5 ปี ดีพเทค สตาร์ทอัพไทย กว่า 90 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจเกือบพันล

Leo Migdal
-
5 ปี ดีพเทค สตาร์ทอัพไทย กว่า 90 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจเกือบพันล

“Deep Tech Startup ไทย มีศักยภาพและความสามารถมาก เพียงแต่ยังต้องการการบริหารจัดการและการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่ใช่การบริหารจัดการทั่วไป แต่เป็นการจัดการให้อยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า Accelerator Platform ที่จะเร่งทุกอย่างให้เร็วขึ้น และเป็น Navigator สำคัญที่จะนำพางานวิจัยจากห้องปฏิบัติการไปสู่เชิงพาณิชย์ ” นายธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าว Accelerator Platform ช่วยขยายขนาดการผลิตของ Deep Tech Startup ในระดับอุตสาหกรรม ให้มีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ และไปสู่ตลาดโลกได้ 5 ปีที่ผ่านมา บพข. ได้สนับสนุนทุนไปแล้วกว่า 250 ล้านบาท ในการสร้าง Accelerator Platform ให้กับหน่วยงานวิจัยและมหาวิทยาลัยจำนวน 10 แห่ง รวม 12 platforms และมี Deep Tech Startup ช่วง early stage มากกว่า 90 บริษัท ที่ได้รับการพัฒนาจากโครงการดังกล่าว โดยมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมออกสู่ตลาดแล้วกว่า 90 รายการ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้วกว่า 965 ล้านบาท ที่ผ่านมา บพข.ซึ่งมีภารกิจสำคัญในการบริหารจัดการทุนวิจัยของประเทศ ได้มุ่งสร้างระบบบริหารจัดการที่ดี เพื่อให้การวิจัยและพัฒนาของประเทศไปสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะมีกลไกต่าง ๆ ในการยกระดับสินค้าและบริการในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทยที่มีศักยภาพ ทำให้เกิดธุรกิจใหม่หรืออุตสาหกรรมใหม่ การทำงานในทุกแผนงาน จะเน้นย้ำใน 4 เรื่องหลักคือ 1.

Connection ความเชื่อมโยงกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อลดช่องว่างของการทำงานวิจัย 2. Collaboration การทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดการนำวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้จริง 3. การสร้าง Innovation Platform เพื่อเร่งและขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และ 4.การสร้างเครือข่ายในการทำงานร่วมกัน ซึ่งมีความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง กรุงเทพฯ 31 ตุลาคม 2568 — กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) ร่วมกับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แถลงผลสำเร็จการดำเนินโครงการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Fund) ในวาระครบรอบ 1 ทศวรรษ พร้อมมอบเงินทุนสนับสนุนการจัดตั้งและขยายธุรกิจแก่สตาร์ทอัพและคอนเทนต์ครีเอเตอร์รวม 31 ราย มูลค่า 5 ล้านบาท ตั้งเป้าสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 150 ล้านบาทในปี 2568 โดยตลอด 10... ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจของโลก สตาร์ทอัพ คือ กุญแจสำคัญและเป็นอนาคตของเศรษฐกิจไทย กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยแนวทางต่าง ๆ อย่างเข้มข้น โดยที่ผ่านมามีโครงการสำคัญคือ โครงการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Fund) ซึ่งดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2559 เป็นความร่วมมือที่แข็งแกร่งตลอด 10 ปี ระหว่างดีพร้อมและบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และเป็นบทพิสูจน์ว่าเราสามารถ ลดอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้เกิดนวัตกรรม... ดร.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางในการผลักดันสตาร์ทอัพของกระทรวงฯ ในระยะถัดไปได้เล็งเห็นถึงความได้เปรียบในด้านการมีเครือข่ายธุรกิจและอุตสาหกรรม จึงมอบหมาย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ในการเป็นหน่วยงานหลักที่จะสร้างความพร้อม เพื่อเป็นแต้มต่อที่สำคัญในการช่วยเปิดทางให้สตาร์ทอัพ ได้มีโอกาสนำผลิตภัณฑ์หรือบริการเข้าไปร่วมทำงานกับภาคอุตสาหกรรมได้มากขึ้น โดยจะสร้างพื้นที่ทดสอบเทคโนโลยีและบ่มเพาะธุรกิจ ส่งเสริมให้หน่วยงานเครือข่ายนำโซลูชั่นของสตาร์ทอัพไปใช้งานจริง พร้อมสำรวจปัญหาของภาคอุตสาหกรรม เพื่อเฟ้นหาโซลูชั่นจากสตาร์ทอัพเข้าไปช่วยยกระดับการดำเนินงาน ซึ่งนอกจากจะลดความเสี่ยงของสตาร์ทอัพที่ผลิตนวัตกรรมไม่ตอบโจทย์ตลาดแล้ว ยังเป็นการขยายเครือข่ายตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้พร้อมก้าวสู่ตลาดทั้งในระดับประเทศและสากล

