ภาวะโลกร้อนและธารน้ําแข็งละลาย ทําระดับน้ําทะเลเพิ่มเร็วสุดใน 4 000 ปี
“ภาวะโลกร้อน” ทำให้ “น้ำแข็งขั้วโลก” ละลายอย่างรวดเร็วขึ้นไปทุกขณะ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “ระดับน้ำทะเล” ที่พุ่งสูงขึ้น และดูเหมือนว่าการประเมินการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะต่ำความเป็นจริงอยู่เรื่อยมา ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบปัจจัยใหม่ที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว และระดับน้ำทะเลพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย จากการศึกษาใหม่จากคณะสำรวจทวีปแอนตาร์ติกาของสหราชอาณาจักร หรือ BAS ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience พบว่า มีน้ำทะเลอุ่นแทรกซึมอยู่ระหว่างแผ่นน้ำแข็งชายฝั่งและพื้นดินอยู่ ซึ่งน้ำอุ่นละลายช่องน้ำแข็ง ยิ่งทำให้น้ำไหลเข้าไปในน้ำแข็งได้มากขึ้น และเมื่อน้ำแข็งละลายสู่มหาสมุทร ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การศึกษาครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ “เขตกราวดิง” (grounding zones) เป็นบริเวณที่น้ำแข็งจากพื้นดินมาบรรจบกับทะเล เมื่อเวลาผ่านไป น้ำแข็งบนบกจะเคลื่อนตัวลงสู่มหาสมุทรโดยรอบและละลายในที่สุด ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ชายฝั่งแอนตาร์กติกาและกรีนแลนด์ และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น นักวิทยาศาสตร์สร้างแบบจำลอง เพื่อหาว่าน้ำทะเลสามารถซึมระหว่างพื้นดินกับแผ่นน้ำแข็งได้อย่างไร ส่งผลต่อการละลายน้ำแข็งเฉพาะจุดและเร่งให้ละลายเร็วขึ้นอย่างไร ซึ่งพบว่ากระบวนการนี้เกิดขึ้นจาก น้ำทะเลอุ่นเข้ามาละลายน้ำแข็งบริเวณกราวดิงจนเป็นโพรงใหญ่ และทำให้น้ำอุ่นไหลเข้ามาในแผ่นน้ำแข็ง ซึ่งจะเร่งให้น้ำแข็งละลายมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น ดังนั้นหากน้ำทะเลมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นแม้เพียงนิดเดียวก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราการละลายของน้ำแข็ง ซึ่งจะเปลี่ยนจากระยะทางไม่กี่เมตรให้กลายเป็นหลาย 10 กิโลเมตร ได้ในระยะเวลาไม่นาน นักวิทยาศาสตร์นานาชาติ คาดการณ์ว่าปัญหาโลกร้อนมีผลทำให้น้ำแข็งขั้วโลกมีปริมาณลดลงและอาจหายไปหมดในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ระบบนิเวศได้รับผลกระทบรุนแรง เพราะเมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำจืดจะเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรจะเปลี่ยนไป ซึ่งนำมาสู่ภัยพิบัติในอนาคตที่อาจรุนแรงกว่าเดิม
โดยนักวิทยาศาสตร์ NASA พบว่า น้ำแข็งในขั้วโลกเหนืออย่างกรีนแลนด์ และขั้วโลกใต้แอนตาร์กติกา ละลายเร็วขึ้นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายไวขึ้น 6-7 เท่า เมื่อเทียบกับ 25 ปีก่อน และ น้ำแข็งกรีนแลนด์ได้หายไปถึง 4,700 ล้านตัน มีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1.2 เซนติเมตร สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งฝั่งทะเลจีนใต้และทะเลอันดามัน ก็มีผลกระทบเช่นกัน เช่นปัจจุบันมีงานวิจัยพบว่า ลมมรสุมที่มีกำลังแรงขึ้น และทำให้ระดับน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อนจะทำให้มวลอากาศชื้นจากทะเลสูง