โลกเดือด ทํา ธารน้ําแข็งกรีนแลนด์ ละลายเร็ว น้ําทะเลทั่วโลก สูงขึ้น
นักวิทยาศาสตร์นานาชาติ คาดการณ์ว่าปัญหาโลกร้อนมีผลทำให้น้ำแข็งขั้วโลกมีปริมาณลดลงและอาจหายไปหมดในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ระบบนิเวศได้รับผลกระทบรุนแรง เพราะเมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำจืดจะเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรจะเปลี่ยนไป ซึ่งนำมาสู่ภัยพิบัติในอนาคตที่อาจรุนแรงกว่าเดิม โดยนักวิทยาศาสตร์ NASA พบว่า น้ำแข็งในขั้วโลกเหนืออย่างกรีนแลนด์ และขั้วโลกใต้แอนตาร์กติกา ละลายเร็วขึ้นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายไวขึ้น 6-7 เท่า เมื่อเทียบกับ 25 ปีก่อน และ น้ำแข็งกรีนแลนด์ได้หายไปถึง 4,700 ล้านตัน มีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1.2 เซนติเมตร สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งฝั่งทะเลจีนใต้และทะเลอันดามัน ก็มีผลกระทบเช่นกัน เช่นปัจจุบันมีงานวิจัยพบว่า ลมมรสุมที่มีกำลังแรงขึ้น และทำให้ระดับน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อนจะทำให้มวลอากาศชื้นจากทะเลสูง และพัดเข้าชายฝั่งมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณฝนตกสูง มีการคาดการณ์กันว่า จะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นกว่า 40 เซนติเมตร ในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งประชากรในภูมิภาคนี้ร้อยละ 10 ที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ประมาณร้อยละ 70 ของประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก มีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาน้ำท่วมและไร้ที่อยู่อาศัยหรือแม้แต่ เกาะขนาดเล็กเสี่ยงจมใต้ทะเล ซึ่งอาจทำให้คนประมาณ 200 ล้านคน ในภูมิภาคนี้ต้องหาที่อยู่ใหม่ในอีกไม่เกิน 50 ปีข้างหน้า ขณะที่ กทม. เป็น 1 ใน 7 เมืองเสี่ยงจะจมน้ำในอีกไม่กี่ปีด้วย จากข้อมูลของ กรีนพีซ พบว่า 7 เมืองในเอเชีย ที่อาจได้รับผลกระทบ จากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล หรือมีความเสี่ยงจมน้ำ ภายในปี 2573 สำหรับ 3 อันดับแรก เสี่ยงสุด คือ กรุงเทพมหานคร คือ ร้อยละ 96 อาจถูกน้ำท่วมจากอุทกภัยใน 10 ปี มีการคาดการณ์ถึงพื้นที่ ที่จะได้รับผลกระทบ 1,512.94 ตารางกิโลเมตร ซึ่งอาจมีประชากรที่จะได้รับผลกระทบ 10.45 ล้านคน รองลงมาเป็นกรุงจาการ์ตา จะได้รับผลกระทบ 109.38 ตารางกิโลเมตร ประชาชนอาจได้รับผลกระทบ...
