อุณหภูมิของผิวน้ําในทะเล และมหาสมุทรสูงขึ้นจากโลกร้อน ส่งผลกระทบที่น่า

Leo Migdal
-
อุณหภูมิของผิวน้ําในทะเล และมหาสมุทรสูงขึ้นจากโลกร้อน ส่งผลกระทบที่น่า

น้ำในทะเล และมหาสมุทรอุ่นขึ้น จนมีอุณหภูมิที่สูงจนเป็นสถิติ จากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นบนโลกของเรา มีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบนิเวศของโลก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุความแปรปรวนของภัยธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และมีผลระยะยาวในอนาคต บนโลกของเรามีพื้นที่ที่เป็นมหาสมุทรอยู่ประมาณ 71 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ทั้งหมด ทำให้มหาสมุทรนั้นเป็นตัวแปรที่สำคัญในการกำหนดสภาพภูมิอากาศของโลก ด้วยการผลิตออกซิเจน และดูดซับอุณหภูมิความร้อนของโลกที่เป็นหน้าที่หลัก ปัจจุบันอุณหภูมิของน้ำทะเลและมหาสมุทรมีการเปลี่ยนแปลงที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องมาจากการดูดซับความร้อนส่วนเกินจากผิวโลก โดยสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบวงกว้างที่น่าเป็นห่วงในใต้ท้องทะเล ที่อาจส่งผลกระทบถึงมนุษย์บนชายฝั่งอีกไม่ช้า สถานการณ์ล่าสุดมีการจดบันทึกสถิติอุณหภูมิของผิวน้ำโดย Copernicus ผู้ให้บริการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป พบว่า "อุณหภูมิของผิวน้ำพุ่งสูงถึง 20.96 องศาเซลเซียส หรือ 69.73 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยเป็นอย่างมาก" อุณหภูมิที่สูงขึ้นของน้ำทะเล และมหาสมุทรในครั้งนี้มีข้อมูล และผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความเห็นต่อสถานการณ์ดังนี้ อุณหภูมิในมหาสมุทรสูงเป็นประวัติการณ์ หลังต้องดูดซับความร้อนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อโลกของเรา

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยผิวน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นทำลายสถิติเดิมเมื่อปี 2016 โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 20.96 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของปีก่อน ๆ มาก ตามข้อมูลของ โคเปอร์นิคัส (Copernicus) ที่ให้บริการข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในยุโรป มหาสมุทรถือเป็นตัวจักรสำคัญที่คอยกำกับสภาพภูมิอากาศ มันดูดซับความร้อน ผลิตออกซิเจนกว่าครึ่งหนึ่งของโลก และมีอิทธิพลต่อแบบแผนสภาพอากาศรอบโลก น้ำที่อุ่นขึ้นมีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง นั่นหมายความว่าจะมีก๊าซดังกล่าวล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกเพิ่มมากขึ้น และนั้นอาจเป็นตัวเร่งทำให้ธารน้ำแข็งละลายลงสู่มหาสมุทรเร็วขึ้น ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นตาม ขณะเดียวกัน มหาสมุทรที่ร้อนขึ้น รวมถึงคลื่นความร้อน ก็เป็นอุปสรรคต่อสัตว์ทะเล ทั้งปลาชนิดต่าง ๆ และ วาฬ ทำให้พวกมันต้องอพยพไปหาพื้นที่ที่น้ำเย็นกว่า ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลเสียต่อห่วงโซ่อาหารและกระทบต่อจำนวนประชากรของปลาด้วย นอกจากนั้น สัตว์นักล่าอย่าง ฉลาม อาจก้าวร้าวขึ้น เนื่องจากมันมักสับสนเมื่ออยู่ในน้ำอุ่น ในปี 2024 ความร้อนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดจากวิกฤตการณ์สภาพอากาศ และทับซ้อนกับสภาพอากาศเลวร้าย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่บันทึกไว้ระหว่างปี 1991-2020 ถึง 0.48 องศาเซลเซียส

ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “คลื่นความร้อน” ผิดปรกติเกิดขึ้นในแอ่งมหาสมุทรหลักทั้งหมดทั่วโลก รุนแรงถึงขั้นที่นักวิทยาศาสตร์ต้องบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาเพื่อเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “คลื่นความร้อนทางทะเลระดับรุนแรง” (super marine heat waves) “ระบบนิเวศทางทะเลไม่เคยเจอไม่เคยเจอคลื่นความร้อนทางทะเลระดับรุนแรง จนระดับอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่สูงขนาดนี้มาก่อน” โบยิน ฮวง นักสมุทรศาสตร์จากสำนักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติกล่าว จากบันทึกอุณหภูมิมหาสมุทรพบว่าน้ำทะเลกำลังอุ่นขึ้นเร็วกว่าที่คาด และจะเกิดผลกระทบตั้งแต่ขั้วโลกไปจนถึงเมืองชายฝั่งทั่วโลก มหาสมุทรของโลกก็เหมือนกับแบตเตอรี่ขนาดเท่าโลก พวกมันดูดซับความร้อนปริมาณมหาศาลเอาไว้ จากนั้นก็ค่อย ๆ ปล่อยออกมาช้า ๆ จนถึงวันนี้มหาสมุทรของเราได้ดูดซับความร้อนที่กักอยู่ในชั้นบรรยากาศไปถึง 90% ซึ่งมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น แต่ล่าสุดอัตราความเร็วของความร้อนเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ทุกวันตั้งแต่ปลายเดือน 2023 อุณหภูมิผิวน้ำทะเลของโลกได้ทำลายสถิติใหม่เป็นอุณหภุฒิที่ร้อนที่สุดตั้งแต่เคยบันทึกมาในวันนั้น ๆ ซึ่งมีช่วง 47 วันที่อุณหภูมิสูงเกินจุดที่เคยสูงสุดด้วยความห่างที่สูงมากในการวัดด้วยดาวเทียม ซึ่งเป็นข้อมูลจาก European Union's Copernicus Climate Change Service

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 อุณหภูมิอากาศผิวพื้นของโลกได้สูงถึง 1.5 องศาเซลเซียส ในช่วงเวลาหนึ่งปี แต่เมื่อปีที่แล้ว อุณหภูมิมหาสมุทรในบางภูมิภาคเหมือนกับที่คาดไว้ ถ้าอุณหภูมิอากาศผิวพื้นของโลกสูงถึง 3 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม มหาสมุทรก็จะยิ่งร้อนเร็วกว่าที่คาดไว้ เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ จาก "ภาวะโลกร้อน" แม้ขนาดมนุษย์ก็ยังอยู่ลำบาก เเล้วบรรดา "สัตว์น้ำ" จะเป็นอย่างไร เเน่นอนว่าพวกมันต้องอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงต่อกว่าสูญพันธุ์ยิ่งกว่าสัตว์ที่อยู่บนพื้นดิน เรากำลังพูดถึง "วิกฤติทะเล" เเละด้วยวันนี้ 3 เมษายน ของทุกปี คือ "วันสัตว์น้ำโลก" (World Aquatic Animal Day) "ฐานเศรษฐกิจ" จึงขอร่วมตระหนักความสำคัญของการอนุรักษ์โลกใต้น้ำ ก่อนหน้านี้เหล่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัย New Jersey’s Rutgers มีการเปรียบเทียบผลกระทบของอุณหภูมิของมหาสมุทรและพื้นดินที่สูงขึ้นกับบรรดาสัตว์เลือดอุ่นและสัตว์เลือดเย็น สัตว์เลือดอุ่น ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่าสัตว์เลือดเย็น แต่ความเสี่ยงของบรรดาสัตว์ทะเล เนื่องจากมหาสมุทรนั้นดูดซึมความร้อนจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ เป็นเหตุให้น้ำอยู่ในจุดที่อุ่นที่สุดในรอบทศวรรษ อุณหภูมิในมหาสมุทรของโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าน้ำผิวมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงล่วงหน้าถึงรูปแบบสภาพอากาศเอลนีโญที่คาดการณ์ไว้ซึ่งอาจเร่งให้โลกร้อนขึ้นอีก อุณหภูมิผิวน้ำโดยเฉลี่ยสูงกว่า 21 องศาเซลเซียส

ประมาณกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ข้อมูลการตรวจสอบอุณหภูมิในมหาสมุทรแสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิผิวน้ำโดยเฉลี่ยสูงกว่า 21 องศาเซลเซียส (ประมาณ 70 องศาฟาเรนไฮต์) ทั่วโลก ไม่รวมน้ำในขั้วโลก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1981 เป็นอย่างน้อย นั่นถึงการอุ่นขึ้นกว่าที่นักวิทยาศาสตร์สังเกตในช่วงเวลานี้ของปี 2559 เมื่อปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงทำให้โลกบันทึกความอบอุ่นได้ อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเป็นหนึ่งในผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดของภาวะโลกร้อน ผู้คนหลายล้านอาศัยอยู่บนชายฝั่งและบนเกาะต่ำดังนั้นหากไม่ดำเนินการใด ๆ ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้านี้ จะต้องมีการอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน. จนกระทั่งปัจจุบันนี้ คิดว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 1,3-2 มม. ต่อปี อย่างไรก็ตาม, การวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่ามันเพิ่มขึ้นเร็วขึ้น. ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ได้รับเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลมาจากเครือข่ายเครื่องวัดระดับน้ำขึ้นน้ำลง ที่ตั้งอยู่ตามชายฝั่ง เครื่องมือเหล่านี้มีประโยชน์มากหากคุณต้องการทราบว่าพื้นที่เหล่านี้เพิ่มขึ้นเท่าใด แต่ พวกเขาจะไม่ให้ผลลัพธ์โดยรวม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะถูกกำหนดโดยการเคลื่อนที่ในแนวตั้งของแผ่นดินในเปลือกโลกและรูปแบบความแปรปรวนในระดับภูมิภาคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของการหมุนเวียนของมหาสมุทร การกระจายตัวใหม่ของลม หรือผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงของการกระจายตัวใหม่ของมวลน้ำและน้ำแข็งบนโลก ตามที่ Sönke Dangendorf ซึ่งเป็นผู้เขียนหลักของการศึกษาได้อธิบายไว้

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์มีเครื่องวัดความสูงที่ใช้ตรวจสอบระดับน้ำทะเลในมหาสมุทรทั้งหมดบนเรือ ความร้อนพื้นผิวมหาสมุทรพุ่งสูงทำลายสถิติ โดยอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคม และพุ่งขึ้นต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องเร่งหาสาเหตุที่แน่ชัด “เป็นเรื่องที่น่าสังเกต” เกรกอรี ซี. จอห์นสัน นักสมุทรศาสตร์จาก National Oceanic and Atmospheric Administration กล่าว ซึ่งทางหน่วยงานคำนวณอุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรโดยใช้เรือ ดาวเทียม และทุ่นลอยน้ำ แม้ว่าข้อมูลนี้ยังเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป “นี่จะเป็นอีกเหตุการณ์สำคัญ” จอห์นสันกล่าว พร้อมทั้งระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นยังไม่ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีโอกาสไขปริศนาทั้งหมด อุณหภูมิพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในเดือนเมษายน ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวลดลง แต่ก็ยังคงสูงกว่าปีก่อนๆ และแม้ว่าอุณหภูมิเพิ่มสูงกว่าสถิติก่อนหน้าในปี 2016 ราว 20% ซึ่งอาจดูเหมือนไม่มากนัก แต่จริงๆ แล้ว “มันเป็นพลังงานจำนวนมหาศาล”

เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าต้องใช้ความร้อนมากขนาดไหนจึงจะทำให้น้ำปริมาณมหาศาลในมหาสมุทรร้อนขึ้นได้ แมทธิว อิงแลนด์ ศาสตราจารย์ด้านพลศาสตร์มหาสมุทรและภูมิอากาศแห่งมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย กล่าวกับ CNN

People Also Search

น้ำในทะเล และมหาสมุทรอุ่นขึ้น จนมีอุณหภูมิที่สูงจนเป็นสถิติ จากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นบนโลกของเรา มีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบนิเวศของโลก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุความแปรปรวนของภัยธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และมีผลระยะยาวในอนาคต บนโลกของเรามีพื้นที่ที่เป็นมหาสมุทรอยู่ประมาณ 71

น้ำในทะเล และมหาสมุทรอุ่นขึ้น จนมีอุณหภูมิที่สูงจนเป็นสถิติ จากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นบนโลกของเรา มีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบนิเวศของโลก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุความแปรปรวนของภัยธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และมีผลระยะยาวในอนาคต บนโลกของเรามีพื้นที่ที่เป็นมหาสมุทรอยู่ประมาณ 71 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ทั้งหมด ทำให้มหาสมุทรนั้นเป็นตัวแปรที่สำคัญในการกำหนดสภาพภูมิอากาศของโลก ...

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยผิวน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นทำลายสถิติเดิมเมื่อปี 2016 โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 20.96 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของปีก่อน ๆ มาก ตามข้อมูลของ

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยผิวน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นทำลายสถิติเดิมเมื่อปี 2016 โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 20.96 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของปีก่อน ๆ มาก ตามข้อมูลของ โคเปอร์นิคัส (Copernicus) ที่ให้บริการข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในยุโรป มหาสมุทรถือเป็นตัวจักรสำคัญที่คอยกำกับสภาพภูมิอากาศ มันดูดซับความร้อน ผลิตออกซิเจนกว่าครึ่งหนึ่งของโลก และมีอิทธิพลต่อแบบ...

ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “คลื่นความร้อน” ผิดปรกติเกิดขึ้นในแอ่งมหาสมุทรหลักทั้งหมดทั่วโลก รุนแรงถึงขั้นที่นักวิทยาศาสตร์ต้องบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาเพื่อเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “คลื่นความร้อนทางทะเลระดับรุนแรง” (super Marine Heat Waves)

ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “คลื่นความร้อน” ผิดปรกติเกิดขึ้นในแอ่งมหาสมุทรหลักทั้งหมดทั่วโลก รุนแรงถึงขั้นที่นักวิทยาศาสตร์ต้องบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาเพื่อเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “คลื่นความร้อนทางทะเลระดับรุนแรง” (super marine heat waves) “ระบบนิเวศทางทะเลไม่เคยเจอไม่เคยเจอคลื่นความร้อนทางทะเลระดับรุนแรง จนระดับอุณหภูมิผิวน้ำทะเล...

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 อุณหภูมิอากาศผิวพื้นของโลกได้สูงถึง 1.5 องศาเซลเซียส ในช่วงเวลาหนึ่งปี แต่เมื่อปีที่แล้ว อุณหภูมิมหาสมุทรในบางภูมิภาคเหมือนกับที่คาดไว้ ถ้าอุณหภูมิอากาศผิวพื้นของโลกสูงถึง 3

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 อุณหภูมิอากาศผิวพื้นของโลกได้สูงถึง 1.5 องศาเซลเซียส ในช่วงเวลาหนึ่งปี แต่เมื่อปีที่แล้ว อุณหภูมิมหาสมุทรในบางภูมิภาคเหมือนกับที่คาดไว้ ถ้าอุณหภูมิอากาศผิวพื้นของโลกสูงถึง 3 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม มหาสมุทรก็จะยิ่งร้อนเร็วกว่าที่คาดไว้ เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ จาก "ภาวะโลกร้อน" แม้ขนาดมนุษย์ก็ยังอยู่ลำบาก เเล้วบรรดา "สัตว์น้ำ" จะเป็นอย่างไร เเน่นอนว่าพว...

ประมาณกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ข้อมูลการตรวจสอบอุณหภูมิในมหาสมุทรแสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิผิวน้ำโดยเฉลี่ยสูงกว่า 21 องศาเซลเซียส (ประมาณ 70 องศาฟาเรนไฮต์) ทั่วโลก ไม่รวมน้ำในขั้วโลก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี

ประมาณกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ข้อมูลการตรวจสอบอุณหภูมิในมหาสมุทรแสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิผิวน้ำโดยเฉลี่ยสูงกว่า 21 องศาเซลเซียส (ประมาณ 70 องศาฟาเรนไฮต์) ทั่วโลก ไม่รวมน้ำในขั้วโลก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1981 เป็นอย่างน้อย นั่นถึงการอุ่นขึ้นกว่าที่นักวิทยาศาสตร์สังเกตในช่วงเวลานี้ของปี 2559 เมื่อปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงทำให้โลกบันทึกความอบอุ่นได้ อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่...