้านี้ ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเกิดปะการังฟอกขาวครั้งแร...
ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching) เป็นปะการังที่มีลักษณะสีซีดจนกระทั่งเป็น สีขาวแตกต่างจากปะการังปกติที่จะมีสีสันหลากหลาย ลักษณะดังกล่าวเกิดจากภาวะที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นทำให้ปะการังเครียด และทำให้เกิดปรากฏการณ์เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง และมีบทบาทสำคัญในการสร้างอาหารให้กับปะการังผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง
ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching) เป็นปะการังที่มีลักษณะสีซีดจนกระทั่งเป็น สีขาวแตกต่างจากปะการังปกติที่จะมีสีสันหลากหลาย ลักษณะดังกล่าวเกิดจากภาวะที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นทำให้ปะการังเครียด และทำให้เกิดปรากฏการณ์เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง และมีบทบาทสำคัญในการสร้างอาหารให้กับปะการังผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง รว...