ลานีญา 3 ปีซ้อน เกิดจากภูมิอากาศโลกรวนด้วยฝีมือมนุษย์ Bbc News ไทย

Leo Migdal
-
ลานีญา 3 ปีซ้อน เกิดจากภูมิอากาศโลกรวนด้วยฝีมือมนุษย์ bbc news ไทย

เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ได้ประกาศว่าปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ซึ่งทำให้ฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบแปซิฟิก มีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปอีกนานหลายเดือนในปีนี้และปีหน้า ทำให้นับเป็นปีที่สามแล้วที่สภาพภูมิอากาศแบบดังกล่าวเกิดขึ้นติดต่อกัน ปรากฏการณ์ลานีญารอบปัจจุบันนั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก.ย. 2020 และมีความเป็นไปได้ 55-70% ที่จะดำเนินต่อไปจนถึง ก.พ. 2023 หรือยาวนานยิ่งกว่านั้น การเกิดลานีญาถึง 3 ปีซ้อน จัดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หาพบได้ยากมาก โดยเคยมีการบันทึกไว้เพียง 2 ครั้งในประวัติศาสตร์ ระหว่างช่วงปี 1973-1976 และ 1998-2001 ล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์จากหลายสถาบันการศึกษาในสหรัฐฯ นำโดยมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (UW) ได้ตีพิมพ์เผยแพร่รายงานวิจัยว่าด้วยความผิดปกติของปรากฏการณ์ลานีญาดังข้างต้น ลงในวารสาร Geophysical Research Letters ฉบับวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา

ทีมผู้วิจัยระบุว่า หลักฐานจากการติดตามความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำ ทั้งในมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ชี้ว่าปรากฏการณ์ลานีญาที่รุนแรงและยาวนานเกินกว่าที่เคยเป็นมา ไม่ใช่วงจรความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยฝีมือมนุษย์ หลังจากรอคอยมาตลอดปี 2024 ในที่สุดปรากฏการณ์ “ลานีญา” ก็เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้รุนแรงเท่าที่คาดไว้ และไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาสภาพอากาศมากนัก ตามข้อมูลจากสำนักงานบริหารบรรยากาศ และมหาสมุทรแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ขั้วตรงข้ามของ “เอลนีโญ” ทำให้ผืนน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณเส้นศูนย์สูตรเคลื่อนตัวอย่างไม่สม่ำเสมอ และเย็นลงอย่างผิดปกติ ส่งผลให้รูปแบบสภาพอากาศทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไป ปรากฏการณ์เอลนีโญครั้งล่าสุดสิ้นสุดลงเมื่อเดือนมิถุนายน 2024 และนักพยากรณ์อากาศทั่วโลกต่าง คาดว่าลานีญาจะเกิดขึ้นภายในปี 2024 แต่ลานีญาก็ไม่มาตามที่คาดไว้ เนื่องจากอุณหภูมิของมหาสมุทรทั่วโลกอุ่นขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลตัวชี้วัด “NINO3.4” ที่ใช้ในการกำหนดว่าในตอนนี้โลกกำลังอยู่ในปรากฏการณ์เอลนีโญหรือลานีญา หรืออยู่ในสภาวะเป็นกลาง ซึ่งพบว่าในช่วงที่ผ่านมามีอุณหภูมิต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.9 องศาเซลเซียส ซึ่งยังไม่ถึงกว่าเกณฑ์ลานีญาที่กำหนดไว้ที่ 0.8 องศาเซลเซียส โดยทั่วไปแล้วลานีญามักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว มีจุดสูงสุดในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ จากนั้นจะค่อยๆ เบาลงในช่วงฤดูร้อน แต่ในปัจจุบันไม่ได้เกิดขึ้นตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด เนื่องจากลานีญาในรอบนี้เกิดขึ้นช้ากว่าปกติ ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 75 ปีที่เกิดขึ้นช้าขนาดนี้ (ครั้งแรกคือ ช่วงปี 2008-2009)

ปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ครั้งล่าสุด ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 2020 จนทำให้เกิดฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกติดต่อกันนานผิดปกติถึง 3 ปี ได้สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศออสเตรเลีย ประกาศเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในแบบจำลองภูมิอากาศโลกปัจจุบัน ชี้ถึงสภาวะหยุดนิ่งเป็นกลางทางภูมิอากาศ ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นระหว่างการสลับสับเปลี่ยนไปมาของปรากฏการณ์เอลนีโญ – ลานีญา นั่นหมายความว่าปรากฏการณ์ลานีญาที่ยาวนานถึง 3 ปีซ้อน ได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม บรรดานักอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะเกิดสภาพภูมิอากาศแบบขั้วตรงข้ามติดตามมาในไม่ช้า ซึ่งก็คือปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีความรุนแรงกว่าในอดีต โดยมีโอกาสจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ถึงกว่า 50% ดร. นันทินี ราเมศ นักวิจัยอาวุโสด้านภัยธรรมชาติ ประจำองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) บอกว่า “แม้ยังไม่อาจทำนายได้อย่างแน่นอนว่า สภาพอากาศทั่วโลกจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดหลังจากนี้ แต่แบบจำลองภูมิอากาศส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อาจเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญซึ่งจะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น”