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของ Angel Fund ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาคือการสร้างผลกระทบที่วัดผลได้จริง เราได้สร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้าสู่วงการกว่า 237 ราย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท นี่คือบทพิสูจน์ว่าเราไม่ได้สนับสนุนแค่เงินทุน แต่สร้างโอกาสให้กับอนาคตของประเทศ ในปีนี้ดีพร้อมได้ยกระดับโครงการสำหรับสตาร์ทอัพในระยะเติบโต (Growth stage) ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ได้แก่ สำหรับผู้ได้รับเงินทุนสนับสนุนในปีนี้ มีนวัตกรรมที่น่าสนใจและจับต้องได้หลากหลาย สะท้อนถึงศักยภาพของ “ดีพเทคดาวรุ่ง” ของไทยในหลายสาขาอุตสาหกรรม อาทิ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับสตาร์ทอัพและคอนเทนต์ครีเอเตอร์ของประเทศไทยในการขยายธุรกิจ โดยผ่านโครงการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Fund) ซึ่งดำเนินการโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ร่วมกับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อปั้นผู้ประกอบการอัจฉริยะ (Smart Entrepreneurs) ซึ่งล่าสุดได้สนับสนุนวงเงินรวม 5 ล้านบาทให้กับสตาร์ทอัพและคอนเทนต์ครีเอเตอร์รวม 31 ราย โดยตั้งเป้าสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 150 ล้านบาทในปี 2568 “10 ปีของโครงการสามารถสร้างผู้ประกอบการอัจฉริยะเข้าสู่วงการแล้วกว่า 237 ราย ด้วยเงินทุนสนับสนุนรวมกว่า 38.16 ล้านบาท และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท”

ดร.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจของโลก สตาร์ทอัพ คือ กุญแจและเป็นอนาคตของเศรษฐกิจไทย กระทรวงฯมุ่งที่จะส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยแนวทางต่าง ๆ การระดมทุนของสตาร์ทอัพไทยในปี 2023 ลดลงจากปี 2022 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านของจำนวนดีลและมูลค่าการลงทุน โดยมีทั้งหมด 24 ดีล (โดยบางดีลเป็นบริษ้ทในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ของไทย) ลดลงเกือบเท่าตัวจาก 42 ดีลในปี 2022 ขณะที่เม็ดเงินการลงทุนลดลงจาก 568.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 20,188 ล้านบาท) เหลือ 521.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 18,506.15 ล้านบาท ดังที่มีการเปิดเผยข้อมูล ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงอะไร มีธุรกิจในอุตสาหกรรมไหนบ้างที่โดดเด่นจนเข้าตานักลงทุนในปีที่ผ่านมา Techsauce สรุปภาพรวมและวิเคราะห์แนวโน้มในปี 2024 มาให้แล้ว จาก 24 ดีล (ที่มีการเปิดเผยข้อมูล) แบ่งเป็นธุรกิจ 12 ประเภท ดังนี้ 24X ภายใต้ ทเวนตี้โฟร์ โซลูชั่น กรุ๊ป บริษัทสตาร์ทอัพผู้ให้บริการด้านการซ่อม สร้าง ติดตั้ง ต่อเติมผ่านเทคโนโลยีแบบ digital on-demand ให้กับทั้งลูกค้าภาคธุรกิจและ ลูกค้าบุคคล ระดมทุนรอบซีรีส์ เอ มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท (ราว 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ) ผ่านความร่วมมือกับสามพันธมิตร ‘กรุงศรี ฟินโนเวต, อีซีจี เวนเจอร์ แคปปิตัล และบริษัท บีซีเอช เวนเจอร์ส จำกัด (BCH Ventures)... อ่านข่าว : https://techsauce.co/news/24x-group-raised-fund-series-a

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ปี 2025 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายและโอกาสของ สตาร์ทอัพไทย ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คาดการณ์ว่ามูลค่าจะพุ่งสูงถึง 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีนวัตกรรมด้านฟินเทคและอีคอมเมิร์ซเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าสตาร์ทอัพไทยในกลุ่มฟินเทคและอีคอมเมิร์ซ มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีผู้เล่นสำคัญหลายรายที่น่าจับตามอง เช่น Ascend Money ผู้ให้บริการ TrueMoney Wallet ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับสถานะ Unicorn ในปี 2021 ล่าสุด Ascend Money ประสบความสำเร็จในการระดมทุน Series D มูลค่า 195 ล้านดอลลาร์ นำโดย MUFG Bank และ Finnoventure Private Equity Trust I สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของบริษัท นอกจากนี้ ยังมี Beam ผู้ให้บริการระบบชำระเงินแบบ One-Click Checkout ที่ได้รับเงินทุน Series B มูลค่า 93 ล้านดอลลาร์ จาก Affirma Capital และ Sequoia Capital India รวมถึง Jitta แพลตฟอร์ม Robo-Advisory ชั้นนำ ที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น ด้วยการใช้ AI วิเคราะห์หุ้นกว่า 48,000 บริษัททั่วโลก และให้คำแนะนำในการลงทุน Jitta ระดมทุน Pre-Series... ในส่วนของ Finnomena แพลตฟอร์ม P2P Lending ที่เชื่อมโยงผู้กู้และผู้ให้กู้ โดดเด่นด้วยระบบอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็วผ่าน AI ก็ได้รับเงินทุน Series B+ มูลค่า 5.5 ล้านดอลลาร์ จาก Openspace Ventures, Finnoventure Private Equity Trust และ Gobi Partners นอกจากกลุ่มฟินเทคและอีคอมเมิร์ซ ยังมีสตาร์ทอัพไทยในกลุ่มอื่นๆ ที่น่าจับตามอง เช่น DataScale สตาร์ทอัพด้าน Big Data Analytics ที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ SunSawang สตาร์ทอัพด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มุ่งขยายการเข้าถึงพลังงานสะอาดในพื้นที่ชนบทของประเทศไทย Eatigo แพลตฟอร์มจองร้านอาหาร ที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% ในช่วงเวลา Off-Peak และ Opn แพลตฟอร์มระบบการชำระเงินออนไลน์สำหรับธุรกิจ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับชำระเงิน เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีนโยบายเร่งผลักดันในการส่งเสริมสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการใหม่อย่างครบวงจร ตั้งแต่การเสริมสร้างความรู้และทักษะในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเพิ่มช่องทางการค้า และสรรหาโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อให้สามารถพัฒนาธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินงานภายใต้ 2 โครงการหลัก คือ โครงการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ หรือ Angel Fund และโครงการเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ Startup Connect