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักธรณีวิทยาธารน้ำแข็งได้เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดที่ระบุว่า ธารน้ำแข็งซอมบี้ ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งส่วนที่ไม่ได้ติดกับแผ่นน้ำแข็งหลักของกรีนแลนด์ กำลังละลายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นในระดับที่เป็นอันตรายในช่วงศตวรรษนี้ โดยการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งต้องพลัดถิ่นที่อยู่อาศัยมากถึงเกือบ 200 ล้านคน ภายในสิ้นศตวรรษนี้ ในขณะที่อุณหภูมิโลกยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ คณะนักวิจัยใช้การวัดสภาพอากาศของอาร์กติก ระหว่างปี 2000-2019 รวมกับข้อมูลจากดาวเทียมและธรณีฟิสิกส์น้ำแข็ง ตรวจสอบความไม่สมดุลของแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ทีมวิจัยได้ประเมินอัตราส่วนการเติมเต็มหิมะที่ตกลงมาบนแผ่นน้ำแข็ง เพื่อชดเชยน้ำแข็งที่ละลายไป และสรุปได้ว่า 3.3% ของแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์จะละลายภายในสิ้นศตวรรษนี้ หรือในปี 2100 ไม่ว่าประเทศต่างๆ จะควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เร็วและมากแค่ไหนก็ตาม เนื่องจากธารน้ำแข็งละลายตัวของมันโดยไม่เคยสนใจตัวเลขการปล่อยก๊าซ โดยการละลายตัวของน้ำแข็งจากแผ่นน้ำแข็งหลักในกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นแผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากแผ่นน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกในขั้วโลกใต้ จะทำให้ระดับน้ำทะเลของโลกเพิ่มสูงขึ้น 27 เซนติเมตร หรือประมาณ 10 นิ้ว จากเดิมก่อนหน้านี้คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change-IPCC) คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2-5 นิ้ว และเพิ่มขึ้นเช่นกันภายในปี 2100 ผลการศึกษานี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศธรรมชาติ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในกรณีร้ายแรงที่สุด ระดับน้ำทะเลอาจเพิ่มสูงกว่า 78 เซนติเมตร หรือประมาณ 30 นิ้ว สามารถท่วมพื้นที่ชายฝั่งในหลายประเทศ และทำให้เกิดน้ำท่วม พายุยกซัดฝั่งได้ ขณะที่ทีมนักวิจัยนำโดย อลัน ฮับบาร์ด จากศูนย์วิจัยฟิสิกส์ธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยอูลู ในฟินแลนด์ เปิดเผยผลการศึกษาที่ระบุว่า ธารน้ำแข็งกรีนแลนด์กำลังเสียสมดุลอย่างมาก โดยจะละลายตัวลงเป็นพื้นที่กว่า 59,000 ตารางกิโลเมตร เทียบเป็นพื้นที่ใหญ่กว่าประเทศเดนมาร์ก ทีมนักวิจัยนานาชาติพบว่าน้ำแข็งละลายเพิ่มขึ้นประมาณ 36% ในช่วงปี 2012-2023 โดยเฉลี่ยแล้วน้ำแข็งจะสูญหายไปประมาณ 273,000 ล้านตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการบริโภคน้ำของประชากรโลกเป็นเวลา 30 ปี
นับตั้งแต่เข้ายุค 2000 นักวิจัยพบว่าธารน้ำแข็งทั่วโลกสูญเสียธารน้ำแข็งไปแล้วประมาณ 650,000 ล้านตัน หรือคิดเป็น 5% ของทั้งหมด โลกจะสูญเสียน้ำแข็งมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ซึ่งหากไม่สามารถควบคุมภาวะโลกร้อนได้โลกอาจสูญเสียน้ำแข็งเกือบครึ่งหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์กล่าวเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ว่า น้ำแข็งทั่วโลกละลายเร็วขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และเตือนว่าการละลายอาจเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น “ธารน้ำแข็ง” เป็นตัวควบคุมสภาพอากาศที่สำคัญและเป็นแหล่งน้ำจืดของประชากรหลายพันล้านคนทั่วโลก แต่ในตอนนี้ธารน้ำแข็งเหล่านี้กำลังละลายอย่างรวดเร็วเนื่องจาก “ภาวะโลกร้อน” ทีมนักวิจัยนานาชาติพบว่าน้ำแข็งละลายเพิ่มขึ้นประมาณ 36% ในช่วงปี 2012-2023 เมื่อเทียบกับช่วงปี 2000-2011โดยเฉลี่ยแล้วน้ำแข็งจะสูญหายไปประมาณ 273,000 ล้านตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการบริโภคน้ำของประชากรโลกเป็นเวลา 30 ปี
People Also Search
- โลกเดือด ทำ 'ธารน้ำแข็งกรีนแลนด์' ละลายเร็ว น้ำทะเลทั่วโลก สูงขึ้น
- ธารน้ำแข็งใน 'กรีนแลนด์' แตกตัวเร็วขึ้น ถ้าละลายหมด ดันน้ำทะเลสูงขึ้น 7 ...
- โลกเดือด-น้ำแข็งขั้วโลกละลาย-น้ำทะเลสูงขึ้นสัญญาณอันตรายภัยพิบัติโลก
- ธารน้ำแข็ง 'กรีนแลนด์' แตกตัวเร็วขึ้น! ถ้าละลายหมด ดันน้ำทะเลสูงขึ้น 7 ...
