สํารวจ เมกะเทรนด์ Low Carbon Ai Aging Society ต้องปรับก่อนตกขบวน
โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าคนที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ย่อมเข้าถึง “โอกาส” ได้ไวกว่าคู่แข่ง “Mega trends” คือ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลกในมิติต่างๆ และมีผลกระทบต่อสังคม ธุรกิจ เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของมนุษย์ ซึ่งทำให้มนุษย์เป็นไปแรงขับเคลื่อนของ Mega trends ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และ ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ พาไปสำรวจ 3 Mega trends ที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ โดยดร.กิริฎา มองว่า ถ้าเราไม่ไปกับเทรนด์นี้ เราก็จะลำบากในอนาคต ด้วยเพราะประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป (EU) หรือ สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสำหรับสินค้าที่ก่อให้เกิดคาร์บอนสูง ขณะเดียวกันบริษัทใหญ่ๆที่มาลงทุนในประเทศไทยล้วนแล้วแต่ตั้งเป้าบรรลุเป้าหมาย “Net Zero” เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นไทยเอง ก็จะโดนแรงกดดันจากการค้าและธุรกิจเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่เป็น Supply Chain .css-uexnnu,.css-uexnnu:focus,.css-uexnnu:visited{color:var(--color-character-base-link);}@media (hover: hover){.css-uexnnu:hover{color:var(--color-character-base-link);}}@media (pointer: coarse){.css-uexnnu:active{color:var(--color-character-base-link);}}ทีดีอาร์ไอ เผยผลสำรวจ 3 Mega trends ที่มาแรงที่สุด “Low Carbon – AI – Aging Society” ชี้ไทยต้องปรับก่อนตกขบวน
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และ ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ พาไปสำรวจ 3 Mega trends ที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ เป็นกะแสที่หากไม่ปรับตัวไปพร้อมกับเทรนด์นี้จะลำบากในอนาคต เพราะประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป (EU) หรือ สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสำหรับสินค้าที่ก่อให้เกิดคาร์บอนสูง ขณะเดียวกันบริษัทใหญ่ๆที่มาลงทุนในประเทศไทยล้วนแล้วแต่ตั้งเป้าบรรลุเป้าหมาย “Net Zero” เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นไทยเอง ก็จะโดนแรงกดดันจากการค้าและธุรกิจเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่เป็น Supply Chain “เรื่องของการไปสู่คาร์บอนต่ำอันนี้เป็นเทรนด์สำคัญที่เราไม่ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องให้ความใส่ใจเรื่องนี้ เนื่องจากว่าเราพึ่งพาการส่งออกเยอะ และพึ่งการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศด้วย” จากปรากฏการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ที่กลายเป็นเรื่องปกติ สู่ภัยพิบัติรุนแรงทั่วทุกมุมโลก วิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ไม่ใช่เรื่องของสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็น “Game Changer” หรือตัวพลิกเกมครั้งสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และทุกองคาพยพของภาคธุรกิจ นี่คือประเด็นสำคัญที่สะท้อนจากเวทีเสวนา “Global Megatrend in Climate Tech” ซึ่งชี้ชัดว่าเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech คือเมกะเทรนด์ที่ทรงพลังที่สุดแห่งยุค และเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสมหาศาลที่ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัว วงเสวนาประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจาก 3 ภาคส่วนสำคัญ ได้แก่ ภคมน สุภาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริการจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) รศ.ดร.สุทธิรัตน์ กิตติพงศ์วิเศษ ผู้ประสานงานวิจัยความเสี่ยงทางสภาพภูมิอากาศและการรับรู้ปรับฟื้น และหัวหน้าหน่วยบริการและจัดการคาร์บอน สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ วีรศักดิ์ พงษ์ธัญญวชัย หัวหน้าฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่างเห็นพ้องต้องกันว่า Climate Tech คือจุดเปลี่ยนที่ไม่อาจมองข้าม
