ไทยใช้ Ai พุ่ง สตาร์ทอัพขึ้นแท่น ทิ้งห่างบริษัทใหญ่

Leo Migdal
-
ไทยใช้ ai พุ่ง สตาร์ทอัพขึ้นแท่น ทิ้งห่างบริษัทใหญ่

[น่ากังวล] เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา Amazon Web Services (AWS) ประเทศไทย ได้เผยผลการสำรวจน่าสนใจ พบไทยมีการใช้ AI ในภาคธุรกิจพุ่งสูงขึ้นถึง 33% ในปีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความคล่องตัวสูง แต่ขณะเดียวกัน ฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับปรับตัวได้ช้ากว่า อาจนำไปสู่ “เศรษฐกิจสองระดับ” ที่นวัตกรรมกระจุกตัวอยู่แค่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแทน แม้ภาพรวมการใช้ AI ในไทยจะดูสดใส โดยมีธุรกิจกว่า 600,000 รายนำ AI มาปรับใช้แล้ว แต่เมื่อเจาะลึกลงไปกลับพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ผลการศึกษาชี้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่ 72% ยังคงใช้ AI ในระดับพื้นฐาน เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดต้นทุน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ แต่ในทางกลับกัน กลุ่มสตาร์ทอัพกลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่ามาก โดยมีสตาร์ทอัพ 40% กำลังพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับมีเพียง 16% ที่ทำในสิ่งเดียวกัน SME ก็อยู่ที่ 9% เท่านั้น นิค บอนสโตว์ (Nick Bonstow) ผู้อำนวยการจาก Strand Partners ที่ได้ร่วมศึกษาผลสำรวจนี้ ก็ชี้เลยว่าการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจ AI แบบสองระดับนี้ อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เราไม่ควรพิจารณาเพียงตัวเลขการนำ AI มาใช้เท่านั้น เพราะอาจทำให้มองข้ามความท้าทายที่แท้จริงที่ธุรกิจไทยจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ สำหรับอุปสรรคใหญ่ของช่องว่างนี้ ก็เกิดจาก ‘ทักษะรายบุคคลคน’ และ ‘ความไม่แน่นอนด้านกฎหมาย’ โดยผลการศึกษาได้ชี้ไปที่ 2 อุปสรรคหลักตามนี้ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เผยผลการศึกษาล่าสุด “Unlocking Thailand's AI Potential” ซึ่งจัดทำร่วมกับ Strand Partners พบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง

ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การสำรวจพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีที่จะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบัน มีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย 17% นิค บอนสโตว์ ผู้อำนวยการบริษัท สแตรนด์ พาร์ทเนอร์ส เผยว่า ได้เห็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในประเทศไทย ทว่าการใช้ AI ในธุรกิจไทยแพร่หลาย แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับพื้นฐาน [น่ากังวล] เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา Amazon Web Services (AWS) ประเทศไทย ได้เผยผลการสำรวจน่าสนใจ พบไทยมีการใช้ AI ในภาคธุรกิจพุ่งสูงขึ้นถึง 33% ในปีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความคล่องตัวสูง แต่ขณะเดียวกัน ฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับปรับตัวได้ช้ากว่า อาจนำไปสู่ “เศรษฐกิจสองระดับ” ที่นวัตกรรมกระจุกตัวอยู่แค่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแทน แม้ภาพรวมการใช้ AI ในไทยจะดูสดใส โดยมีธุรกิจกว่า 600,000 รายนำ AI มาปรับใช้แล้ว แต่เมื่อเจาะลึกลงไปกลับพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ผลการศึกษาชี้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่ 72% ยังคงใช้ AI ในระดับพื้นฐาน เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดต้นทุน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