- กรีนแลนด์ละลาย แผ่นดินแตกร้าว ทะเลปั่นป่วน มหาอำนาจโลกจ้องตะครุบทรัพยากร
- ภาวะโลกร้อนและธารน้ำแข็งละลาย ทำระดับน้ำทะเลเพิ่มเร็วสุดใน 4,000 ปี
- อากาศเปลี่ยนเร่งธารน้ำแข็งโลกละลายเร็วขึ้น ทำระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเกือบ 2 ...
- โลกจะรับมืออย่างไร หากน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นอีก หลังธารน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลาย
- เซ่นทะเลเดือด! น้ำทะเลอาจเพิ่มสูงขึ้น 3.5 ฟุต หากธารน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลาย
- 'แผ่นน้ำแข็ง' ทั่วโลกละลายเร็วขึ้น บางแห่งหายหมดในไม่กี่ปี ดันน้ำทะเลพุ่ง
นักวิทยาศาสตร์นานาชาติ คาดการณ์ว่าปัญหาโลกร้อนมีผลทำให้น้ำแข็งขั้วโลกมีปริมาณลดลงและอาจหายไปหมดในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ระบบนิเวศได้รับผลกระทบรุนแรง เพราะเมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำจืดจะเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรจะเปลี่ยนไป ซึ่งนำมาสู่ภัยพิบัติในอนาคตที่อาจรุนแรงกว่าเดิม โดยนักวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์นานาชาติ คาดการณ์ว่าปัญหาโลกร้อนมีผลทำให้น้ำแข็งขั้วโลกมีปริมาณลดลงและอาจหายไปหมดในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ระบบนิเวศได้รับผลกระทบรุนแรง เพราะเมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำจืดจะเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรจะเปลี่ยนไป ซึ่งนำมาสู่ภัยพิบัติในอนาคตที่อาจรุนแรงกว่าเดิม โดยนักวิทยาศาสตร์ NASA พบว่า น้ำแข็งในขั้วโลกเหนืออย่างกรีนแลนด์ และขั้วโลกใต้แอนตาร์กติกา ละลายเร็วข...
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักธรณีวิทยาธารน้ำแข็งได้เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดที่ระบุว่า ธารน้ำแข็งซอมบี้ ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งส่วนที่ไม่ได้ติดกับแผ่นน้ำแข็งหลักของกรีนแลนด์ กำลังละลายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นในระดับที่เป็นอันตรายในช่วงศตวรรษนี้ โดยการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งต้องพลัดถิ่นที่อยู่อาศัยมากถึงเกือบ 200 ล้านคน ภายในสิ้นศตวรรษนี้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักธรณีวิทยาธารน้ำแข็งได้เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดที่ระบุว่า ธารน้ำแข็งซอมบี้ ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งส่วนที่ไม่ได้ติดกับแผ่นน้ำแข็งหลักของกรีนแลนด์ กำลังละลายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นในระดับที่เป็นอันตรายในช่วงศตวรรษนี้ โดยการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งต้องพลัดถิ่นที่อยู่อาศัยมากถึงเกือบ 200 ล้านคน ภายในสิ้นศตวรรษนี้ ในขณ...
นับตั้งแต่เข้ายุค 2000 นักวิจัยพบว่าธารน้ำแข็งทั่วโลกสูญเสียธารน้ำแข็งไปแล้วประมาณ 650,000 ล้านตัน หรือคิดเป็น 5% ของทั้งหมด โลกจะสูญเสียน้ำแข็งมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่น
นับตั้งแต่เข้ายุค 2000 นักวิจัยพบว่าธารน้ำแข็งทั่วโลกสูญเสียธารน้ำแข็งไปแล้วประมาณ 650,000 ล้านตัน หรือคิดเป็น 5% ของทั้งหมด โลกจะสูญเสียน้ำแข็งมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ซึ่งหากไม่สามารถควบคุมภาวะโลกร้อนได้โลกอาจสูญเสียน้ำแข็งเกือบครึ่งหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์กล่าวเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ว่า น้ำแข็งทั่วโลกละลายเร็วขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แ...