และพัดเข้าชายฝั่งมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณฝนตกสูง มีการคาดการณ์กันว่า จะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นกว่า 40 เซนติเมตร ในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งประชากรในภูมิภาคนี้ร้อยละ 10 ที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ประมาณร้อยละ 70 ของประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก มีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาน้ำท่วมและไร้ที่อยู่อาศัยหรือแม้แต่ เกาะขนาดเล็กเสี่ยงจมใต้ทะเล ซึ่งอาจทำให้คนประมาณ 200 ล้านคน ในภูมิภาคนี้ต้องหาที่อยู่ใหม่ในอีกไม่เกิน 50 ปีข้างหน้า ขณะที่ กทม. เป็น 1 ใน 7 เมืองเสี่ยงจะจมน้ำในอีกไม่กี่ปีด้วย จากข้อมูลของ กรีนพีซ พบว่า 7 เมืองในเอเชีย ที่อาจได้รับผลกระทบ จากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล หรือมีความเสี่ยงจมน้ำ ภายในปี 2573 สำหรับ 3 อันดับแรก เสี่ยงสุด คือ กรุงเทพมหานคร คือ ร้อยละ 96 อาจถูกน้ำท่วมจากอุทกภัยใน 10 ปี มีการคาดการณ์ถึงพื้นที่ ที่จะได้รับผลกระทบ 1,512.94 ตารางกิโลเมตร ซึ่งอาจมีประชากรที่จะได้รับผลกระทบ 10.45 ล้านคน รองลงมาเป็นกรุงจาการ์ตา จะได้รับผลกระทบ 109.38 ตารางกิโลเมตร ประชาชนอาจได้รับผลกระทบ... ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่รอบด้านที่สุดในขณะนี้ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลให้ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลกละลายเร็วที่สุดกว่าที่เคยบันทึกมา
ธารน้ำแข็งที่ทอดตัวบนเทือกเขาทำหน้าที่เป็นเสมือนแหล่งน้ำจืดที่หล่อเลี้ยงผู้คนหลายล้านทั่วโลก พวกมันยังกักเก็บน้ำปริมาณมหาศาลเอาไว้ ซึ่งหากละลายเป็นน้ำทั้งหมดจะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นถึง 32 ซม. นับตั้งแต่ย่างเข้าสู่ศตวรรษใหม่ มีรายงานว่าธารน้ำแข็งเหล่านั้นได้ละลายไปแล้วเป็นปริมาณกว่า 6.5 ล้านล้านตัน หรือราว 5% ของปริมาณน้ำแข็งในธารน้ำแข็งทั้งหมด นอกจากนี้ อัตราความเร็วในการละลายยังเพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยในทศวรรษที่ผ่านมา ธารน้ำแข็งได้ละลายหายไปในอัตราที่เร็วกว่าการละลายในช่วงปี 2000-2011 ถึง 1 ใน 3 การศึกษานี้รวบรวมข้อมูลจากการประเมินในระดับภูมิภาคถึง 230 แห่ง จากคณะวิจัย 35 คณะทั่วโลก นี่ทำให้เหล่านักวิทยาศาสตร์มีความมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับความเร็วในการละลายของธารน้ำแข็ง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของพวกมันในอนาคต การละลายของธารน้ำแข็งและการขยายตัวของมหาสมุทรเนื่องจากความร้อน กำลังทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างรวดเร็วถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ งานวิจัยชิ้นใหม่จากมหาวิทยาลัยรัทเกอร์ส ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ของสหรัฐฯ เตือนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกิจกรรมของมนุษย์เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดน้ำท่วม ซึ่งก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก ทั้งยังทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าช่วงใดๆ ในรอบ 4,000 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น