แต่ในทางกลับกัน กลุ่มสตาร์ทอัพกลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่ามาก โดยมีสตาร์ทอัพ 40% กำลังพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับมีเพียง 16% ที่ทำในสิ่งเดียวกัน SME ก็อยู่ที่ 9% เท่านั้น นิค บอนสโตว์ (Nick Bonstow) ผู้อำนวยการจาก Strand Partners ที่ได้ร่วมศึกษาผลสำรวจนี้ ก็ชี้เลยว่าการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจ AI แบบสองระดับนี้ อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เราไม่ควรพิจารณาเพียงตัวเลขการนำ AI มาใช้เท่านั้น เพราะอาจทำให้มองข้ามความท้าทายที่แท้จริงที่ธุรกิจไทยจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ สำหรับอุปสรรคใหญ่ของช่องว่างนี้ ก็เกิดจาก ‘ทักษะรายบุคคลคน’ และ ‘ความไม่แน่นอนด้านกฎหมาย’ โดยผลการศึกษาได้ชี้ไปที่ 2 อุปสรรคหลักตามนี้ ถ้าย้อนมอง Amazon Web Services (AWS) ไปที่ต้นทางของธุรกิจ ภาพของ Amazon.com อดีตร้านหนังสือออนไลน์ที่จัดเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพยุคบุกเบิก ขยายสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และวิวัฒนาการเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ จนขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในเจ็ดหุ้นนางฟ้า หรือ Magnificent 7 ที่ทั้งโลกรู้จัก และไม่ว่าจะมาไกลแค่ไหน หรือมูลค่าหุ้น Amazon (AMZN) จะอยู่ที่เท่าไหร่ ยักษ์ใหญ่รายนี้ก็ยังคงให้ความสำคัญและทุ่มเงินทุนสนับสนุนเทคสตาร์ทอัพเรื่อยมา ไม่นานมานี้ เทคซอสมีโอกาสสัมภาษณ์ คุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager, AWS ประเทศไทย ในด้านการสนับสนุนสตาร์ทอัพ คุณวัตสันเล่าว่า หลังจากที่ Amazon เริ่มให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ ผู้ใช้งานกลุ่มแรก ๆ ที่ให้การตอบรับอย่างดีก็คือ กลุ่มสตาร์ทอัพ ซึ่งมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างจากองค์กรขนาดใหญ่ และตั้งแต่ตอนนั้น Amazon ก็ให้ความสำคัญและปักธงสนับสนุนสตาร์ทอัพทั่วโลก สำหรับประเทศไทย Amazon จัดตั้งทีมงานเพื่อดูแลสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ ทั้งยังจัดหาบุคลากรจาก AWS ทั้งในและต่างประเทศ กับเชิญรุ่นพี่สตาร์ทอัพมาแชร์ Success Story และ Case Study โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจฟินเทค โดยให้ผู้มีประสบการณ์จากอุตสาหกรรมในประเทศและต่างประเทศ จับคู่แบ่งปันประสบการณ์การเติบโตจากสตาร์ทอัพสู่องค์กรระดับบิ๊ก รวมถึงบทเรียนที่ได้ ไม่ว่าจะมาจากความสำเร็จหรือล้มเหลว

คุณวัตสันให้รายละเอียดว่า 'สตาร์ทอัพในระยะเริ่มต้น' ต้องการความช่วยเหลือทั้งด้านเงินทุน เทคนิค เทคโนโลยี และการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อช่วยให้ประสบความสำเร็จ ทาง AWS จึงสร้างทางเชื่อมให้สตาร์ทอัพพบปะนักลงทุน (VC) และผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ผ่าน AWS Activate โครงการที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2556 โดยสตาร์ทอัพที่เข้าโครงการจะได้ AWS Credits เพื่อใช้ทดลองและพัฒนาไอเดียเป็นรูปธรรม จนปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการแล้วราว 330,000 รายทั่วโลก "ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เราให้การสนับสนุนโครงการ AWS Activate ทั่วโลกไปแล้วกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะปีที่แล้วเพียงปีเดียว เราสนับสนุนไป 2,000 ล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงการเร่งการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือ มากกว่า 80% ของบริษัทระดับยูนิคอร์นทั่วโลกใช้บริการ AWS" คุณวัตสันให้ข้อมูลตัวเลข นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ประเทศไทย (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เปิดเผยว่าธุรกิจในประเทศไทยมีความตื่นตัวและมุ่งมั่น อย่างมากในการพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี AI โดยระดับการนำไปใช้ที่สูงสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่ายังมีอุปสรรคสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการพัฒนาการใช้งาน AI ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีด้าน AI ระดับโลก ทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขอุปสรรคที่ภาคธุรกิจกำลังเผชิญอยู่อย่างเป็นระบบ ทาง AWS ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการใช้งาน Generative AI อย่างแพร่หลาย ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยผลการศึกษา “Unlocking Thailand’s AI Potential” AWS ล่าสุดพบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง แต่เกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ โดยสตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีจะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบันมีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย...

