9 ธันวาคม 2562 ไอยูซีเอ็น เตือนโลกร้อน ทําให้มหาสมุทรขาดออกซิเจน

Leo Migdal
-
9 ธันวาคม 2562 ไอยูซีเอ็น เตือนโลกร้อน ทําให้มหาสมุทรขาดออกซิเจน

ที่มา: https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9620000117413 นักวิจัยเผยปริมาณออกซิเจนในทะเลต่ำลง เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหานี้กำลังเกิดขึ้นกับมหาสมุทร เมื่อออกซิเจนในท้องทะเลกำลังหมดลง เหตุภาวะโลกร้อน และการปนเปื้อนของสารเคมีจากภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ กำลังทำให้ออกซิเจนหายไปจากมหาสมุทรและคุกคามชีวิตของสัตว์ทะเลหลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์น้ำขนาดใหญ่กำลังขาดอากาศหายใจ ปัจจุบันพื้นที่มหาสมุทรประมาณ 700 แห่ง มีปริมาณออกซิเจนอยู่ในระดับต่ำจนอันตราย เมื่อเทียบกับอีก 45 แห่งในช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งนักวิจัยระบุว่า การสูญเสียออกซิเจนในทะเลนี้ เป็นภัยคุกคามต่อสัตว์ทะเลหลายสปีชีส์ โดยเฉพาะสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ เช่น ฉลาม ปลาทูน่า และปลากระโทงทั้งหลาย เกรเทล อากิลา (Grethel Aguilar) รักษาการผู้อำนวยการของสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (The International Union... ภาวะโลกร้อนและการปนเปื้อนของสารเคมีจากภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม กำลังทำให้ออกซิเจนหายไปจากมหาสมุทรและคุกคามชีวิตของสัตว์ทะเลหลายชนิด รายงานการศึกษาของสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ ไอยูซีเอ็น (IUCN) ซึ่งเปิดเผยที่การประชุมโลกร้อน COP25 ระบุว่า ภาวะโลกร้อนและการปนเปื้อนของสารเคมี เช่น ไนโตเจนและฟอสฟอรัส จากฟาร์มและภาคอุตสาหกรรม กำลังส่งผลกระทบต่อระดับออกซิเจนในทะเลรุนแรงขึ้น โดยปัจจุบัน พบว่าบริเวณในทะเล 700 แห่ง มีระดับออกซิเจนต่ำ เทียบกับช่วงทศวรรษ 1960 ที่พบเพียง 45 แห่ง ขณะที่ผลกระทบจากปรากฎการณ์เรือนกระจกรุนแรงมากขึ้นตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความร้อนส่วนหนึ่งจะถูกดูดซับโดยมหาสมุทร ซึ่งน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นนี้จะกักเก็บออกซิเจนได้น้อยลง โดยนักวิทยาศาสตร์คาดว่าระหว่างปี 1960 ถึง 2010 ปริมาณก๊าซออกซิเจนที่ละลายอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลกลดลงโดยเฉลี่ย 2 เปอร์เซ็นต์

ตัวเลขดังกล่าวอาจดูไม่สูงเพราะเป็นค่าเฉลี่ย แต่ในทะเลเขตร้อนบางแห่ง อัตราการสูญเสียออกซิเจนอาจสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ออกซิเจน โมเลกุลสำคัญที่สิ่งมีชีวิตหายใจเข้าไปเพื่อนำไปใช้ในกระบวนการสร้างพลังงาน ซึ่งเรามักเรียนรู้ว่าออกซิเจนเหล่านั้นเกิดจากต้นไม้หรือพืชใบเขียวที่ทำการสังเคราะห์แสงจนได้อากาศสดชื่นนี้ออกมา แต่อันที่จริงแล้ว ป่าฝนอย่างแอมะซอน ไม่ได้เป็นปอดของโลกที่แท้จริง ผู้ที่สมควรได้รับคำขอบคุณก็คือแบคทีเรียในมหาสมุทรและเหล่าแพลงก์ตอนพืชตามผิวน้ำที่เป็นผู้ผลิตออกซิเจนรายใหญ่ของโลกซึ่งมากถึงร้อยละ 60-80 ของออกซิเจนในชั้นบรรยากาศทั้งหมด สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เหล่านี้สังเคราะห์แสงและสร้างอาหารหล่อเลี้ยงทั้งชีวิตในน้ำและชีวิตบนแผ่นดิน “สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตหลักที่สำคัญมาก” ฟรองซัวส์ ริบาเลต์ (François Ribalet) รองศาสตราจารย์วิจัยประจำคณะสมุทรศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน และผู้เขียนงานวิจัยใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Nature Microbiology กล่าว โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า โปรคลอโรค็อกคัส (Prochlorococcus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียในกลุ่มไซยาโนแบคทีเรีย และได้ฉายาว่าเครื่องผลิตออกซิเจนระดับจิ๋ว โดยเชื่อว่ามีอยู่มากกว่า 3 × 10²⁷ เซลล์ในมหาสมุทร มีการประเมินกันว่าแค่โปรคลอโรค็อกคัสเพียงอย่างเดียวก็ผลิตออกซิเจนประมาณร้อยละ 20 ของออกซิเจนทั้งหมด หรือเปรียบง่าย ๆ ว่า ‘ทุก ๆ 5 ลมหายใจที่หายใจเข้านั้น เป็นหนึ่งลมหายใจที่มาจาก โปรคลอโรค็อกคัส ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ริบาเลตกล่าวว่า พวกมันเปลี่ยนแสงอาทิตย์และคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นอาหารที่ฐานของระบบนิเวศทางทะเล

8 มิถุนายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันทะเลโลก” หรือ “วันมหาสมุทรโลก” (World Ocean Day) ตามมติที่ 63/111 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2551 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยว กับความสำคัญของท้องทะเล และร่วมกันอนุรักษ์มหาสมุทร แต่ปัจจุบันสภาพมหาสมุทรของเรากำลังประสบปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสซูริค หรือ ETH Zurich ตีพิมพ์ใน AGU Advances พบว่า มหาสมุทรทั่วโลกกำลังเผชิญกับ “ภัยคุกคามใหญ่” ถึง 3 อย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น จากความร้อนจัด การสูญเสียออกซิเจน และความเป็นกรด สภาพอากาศสุดขั้วเริ่มรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา และสร้างความเครียดอย่างมหาศาลต่อสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลจำนวนมากทั่วโลก ปัจจุบันประมาณ 20% ของพื้นผิวมหาสมุทรในโลก มีความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทั้ง 3 ประการ ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล และการตัดไม้ทำลายป่า โดยช่วงบริเวณ 300 เมตรจากผิวน้ำจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โจเอล หว่อง นักวิจัยจาก ETH Zurich ผู้เขียนหลักของการศึกษานี้ เตือนว่ามหาสมุทรในโลกกำลังถูกผลักให้เข้าสู่สภาวะใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิมจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเรากำลังเผชิญหน้ากับผลกระทบของปรกฏการณ์นี้แล้วโดยที่เราไม่รู้ตัว โดยหว่องได้ยกตัวอย่างถึง “ก้อนความร้อน” (Heat Bolb) พื้นที่ความร้อนขนาดใหญ่เกิดขึ้นในมหาสมุทรที่ทำให้สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกต้องสูญพันธุ์ "มหาสมุทร" ดูดซับความร้อนซึ่งส่วนใหญ่มาจาก “ภาวะโลกร้อน” ทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตรวมถึงมนุษย์ด้วย ซึ่งดูเหมือนว่ามหาสมุทรทำงานหลายอย่างในการลดระดับความร้อนเลยก็ว่าได้

จากข้อมูลล่าสุดจากการเปิดเผยของ “เบย์เลอร์ ฟอกซ์ เคมเปอร์" ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โลก สิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์แห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวกับซีเอ็นบีซี กว่าร้อยละ 90 ของความร้อนบนโลก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พบได้ในมหาสมุทรที่อุ่นขึ้น บางส่วนอยู่ในพื้นผิวมหาสมุทร และบางส่วนอยู่ที่ระดับความลึก คือสาเหตุที่อุณหภูมิในมหาสมุทรสูงเป็นประวัติการณ์ มหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยทั่วโลกแตะระดับสูงสุดที่ 69.73 องศาฟาเรนไฮต์หรือ 20.96 องศาเซลเซียส ในวันที่ 31 กรกฎาคม ตามชุดข้อมูลที่ดูแลโดย “โคเปอร์นิคัส” หน่วยงานสังเกตการณ์โลกในโครงการอวกาศของสหภาพยุโรป ซึ่งย้อนกลับไปใน ปี 1979 ชุดข้อมูลเฉพาะนี้วัดอุณหภูมิที่ประมาณ 33 ฟุตใต้พื้นผิวมหาสมุทร ในมหาสมุทรนอกชายฝั่งฟลอริดา เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผลกระทบที่ชัดเจนขึ้นของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 101 องศาฯ NASA กล่าวว่า เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่อบอุ่นที่สุดของการบันทึกย้อนหลังไปถึงปี 1880

People Also Search

ที่มา: Https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9620000117413 นักวิจัยเผยปริมาณออกซิเจนในทะเลต่ำลง เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหานี้กำลังเกิดขึ้นกับมหาสมุทร เมื่อออกซิเจนในท้องทะเลกำลังหมดลง เหตุภาวะโลกร้อน และการปนเปื้อนของสารเคมีจากภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์

ที่มา: https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9620000117413 นักวิจัยเผยปริมาณออกซิเจนในทะเลต่ำลง เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหานี้กำลังเกิดขึ้นกับมหาสมุทร เมื่อออกซิเจนในท้องทะเลกำลังหมดลง เหตุภาวะโลกร้อน และการปนเปื้อนของสารเคมีจากภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ กำลังทำให้ออกซิเจนหายไปจากมหาสมุทรและคุกคามชีวิตของสัตว์ทะเลหลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์น้ำขนาดใหญ่กำลังขาดอ...

ตัวเลขดังกล่าวอาจดูไม่สูงเพราะเป็นค่าเฉลี่ย แต่ในทะเลเขตร้อนบางแห่ง อัตราการสูญเสียออกซิเจนอาจสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ออกซิเจน โมเลกุลสำคัญที่สิ่งมีชีวิตหายใจเข้าไปเพื่อนำไปใช้ในกระบวนการสร้างพลังงาน ซึ่งเรามักเรียนรู้ว่าออกซิเจนเหล่านั้นเกิดจากต้นไม้หรือพืชใบเขียวที่ทำการสังเคราะห์แสงจนได้อากาศสดชื่นนี้ออกมา แต่อันที่จริงแล้ว ป่าฝนอย่างแอมะซอน

ตัวเลขดังกล่าวอาจดูไม่สูงเพราะเป็นค่าเฉลี่ย แต่ในทะเลเขตร้อนบางแห่ง อัตราการสูญเสียออกซิเจนอาจสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ออกซิเจน โมเลกุลสำคัญที่สิ่งมีชีวิตหายใจเข้าไปเพื่อนำไปใช้ในกระบวนการสร้างพลังงาน ซึ่งเรามักเรียนรู้ว่าออกซิเจนเหล่านั้นเกิดจากต้นไม้หรือพืชใบเขียวที่ทำการสังเคราะห์แสงจนได้อากาศสดชื่นนี้ออกมา แต่อันที่จริงแล้ว ป่าฝนอย่างแอมะซอน ไม่ได้เป็นปอดของโลกที่แท้จริง ผู้ที่สมควรได้รับคำขอบคุณ...

8 มิถุนายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันทะเลโลก” หรือ “วันมหาสมุทรโลก” (World Ocean Day)

8 มิถุนายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันทะเลโลก” หรือ “วันมหาสมุทรโลก” (World Ocean Day) ตามมติที่ 63/111 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2551 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยว กับความสำคัญของท้องทะเล และร่วมกันอนุรักษ์มหาสมุทร แต่ปัจจุบันสภาพมหาสมุทรของเรากำลังประสบปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสซูริค หรือ ETH Zurich ตีพิมพ์ใน AGU Advance...

จากข้อมูลล่าสุดจากการเปิดเผยของ “เบย์เลอร์ ฟอกซ์ เคมเปอร์" ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โลก สิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์แห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวกับซีเอ็นบีซี กว่าร้อยละ 90

จากข้อมูลล่าสุดจากการเปิดเผยของ “เบย์เลอร์ ฟอกซ์ เคมเปอร์" ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โลก สิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์แห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวกับซีเอ็นบีซี กว่าร้อยละ 90 ของความร้อนบนโลก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พบได้ในมหาสมุทรที่อุ่นขึ้น บางส่วนอยู่ในพื้นผิวมหาสมุทร และบางส่วนอยู่ที่ระดับความลึก คือสาเหตุที่อุณหภูมิในมหาสมุทรสูงเป็นประวัติการณ์ มหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงเป็นประวั...