นอกจากนี้ ความร่วมมือกับพันธมิตรเอกชนทั้ง 2 บริษัท ยังถือเป็นการร่วมดำเนินงานที่ช่วยยกระดับให้สตาร์ทอัพไทยมีช่องทางในการก้าวไปสู่การเติบโตที่ดียิ่งขึ้น และยังทำให้เกิดมิติใหม่ของการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพในหลากหลายสาขา โดยเฉพาะ “เทคโนโลยีเชิงลึก หรือ ดีพเทค” ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตได้ทั้งในเชิงมูลค่าและตอบโจทย์เศรษฐกิจ-สังคมได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ ในนามของกระทรวงฯ ต้องขอขอบคุณทั้ง 2 หน่วยงานที่ได้ให้การสนับสนุนการพัฒนาสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตเชื่อว่ายังคงจะมีการดำเนินงานแบบบูรณาการอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็นรูปธรรมได้ต่อไป ด้าน นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าในปีนี้โครงการ Angel Fund มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ มากกว่า 370 ทีม ผ่านการประชันแนวคิดทางธุรกิจด้านเทคโนโลยีเชิงลึก หรือ Deep Technology โดยมีผู้ผ่านการคัดเลือกจำนวน 50 ทีม ซึ่งได้รับการพิจารณาจากบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุนเงินทุน จำนวน 3 ล้านบาท และบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 580,000... ส่วนโครงการ Startup Connect มีผู้ประกอบการที่มีศักยภาพผ่านการคัดเลือกจำนวน 25 กิจการ จากที่สมัครเข้ามาทั้งหมด 50 กิจการ โดย Startup Connect มุ่งเน้นการเชื่อมโยงให้เข้าถึงเครือข่ายต่าง ๆ ที่สนับสนุนให้เกิดการเติบโตของสตาร์ทอัพ อาทิ เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาแนะนำ โดยหม่อมหลวงลือศักดิ์ จักรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด และ ศ.ดร. เอกชัย สุมาลี สถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น เครือข่ายตลาดภาคอุตสาหกรรม เครือข่ายนักลงทุน และเครือข่ายนานาชาติ เพื่อต่อยอดไปยังตลาดที่มีมูลค่าสูงขึ้น และเกิดการร่วมลงทุนซึ่งคาดว่าจะมีสตาร์ทอัพได้รับการลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท สำหรับในระยะถัดไป สิ่งที่ดีพร้อมจะช่วยส่งเสริมให้เกิดสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น คือการสร้างระบบนิเวศผ่าน SandBOX : แซนด์บ็อกซ์ หรือพื้นที่บ่มเพาะธุรกิจโดยใช้ทั้งหน่วยงานภายในกระทรวอุตสาหกรรม ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจเครือข่ายเปิดพื้นที่ให้กับสตาร์ทอัพได้มีโอกาสทดลองใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ทั้งระบบออนไลน์ ออฟไลน์ พร้อมสำรวจปัญหาของภาคอุตสาหกรรม เพื่อเฟ้นหาโซลูชันจากสตาร์ทอัพเข้าไปช่วยยกระดับการดำเนินงานให้ดีขึ้น รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาดีพเทคในหลากหลายด้าน อาทิ การแพทย์ครบวงจร การผลิตแห่งอนาคต การเกษตร อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ ฯลฯ การผลักดันกลุ่มสตาร์ตอัป ที่มุ่งเน้นพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology หรือ Deep Tech) และนวัตกรรมสมัยใหม่ ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและชี้วัดความสำเร็จของประเทศได้ในระยะยาว ซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาครัฐผ่านทางข้อกำหนด/ มาตรการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ประกอบกับการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมแบบครบวงจรที่ช่วยให้สตาร์ตอัป นักวิจัย และนักลงทุน ทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ

ล่าสุด เอ็นไอเอ ร่วมกับ ส.อ.ท. เปิดตัว 11 ดีพเทคสตาร์ทอัพ ขยายโอกาสเติบโตสู่ภูมิภาค เปิดรับพันธมิตรภาคอุตสาหกรรม ร่วมจับคู่ทดสอบการใช้งาน ถือได้ว่า เป็นความก้าวหน้าอีกขั้น สำหรับสตาร์ตอัปไทย สาย Deep Tech ที่ขณะนี้ ส่อแววเติบโตสู่ภูมิภาค 11 ราย โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. และเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาคอุตสาหกรรม การศึกษา และนักลงทุน จัดงานเปิดตัว 11 ดีพเทคสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการ “ส่งเสริมสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกสู่การขยายตลาด หรือ FTI DeepTech Startup Connext 2024” ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพที่มีการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อแก้ปัญหาให้ภาคอุตสาหกรรม และขณะนี้เทคโนโลยีนี้พร้อมใช้ จึงเปิดรับพันธมิตรสำหรับการเชื่อมโยงธุรกิจและร่วมทดสอบการใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการร่วมกับภาคอุตสาหกรรม ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า NIA เห็นความสำคัญของการพัฒนาดีพเทคสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกที่มีความซับซ้อนบนพื้นฐานการวิจัยขั้นสูง สามารถช่วยสร้างให้เกิดตลาดใหม่ โดยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นส่วนใหญ่จะถูกปกป้องด้วยทรัพย์สินทางปัญญาที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ จึงสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันหรือเป็นอุปสรรคต่อคู่แข่งได้ ซึ่ง NIA ได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาสตาร์ทอัพกลุ่มนี้ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และสร้างให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

