เกมคนไทยเนื้อหอม ต่างชาติจ้องลงทุน หลัง คุณภาพ ปริมาณ ดีสุดในอาเซียน

Leo Migdal
-
เกมคนไทยเนื้อหอม ต่างชาติจ้องลงทุน หลัง คุณภาพ ปริมาณ ดีสุดในอาเซียน

นายเนนิน อนันต์บัญชาชัย นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าตลาดเกมไทยมีศักยภาพการเติบโตมหาศาล ทั้งในเชิงคุณภาพ ปริมาณ และการดึงเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุน โดยขณะนี้เกมฝีมือคนไทยได้รับการความสนใจ จากนักลงทุน และผู้จัดจำหน่ายเกมในต่างประเทศมากขึ้น ภายหลังกลุ่มผู้พัฒนาเกมอินดี้ที่จำหน่ายอยู่บนแพลตฟอร์ม สตรีม(Steam) เกมพีซีต่างๆ สามารถพัฒนาเกมคุณภาพมากขึ้น จนสามารถคว้ารางวัลระดับนานาชาติมาได้จากหลายเวที ส่งผลให้มีจำนวนเกมที่พัฒนาใหม่ป้อนสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่าในแต่ละปี โดยในปี 2566 ประเทศไทยมีจำนวนเกมบนสตรีมมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีมากกว่า 100 เกม ซึ่งหากเทียบศักยภาพระหว่างผู้พัฒนาเกมไทยและในภูมิภาคพบว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก โดยเป้าหมายระยะแรกของ TGA คือ ผลักดันให้เกิดปริมาณเกมคนไทยจำหน่ายบนแพลตฟอร์มสตรีม มากขึ้น โดยปีนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 200 เกม หรือ ปีหน้าเพิ่มขึ้น 300 เกม ซึ่งการที่มีปริมาณเกมของคนไทย จะช่วยให้เกิดการแข่งขันพัฒนาคุณภาพ และสามารถนำไปใช้ต่อยอดพัฒนาเกมต่อ และมีโอกาสที่มีเกมทำรายได้หลัก 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีเกมที่สามารถทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท 3-4 เกมเท่านั้น “จุดแข็งของไทยที่ได้รับการยอมรับคือความคิดสร้างสรรค์ มีอาร์ทติสที่มากประสบการณ์ มี Ecosystem ที่พร้อมในการสร้างสรรค์เกม แต่อาจมีจุดอ่อนในด้านภาษาและมุมมองในเชิงธุรกิจที่ทำให้เสียโอกาสในการนำเสนอในเวทีต่างชาติ รวมถึงการร่วมพัฒนางานกับต่างประเทศซึ่งต้องปรับให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต” นายเนนิน กล่าวต่อไปว่าอุตสาหกรรมเกมไทยมีมูลค่าประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท จำนวนผู้เล่นเกมในไทย 32 ล้านคน หรือคิดเป็น 47% ของประชากรไทย อย่างไรก็ตามเกมยอดนิยมส่วนใหญ่เป็นเกมนำเข้า แม้เกมไทยจะเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่มีสัดส่วนเกมไทย ประมาณ 2-3% ซึ่งเป้าหมายของ TGA วางไว้คือ เพิ่มสัดส่วนเกมไทยขึ้นเป็น 4-5% ภายในปีนี้ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยภาครัฐ ต้องเข้ามาสนับสนุนอีโคซิสเต็ม ขณะที่ TGA จะมุ่งการทำงานกับภาครัฐ เร่งผลักดัน พระราชบัญญัติ หรือ พรบ. เกม พัฒนาอุตสาหกรรมเกม เพื่อปรับโครงสร้างการกำกับดูแลและส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมในประเทศไทย ให้เกิดความได้เปรียบด้านการแข่งขัน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิด Soft Power เกมไทยที่แข็งแรง รวมถึงการผลักดันให้เกิดสภาเกมแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นขับเคลื่อน ผลักดัน อุตสาหกรรมเกม