โดยทั่วไปแล้ว เอลนีโญสามารถผลักดันให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นได้อีกราว 0.2 องศาเซลเซียส จึงนับว่าเสี่ยงและหมิ่นเหม่ต่อการทำให้โลกร้อนขึ้นจนเกินขีดจำกัด ซึ่งนานาประเทศได้กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับอุณหภูมิเฉลี่ยของยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันโลกร้อนขึ้นกว่าระดับมาตรฐานในอดีตอยู่แล้วถึง 1.2 องศาเซลเซียส สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียรายงานว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญที่เริ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2023 ได้สิ้นสุดลงแล้ว ทว่า ปรากฏการณ์นี้ยังส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซ้ำเติมภาวะโลกร้อนระยะยาวที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ เอลนีโญเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศตามธรรมชาติที่เรียกรวมกันว่า "ความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้เอลนีโญ" (El Niño Southern Oscillation: ENSO) โดยปรากฏการณ์นี้มีสองสถานะตรงกันข้าม ประกอบด้วย เอลนีโญและลานีญา ทั้งสองสถานะส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ การเกิดเอลนีโญ่สามารถระบุได้จากการวัดค่าต่าง ๆ ดังนี้: ในสภาวะ "ปกติ" น้ำที่ผิวทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกจะเย็นกว่าทางตะวันออกและอุ่นกว่าทางตะวันตก

ลานีญา (La Niña) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน มีลักษณะเด่นคือการลดลงของอุณหภูมิผิวทะเลในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตเส้นศูนย์สูตร (Equator) โดยทั่วไปแล้ว ลานีญา จะมีผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงในลม ฝน และสภาพภูมิอากาศอื่นๆ ในช่วงที่เกิดลานีญา มักจะทำให้เกิดสภาพอากาศที่เย็นกว่าปกติในบางพื้นที่และอาจทำให้เกิดฝนตกหนักในบางภูมิภาค อาทิ ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเอเชียและบางส่วนของออสเตรเลีย ขณะเดียวกันบางพื้นที่อย่าง อเมริกาใต้บางส่วนอาจประสบกับภัยแล้ง โดยการเกิดลานีญามักจะเกิดขึ้นในวงรอบที่ไม่แน่นอน ประมาณทุก 2-7 ปี และมักจะเกิดขึ้นหลังจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้อุณหภูมิผิวทะเลในพื้นที่เดียวกันอุ่นขึ้น การพยากรณ์ล่าสุดจาก องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ระบุว่าอุณหภูมิผิวทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนคาดว่าจะกลับคืนสู่สภาพปกติ โดยมีโอกาส 60 % ที่สภาพอากาศจะกลับไปสู่ช่วงอุณหภูมิที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า สภาวะปกติ (ENSO-neutral) ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2025 และเพิ่มขึ้นเป็น 70 % ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2025 ทั้งนี้ ENSO (El Niño-Southern Oscillation)-neutral หมายถึงมหาสมุทรไม่ได้มีอุณหภูมิที่ร้อนผิดปกติ (เอลนีโญ) หรือเย็นผิดปกติ (ลานีญา) และโอกาสที่ El Niño จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ก็ต่ำมากหน่วยงานกล่าว ซึ่งตามที่ Celeste Saulo เลขาธิการ WMO กล่าวไว้ว่า การพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ เอลนีโญ และ ลานีญา มีความสำคัญในการเตือนล่วงหน้าและการดำเนินการป้องกัน “การพยากรณ์เหล่านี้แปลเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในการประหยัดทางเศรษฐกิจสำหรับภาคส่วนสำคัญ ทั้ง เกษตรกรรม พลังงาน และการขนส่ง และได้ช่วยชีวิตผู้คนหลายพันคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยการเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ” ถ้าเข้าสู่สภาวะ “ลานีญา” จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่งผลต่อสภาวะอากาศโลก และสภาพอากาศในประเทศไทยอย่างไรบ้าง?

จากกรณีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยข้อมูล สถานการณ์เอลนีโญประจำเดือนเมษายน 2567 โดยระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในสภาวะเอลนีโญกําลังอ่อน ทำให้ประเทศไทยมีแนวโน้มอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ในขณะที่ปริมาณฝนใกล้เคียงค่าปกติ และมีความน่าจะเป็นร้อยละ 60 ที่จะเข้าสู่สภาวะลานีญาในช่วงเดือน มิถุนายนถึงสิงหาคม 2567 นั้น ทำให้หลายคนสงสัยว่าหลังจากเปลี่ยนผ่านสถานการณ์เอลนีโญ ไปสู่สภาวะลานีญา จะส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศในประเทศไทยอย่างไรบ้าง โดย ลานีญา (La Nina) เป็นปรากฏการณ์ที่ตรงกันข้ามกับเอลนีโญ กล่าวคือ ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณตอนกลางและตะวันออกตอนกลางของแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรต่ำกว่าปกติประมาณ 0.5 องศาเซลเซียสลงไป ซึ่งปรากฏการณ์ลานีญาจะเกิดขึ้นได้ทุก 2-3 ปี และปกติจะเกิดนานประมาณ 9-12 เดือน แต่บางครั้งอาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี ทั้งนี้ลานีญาเกิดจากกระแสลมพัดจากด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกมายังด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกตามเดิม แต่กระแสลมมีความรุนแรงมากกว่าปกติ ทำให้กระแสน้ำอุ่นไหลมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ส่งผลให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียมีระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและมีปริมาณฝนตกหนักมากกว่าปกติ ซึ่งในทางตรงข้ามก็ทำให้เกิดภาวะความแห้งแล้งตามแนวชายฝั่งทวีปอมริกาใต้อีกด้วย

