รู้จักเครื่องมือ วิธีรู้เท่าทัน กลเกมฟอกเขียว หลังกระแสการลงทุน

Leo Migdal
-
รู้จักเครื่องมือ วิธีรู้เท่าทัน กลเกมฟอกเขียว หลังกระแสการลงทุน

ตอนนี้​เมื่อรอบกายอะไรๆ ก็เพื่อความยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ที่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้ว่าให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และเรื่องบรรษัทภิบาล (ESG) โดยไม่รู้ว่าแท้จริงภายในองค์กรนั้นเกิดการส่งต่อและเคร่งครัดในการปฏิบัติต่อเรื่องนี้จริงจังขนาดไหน จนลืมไปว่าบางทีเราอาจถูกหลอกให้เชื่อภาพลักษณ์ตามที่องค์กรนั้นๆ ต้องการสื่อสารออกมา โดยที่ไม่รู้ว่านั่นคือ ‘ปฏิบัติการฟอกเขียว’ (Greenwashing) การที่องค์กรหรือบริษัทนั้นสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าได้ใส่ใจความยั่งยืนบนโลกนี้ และทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือมีส่วนสร้างก๊าซภาวะเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจให้น้อยที่สุด แต่ความเป็นจริงกระบวนการดำเนินการภายในของบริษัทไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องผลกระทบอย่างที่กล่าวอ้าง ไม่ได้มีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อม หรือไม่ได้ลงมือแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง จนบางครั้งการฟอกเขียวอาจกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ขององค์กรที่ใช้ในการสร้างภาพลักษณ์ให้บริษัท เพื่อทำให้ผู้บริโภค ลูกค้า คู่ค้า หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทางธุรกิจ เข้าใจผิดว่าใส่ใจเรื่อง ESG แต่แท้จริงแล้วอาจหวังผลเพียงต้องการสร้างรายได้และทำให้ทุกฝ่ายได้เชื่อมั่นและมั่นใจว่า สินค้าและการบริการจากบริษัทนี้ได้ทำทุกอย่างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงสภาพภูมิอากาศ ปล่อยของเสียออกมาอย่างคำนึงถึงภาวะก๊าซเรือนกระจก เพราะเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าใช้กระแสที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า ฉันคือหนึ่งในผู้ที่มีส่วนรักษ์โลก ทั้งจากการเลือกกิน เลือกใช้สิ่งที่จะทำร้ายโลกให้น้อยที่สุด โดยจะใช้การตลาดที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดด้วยการบอกข้อมูลไม่หมด หรือทำให้รู้สึกคลุมเครือไว้ก่อน ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่ ปลายปีที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับหลักทรัพย์ของยุโรป European Securities and Markets Authority (ESMA) ต้องการสร้างมาตรฐานเกี่ยวกับการลงทุนด้าน ESG และความยั่งยืน โดยเพิ่มความเข้มงวดในการจัดตั้งกองทุน ESG หรือความยั่งยืน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด ‘การฟอกเขียว’ ที่สื่อสารให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิดว่า สินค้าหรือองค์กรนั้นๆ รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเพื่อป้องกันและยับยั้งการใช้ตลาดทุน-สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นช่องทางในการฟอกเงินและเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้บริบทปัจจุบันที่การปราบปรามการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีทวีความสำคัญขึ้น และเป็น “วาระแห่งชาติ” ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

ก.ล.ต. ได้มีการดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยมีการประสานงานร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการตรวจสอบกรณีต้องสงสัยเกี่ยวกับการกระทำความผิด ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักทรัพย์ กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งยกระดับมาตรการ และการบูรณาการเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล (Connecting the dots) เพื่อประโยชน์ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ปิดช่องโหว่ ทำให้เห็นภาพในองค์รวม เพื่อการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด ทั้งนี้ ก.ล.ต. ยังคงมุ่งเน้นกำกับดูแลให้ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้กำกับดูแลของ ก.ล.ต. ให้ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เป็นไปตามกฎหมายฟอกเงินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)*

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ทำงานเชิงรุกในการป้องกัน - ป้องปราม - ปิดกั้น ตลอดจนมีเครื่องมือในการช่วยเหลือและแจ้งเตือนผู้ลงทุน ภายใต้การบูรณาการการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน กรุงเทพธุรกิจศุภกร เอกชัยไพบูลย์ฝ่ายพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน 1ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การฟอกเขียวธุรกิจ หรือ Green Washing คือ การเปิดเผยข้อมูลหรือข้อความที่แสดงความเป็นมิตรต่อสังคมและ/หรือสิ่งแวดล้อมของธุรกิจที่เกินความเป็นจริง เพื่อหวังจะให้ธุรกิจสามารถขายของหรือสร้างกำไรบนความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ผมเชื่อว่าผู้บริโภคยุคนี้รับรู้ได้ว่าข้อมูลแบบไหนที่เน้นขายบนความรู้สึกคนมากเกินไป และเมื่อบริษัทประพฤติไม่เหมาะสมหรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น การรั่วไหลของน้ำมันใน Deepwater Horizon ของ BP หรือเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลคาร์บอนและการปล่อยมลพิษของ Volkswagen ก็ทำให้เห็นแล้วว่า Green Wash เป็นความเสี่ยงที่ลบทุกความเชื่อมั่นจากธุรกิจ จนสร้างอิมแพคต่อเงินในกระเป๋าบริษัท สอดคล้องกับงานสำรวจของ Harvard Business Review (HBR)[1] ที่แสดงให้เห็นว่าผู้มีส่วนได้เสียจะลงโทษธุรกิจโดยการไม่ลงทุนหรือไม่ซื้อสินค้า และตีตราบริษัทนั้นว่าเป็นธุรกิจ Green Washing หากบริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายและเป้าหมายที่สัญญาไว้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ส่งผลเสียต่อทัศนคติทางสังคมที่มีต่อสินค้าและบริการของบริษัทในระยะยาว ในมิติการลงทุน ข้อมูล ESG ไม่ใช่ผงซักฟอกธุรกิจให้ขาวสะอาดใส ที่ทำให้ท่านมั่นใจว่าธุรกิจเก่ง ดี และพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตการลงทุนของท่าน การที่ทุกฝ่ายลุกขึ้นมาบอกให้ธุรกิจก็ต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นด้านบวกและลบอย่างสมดุล โดยไม่มีกระบวนการตรวจสอบอย่างเป็นกลาง ยิ่งทับถมปัญหาการใช้ข้อมูล ESG ในการฟอกธุรกิจ ขณะที่คนเปิดเผยข้อมูลก็มองเป็นดาบสองคม เพราะถ้าเปิดข้อมูลที่ลบเกินไป คนก็ไม่กล้าลงทุนเพราะเสี่ยงสูง แต่ถ้าเปิดข้อมูลที่เป็นบวกเกินไป คนก็ไม่กล้าลงทุนอีกเพราะเห็นข้อมูลแค่ด้านเดียว มิหนำซ้ำการมีกระบวนการตรวจสอบทำให้ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้นไปอีก ดังนั้น ถ้าต้องเลือก ธุรกิจก็จะเปิดเผยข้อมูลเท่าที่ทำได้ และรายงานแบบ propaganda “โปร ปะ กัน (โดน) ด่า” มากกว่า

เราต้องมาขบคิดกันว่าจะจัดการปัญหา Green Washing แบบไหนที่ตอบโจทย์ทั้งธุรกิจและผู้บริโภคข้อมูล ผมอ่านแนวทางหลีกเลี่ยงปัญหาเบื้องต้น พบว่ามีหลากหลายวิธี เช่น การอ้างสิทธิ์ในสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควรตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับของที่มาสินค้าได้ด้วย หรือบริษัทควรพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลของสินค้า บริการ หรือการดำเนินธุรกิจมีหน่วยงานหรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเป็นผู้รับรองข้อมูลที่เป็นวิชาการ เป็นต้น GRI Certified Training Partner นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 รู้จัก CG ¦ ESG ¦ CSR ¦ CSV ¦ SD ¦ SE ¦ SB การฟอกเขียว ซึ่งหมายถึงการที่บริษัทพยายามสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือมีความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง หรือทำแค่นิดหน่อยพอให้มีภาพลักษณ์ การฟอกเขียวมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเลือกรายงานเฉพาะข้อมูลด้านบวก การใช้ภาษาที่คลุมเครือ ไปจนถึงการตั้งเป้าหมายที่ไกลเกินจริง ตัวอย่างเช่น บริษัทผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่แห่งหนึ่งประกาศว่าจะใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิล 100% ภายในปี 2030 แต่กลับไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณพลาสติกที่ใช้ในปัจจุบัน หรือแผนการลดการใช้พลาสติกโดยรวม นี่เป็นตัวอย่างของการใช้เป้าหมายที่ฟังดูดีแต่ขาดความโปร่งใสในรายละเอียด ในภาคพลังงาน เราอาจพบกรณีของบริษัทที่โฆษณาตัวเองว่าเป็น “ผู้นำด้านพลังงานสะอาด” โดยอ้างถึงการลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม แต่ในความเป็นจริง รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทยังคงมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การนำเสนอข้อมูลเช่นนี้อาจทำให้นักลงทุนและผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาพรวมการดำเนินงานของบริษัท

สำหรับภาคการเงิน เราอาจพบกรณีของธนาคารที่ประกาศนโยบาย “การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ” แต่ในทางปฏิบัติยังคงให้เงินกู้แก่โครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยอ้างว่าเป็นเพียงส่วนน้อยของภาพรวมการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด ท่ามกลางบรรยากาศที่เขียวขจีของตลาดหุ้นที่เริ่มฟื้นตัว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนดูเหมือนจะกลับมาอีกครั้งหลังผ่านช่วงเวลาแห่งความหดหู่ในครึ่งปีแรก แต่ในโลกการลงทุนที่ข้อมูลข่าวสารถาโถมเข้าใส่อย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าที่เคย การควบคุม “อารมณ์” ได้กลายเป็นสมรภูมิที่ท้าทายที่สุดสำหรับนักลงทุนทุกคน การเดินทางผ่านวัฏจักรแห่งความโลภและความกลัวนี้จำเป็นต้องมีหลักการที่แข็งแกร่งและเครื่องมือที่ทันสมัยเข้ามาช่วย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และผู้ร่วมก่อตั้ง Jitta Wealth สรุปภาพรวมตลาดในช่วงที่ผ่านมา แนวโน้มในอนาคต พร้อมเสนอแนวคิดการลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยให้นักลงทุน “อยู่รอดและเติบโต” ได้ในทุกสภาวะตลาด ครึ่งปีแรกของปีเริ่มต้นด้วยความผันผวนรุนแรง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) ที่กำลังไต่ระดับทำจุดสูงสุดใหม่ กลับดิ่งลงจากจุดสูงสุดกว่า 20% ในเวลาเพียงเดือนกว่าๆ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงที่รวดเร็วเป็นรองเพียงวิกฤตโควิดที่เคยทำให้ตลาดร่วงถึง 30% ในเดือนเดียว เหตุการณ์นี้เกิดจากประเด็นสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น หรือที่ถูกกล่าวถึงในชื่อ “Liberation Day” และได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก บทเรียนสำคัญที่ได้คือ นักลงทุนที่ตื่นกลัวและออกจากตลาดไปคือผู้ที่ผิดหวัง ในขณะที่ผู้ที่ยังคงหนักแน่นและอยู่ในตลาด สามารถเห็นพอร์ตการลงทุนของตนเองฟื้นตัวกลับมาเป็นบวกได้ในเวลาไม่นาน และในวันนี้ ประเด็นร้อนแรงเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะเลือนหายไปจากความสนใจของตลาดแล้ว แม้ความเชื่อมั่นจะกลับมา แต่ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ นักลงทุนต้องติดตามปัจจัยสำคัญหลายประการอย่างใกล้ชิด ประการแรกคือสงครามการค้า ที่แม้จุดเลวร้ายที่สุดอาจผ่านไปแล้ว แต่ผลกระทบยังคงอยู่และจะเปลี่ยนโฉมหน้าการค้าโลกไปตลอดกาล ซึ่งนำไปสู่ปัจจัยถัดมาคือความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ อันเป็นผลกระทบจากการขึ้นภาษี ที่จะส่งต่อไปยังราคาสินค้าและผู้บริโภค อย่างไรก็ดี หากมองในเชิงประวัติศาสตร์ เงินเฟ้อที่สูงในปัจจุบันยังไม่น่ากังวลเท่าในอดีตที่สหรัฐฯ เคยเผชิญระดับ 12% หรือแม้กระทั่ง 18% มาแล้ว แต่สุดท้ายตลาดหุ้นก็ยังเติบโตได้ เพราะบริษัทที่แข็งแกร่งสามารถส่งผ่านต้นทุนไปที่ราคาสินค้าและยังคงสร้างกำไรได้ในที่สุด ท้ายที่สุด สมรภูมิที่แท้จริงในระยะยาวคือสงครามเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการขับเคี่ยวระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยสหรัฐฯ มองว่า AI คือ New S-Curve ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต การขึ้นภาษีสินค้านำเข้ายังเป็นการบีบให้ผู้ผลิตทั่วโลกต้องหันมาใช้เทคโนโลยี AI เพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ... ในโลกที่ซับซ้อนและผันผวน การทุ่มเงินลงทุนทั้งหมดไปในสินทรัพย์หรือตลาดหุ้นประเทศใดประเทศหนึ่งมีความเสี่ยงสูงเกินไป หลักการจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ แนวคิดนี้คือการแบ่งเงินลงทุนออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ พอร์ตหลัก (Core Portfolio) ซึ่งเป็นเงินส่วนใหญ่ราว 80% เปรียบเสมือนแกนกลางของยานที่แข็งแกร่ง มีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยราว 8% ต่อปีอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยกระจายความเสี่ยงไปทั่วโลก ขณะที่อีก 20% ที่เหลือคือ พอร์ตเสริม (Satellite Portfolio) ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้แสวงหาโอกาสเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นประมาณ 10-15% ต่อปี ผ่านการลงทุนแบบมุ่งเน้นในสินทรัพย์หรือตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง

People Also Search

ตอนนี้​เมื่อรอบกายอะไรๆ ก็เพื่อความยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ที่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้ว่าให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และเรื่องบรรษัทภิบาล (ESG) โดยไม่รู้ว่าแท้จริงภายในองค์กรนั้นเกิดการส่งต่อและเคร่งครัดในการปฏิบัติต่อเรื่องนี้จริงจังขนาดไหน จนลืมไปว่าบางทีเราอาจถูกหลอกให้เชื่อภาพลักษณ์ตามที่องค์กรนั้นๆ

ตอนนี้​เมื่อรอบกายอะไรๆ ก็เพื่อความยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ที่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้ว่าให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และเรื่องบรรษัทภิบาล (ESG) โดยไม่รู้ว่าแท้จริงภายในองค์กรนั้นเกิดการส่งต่อและเคร่งครัดในการปฏิบัติต่อเรื่องนี้จริงจังขนาดไหน จนลืมไปว่าบางทีเราอาจถูกหลอกให้เชื่อภาพลักษณ์ตามที่องค์กรนั้นๆ ต้องการสื่อสารออกมา โดยที่ไม่รู้ว่านั่นคือ ‘ปฏิ...