NIA จึงได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนิน ‘โครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกสู่การขยายตลาด’ ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเฟ้นหาและคัดเลือกสตาร์ทอัพที่มีความสามารถพร้อมแก้ปัญหาให้กับภาคอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น \- เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ \- เทคโนโลยีเซ็นเซอร์และอินเทอร์เน็ตสำหรับสรรพสิ่ง \- เทคโนโลยีหุ่นยนต์และโดรน \- วัสดุใหม่และนาโนเทคโนโลยี \- เทคโนโลยีชีวภาพ

People Also Search

“Deep Tech Startup ไทย มีศักยภาพและความสามารถมาก เพียงแต่ยังต้องการการบริหารจัดการและการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่ใช่การบริหารจัดการทั่วไป แต่เป็นการจัดการให้อยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า Accelerator Platform

“Deep Tech Startup ไทย มีศักยภาพและความสามารถมาก เพียงแต่ยังต้องการการบริหารจัดการและการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่ใช่การบริหารจัดการทั่วไป แต่เป็นการจัดการให้อยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า Accelerator Platform ที่จะเร่งทุกอย่างให้เร็วขึ้น และเป็น Navigator สำคัญที่จะนำพางานวิจัยจากห้องปฏิบัติการไปสู่เชิงพาณิชย์ ” นายธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแ...

Connection ความเชื่อมโยงกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อลดช่องว่างของการทำงานวิจัย 2. Collaboration การทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดการนำวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้จริง 3. การสร้าง

Connection ความเชื่อมโยงกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อลดช่องว่างของการทำงานวิจัย 2. Collaboration การทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดการนำวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้จริง 3. การสร้าง Innovation Platform เพื่อเร่งและขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และ 4.การสร้างเครือข่ายในการทำงานร่วมกัน ซึ่งมีความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง กรุงเทพฯ 31 ตุลาคม 2568 — กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริม...

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของ Angel Fund ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาคือการสร้างผลกระทบที่วัดผลได้จริง

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของ Angel Fund ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาคือการสร้างผลกระทบที่วัดผลได้จริง เราได้สร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้าสู่วงการกว่า 237 ราย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท นี่คือบทพิสูจน์ว่าเราไม่ได้สนับสนุนแค่เงินทุน แต่สร้างโอกาสให้กับอนาคตของประเทศ ในปีนี้ดีพร้อมได้ยกระดับโครงการสำหรับสตาร์ทอัพในระยะเติบโต (Gro...

ดร.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจของโลก สตาร์ทอัพ คือ กุญแจและเป็นอนาคตของเศรษฐกิจไทย กระทรวงฯมุ่งที่จะส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยแนวทางต่าง ๆ การระดมทุนของสตาร์ทอัพไทยในปี 2023

ดร.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจของโลก สตาร์ทอัพ คือ กุญแจและเป็นอนาคตของเศรษฐกิจไทย กระทรวงฯมุ่งที่จะส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยแนวทางต่าง ๆ การระดมทุนของสตาร์ทอัพไทยในปี 2023 ลดลงจากปี 2022 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านของจำนวนดีลและมูลค่าการลงทุน โดยมีทั้งหมด 24 ดีล (โดยบางดีลเป็นบริษ้ทในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ของไทย) ลดลงเกือบเท่าตัวจาก 42 ดีลใ...

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ปี 2025 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายและโอกาสของ สตาร์ทอัพไทย ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คาดการณ์ว่ามูลค่าจะพุ่งสูงถึง

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ปี 2025 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายและโอกาสของ สตาร์ทอัพไทย ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คาดการณ์ว่ามูลค่าจะพุ่งสูงถึง 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีนวัตกรรมด้านฟินเทคและอีคอมเมิร์ซเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศู...