ธารน้ําแข็ง กรีนแลนด์ แตกตัวเร็วขึ้น ถ้าละลายหมด ดันน้ําทะเลสูงขึ้น 7
งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยรัทเกอร์ส ของสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาพื้นที่แนวปะการังโบราณและป่าชายเลนซึ่งเปรียบเสมือนกับสมุดบันทึกการเปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติของระดับน้ำทะเลในอดีต โดยสามารถสร้างแบบจำลองย้อนกลับไปได้เกือบ 12,000 ปี พบว่า ระดับน้ำทะเลในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 4,000 ปี โดยมี 2 ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ การขยายตัวของน้ำทะเล และการละลายของธารน้ำแข็ง ทั้งหมดล้วนเป็นผลจากอุณหภูมิโลกและอุณหภูมิในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้น เมื่อโลกร้อนขึ้น มหาสมุทรจะดูดซับความร้อนมากขึ้นและขยายตัว ขณะที่ธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วผิดปกติ ทำให้น้ำจืดจำนวนมหาศาลไหลลงสู่ทะเล แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากข้อมูลระบุว่า ในช่วงเดือนกันยายน 2023 - สิงหาคม 2024 กรีนแลนด์สูญเสียน้ำแข็งไปกว่า 80,000 ล้านตัน นับเป็นปีที่ 28 ที่ธารน้ำแข็งละลายมากกว่าปริมาณน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นใหม่ และหากแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายหมดก็จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นถึง 7.4 เมตร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ เตือนว่า ทุกๆ 1 เซนติเมตรของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่อประชากรกว่า 6 ล้านคนในทั่วโลกเผชิญกับความเสี่ยงน้ำท่วมจากการกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหาระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งเท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงพื้นที่เพาะปลูก และพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของมนุษย์จนอาจนำไปสู่ภาวะอดอยากและความมั่นคงด้านอาหารของโลกได้ ในกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำแข็งสำรองที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกเหนือ การละลายของแนวน้ำแข็งได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จนไม่สามารถอธิบายได้ด้วยสิ่งที่เราเห็นบนพื้นผิวเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ชิ้นส่วนที่หายไปชี้ไปที่คลื่นภายในขนาดยักษ์ที่มองไม่เห็นซึ่งกระตุ้นน้ำใต้แผ่นน้ำแข็งให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และเร่งให้เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น การถอยร่นของแนวธารน้ำแข็ง กลุ่มพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยมหาวิทยาลัยซูริกและมหาวิทยาลัยวอชิงตันได้ติดตามว่าการแตกของภูเขาน้ำแข็งกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวใต้น้ำอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร ข้อมูลที่รวบรวมจากฟยอร์ดทางตอนใต้ของกรีนแลนด์แสดงให้เห็นภาพกลไกที่สามารถเพิ่มการละลายจากด้านล่างได้ หลังจากที่พื้นผิวกลับมาสงบอีกครั้ง ทำให้การละลายจากด้านล่างรุนแรงขึ้น เพื่อ "ฟัง" เสียงจากพื้นทะเล ทีมงานได้วางสายเคเบิลใยแก้วนำแสงยาวประมาณ 10 กิโลเมตรไว้ด้านหน้าธารน้ำแข็ง Eqalorutsit Kangilliit Sermiat ซึ่งเป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่มากที่สุดในภูมิภาคนี้ สายเคเบิลแต่ละส่วนทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์ด้วยวิธี DAS (Distributed Acoustic Sensing)บันทึกการสั่นสะเทือนเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับการแตกหัก คลื่น และการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่น