ก.ล.ต. ได้มีการดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยมีการประสานงานร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการตรวจสอบกรณีต้องสงสัยเกี่ยวกับการกระทำความผิด ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักทรัพย์ กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งยกระดับมาตรการ และการบูรณาการเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล

ก.ล.ต. ได้มีการดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยมีการประสานงานร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการตรวจสอบกรณีต้องสงสัยเกี่ยวกับการกระทำความผิด ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักทรัพย์ กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งยกระดับมาตรการ และการบูรณาการเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล (Connecting the dots) เพื่อประโยชน์ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ปิดช่องโหว่ ทำให้เห็นภาพในองค์รวม เพื่อ...

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ทำงานเชิงรุกในการป้องกัน - ป้องปราม - ปิดกั้น ตลอดจนมีเครื่องมือในการช่วยเหลือและแจ้งเตือนผู้ลงทุน ภายใต้การบูรณาการการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน กรุงเทพธุรกิจศุภกร

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ทำงานเชิงรุกในการป้องกัน - ป้องปราม - ปิดกั้น ตลอดจนมีเครื่องมือในการช่วยเหลือและแจ้งเตือนผู้ลงทุน ภายใต้การบูรณาการการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน กรุงเทพธุรกิจศุภกร เอกชัยไพบูลย์ฝ่ายพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน 1ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การฟอกเขียวธุรกิจ หรือ Green Washing คือ การเปิดเผยข้อมูลหรือข้อความที่แสดงความเป็นมิตรต่อสังคมและ/หรือสิ่งแวดล้อมของธุรกิจที่เกินความเป็นจริ...

เราต้องมาขบคิดกันว่าจะจัดการปัญหา Green Washing แบบไหนที่ตอบโจทย์ทั้งธุรกิจและผู้บริโภคข้อมูล ผมอ่านแนวทางหลีกเลี่ยงปัญหาเบื้องต้น พบว่ามีหลากหลายวิธี เช่น การอ้างสิทธิ์ในสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควรตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับของที่มาสินค้าได้ด้วย หรือบริษัทควรพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลของสินค้า

เราต้องมาขบคิดกันว่าจะจัดการปัญหา Green Washing แบบไหนที่ตอบโจทย์ทั้งธุรกิจและผู้บริโภคข้อมูล ผมอ่านแนวทางหลีกเลี่ยงปัญหาเบื้องต้น พบว่ามีหลากหลายวิธี เช่น การอ้างสิทธิ์ในสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควรตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับของที่มาสินค้าได้ด้วย หรือบริษัทควรพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลของสินค้า บริการ หรือการดำเนินธุรกิจมีหน่วยงานหรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเป็นผู้รับรองข้อมูลที่เป็นวิชาการ เป็นต้น GR...

สำหรับภาคการเงิน เราอาจพบกรณีของธนาคารที่ประกาศนโยบาย “การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ” แต่ในทางปฏิบัติยังคงให้เงินกู้แก่โครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยอ้างว่าเป็นเพียงส่วนน้อยของภาพรวมการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด ท่ามกลางบรรยากาศที่เขียวขจีของตลาดหุ้นที่เริ่มฟื้นตัว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนดูเหมือนจะกลับมาอีกครั้งหลังผ่านช่วงเวลาแห่งความหดหู่ในครึ่งปีแรก แต่ในโลกการลงทุนที่ข้อมูลข่าวสารถาโถมเข้าใส่อย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าที่เคย การควบคุม “อารมณ์”

สำหรับภาคการเงิน เราอาจพบกรณีของธนาคารที่ประกาศนโยบาย “การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ” แต่ในทางปฏิบัติยังคงให้เงินกู้แก่โครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยอ้างว่าเป็นเพียงส่วนน้อยของภาพรวมการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด ท่ามกลางบรรยากาศที่เขียวขจีของตลาดหุ้นที่เริ่มฟื้นตัว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนดูเหมือนจะกลับมาอีกครั้งหลังผ่านช่วงเวลาแห่งความหดหู่ในครึ่งปีแรก แต่ในโลกการลงทุนที่ข้อมูลข่าวสา...