People Also Search

เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ได้ประกาศว่าปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ซึ่งทำให้ฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบแปซิฟิก มีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปอีกนานหลายเดือนในปีนี้และปีหน้า ทำให้นับเป็นปีที่สามแล้วที่สภาพภูมิอากาศแบบดังกล่าวเกิดขึ้นติดต่อกัน ปรากฏการณ์ลานีญารอบปัจจุบันนั้น

เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ได้ประกาศว่าปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ซึ่งทำให้ฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบแปซิฟิก มีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปอีกนานหลายเดือนในปีนี้และปีหน้า ทำให้นับเป็นปีที่สามแล้วที่สภาพภูมิอากาศแบบดังกล่าวเกิดขึ้นติดต่อกัน ปรากฏการณ์ลานีญารอบปัจจุบันนั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก.ย. 2020 และมีความเป็นไปได้ 55-70% ที่จะดำเนินต่อไปจนถึง ก.พ. 2023 หรือยาวนาน...

ทีมผู้วิจัยระบุว่า หลักฐานจากการติดตามความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำ ทั้งในมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ชี้ว่าปรากฏการณ์ลานีญาที่รุนแรงและยาวนานเกินกว่าที่เคยเป็นมา ไม่ใช่วงจรความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยฝีมือมนุษย์ หลังจากรอคอยมาตลอดปี 2024 ในที่สุดปรากฏการณ์ “ลานีญา”

ทีมผู้วิจัยระบุว่า หลักฐานจากการติดตามความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำ ทั้งในมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ชี้ว่าปรากฏการณ์ลานีญาที่รุนแรงและยาวนานเกินกว่าที่เคยเป็นมา ไม่ใช่วงจรความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยฝีมือมนุษย์ หลังจากรอคอยมาตลอดปี 2024 ในที่สุดปรากฏการณ์ “ลานีญา” ก็เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้รุนแรงเท่าที่คาดไว้ และไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาสภาพอ...

ปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ครั้งล่าสุด ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 2020 จนทำให้เกิดฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกติดต่อกันนานผิดปกติถึง 3

ปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ครั้งล่าสุด ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 2020 จนทำให้เกิดฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกติดต่อกันนานผิดปกติถึง 3 ปี ได้สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศออสเตรเลีย ประกาศเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในแบบจำลองภูมิอากาศโลกปัจจุบัน ชี้ถึงสภาวะหยุดนิ่งเป็นกลางทางภูมิอากาศ ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นระหว่าง...

โดยทั่วไปแล้ว เอลนีโญสามารถผลักดันให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นได้อีกราว 0.2 องศาเซลเซียส จึงนับว่าเสี่ยงและหมิ่นเหม่ต่อการทำให้โลกร้อนขึ้นจนเกินขีดจำกัด ซึ่งนานาประเทศได้กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับอุณหภูมิเฉลี่ยของยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันโลกร้อนขึ้นกว่าระดับมาตรฐานในอดีตอยู่แล้วถึง

โดยทั่วไปแล้ว เอลนีโญสามารถผลักดันให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นได้อีกราว 0.2 องศาเซลเซียส จึงนับว่าเสี่ยงและหมิ่นเหม่ต่อการทำให้โลกร้อนขึ้นจนเกินขีดจำกัด ซึ่งนานาประเทศได้กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับอุณหภูมิเฉลี่ยของยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันโลกร้อนขึ้นกว่าระดับมาตรฐานในอดีตอยู่แล้วถึง 1.2 องศาเซลเซียส สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียรายงานว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญที่เริ่...

ลานีญา (La Niña) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน มีลักษณะเด่นคือการลดลงของอุณหภูมิผิวทะเลในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตเส้นศูนย์สูตร (Equator) โดยทั่วไปแล้ว ลานีญา จะมีผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก เช่น

ลานีญา (La Niña) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน มีลักษณะเด่นคือการลดลงของอุณหภูมิผิวทะเลในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตเส้นศูนย์สูตร (Equator) โดยทั่วไปแล้ว ลานีญา จะมีผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงในลม ฝน และสภาพภูมิอากาศอื่นๆ ในช่วงที่เกิดลานีญา มักจะทำให้เกิดสภาพอากาศที่เย็นกว่าปกติในบางพื้นที่และอาจทำให้เกิดฝนตกหนักในบางภูมิภาค อา...