อธิบดี ทช ระบุทะเลเดือดทําปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวใน 3 จุดใหญ่ของไทยน่า

Leo Migdal
-
อธิบดี ทช ระบุทะเลเดือดทําปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวใน 3 จุดใหญ่ของไทยน่า

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาเป็นเวลาอันยาวนาน ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น และเกิดสภาพอากาศแปรปรวน (climate change) จากข้อมูลปี 2023 ระบุว่า โลกมีอุณหภูมิร้อนกว่ายุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมประมาณ 1.48 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิน้ำทะเลสูงสุดเช่นกัน เมื่อน้ำร้อนก็ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ปะการัง ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration) หรือ NOAA ได้ประกาศว่าเป็นปะการังฟอกขาวครั้งที่ใหญ่ที่สุด เป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ สำหรับปะการังฟอกขาว เป็นสภาวะที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ภายในเนื้อเยื่อ ทำให้ปะการังอ่อนแอเพราะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอและปะการังอาจตายไปในที่สุดถ้าหากไม่สามารถทนต่อสภาวะนี้ได้ อ่านข่าว : โลกเดือด! อุณหภูมิไทยแตะ 43 องศาฯ ปะการังฟอกขาว

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยภาพรวมสถานการณ์ปะการังฟอกขาวของไทย ปี 2567 ค่อนข้างรุนแรง พบอัตราการฟอกขาวประมาณ 60-80% มีบางส่วนตายไป 40% เตรียมหาแนวทางฟื้นฟูให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ วันที่ 23 สิงหาคม 2567 มีรายงานว่า นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยถึงปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ในปี พ.ศ. 2567 ว่า ปะการังฟอกขาว เป็นสภาวะที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียว (Zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการังแบบพึ่งพากัน (Symbiosis) และเป็นแหล่งพลังงานหลักของปะการัง ทำให้ปะการังอ่อนแอเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และอาจตายได้ในที่สุดหากอยู่ในสภาวะเครียดเป็นเวลานาน สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการฟอกขาวเป็นวงกว้างคือ ภาวะโลกร้อน และสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น จนปะการังเครียดและสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลีในเนื้อเยื่อให้ปะการังจนเห็นโครงสร้างหินปูนสีขาว นอกจากอุณหภูมิน้ำที่ร้อนขึ้นแล้ว น้ำจืด รวมทั้งสารเคมี และมลพิษต่างๆ ที่ไหลลงสู่ทะเล ล้วนส่งผลต่อการดำรงชีวิตและการฟอกขาวของปะการัง ประเทศไทยในปีนี้ สถานการณ์ปะการังฟอกขาวค่อนข้างรุนแรง โดยฝั่งอ่าวไทยเริ่มมีรายงานพบปะการังฟอกขาวในช่วงกลางเดือนเมษายนและสูงสุดในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ฝั่งทะเลอันดามันเริ่มมีรายงานพบปะการังฟอกขาวในช่วงกลางเดือนเมษายนและสูงสุดในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ฝั่งทะเลอันดามันเริ่มมีรายงานปะการังฟอกขาวในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมและสูงสุดในเดือนมิถุนายน สำหรับสถานการณ์ปะการังฟอกขาวโดยภาพรวมของประเทศไทย มีอัตราการฟอกขาวประมาณ 60-80% หลังจากนั้นปะการังที่ฟอกขาวค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น 60% และมีบางส่วนตายไป 40%