นักวิจัยได้ตรวจสอบบันทึกทางธรณีวิทยาหลายพันรายการจากหลายแหล่ง รวมถึงแนวปะการังโบราณและป่าชายเลน ซึ่งมักใช้เป็น "คลังข้อมูลธรรมชาติ" ของระดับน้ำทะเลในอดีต พบว่านับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2443 ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.5 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งนับเป็นความเร็วที่เกินกว่าช่วงเวลาใดในอดีต ในรอบหลายพันปี ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หนีไม่พ้น 'การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ' ที่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น มหาสมุทรกำลังดูดซับความร้อนและขยายตัวมากขึ้น ขณะเดียวกัน แผ่นน้ำแข็งในบริเวณขั้วโลกก็กำลังละลายในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นในมหาสมุทร ซึ่งการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำนี้กำลังเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและปัจจัยอื่น ๆ กำลังทำให้ธารน้ำแข็งทั่วโลกละลายอย่างรวดเร็วเกินควบคุม ส่งผลให้น้ำทะเลสูงขึ้น และอาจบีบให้หลายชีวิต ทั้งมนุษย์และสัตว์ต้องอพยพ บนเฮลิคอปเตอร์ที่ลอยอยู่ไม่สูงจากพื้นมากนัก นักวิทยาศาสตร์กำลังยิงลูกดอกยาสลบใส่หมีขั้วโลก นักล่าแห่งอาร์กติก ไม่นานนัก มันก็ทรุดตัวลงบนหิมะ ร่างใหญ่แน่นิ่งอยู่ใต้อากาศหนาวจัดของขั้วโลกเหนือ
สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันขั้วโลกแห่งนอร์เวย์กำลังทำ คือการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไขมันจากหมีขั้วโลก เพื่อนำมาศึกษาผลกระทบของมลพิษต่อสุขภาพของมัน ภารกิจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ภูมิภาคอาร์กติกเผชิญภาวะโลกร้อนเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 4 เท่า ส่งผลให้ถิ่นที่อยู่บนแผ่นน้ำแข็งทะเลของหมีขั้วโลกลดลงอย่างรวดเร็ว มารี แอนน์ แบลงเช็ต นักวิจัยแห่งสถาบันขั้วโลกนอร์เวย์ กล่าวว่า “เรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในแถบอาร์กติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสฟาลบาร์ด การลดลงของน้ำแข็งรุนแรงมาก และหมีขั้วโลกก็เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นของอาร์กติกที่ใช้น้ำแข็งทะเลเพื่อเคลื่อนที่ ล่าแมวน้ำ หาอาหาร และสืบพันธุ์ ดังนั้น การหายไปของน้ำแข็งทะเลจึงน่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อนิเวศวิทยาด้านพื้นที่ เช่น รูปแบบการเคลื่อนไหวของหมี และวิธีที่มันรับรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัว” อุตุนิยมวิทยาเครือข่าย » อุตุนิยมวิทยา » การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเป็นหนึ่งในผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดของภาวะโลกร้อน ผู้คนหลายล้านอาศัยอยู่บนชายฝั่งและบนเกาะต่ำดังนั้นหากไม่ดำเนินการใด ๆ ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้านี้ จะต้องมีการอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน. จนกระทั่งปัจจุบันนี้ คิดว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 1,3-2 มม.