ระบบได้เปลี่ยนฟยอร์ดให้กลายเป็นห้องปฏิบัติการต่อเนื่อง: หลังจากน้ำแข็งแตกและตกลงมาในแต่ละครั้ง ระบบจะตรวจจับสัญญาณเสียงเฉพาะตัวที่ทำให้สามารถแยกแยะประเภทของคลื่นและเส้นทางของคลื่นได้ การอ่านเผยให้เห็นไม่เพียงแต่ “สึนามิ” บนพื้นผิวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคลื่นภายในที่เคลื่อนที่ระหว่างชั้นน้ำด้วย มีความหนาแน่นต่างกัน ธารน้ำแข็งที่ได้รับการตรวจสอบจะปล่อยน้ำแข็งออกมาในปริมาณรายปีเกือบสามเท่าของปริมาณน้ำแข็งในแม่น้ำโรนของสวิตเซอร์แลนด์ ส่งผลให้ฟยอร์ดมีกระแสไฟฟ้าไหลอย่างต่อเนื่อง “จังหวะการเต้นของหัวใจ” ใต้น้ำนั้นช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำที่ผสมกันซึ่งทำให้ฐานของแนวธารน้ำแข็งต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงขึ้น เกินคาด ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น นักวิทยาศาสตร์ในเดนมาร์ก รายงานผลการศึกษาใหม่ พบธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายเร็วกว่า 20 ปีที่แล้วถึง 5 เท่า สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนในเดนมาร์ก เปิดเผยวานนี้ (10 พ.ย.) พบธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายเร็วกว่าช่วง 20 ปีที่แล้วถึง 5 เท่า ในขณะที่การละลายของธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ จากภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดความกังวลเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นแผ่นธารน้ำแข็งโบราณที่กักเก็บน้ำไว้ปริมาณมหาศาล ซึ่งหากธารน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายจนหมด จะทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นอย่างน้อย 6 เมตรเลยทีเดียว Anders Anker Bjork ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาธรณีศาสตร์และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน กล่าวว่า การศึกษาธารน้ำแข็งนับพันแห่งในกรีนแลนด์ แสดงให้เห็นว่ามีอัตราการละลายที่เร็วกว่าเมื่อ 20 ปีก่อน พร้อมกับชี้ว่า อัตราการละลายของธารน้ำแข็งได้เข้าสู่เฟสใหม่ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งการละลายก็มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลก
จากการศึกษาวิวัฒนาการของธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ในช่วง 130 ปีผ่านภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายเก่าๆ 200,000 ภาพ พบว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ความหนาของธารน้ำแข็งลดลงเฉลี่ย 25 เมตรต่อปี ขณะที่ 2 ทศวรรษก่อนหน้านั้น ธารน้ำแข็งลดลงเฉลี่ย ปีละ 5-6 เมตร ทีมนักวิจัยนานาชาติพบว่าน้ำแข็งละลายเพิ่มขึ้นประมาณ 36% ในช่วงปี 2012-2023 โดยเฉลี่ยแล้วน้ำแข็งจะสูญหายไปประมาณ 273,000 ล้านตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการบริโภคน้ำของประชากรโลกเป็นเวลา 30 ปี นับตั้งแต่เข้ายุค 2000 นักวิจัยพบว่าธารน้ำแข็งทั่วโลกสูญเสียธารน้ำแข็งไปแล้วประมาณ 650,000 ล้านตัน หรือคิดเป็น 5% ของทั้งหมด โลกจะสูญเสียน้ำแข็งมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ซึ่งหากไม่สามารถควบคุมภาวะโลกร้อนได้โลกอาจสูญเสียน้ำแข็งเกือบครึ่งหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์กล่าวเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ว่า น้ำแข็งทั่วโลกละลายเร็วขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และเตือนว่าการละลายอาจเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น “ธารน้ำแข็ง” เป็นตัวควบคุมสภาพอากาศที่สำคัญและเป็นแหล่งน้ำจืดของประชากรหลายพันล้านคนทั่วโลก แต่ในตอนนี้ธารน้ำแข็งเหล่านี้กำลังละลายอย่างรวดเร็วเนื่องจาก “ภาวะโลกร้อน” ทีมนักวิจัยนานาชาติพบว่าน้ำแข็งละลายเพิ่มขึ้นประมาณ 36% ในช่วงปี 2012-2023 เมื่อเทียบกับช่วงปี 2000-2011โดยเฉลี่ยแล้วน้ำแข็งจะสูญหายไปประมาณ 273,000 ล้านตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการบริโภคน้ำของประชากรโลกเป็นเวลา 30 ปี
นักวิทยาศาสตร์นานาชาติ คาดการณ์ว่าปัญหาโลกร้อนมีผลทำให้น้ำแข็งขั้วโลกมีปริมาณลดลงและอาจหายไปหมดในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ระบบนิเวศได้รับผลกระทบรุนแรง เพราะเมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำจืดจะเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรจะเปลี่ยนไป ซึ่งนำมาสู่ภัยพิบัติในอนาคตที่อาจรุนแรงกว่าเดิม โดยนักวิทยาศาสตร์ NASA พบว่า น้ำแข็งในขั้วโลกเหนืออย่างกรีนแลนด์ และขั้วโลกใต้แอนตาร์กติกา ละลายเร็วขึ้นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายไวขึ้น 6-7 เท่า เมื่อเทียบกับ 25 ปีก่อน และ น้ำแข็งกรีนแลนด์ได้หายไปถึง 4,700 ล้านตัน มีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1.2 เซนติเมตร สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งฝั่งทะเลจีนใต้และทะเลอันดามัน ก็มีผลกระทบเช่นกัน เช่นปัจจุบันมีงานวิจัยพบว่า ลมมรสุมที่มีกำลังแรงขึ้น และทำให้ระดับน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อนจะทำให้มวลอากาศชื้นจากทะเลสูง และพัดเข้าชายฝั่งมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณฝนตกสูง มีการคาดการณ์กันว่า จะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นกว่า 40 เซนติเมตร ในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งประชากรในภูมิภาคนี้ร้อยละ 10 ที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ประมาณร้อยละ 70 ของประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก มีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาน้ำท่วมและไร้ที่อยู่อาศัยหรือแม้แต่ เกาะขนาดเล็กเสี่ยงจมใต้ทะเล ซึ่งอาจทำให้คนประมาณ 200 ล้านคน ในภูมิภาคนี้ต้องหาที่อยู่ใหม่ในอีกไม่เกิน 50 ปีข้างหน้า ขณะที่ กทม. เป็น 1 ใน 7 เมืองเสี่ยงจะจมน้ำในอีกไม่กี่ปีด้วย จากข้อมูลของ กรีนพีซ พบว่า 7 เมืองในเอเชีย ที่อาจได้รับผลกระทบ จากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล หรือมีความเสี่ยงจมน้ำ ภายในปี 2573 สำหรับ 3 อันดับแรก เสี่ยงสุด คือ กรุงเทพมหานคร คือ ร้อยละ 96 อาจถูกน้ำท่วมจากอุทกภัยใน 10 ปี มีการคาดการณ์ถึงพื้นที่ ที่จะได้รับผลกระทบ 1,512.94 ตารางกิโลเมตร ซึ่งอาจมีประชากรที่จะได้รับผลกระทบ 10.45 ล้านคน รองลงมาเป็นกรุงจาการ์ตา จะได้รับผลกระทบ 109.38 ตารางกิโลเมตร ประชาชนอาจได้รับผลกระทบ...
People Also Search
- ธารน้ำแข็ง 'กรีนแลนด์' แตกตัวเร็วขึ้น! ถ้าละลายหมด ดันน้ำทะเลสูงขึ้น 7 ...
- ธารน้ำแข็งใน 'กรีนแลนด์' แตกตัวเร็วขึ้น ถ้าละลายหมด ดันน้ำทะเลสูงขึ้น 7 ...
- โลกเดือด ทำ 'ธารน้ำแข็งกรีนแลนด์' ละลายเร็ว น้ำทะเลทั่วโลก สูงขึ้น
- ภาวะโลกร้อนและธารน้ำแข็งละลาย ทำระดับน้ำทะเลเพิ่มเร็วสุดใน 4,000 ปี
- คลื่นที่ซ่อนอยู่เร่งการละลายของธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์
- ธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายเร็ว กว่า 20 ปีที่แล้ว ถึง 5 เท่า (คลิป)
- 'แผ่นน้ำแข็ง' ทั่วโลกละลายเร็วขึ้น บางแห่งหายหมดในไม่กี่ปี ดันน้ำทะเลพุ่ง
- โลกเดือด-น้ำแข็งขั้วโลกละลาย-น้ำทะเลสูงขึ้นสัญญาณอันตรายภัยพิบัติโลก
งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยรัทเกอร์ส ของสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาพื้นที่แนวปะการังโบราณและป่าชายเลนซึ่งเปรียบเสมือนกับสมุดบันทึกการเปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติของระดับน้ำทะเลในอดีต โดยสามารถสร้างแบบจำลองย้อนกลับไปได้เกือบ 12,000 ปี พบว่า ระดับน้ำทะเลในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 4,000 ปี
งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยรัทเกอร์ส ของสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาพื้นที่แนวปะการังโบราณและป่าชายเลนซึ่งเปรียบเสมือนกับสมุดบันทึกการเปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติของระดับน้ำทะเลในอดีต โดยสามารถสร้างแบบจำลองย้อนกลับไปได้เกือบ 12,000 ปี พบว่า ระดับน้ำทะเลในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 4,000 ปี โดยมี 2 ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ การขยายตัวของน้ำทะเล และการละลายของธารน้ำแข็ง ทั้งหมดล้วนเป็นผลจากอุณ...
ระบบได้เปลี่ยนฟยอร์ดให้กลายเป็นห้องปฏิบัติการต่อเนื่อง: หลังจากน้ำแข็งแตกและตกลงมาในแต่ละครั้ง ระบบจะตรวจจับสัญญาณเสียงเฉพาะตัวที่ทำให้สามารถแยกแยะประเภทของคลื่นและเส้นทางของคลื่นได้ การอ่านเผยให้เห็นไม่เพียงแต่ “สึนามิ” บนพื้นผิวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคลื่นภายในที่เคลื่อนที่ระหว่างชั้นน้ำด้วย มีความหนาแน่นต่างกัน ธารน้ำแข็งที่ได้รับการตรวจสอบจะปล่อยน้ำแข็งออกมาในปริมาณรายปีเกือบสามเท่าของปริมาณน้ำแข็งในแม่น้ำโรนของสวิตเซอร์แลนด์ ส่งผลให้ฟยอร์ดมีกระแสไฟฟ้าไหลอย่างต่อเนื่อง
ระบบได้เปลี่ยนฟยอร์ดให้กลายเป็นห้องปฏิบัติการต่อเนื่อง: หลังจากน้ำแข็งแตกและตกลงมาในแต่ละครั้ง ระบบจะตรวจจับสัญญาณเสียงเฉพาะตัวที่ทำให้สามารถแยกแยะประเภทของคลื่นและเส้นทางของคลื่นได้ การอ่านเผยให้เห็นไม่เพียงแต่ “สึนามิ” บนพื้นผิวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคลื่นภายในที่เคลื่อนที่ระหว่างชั้นน้ำด้วย มีความหนาแน่นต่างกัน ธารน้ำแข็งที่ได้รับการตรวจสอบจะปล่อยน้ำแข็งออกมาในปริมาณรายปีเกือบสามเท่าของปริมาณน้ำแ...
จากการศึกษาวิวัฒนาการของธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ในช่วง 130 ปีผ่านภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายเก่าๆ 200,000 ภาพ พบว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ความหนาของธารน้ำแข็งลดลงเฉลี่ย
จากการศึกษาวิวัฒนาการของธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ในช่วง 130 ปีผ่านภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายเก่าๆ 200,000 ภาพ พบว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ความหนาของธารน้ำแข็งลดลงเฉลี่ย 25 เมตรต่อปี ขณะที่ 2 ทศวรรษก่อนหน้านั้น ธารน้ำแข็งลดลงเฉลี่ย ปีละ 5-6 เมตร ทีมนักวิจัยนานาชาติพบว่าน้ำแข็งละลายเพิ่มขึ้นประมาณ 36% ในช่วงปี 2012-2023 โดยเฉลี่ยแล้วน้ำแข็งจะสูญหายไปประมาณ 273,000 ล้านตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการบริโภคน้...
นักวิทยาศาสตร์นานาชาติ คาดการณ์ว่าปัญหาโลกร้อนมีผลทำให้น้ำแข็งขั้วโลกมีปริมาณลดลงและอาจหายไปหมดในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ระบบนิเวศได้รับผลกระทบรุนแรง เพราะเมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำจืดจะเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรจะเปลี่ยนไป ซึ่งนำมาสู่ภัยพิบัติในอนาคตที่อาจรุนแรงกว่าเดิม โดยนักวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์นานาชาติ คาดการณ์ว่าปัญหาโลกร้อนมีผลทำให้น้ำแข็งขั้วโลกมีปริมาณลดลงและอาจหายไปหมดในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ระบบนิเวศได้รับผลกระทบรุนแรง เพราะเมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำจืดจะเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรจะเปลี่ยนไป ซึ่งนำมาสู่ภัยพิบัติในอนาคตที่อาจรุนแรงกว่าเดิม โดยนักวิทยาศาสตร์ NASA พบว่า น้ำแข็งในขั้วโลกเหนืออย่างกรีนแลนด์ และขั้วโลกใต้แอนตาร์กติกา ละลายเร็วข...