เมื่อโลกร้อนทะเลเดือด อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อแนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลไทย ภาพแนวปะการังขาวโพลนที่เกิดขึ้นตามจุดต่างๆ ในทะเล สะท้อนวิกฤตปะการังฟอกขาวและสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ว่าปะการังจะอยู่หรือตายหมดทะเล ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ทยอยประกาศปิดจุดดำน้ำท่องเที่ยวในอุทยานฯ ทางทะเล หลายแห่งแล้ว เพื่อลดผลกระทบต่อปะการัง จากการสำรวจปะการังฟอกขาวของคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) นำโดย ผศ.ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มก. มีการบันทึกภาพและรายงานข้อมูลที่สำคัญ พบว่า เกาะบริเวณชายฝั่งแกลง เช่น เกาะมันใน หินต่อยหอย เกาะขี้ปลา มีปะการังฟอกขาวรุนแรง ในเขตน้ำตื้นการฟอกขาว 90% และพบปะการังตายแล้ว 10 % ไม่พบปะการังปกติ ขณะที่เกาะอื่นๆ เช่น เกาะทะลุ มีการฟอกขาวลักษณะเดียวกัน แล้วยังมีรายงานจากหาดเจ้าหลาวว่าฟอกขาวรุนแรงก่อนหน้านี้ ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเกิดปะการังฟอกขาวครั้งแรกปี 2534 แต่ฟอกขาวรุนแรงโดนหนักทั้งอ่าวไทยและอันดามัน ปี 2553 จากนั้นเกิดถี่ขึ้นๆ ปี 2558 อันดามันฟอกขาวหนัก คณะประมงติดตามสถานภาพและเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงปะการังที่น่าเศร้ามาตลอด ปี 2562 ปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวเกิดถี่ขึ้นและภาวะโลกร้อนรุนแรงมากขึ้น ปี 2564 เกิดปะการังฟอกขาวระดับเบา ซึ่งคณะประมงจัดจุดติดตามปะการังถาวร เพื่อศึกษาวิจัยระยะยาว โดยตั้งสถานีในทะเลตะวันออก จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี สำรวจและติดตั้งอุปกรณ์วัดอุณหภูมิน้ำ โดยมีการสำรวจ 2-3 ครั้งต่อปี สำรวจปะการังฟอกขาวแบบใช้โดรนกันน้ำติดกล้องถ่ายคลิปใต้น้ำ เก็บพิกัดพร้อมบันทึกภาพรอบด้าน บวกกับการใช้โดรนใหญ่บินสูงเพื่อถ่ายภาพ ควบคู่กับการดำน้ำบางจุด เป้าหมายให้ได้แผนที่ปะการังฟอกขาวในภาพรวม “ จากการสำรวจปะการังฟอกขาวถี่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฟอกขาวเบาเกิดขึ้นปีเว้นปี ทำให้ปะการังไม่ฟื้นตัวแม้ขณะนี้อุณหภูมิน้ำทะเลเริ่มลดลงแล้ว แต่ปะการังแช่น้ำร้อนจัดต่อเนื่อง 6-7 สัปดาห์ น้ำที่เย็นลงก็ยังร้อนอยู่ดี หนนี้เป็นการฟอกขาวรุนแรงที่สุดในรอบ 14 ปี นับจากปี 53 ปะการังฟอกขาวระดับหายนะ ถามว่า ปะการังจะรอดหรือไม่ คำตอบ คือ ยังบอกไม่ได้แต่น่าเป็นห่วงมาก น้ำร้อนมากและร้อนนาน ปะการังอ่อนแอถึงขีดสุด เทียบเป็นมนุษย์ก็เข้าไอซียู จะอยู่จะไปก็ไม่รู้ ต้องเฝ้าระวัง แนวปะการังบางส่วนกลายเป็นสุสานใต้น้ำไปแล้ว ปลาในแนวปะการังลดลง จำนวนชนิดของปลาลดลง ถึงตอนนี้แม้น้ำเย็นลง แต่ยังเกินเส้นวิกฤต 31 องศาเซลเซียส หากสถานการณ์ยังลากยาวไปเรื่อยๆ อีก 2-3...

ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลระบุ ปี 64 เกาะมันในและหินต่อยหอย จ.ระยอง ฟอกขาวพร้อมกัน เกาะมันใน ปะการังในน้ำตื้นตายเรียบหมด จนต้องปิดสถานี เพราะไม่สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงได้ ขณะที่หินตอยหอยปะการังน้ำตื้นโทรม แต่ปีนี้รุนแรงมาก ทั้งสองจุดปะการังขาวโพลนไปหมด แม้แต่หินต่อยหอยก็ทนทะเลเดือดไม่ได้ ถ้าไม่ตายทั้งหมด ก็โทรมลง ที่เลือกหินต่อยหอยเป็นจุดสำรวจเพราะเป็นแนวกลางน้ำ มีร่องน้ำตรงกลาง มีปะการังเยอะ น้ำไหลเวียนดี น้ำลึกกว่า สำคัญมากต่อการทนฟอกขาว เจอน้ำร้อนประจำทุกปี ถือเป็นปะการังที่อึดทน แต่ปีนี้เผชิญน้ำร้อนระดับไม่เคยพบเห็น ข้อมูลช่วงต้นเมษายน น้ำร้อนเกิน 34 องศา เกือบแตะ 35 องศา วันนี้ (9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ว่าจากการลงพื้นที่ ต.เกาะหมาก อ.เกาะกูด จ.ตราด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานเพื่อสำรวจหญ้าทะเลด้านหน้าเกาะกระดาด ต.เกาะหมาก พบว่าสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงทั้งอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น และกระแสน้ำที่เปลี่ยนไปได้ทำให้หญ้าทะเลบริเวณดังกล่าวตายเป็นจำนวนมาก ขณะที่สถานการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และหลายประเทศถือเป็นปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวระดับโลกที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 และหลายประเทศมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงขึ้น โดยในประเทศไทยพบปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวใน 3 จุด คือ พื้นที่ทะเลอันดามันตอนล่าง พื้นที่อ่าวไทยด้านตะวันตกใน จ.ชุมพร และฝั่งอ่าวไทยด้านตะวันออกที่ จ.ตราด ซึ่งทั้ง 3 จุดมีสถานการณ์รุนแรงมากกว่าพื้นที่อื่นๆ จาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ปัจจัยทางสมุทรศาสตร์ และปัจจัยเรื่องกระแสน้ำที่เปลี่ยนไป “จากข้อมูลในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบปะการังฟอกขาวในหลายพื้นที่ โดยบางจุดมีความรุนแรงมากถึง 80-90% โดยเฉพาะที่ทะเลใน จ.ชุมพร และที่ ต.เกาะกูด และ ต.เกาะหมาก จ.ตราด ที่พบปะการังฟอกขาวในระดับ 30-50% ซึ่งเป็นเรื่องที่โชคดีที่ไม่เสียหายมากตามที่มีการคาดการณ์ไว้ครั้งแรก” <img decoding="async" src="https://www.interbangkok.com/wp-content/uploads/2024/05/567000004088704.JPEG" data-width="450" data-height="600"/>นอกจากนั้น ยังพบว่าปัญหาอื่นๆ ที่คุกคามปะการังให้ตาย มีทั้งตะกอน น้ำเสีย และครีมกันแดดที่นักท่องเที่ยวใช้ทาผิว ซึ่งหลังจากนี้ไปกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะเร่งรณรงค์ไม่ให้มีการใช้ในปริมาณมากเพราะอาจจะส่งผลกระทบในระยะยาว อีกทั้งอุณหภูมิของประเทศที่ยังไม่ได้ผ่านช่วงฤดูร้อนที่สุด ทำให้ปะการังเครียดต่อเนื่อง โดยคาดว่าหากอุณหภูมิลดลงปะการังอาจได้พักบ้าง

GreenBrief “ชัดปีแรก ผลกระทบโลกเดือดต่อทะเลไทยหนักระดับ หญ้าทะเลเหง้าเน่า–เต่าทะเลตัวผู้ลด จนขาดสมดุลเพศในการผสมพันธุ์” กรมทะเลเผย พร้อมระบุกำลังจับตา–รับมืออีกวิกฤตใหญ่ “#ปะการังฟอกขาวจากอุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่ม” “(กรมฯ) พบว่า #ภาวะโลกเดือด สร้างความเสียหายต่อ #หญ้าทะเลทำให้หญ้าทะเลเกิดความเสื่อมโทรมและตายในที่สุดโดยปกติหญ้าทะเลที่ตายใบจะร่วงแล้วงอกขึ้นมาใหม่ แต่ในปีนี้นับเป็นปีแรกที่สถานการณ์โลกเดือดทำให้เหง้าของหญ้าทะเลเกิดการเน่าเปื่อย เนื่องจากดินมีความร้อนสูงกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น จึงส่งผลทำให้หญ้าทะเลเกิดการอืดแห้งนาน แต่ส่วนหนึ่งก็เกิดจากระดับน้ำทะเลต่ำกว่าปกติ 30 – 50 เซนติเมตรทำให้หญ้าทะเลอืดแห้งนานกว่าปกติมากกว่าหนึ่งชั่วโมง กรมฯได้ส่งทีมนักวิชาการร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงานและสถาบันการศึกษาดำเนินการค้นคว้าและวิจัยหาสาเหตุการตายของหญ้าทะเลปรากฏว่าภาวะโลกเดือดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หญ้าทะเลเสื่อมโทรมลงและหญ้าทะเลที่หายไปยังส่งผลกระทบต่อพะยูนและเต่าทะเลเพราะหญ้าทะเลคืออาหารของพวกมัน อย่างไรก็ตามกรมฯได้ดำเนินการปฏิบัติตามมาตรการในการแก้ปัญหาหญ้าทะเลเสื่อมโทรมเพื่อเร่งฟื้นฟูสภาพแหล่งหญ้าทะเลให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม”

People Also Search

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาเป็นเวลาอันยาวนาน ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น และเกิดสภาพอากาศแปรปรวน (climate Change) จากข้อมูลปี 2023 ระบุว่า โลกมีอุณหภูมิร้อนกว่ายุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมประมาณ 1.48

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาเป็นเวลาอันยาวนาน ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น และเกิดสภาพอากาศแปรปรวน (climate change) จากข้อมูลปี 2023 ระบุว่า โลกมีอุณหภูมิร้อนกว่ายุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมประมาณ 1.48 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิน้ำทะเลสูงสุดเช่นกัน เมื่อน้ำร้อนก็ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ปะการัง ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and A...