แม้การใช้ AI ในไทยจะแพร่หลายขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในระดับก้าวหน้า สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาการใช้ AI ให้ลึกซึ้งขึ้นเพื่อปลดล็อกศักยภาพของประเทศ โดย 72% ของธุรกิจยังใช้ AI เพียงขั้นพื้นฐาน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงกระบวนการทำงาน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ มีเพียง 18% ที่ใช้ในระดับกลาง และ 10% ที่ผสาน AI เข้าเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจ และโมเดลธุรกิจ <style id="wpr-lazyload-bg-nostyle">.woocommerce .blockUI.blockOverlay::before{--wpr-bg-bda46627-254b-47b0-8252-4eb2f5b4ea85: url('https://hole.plus/wp-content/themes/kadence/assets/images/icons/loader.svg');}</style> const rocket_pairs = [{"selector":".woocommerce .blockUI.blockOverlay","style":".woocommerce .blockUI.blockOverlay::before{--wpr-bg-bda46627-254b-47b0-8252-4eb2f5b4ea85: url('https:\/\/hole.plus\/wp-content\/themes\/kadence\/assets\/images\/icons\/loader.svg');}","hash":"bda46627-254b-47b0-8252-4eb2f5b4ea85","url":"https:\/\/hole.plus\/wp-content\/themes\/kadence\/assets\/images\/icons\/loader.svg"}]; const rocket_excluded_pairs = []; กระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้แทรกซึมเข้าสู่ทุกภาคส่วนของธุรกิจอย่างรวดเร็ว และล่าสุดได้เริ่มท้าทายโครงสร้างการบริหารจัดการในระดับสูงสุดขององค์กร แนวคิดเรื่องการแต่งตั้ง AI ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กำลังเปลี่ยนจากเรื่องไกลตัวในนิยายวิทยาศาสตร์มาสู่ประเด็นถกเถียงที่สำคัญในโลกธุรกิจปัจจุบัน ประเด็นที่ว่า CEO ตกงาน! สตาร์ทอัพไทยให้ AI บริหารแทน ได้จุดประกายการสนทนาในวงกว้างเกี่ยวกับอนาคตของตำแหน่งผู้นำในองค์กร แม้ว่า ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 จะยังไม่มีกรณีที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย แต่แนวคิดดังกล่าวสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น โดยปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุนอีกต่อไป แต่กำลังมีศักยภาพในการเข้ามามีส่วนร่วมกับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ การจัดสรรงบประมาณ และแม้กระทั่งการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน ซึ่งล้วนเป็นภารกิจหลักของผู้บริหารระดับสูง ปรากฏการณ์นี้จึงมีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อทั้งโครงสร้างองค์กร ตลาดแรงงาน และทักษะที่จำเป็นสำหรับบุคลากรในอนาคต บทความนี้จะสำรวจแนวคิดของ AI CEO อย่างละเอียด ตั้งแต่วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ทำให้แนวคิดนี้เป็นไปได้ การวิเคราะห์ศักยภาพและความท้าทาย ไปจนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยอ้างอิงจากแนวโน้มและการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าโลกกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางใด และองค์กรกับบุคลากรควรเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้อย่างไร

การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในโลกธุรกิจได้ก้าวข้ามขอบเขตของการทำงานซ้ำๆ ในระดับปฏิบัติการมาสู่บทบาทที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในระดับการจัดการและการวางกลยุทธ์ แนวโน้มนี้กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างองค์กรแบบดั้งเดิม และบังคับให้ต้องมีการประเมินบทบาทของผู้บริหารในยุคดิจิทัลใหม่อีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่เป็นผลจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยี AI ที่มีความสามารถสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราการใช้ AI ในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 33% จากปีที่ผ่านมา โดยมีเพียง 16% ของบริษัทขนาดใหญ่ที่นำ AI มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ เทียบกับสตาร์ทอัพที่มีสัดส่วนสูงถึง 40% 47% ของธุรกิจระบุว่า การขาดทักษะดิจิทัลเป็นอุปสรรคสำคัญในการขยายการใช้ AI กรุงเทพฯ 3 ตุลาคม 2568 – อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เปิดเผยผลการศึกษาพบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง แต่เกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ โดยสตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีจะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบันมีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย... AWS ร่วมกับ Strand Partners สำรวจการใช้ AI ในไทยผ่านการศึกษา “Unlocking Thailand’s AI Potential” โดยเก็บข้อมูลจากผู้นำธุรกิจและประชาชนทั่วไป กลุ่มละ 1,000 รายในประเทศไทย