รายงานล่าสุดจาก โรเบิร์ต วอลเทอร์ส (Robert Walters) บริษัทที่ปรึกษาด้านบุคลากร เผยว่า ประเทศไทยกำลังกลายเป็นหมุดหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่น่าจับตาสำหรับธุรกิจทั่วโลกที่ต้องการเข้าถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทในเอเชียแสดงความสนใจที่จะขยายธุรกิจมายังไทยภายใน 24 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นผลจากความต้องการผู้บริโภคที่สูงขึ้น ต้นทุนแรงงานที่สามารถแข่งขันได้ และทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ รายงาน “สู่โอกาสใหม่ คู่มือการขยายธุรกิจในประเทศไทย” (Expanding horizons: A guide to growing your business in Thailand) ชี้ให้เห็นว่า นอกจากปัจจัยทางเศรษฐกิจแล้ว ตลาดแรงงานไทยที่แข็งแกร่ง ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยโดดเด่นทัดเทียมกับสิงคโปร์ และมาเลเซีย ด้วยจำนวนแรงงานรวมกว่า 12 ล้านคน และอัตราการว่างงานต่ำกว่า 1% ตลาดแรงงานไทยถูกจัดเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน ประกอบด้วยบุคลากรสายออฟฟิศ (white-collar) ประมาณ 2 ล้านคน ในภาคส่วนสำคัญ เช่น การเงิน เทคโนโลยี และบริการ และกลุ่มผู้ใช้แรงงาน (blue-collar) เกือบ 10 ล้านคน ที่เป็นรากฐานในภาคการผลิต ก่อสร้าง และโลจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม รายงานยังเน้นย้ำถึงความท้าทายสำคัญคือ ปัญหาการขาดแคลนทักษะด้านดิจิทัล และเทคโนโลยี อย่างมาก แม้จะมีบุคลากรที่มีทักษะหลากหลายในหลายภาคส่วนก็ตาม ปัญหานี้ได้กระตุ้นให้ภาครัฐ และเอกชนเร่งแก้ไข นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม 2567 ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าการประชุมอาเซียนครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จของประเทศไทยบนเวทีโลกอีกครั้งหนึ่งต่อจากการประชุม ACD summit ที่กาตาร์ซึ่งตนได้มีโอกาสร่วมคณะผู้แทนไทยที่นำโดยนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ตลอดระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมา

ในการประชุมอาเซียน ท่านนายกฯ ได้เข้าร่วมการประชุมกว่า 20 วาระ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 ในวันที่ 9 ตุลาคม 67 ต่อด้วยการเปิดเวทีประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญของผู้นำประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำและทิศทางนโยบายของประเทศไทยที่ชัดเจน ในการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจระหว่างกันในมิติต่างๆ ในฐานะที่ประเทศสมาชิกอาเซียนล้วนเป็นคู่ค้าทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ถือเป็นการเปิดโอกาสการเจรจาการค้าการลงทุนต่างๆ อย่างดีเยี่ยม และได้รับความสนใจจากผู้นำประเทศต่างๆ เป็นอย่างมาก นอกจากการประชุมสุดยอดอาเซียนแล้ว นายกรัฐมนตรีแพทองธารฯ ยังได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมสำคัญอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ประชุมอาเซียน-จีน อาเซียน-เกาหลี อาเซียน-ญี่ปุ่น รวมถึงอาเซียน+3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) ซึ่งการกล่าวแถลงของท่านนายกรัฐมนตรี ทำให้ในแต่ละเวทีการประชุมให้ความสำคัญในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศสมาชิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาที่กระทบกับด้านเศรษฐกิจ ที่ท่านนายกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ทุกประเทศเล็งเห็นถึงความตั้งใจจริงตรงนี้ และหากมีนโยบายการค้าการลงทุนที่สอดรับกัน ก็จะได้สานต่อให้สำเร็จต่อจากนี้ ภายหลังการประชุม 3 เวทีใหญ่ มีประเทศต่างๆ ขอพบหารือทวิภาคี หรือการหารือสองฝ่าย อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กัมพูชา บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม มาเลเซีย แคนาดา เกาหลีใต้ เป็นต้น จนเกิดการประชุมทวิภาคีมากถึง 12 ประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีแพทองธารฯ ให้ความสำคัญกับทุกการประชุม แม้จะกินเวลาช่วงพักเบรกก็ตาม นอกจากประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว ยังมีประเทศมหาอำนาจ และประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ “นับว่าประเทศไทยเนื้อหอมจริงๆ ในการค้าการลงทุน เพราะมีหลายประเทศมารุมขอเข้าประชุม และประเทศอินเดียที่ให้การยอมรับท่านนายกอย่างมาก เนื่องจากเห็นถึงความมั่นคงและชัดเจนของนโยบายผู้นำประเทศไทย” - พิชัย นริพทะพันธุ์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ประเทศไทยยังคงฉายแววโดดเด่นในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนและการทำธุรกิจ โดยได้รับเสียงยืนยันจากตัวแทนสถานทูตชั้นนำหลายประเทศที่มองเห็นศักยภาพและโอกาสอันมหาศาลในไทย พร้อมร่วมมือผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในหลากหลายมิติ สะท้อนจากตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้าไทยกว่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 ในงานเสวนา “What’s the Global View in Thailand – Shaping International Business in the Heart of ASEAN” จัดโดย ทรู ดิจิทัล พาร์ค กรุงเทพฯ – เวทีเสวนา “What’s the Global View in Thailand – Shaping International Business in the Heart of ASEAN” ซึ่งจัดขึ้นโดยทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้สะท้อนมุมมองเชิงบวกจากนานาชาติที่มีต่อประเทศไทย โดยผู้แทนจากสถานทูตญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และลักเซมเบิร์ก ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการลงทุนในภูมิภาค พร้อมชี้แนะแนวทางการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สอดคล้องกับข้อมูล FDI ที่ชี้ว่าอาเซียนยังคงเป็นเป้าหมายการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะประเทศไทย

บนเวทีเสวนา “What’s the Global View in Thailand – Shaping International Business in the Heart of ASEAN” ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค, นายคาจิวาระ โทรุ อัครราชทูตและหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น กล่าวย้ำถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย โดยมองว่าแม้ประชากรไทยจะลดลง แต่ก็เป็นแรงผลักดันตามธรรมชาติที่ทำให้ไทยต้องหันมาให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมไฮเทคและอุตสาหกรรมขั้นสูง รวมถึงการพัฒนาทุนมนุษย์รุ่นใหม่ในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลไทย “ผมเพิ่งมาถึงประเทศไทยได้สองเดือน แต่ผมเห็นว่าที่นี่มีโอกาสทางธุรกิจมากมาย แม้ว่าบางคนอาจมองว่าเศรษฐกิจไทยมีขนาดเล็กกว่าประเทศอื่นในเอเชีย แต่สิ่งสำคัญคือเศรษฐกิจที่เติบโตเต็มที่อย่างประเทศไทย ต้องมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีขั้นสูงและการพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูง ที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาทุนมนุษย์รุ่นใหม่ในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอยู่ ผมมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยอย่างเต็มที่” นายคาจิวาระกล่าว นายแซค ลอว์ตัน เลขานุการเอกด้านเทคโนโลยีและหัวหน้าฝ่ายการลงทุน สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร กล่าวแสดงความยินดีกับ BOI และ True Digital Park ในความสำเร็จอีกขั้นของการส่งเสริมการเติบโตในประเทศไทย พร้อมเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสหราชอาณาจักรและไทย ซึ่งครบรอบ 170 ปีในปีนี้ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม - กันยายน 2567) ตัวเลขคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยมีจำนวน 2,195 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 722,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นยอดลงทุนที่สูงสุดในรอบ 10 ปี สะท้อนถึงศักยภาพและพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีของประเทศไทย รวมทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อนโยบายรัฐบาลและมาตรการสนับสนุนของรัฐ ตลอดจนการดึงดูดการลงทุนเชิงรุกของรัฐบาลและบีโอไอ ได้ทำให้เกิดการลงทุนโครงการใหญ่ในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ จำนวนมาก เช่น เซมิคอนดักเตอร์และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน และพลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ รัฐบาลยังเร่งพัฒนาระบบนิเวศและปัจจัยที่จะส่งผลต่อการลงทุนในห้วงเวลาสำคัญที่มีกระแสเคลื่อนย้ายฐานการผลิตโลก เช่น การพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะรองรับเทคโนโลยีใหม่ กลไกจัดหาพลังงานสะอาดในราคาที่เหมาะสม พื้นที่รองรับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ การปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน เป็นต้น

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่า 183,444 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ดิจิทัล มูลค่า 94,197 ล้านบาท ยานยนต์และชิ้นส่วน มูลค่า 67,849 ล้านบาท เกษตรและแปรรูปอาหาร มูลค่า 52,990 ล้านบาท ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ มูลค่า 34,341 ล้านบาท โดยกิจการที่มีการลงทุนสูงและอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น - กิจการ Data Center จำนวน 8 โครงการ เงินลงทุนรวม 92,764 ล้านบาท โดยมีการลงทุนจากบริษัทรายใหญ่สัญชาติอเมริกัน ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง และอินเดีย

People Also Search

นายเนนิน อนันต์บัญชาชัย นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าตลาดเกมไทยมีศักยภาพการเติบโตมหาศาล ทั้งในเชิงคุณภาพ ปริมาณ และการดึงเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุน

นายเนนิน อนันต์บัญชาชัย นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าตลาดเกมไทยมีศักยภาพการเติบโตมหาศาล ทั้งในเชิงคุณภาพ ปริมาณ และการดึงเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุน โดยขณะนี้เกมฝีมือคนไทยได้รับการความสนใจ จากนักลงทุน และผู้จัดจำหน่ายเกมในต่างประเทศมากขึ้น ภายหลังกลุ่มผู้พัฒนาเกมอินดี้ที่จำหน่ายอยู่บนแพลตฟอร์ม สตรีม(Steam) เกมพีซีต่างๆ สามารถพัฒนาเกมคุณภาพมากขึ้น จนสามารถคว้...

รายงานล่าสุดจาก โรเบิร์ต วอลเทอร์ส (Robert Walters) บริษัทที่ปรึกษาด้านบุคลากร เผยว่า ประเทศไทยกำลังกลายเป็นหมุดหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่น่าจับตาสำหรับธุรกิจทั่วโลกที่ต้องการเข้าถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทในเอเชียแสดงความสนใจที่จะขยายธุรกิจมายังไทยภายใน 24

รายงานล่าสุดจาก โรเบิร์ต วอลเทอร์ส (Robert Walters) บริษัทที่ปรึกษาด้านบุคลากร เผยว่า ประเทศไทยกำลังกลายเป็นหมุดหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่น่าจับตาสำหรับธุรกิจทั่วโลกที่ต้องการเข้าถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทในเอเชียแสดงความสนใจที่จะขยายธุรกิจมายังไทยภายใน 24 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นผลจากความต้องการผู้บริโภคที่สูงขึ้น ต้นทุนแรงงานที่สามารถแข่งขันได้ และทำเลที่ตั้งทางภูมิศาส...

ในการประชุมอาเซียน ท่านนายกฯ ได้เข้าร่วมการประชุมกว่า 20 วาระ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45

ในการประชุมอาเซียน ท่านนายกฯ ได้เข้าร่วมการประชุมกว่า 20 วาระ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 ในวันที่ 9 ตุลาคม 67 ต่อด้วยการเปิดเวทีประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญของผู้นำประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำและทิศทางนโยบายของประเทศไทยที่ชัดเจน ในการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจระหว่างกันในม...

บนเวทีเสวนา “What’s The Global View In Thailand – Shaping International

บนเวทีเสวนา “What’s the Global View in Thailand – Shaping International Business in the Heart of ASEAN” ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค, นายคาจิวาระ โทรุ อัครราชทูตและหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น กล่าวย้ำถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย โดยมองว่าแม้ประชากรไทยจะลดลง แต่ก็เป็นแรงผลักดันตามธรรมชาติที่ทำให้ไทยต้องหันมาให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมไฮเทคและอุตสาหกรรมขั้นสูง รวมถึงการพัฒนาทุนมนุษย์รุ่นใหม่ใ...

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่า 183,444 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่า 183,444 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ดิจิทัล มูลค่า 94,197 ล้านบาท ยานยนต์และชิ้นส่วน มูลค่า 67,849 ล้านบาท เกษตรและแปรรูปอาหาร มูลค่า 52,990 ล้านบาท ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ มูลค่า 34,341 ล้านบาท โดยกิจการที่มีการลงทุนสูงและอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น - กิจก...