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยภาพรวมสถานการณ์ปะการังฟอกขาวของไทย ปี 2567 ค่อนข้างรุนแรง พบอัตราการฟอกขาวประมาณ 60-80% มีบางส่วนตายไป 40% เตรียมหาแนวทางฟื้นฟูให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยภาพรวมสถานการณ์ปะการังฟอกขาวของไทย ปี 2567 ค่อนข้างรุนแรง พบอัตราการฟอกขาวประมาณ 60-80% มีบางส่วนตายไป 40% เตรียมหาแนวทางฟื้นฟูให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ วันที่ 23 สิงหาคม 2567 มีรายงานว่า นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยถึงปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ในปี พ.ศ. 2567 ว่า ปะการังฟอกขาว เป็นสภาวะที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียว (Zooxanthellae)...

เมื่อโลกร้อนทะเลเดือด อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อแนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลไทย ภาพแนวปะการังขาวโพลนที่เกิดขึ้นตามจุดต่างๆ ในทะเล สะท้อนวิกฤตปะการังฟอกขาวและสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ว่าปะการังจะอยู่หรือตายหมดทะเล ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ทยอยประกาศปิดจุดดำน้ำท่องเที่ยวในอุทยานฯ ทางทะเล

เมื่อโลกร้อนทะเลเดือด อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อแนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลไทย ภาพแนวปะการังขาวโพลนที่เกิดขึ้นตามจุดต่างๆ ในทะเล สะท้อนวิกฤตปะการังฟอกขาวและสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ว่าปะการังจะอยู่หรือตายหมดทะเล ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ทยอยประกาศปิดจุดดำน้ำท่องเที่ยวในอุทยานฯ ทางทะเล หลายแห่งแล้ว เพื่อลดผลกระทบต่อปะการัง จากการสำรวจปะการังฟอกขาวของคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ...

ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลระบุ ปี 64 เกาะมันในและหินต่อยหอย จ.ระยอง ฟอกขาวพร้อมกัน เกาะมันใน ปะการังในน้ำตื้นตายเรียบหมด จนต้องปิดสถานี เพราะไม่สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงได้

ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลระบุ ปี 64 เกาะมันในและหินต่อยหอย จ.ระยอง ฟอกขาวพร้อมกัน เกาะมันใน ปะการังในน้ำตื้นตายเรียบหมด จนต้องปิดสถานี เพราะไม่สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงได้ ขณะที่หินตอยหอยปะการังน้ำตื้นโทรม แต่ปีนี้รุนแรงมาก ทั้งสองจุดปะการังขาวโพลนไปหมด แม้แต่หินต่อยหอยก็ทนทะเลเดือดไม่ได้ ถ้าไม่ตายทั้งหมด ก็โทรมลง ที่เลือกหินต่อยหอยเป็นจุดสำรวจเพราะเป็นแนวกลางน้ำ มีร่องน้ำตรงกลาง มีปะการังเยอะ น้ำไหลเว...

GreenBrief “ชัดปีแรก ผลกระทบโลกเดือดต่อทะเลไทยหนักระดับ หญ้าทะเลเหง้าเน่า–เต่าทะเลตัวผู้ลด จนขาดสมดุลเพศในการผสมพันธุ์” กรมทะเลเผย พร้อมระบุกำลังจับตา–รับมืออีกวิกฤตใหญ่ “#ปะการังฟอกขาวจากอุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่ม” “(กรมฯ) พบว่า

GreenBrief “ชัดปีแรก ผลกระทบโลกเดือดต่อทะเลไทยหนักระดับ หญ้าทะเลเหง้าเน่า–เต่าทะเลตัวผู้ลด จนขาดสมดุลเพศในการผสมพันธุ์” กรมทะเลเผย พร้อมระบุกำลังจับตา–รับมืออีกวิกฤตใหญ่ “#ปะการังฟอกขาวจากอุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่ม” “(กรมฯ) พบว่า #ภาวะโลกเดือด สร้างความเสียหายต่อ #หญ้าทะเลทำให้หญ้าทะเลเกิดความเสื่อมโทรมและตายในที่สุดโดยปกติหญ้าทะเลที่ตายใบจะร่วงแล้วงอกขึ้นมาใหม่ แต่ในปีนี้นับเป็นปีแรกที่สถานการณ์โลกเดือ...