People Also Search

[น่ากังวล] เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา Amazon Web Services (AWS) ประเทศไทย ได้เผยผลการสำรวจน่าสนใจ

[น่ากังวล] เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา Amazon Web Services (AWS) ประเทศไทย ได้เผยผลการสำรวจน่าสนใจ พบไทยมีการใช้ AI ในภาคธุรกิจพุ่งสูงขึ้นถึง 33% ในปีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความคล่องตัวสูง แต่ขณะเดียวกัน ฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับปรับตัวได้ช้ากว่า อาจนำไปสู่ “เศรษฐกิจสองระดับ” ที่นวัตกรรมกระจุกตัวอยู่แค่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแทน แม้ภาพรวมการใช้ AI ในไทยจะดูสดใส โดยมีธุรกิจกว่า 600,000 รายนำ A...

ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การสำรวจพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ

ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การสำรวจพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีที่จะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบัน มีธุรกิจ 60...

แต่ในทางกลับกัน กลุ่มสตาร์ทอัพกลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่ามาก โดยมีสตาร์ทอัพ 40% กำลังพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

แต่ในทางกลับกัน กลุ่มสตาร์ทอัพกลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่ามาก โดยมีสตาร์ทอัพ 40% กำลังพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับมีเพียง 16% ที่ทำในสิ่งเดียวกัน SME ก็อยู่ที่ 9% เท่านั้น นิค บอนสโตว์ (Nick Bonstow) ผู้อำนวยการจาก Strand Partners ที่ได้ร่วมศึกษาผลสำรวจนี้ ก็ชี้เลยว่าการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจ AI แบบสองระดับนี้ อาจส่งผลก...

คุณวัตสันให้รายละเอียดว่า 'สตาร์ทอัพในระยะเริ่มต้น' ต้องการความช่วยเหลือทั้งด้านเงินทุน เทคนิค เทคโนโลยี และการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อช่วยให้ประสบความสำเร็จ ทาง AWS จึงสร้างทางเชื่อมให้สตาร์ทอัพพบปะนักลงทุน (VC)

คุณวัตสันให้รายละเอียดว่า 'สตาร์ทอัพในระยะเริ่มต้น' ต้องการความช่วยเหลือทั้งด้านเงินทุน เทคนิค เทคโนโลยี และการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อช่วยให้ประสบความสำเร็จ ทาง AWS จึงสร้างทางเชื่อมให้สตาร์ทอัพพบปะนักลงทุน (VC) และผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ผ่าน AWS Activate โครงการที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2556 โดยสตาร์ทอัพที่เข้าโครงการจะได้ AWS Credits เพื่อใช้ทดลองและพัฒนาไอเดียเป็นรูปธรรม จนปัจจุบันมีผู้เข...

แม้การใช้ AI ในไทยจะแพร่หลายขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในระดับก้าวหน้า สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาการใช้ AI ให้ลึกซึ้งขึ้นเพื่อปลดล็อกศักยภาพของประเทศ โดย 72% ของธุรกิจยังใช้

แม้การใช้ AI ในไทยจะแพร่หลายขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในระดับก้าวหน้า สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาการใช้ AI ให้ลึกซึ้งขึ้นเพื่อปลดล็อกศักยภาพของประเทศ โดย 72% ของธุรกิจยังใช้ AI เพียงขั้นพื้นฐาน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงกระบวนการทำงาน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ มีเพียง 18% ที่ใช้ในระดับกลาง และ 10% ที่ผสาน AI เข้าเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจ และโมเดลธุรกิจ <s...