ภคมนระบุว่า ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นแล้ว 1.4 องศาเซลเซียส ซึ่งเข้าใกล้เพดานอันตรายที่ 1.5 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างมาก แรงกดดันนี้ทำให้ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันปล่อยก๊าซเรือนกระจกปีละประมาณ 5 หมื่นล้านตัน ต้องมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สำหรับประเทศไทย ทิศทางเชิงนโยบายกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยล่าสุดได้มีการปรับเป้าหมาย Net Zero ให้เร็วขึ้นจากเดิมปี 2065 มาเป็นปี 2050 เพื่อให้สอดคล้องกับประชาคมโลก การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จะถูกขับเคลื่อนด้วย “พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ซึ่งกำลังจะออกมาเป็นกฎหมายภาคบังคับในไม่ช้า สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือการกำหนดให้องค์กรขนาดใหญ่มีหน้าที่ต้องรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งทิศทางดังกล่าวสอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นแล้ว โดยปัจจุบันมีองค์กรในไทยที่รายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับ TGO กว่า 1,700 แห่ง และในจำนวนนี้กว่า 100 แห่งได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero อย่างชัดเจน โดยภายใต้กฎหมายใหม่ คาดว่าจะมีองค์กรที่เข้าข่ายต้องรายงานเพิ่มขึ้นเป็นราว 3,200 แห่ง และในอนาคตจะมีการกำหนดเพดานการปล่อย (Emission Trading Scheme: ETS) ซึ่งหมายความว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะไม่ใช่เรื่องของความสมัครใจอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องบริหารจัดการอย่างจริงจัง กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เวทีสัมมนา “Future Forum 2025: – Great Transformation” ซึ่งมีนักวิชาการและผู้นำภาคธุรกิจเข้าร่วมกว่า 250 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยการตื่นตัวต่อสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาและได้รับการยอมรับตรงกันคือ ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับ “The Great Transformation” ครั้งนี้ นายเฮง สวี เกียต อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานมูลนิธิวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ (National Research Foundation, Singapore) ได้ให้ทรรศนะที่น่าสนใจในหัวข้อ “Economic Transformation for Peoples, For Planet” โดยระบุว่า โลกได้ผ่านวิกฤตการณ์สำคัญมาแล้ว 2 รูปแบบในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา คือวิกฤตเศรษฐกิจ (วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551) และวิกฤตโรคระบาด (โควิด-19) แม้วิกฤตเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบ แต่เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตต่อไปได้แม้จะในอัตราที่ชะลอตัวลง ทว่า วิกฤตโควิด-19 ได้กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนภูมิทัศน์โลกไปอย่างสิ้นเชิง
นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี, การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 28 ฉบับ, การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และการปรับใช้เทคโนโลยีในทุกภาคส่วน” นายเฮง สวี เกียต กล่าว เขายังเน้นย้ำว่า “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ AI จะเป็นขุมพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่หัวใจหลักคือการพัฒนาศักยภาพของประชากรให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้ ภาคเอกชนต้องเปลี่ยนวิธีคิด ปรับกลยุทธ์ และเปิดกว้างในการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางความผันผวน” นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ชี้ “คาร์บอนต่ำ-เอไอ-สังคมสูงวัย” เป็น 3เมกะเทรนด์มาแรง แนะต้องปรับตัว เพื่อรับมือกติกาโลกที่เปลี่ยนแปลง-คว้าโอกาสแข่งขันทางธุรกิจ วันที่ 27 ตุลาคม 2566 ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เปิดเผยถึง 3 เมกะเทรนด์ที่มาแรงว่า โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าคนที่พร้อมรับมือและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงย่อมเข้าถึงโอกาสได้ไวกว่าคู่แข่ง โดยมี 3 เทรนด์ ที่เป็นกระแสและเป็นโอกาสที่สำคัญ คือ หนึ่งกระแสการไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หากไม่มีการดำเนินการหรือนโยบายใด ๆ เพื่อรับมือกับเทรนด์นี้ก็จะทำให้ภาคธุรกิจเกิดความยากลำบากในอนาคต เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหภาพยุโรป (EU) หรือสหรัฐมีการตั้งกำแพงภาษีสำหรับสินค้าที่ก่อให้เกิดคาร์บอนสูง
นอกจากนี้ บริษัทใหญ่ ๆ ที่มาลงทุนในประเทศไทย ล้วนแล้วแต่ตั้งเป้าในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero เช่นกัน “เพราะฉะนั้นไทยเองก็จะโดนแรงกดดันจากการค้าและธุรกิจเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่เป็นซัพพลายเชน เรื่องของการไปสู่คาร์บอนต่ำอันนี้เป็นเทรนด์สำคัญที่เราไม่ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องให้ความใส่ใจเรื่องนี้ เนื่องจากว่าเราพึ่งพาการส่งออกมากและพึ่งการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศด้วย” ดร.กิริฎาระบุ ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจทิศทางและแนวโน้มของโลกธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ดร.สันติธาร เสถียรไทย นักเศรษฐศาสตร์และนักเขียนชื่อดัง ได้นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจในงาน Future Trends Ahead Summit 2025 โดยชี้ให้เห็นถึง 4 คลื่นยักษ์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังส่งผลกระทบต่อโลกธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในเทรนด์สำคัญต่อวัยทำงานทุกคนก็คือ การเข้ามาของ AI ที่เขย่าโลกการทำงานให้พลิกโฉมจากหน้ามือเป็นหลังมือ แรกสุด ดร.สันติธาร ได้ตั้งคำถามว่า ตอนนี้เรากำลงเล่นเกมผิดที่ผิดเวลาหรือเปล่า? เนื่องจากในโลกที่กฎกติกากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเป็นผู้ชนะในเกมที่ผิดก็อาจกลายเป็นผู้แพ้ได้ในที่สุด หลายธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จในอดีตอาจพบว่าตนเองกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งนี้มีปัจจัยจาก 4 เมกะเทรนด์ใหญ่ๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจและโลกการทำงาน ซึ่งไม่ใช่เพียงกระแสชั่วคราว แต่เป็นแนวโน้มที่กำลังกำหนดทิศทางอนาคตของเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก หากองค์กร ผู้ประกอบการธุรกิจ และเหล่าวัยทำงานไม่ยอมปรับตัวให้ทัน พวกเขาอาจกลายเป็นผู้แพ้ในที่สุด
ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะ Generative AI (Gen AI) กำลังเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ChatGPT ที่มีผู้ใช้งาน 100 ล้านคนภายใน 2 เดือน ซึ่งเร็วกว่าการเติบโตของ Facebook ในอดีตที่ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ล่าสุด AI จากจีนอย่าง DeepSeek ได้เปิดตัวขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนถูกลงมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ส่งผลกระทบสำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทำงาน (Works & Jobs Redesign): AI สามารถช่วยสร้างเนื้อหาขั้นต้น นักเขียนอาจเปลี่ยนบทบาทจากผู้เขียนเป็นบรรณาธิการ งานที่ต้องใช้การวิเคราะห์และการตัดสินใจสูงจะต้องปรับรูปแบบการทำงานใหม่ การเรียนรู้แบบดั้งเดิมอาจหายไป หากวัยทำงานพึ่งพา AI มากเกินไป ผู้ใช้งาน AI ต้องหาจุดสมดุลระหว่างการใช้ AI และการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และระวังการสูญเสียการเรียนรู้ (Learning Loss)
People Also Search
- สำรวจ เมกะเทรนด์ "Low Carbon - AI - Aging Society" ต้องปรับก่อนตกขบวน
- เจาะ 3 Mega trends ต้องปรับก่อนตกขบวน | การเงินธนาคาร | LINE TODAY
- SE Forum 2025 ย้ำผู้ประกอบการ ต้องใช้ AI-ต้องลดคาร์บอน รีบปรับตัวก่อนตกขบวน
- เจาะ 3 Mega trends ต้องปรับก่อนตกขบวน - Money & Banking Magazine
- GreenNews - #GreenQuote "Low Carbon - AI - Aging Society 3...
- เจาะเมกะเทรนด์ Climate Tech พลิกอนาคตธุรกิจไทย
- เปิด 4 เมกะเทรนด์ พลิกโฉมเศรษฐกิจโลก ธุรกิจไทยต้องปรับตัวด่วน
- PWC ชี้ 5 เมกะเทรนด์พลิกโฉมธุรกิจไทย ยุคแห่ง AI -Climate Change
- Tdri ชี้ "คาร์บอนต่ำ-เอไอ-สังคมสูงวัย" เมกะเทรนด์มาแรง
- ดร.สันติธาร เผย 4 เมกะเทรนด์เขย่าโลกปี 2025 คนไทยปรับตัวยังไงดี?
โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าคนที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ย่อมเข้าถึง “โอกาส” ได้ไวกว่าคู่แข่ง “Mega Trends” คือ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลกในมิติต่างๆ และมีผลกระทบต่อสังคม
โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าคนที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ย่อมเข้าถึง “โอกาส” ได้ไวกว่าคู่แข่ง “Mega trends” คือ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลกในมิติต่างๆ และมีผลกระทบต่อสังคม ธุรกิจ เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของมนุษย์ ซึ่งทำให้มนุษย์เป็นไปแรงขับเคลื่อนของ Mega trends ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และ ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงล...
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และ ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ พาไปสำรวจ 3
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และ ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ พาไปสำรวจ 3 Mega trends ที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ เป็นกะแสที่หากไม่ปรับตัวไปพร้อมกับเทรนด์นี้จะลำบากในอนาคต เพราะประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป (EU) หรือ สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสำหรับสินค้าที่ก่อให้เกิดคาร์บอนสูง ขณะเดียวก...
ภคมนระบุว่า ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นแล้ว 1.4 องศาเซลเซียส ซึ่งเข้าใกล้เพดานอันตรายที่ 1.5 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างมาก
ภคมนระบุว่า ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นแล้ว 1.4 องศาเซลเซียส ซึ่งเข้าใกล้เพดานอันตรายที่ 1.5 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างมาก แรงกดดันนี้ทำให้ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันปล่อยก๊าซเรือนกระจกปีละประมาณ 5 หมื่นล้านตัน ต้องมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สำหรับประเทศไทย ทิศทางเชิงนโยบายกำลังจะเปลี่ยนไปอ...
นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี,
นายเฮง สวี เกียต ได้สรุปเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “4D” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “สิงคโปร์ได้นำเทรนด์ทั้ง 4 มาเป็นแกนหลักในการวางกลยุทธ์บริหารประเทศ โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันเทคโนโลยี, การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 28 ฉบับ, การบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และการปรับใช้เทคโนโลยีใ...
นอกจากนี้ บริษัทใหญ่ ๆ ที่มาลงทุนในประเทศไทย ล้วนแล้วแต่ตั้งเป้าในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero เช่นกัน “เพราะฉะนั้นไทยเองก็จะโดนแรงกดดันจากการค้าและธุรกิจเหล่านี้
นอกจากนี้ บริษัทใหญ่ ๆ ที่มาลงทุนในประเทศไทย ล้วนแล้วแต่ตั้งเป้าในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero เช่นกัน “เพราะฉะนั้นไทยเองก็จะโดนแรงกดดันจากการค้าและธุรกิจเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่เป็นซัพพลายเชน เรื่องของการไปสู่คาร์บอนต่ำอันนี้เป็นเทรนด์สำคัญที่เราไม่ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องให้ความใส่ใจเรื่องนี้ เนื่องจากว่าเราพึ่งพาการส่งออกมากและพึ่งการลงทุนของ...