ต่อปี อย่างไรก็ตาม, การวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่ามันเพิ่มขึ้นเร็วขึ้น. ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ได้รับเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลมาจากเครือข่ายเครื่องวัดระดับน้ำขึ้นน้ำลง ที่ตั้งอยู่ตามชายฝั่ง เครื่องมือเหล่านี้มีประโยชน์มากหากคุณต้องการทราบว่าพื้นที่เหล่านี้เพิ่มขึ้นเท่าใด แต่ พวกเขาจะไม่ให้ผลลัพธ์โดยรวม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะถูกกำหนดโดยการเคลื่อนที่ในแนวตั้งของแผ่นดินในเปลือกโลกและรูปแบบความแปรปรวนในระดับภูมิภาคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของการหมุนเวียนของมหาสมุทร การกระจายตัวใหม่ของลม หรือผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงของการกระจายตัวใหม่ของมวลน้ำและน้ำแข็งบนโลก ตามที่ Sönke Dangendorf ซึ่งเป็นผู้เขียนหลักของการศึกษาได้อธิบายไว้ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์มีเครื่องวัดความสูงที่ใช้ตรวจสอบระดับน้ำทะเลในมหาสมุทรทั้งหมดบนเรือ
People Also Search
- ภาวะโลกร้อนและธารน้ำแข็งละลาย ทำระดับน้ำทะเลเพิ่มเร็วสุดใน 4,000 ปี
- 'โลกร้อน' ทำ 'น้ำแข็งขั้วโลก' ละลายเร็วกว่าเดิม 'ระดับน้ำทะเล' พุ่งสูง
- โลกเดือด-น้ำแข็งขั้วโลกละลาย-น้ำทะเลสูงขึ้นสัญญาณอันตรายภัยพิบัติโลก
- โลกร้อน: นักวิจัยพบ ธารน้ำแข็งทั่วโลกกำลังละลายเร็วที่สุดกว่าที่เคย ...
- ระดับน้ำทะเลกำลังเพิ่มสูงขึ้นเร็วสุดในรอบ 4,000 ปีที่ผ่านมา
- โลกเดือด ทำ 'ธารน้ำแข็งกรีนแลนด์' ละลายเร็ว น้ำทะเลทั่วโลก สูงขึ้น
- วิกฤตน้ำแข็งขั้วโลกละลาย กระทบใคร-ชาติใด? มนุษย์และสัตว์เตรียมอพยพด่วน
- อากาศเปลี่ยนเร่งธารน้ำแข็งโลกละลายเร็วขึ้น ทำระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเกือบ 2 ...
- ผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น: สาเหตุ ผลกระทบ และวิธีแก้ไข
- ธารน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาหายไป 8 กม. ใน 2 เดือน ละลายเร็วทุบสถิติโลก
“ภาวะโลกร้อน” ทำให้ “น้ำแข็งขั้วโลก” ละลายอย่างรวดเร็วขึ้นไปทุกขณะ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “ระดับน้ำทะเล” ที่พุ่งสูงขึ้น และดูเหมือนว่าการประเมินการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะต่ำความเป็นจริงอยู่เรื่อยมา ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบปัจจัยใหม่ที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว และระดับน้ำทะเลพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
“ภาวะโลกร้อน” ทำให้ “น้ำแข็งขั้วโลก” ละลายอย่างรวดเร็วขึ้นไปทุกขณะ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “ระดับน้ำทะเล” ที่พุ่งสูงขึ้น และดูเหมือนว่าการประเมินการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะต่ำความเป็นจริงอยู่เรื่อยมา ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบปัจจัยใหม่ที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว และระดับน้ำทะเลพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย จากการศึกษาใหม่จากคณะสำรวจทวีปแอนตาร์ติกาของสหราชอาณาจักร หรือ BAS ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Natu...
โดยนักวิทยาศาสตร์ NASA พบว่า น้ำแข็งในขั้วโลกเหนืออย่างกรีนแลนด์ และขั้วโลกใต้แอนตาร์กติกา ละลายเร็วขึ้นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายไวขึ้น 6-7 เท่า เมื่อเทียบกับ 25
โดยนักวิทยาศาสตร์ NASA พบว่า น้ำแข็งในขั้วโลกเหนืออย่างกรีนแลนด์ และขั้วโลกใต้แอนตาร์กติกา ละลายเร็วขึ้นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายไวขึ้น 6-7 เท่า เมื่อเทียบกับ 25 ปีก่อน และ น้ำแข็งกรีนแลนด์ได้หายไปถึง 4,700 ล้านตัน มีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1.2 เซนติเมตร สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งฝั่งทะเลจีนใต้และทะเลอันดามัน ก็มีผลกระทบเช่นกัน เช่นปัจจุบันมีงานวิจัยพบว่า ลมมรสุมที่มีกำลังแรงขึ้น ...
ธารน้ำแข็งที่ทอดตัวบนเทือกเขาทำหน้าที่เป็นเสมือนแหล่งน้ำจืดที่หล่อเลี้ยงผู้คนหลายล้านทั่วโลก พวกมันยังกักเก็บน้ำปริมาณมหาศาลเอาไว้ ซึ่งหากละลายเป็นน้ำทั้งหมดจะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นถึง 32 ซม. นับตั้งแต่ย่างเข้าสู่ศตวรรษใหม่ มีรายงานว่าธารน้ำแข็งเหล่านั้นได้ละลายไปแล้วเป็นปริมาณกว่า 6.5 ล้านล้านตัน หรือราว
ธารน้ำแข็งที่ทอดตัวบนเทือกเขาทำหน้าที่เป็นเสมือนแหล่งน้ำจืดที่หล่อเลี้ยงผู้คนหลายล้านทั่วโลก พวกมันยังกักเก็บน้ำปริมาณมหาศาลเอาไว้ ซึ่งหากละลายเป็นน้ำทั้งหมดจะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นถึง 32 ซม. นับตั้งแต่ย่างเข้าสู่ศตวรรษใหม่ มีรายงานว่าธารน้ำแข็งเหล่านั้นได้ละลายไปแล้วเป็นปริมาณกว่า 6.5 ล้านล้านตัน หรือราว 5% ของปริมาณน้ำแข็งในธารน้ำแข็งทั้งหมด นอกจากนี้ อัตราความเร็วในการละลายยังเพิ่มสูงข...
นักวิจัยได้ตรวจสอบบันทึกทางธรณีวิทยาหลายพันรายการจากหลายแหล่ง รวมถึงแนวปะการังโบราณและป่าชายเลน ซึ่งมักใช้เป็น "คลังข้อมูลธรรมชาติ" ของระดับน้ำทะเลในอดีต พบว่านับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2443 ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.5
นักวิจัยได้ตรวจสอบบันทึกทางธรณีวิทยาหลายพันรายการจากหลายแหล่ง รวมถึงแนวปะการังโบราณและป่าชายเลน ซึ่งมักใช้เป็น "คลังข้อมูลธรรมชาติ" ของระดับน้ำทะเลในอดีต พบว่านับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2443 ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.5 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งนับเป็นความเร็วที่เกินกว่าช่วงเวลาใดในอดีต ในรอบหลายพันปี ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หนีไม่พ้น 'การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ' ที่ทำใ...
สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันขั้วโลกแห่งนอร์เวย์กำลังทำ คือการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไขมันจากหมีขั้วโลก เพื่อนำมาศึกษาผลกระทบของมลพิษต่อสุขภาพของมัน ภารกิจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ภูมิภาคอาร์กติกเผชิญภาวะโลกร้อนเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 4 เท่า ส่งผลให้ถิ่นที่อยู่บนแผ่นน้ำแข็งทะเลของหมีขั้วโลกลดลงอย่างรวดเร็ว มารี แอนน์ แบลงเช็ต
สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันขั้วโลกแห่งนอร์เวย์กำลังทำ คือการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไขมันจากหมีขั้วโลก เพื่อนำมาศึกษาผลกระทบของมลพิษต่อสุขภาพของมัน ภารกิจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ภูมิภาคอาร์กติกเผชิญภาวะโลกร้อนเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 4 เท่า ส่งผลให้ถิ่นที่อยู่บนแผ่นน้ำแข็งทะเลของหมีขั้วโลกลดลงอย่างรวดเร็ว มารี แอนน์ แบลงเช็ต นักวิจัยแห่งสถาบันขั้วโลกนอร์เวย์ กล่าวว่า “เรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง...