Ai ไทยยังร้อนแรง จับตา สตาร์ทอัพแซงองค์กรใหญ่ในสนามนวัตกรรม
อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เผยผลการศึกษาล่าสุด “Unlocking Thailand's AI Potential” ซึ่งจัดทำร่วมกับ Strand Partners พบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การสำรวจพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีที่จะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบัน มีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย 17% นิค บอนสโตว์ ผู้อำนวยการบริษัท สแตรนด์ พาร์ทเนอร์ส เผยว่า ได้เห็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในประเทศไทย ทว่าการใช้ AI ในธุรกิจไทยแพร่หลาย แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับพื้นฐาน นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ประเทศไทย (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เปิดเผยว่าธุรกิจในประเทศไทยมีความตื่นตัวและมุ่งมั่น อย่างมากในการพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี AI โดยระดับการนำไปใช้ที่สูงสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่ายังมีอุปสรรคสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการพัฒนาการใช้งาน AI ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีด้าน AI ระดับโลก ทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขอุปสรรคที่ภาคธุรกิจกำลังเผชิญอยู่อย่างเป็นระบบ ทาง AWS ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการใช้งาน Generative AI อย่างแพร่หลาย ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยผลการศึกษา “Unlocking Thailand’s AI Potential” AWS ล่าสุดพบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง แต่เกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ โดยสตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีจะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบันมีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย... แม้การใช้ AI ในไทยจะแพร่หลายขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในระดับก้าวหน้า สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาการใช้ AI ให้ลึกซึ้งขึ้นเพื่อปลดล็อกศักยภาพของประเทศ โดย 72% ของธุรกิจยังใช้ AI เพียงขั้นพื้นฐาน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงกระบวนการทำงาน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ มีเพียง 18% ที่ใช้ในระดับกลาง และ 10% ที่ผสาน AI เข้าเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจ และโมเดลธุรกิจ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เปิดเผยผลการศึกษาพบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง แต่เกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ โดยสตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีจะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบันมีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย...
AWS ร่วมกับ Strand Partners สำรวจการใช้ AI ในไทยผ่านการศึกษา “Unlocking Thailand’s AI Potential” โดยเก็บข้อมูลจากผู้นำธุรกิจและประชาชนทั่วไป กลุ่มละ 1,000 รายในประเทศไทย การใช้ AI ในธุรกิจไทยแพร่หลาย แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับพื้นฐาน แม้การใช้ AI ในไทยจะแพร่หลายขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในระดับก้าวหน้า สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาการใช้ AI ให้ลึกซึ้งขึ้นเพื่อปลดล็อกศักยภาพของประเทศ โดย 72% ของธุรกิจยังใช้ AI เพียงขั้นพื้นฐาน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงกระบวนการทำงาน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ มีเพียง 18% ที่ใช้ในระดับกลาง และ 10% ที่ผสาน AI เข้าเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจ และโมเดลธุรกิจ [น่ากังวล] เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา Amazon Web Services (AWS) ประเทศไทย ได้เผยผลการสำรวจน่าสนใจ พบไทยมีการใช้ AI ในภาคธุรกิจพุ่งสูงขึ้นถึง 33% ในปีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความคล่องตัวสูง แต่ขณะเดียวกัน ฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับปรับตัวได้ช้ากว่า อาจนำไปสู่ “เศรษฐกิจสองระดับ” ที่นวัตกรรมกระจุกตัวอยู่แค่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแทน แม้ภาพรวมการใช้ AI ในไทยจะดูสดใส โดยมีธุรกิจกว่า 600,000 รายนำ AI มาปรับใช้แล้ว แต่เมื่อเจาะลึกลงไปกลับพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ผลการศึกษาชี้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่ 72% ยังคงใช้ AI ในระดับพื้นฐาน เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดต้นทุน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ แต่ในทางกลับกัน กลุ่มสตาร์ทอัพกลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่ามาก โดยมีสตาร์ทอัพ 40% กำลังพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับมีเพียง 16% ที่ทำในสิ่งเดียวกัน SME ก็อยู่ที่ 9% เท่านั้น
นิค บอนสโตว์ (Nick Bonstow) ผู้อำนวยการจาก Strand Partners ที่ได้ร่วมศึกษาผลสำรวจนี้ ก็ชี้เลยว่าการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจ AI แบบสองระดับนี้ อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เราไม่ควรพิจารณาเพียงตัวเลขการนำ AI มาใช้เท่านั้น เพราะอาจทำให้มองข้ามความท้าทายที่แท้จริงที่ธุรกิจไทยจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ สำหรับอุปสรรคใหญ่ของช่องว่างนี้ ก็เกิดจาก ‘ทักษะรายบุคคลคน’ และ ‘ความไม่แน่นอนด้านกฎหมาย’ โดยผลการศึกษาได้ชี้ไปที่ 2 อุปสรรคหลักตามนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การปรับตัวเพื่อร่วมขับเคลื่อนกระแสของเทรนด์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระดับโลก โดยมุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนจากผู้ใช้ สู่ผู้สร้างนวัตกรรม AI ที่ตอบโจทย์การทำงานในยุคใหม่ (Forbes, 2024) การเปลี่ยนแปลงนี้ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการที่ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง, data center ที่เติบโต, และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของบุคลากรที่มีทักษะสูง, การวิจัยและพัฒนา (R&D) และสตาร์ทอัพในประเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI จำนวน 30,000 คน ภายในปี 2027 และเพิ่มจำนวนเป็น 50,000 คนในอีกห้าปีข้างหน้า โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องสำหรับนักเรียน การลงทุนในทุนมนุษย์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการที่ประเทศไทยจะกลายเป็นผู้สร้างนวัตกรรม AI และตอบสนองความต้องการทักษะ AI ที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงาน
การใช้ AI สร้างสรรค์ (Generative AI) ในการทำงานได้เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลกในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา โดย 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าพวกเขาใช้ AI ในการทำงานแล้ว [น่ากังวล] เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา Amazon Web Services (AWS) ประเทศไทย ได้เผยผลการสำรวจน่าสนใจ พบไทยมีการใช้ AI ในภาคธุรกิจพุ่งสูงขึ้นถึง 33% ในปีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความคล่องตัวสูง แต่ขณะเดียวกัน ฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับปรับตัวได้ช้ากว่า อาจนำไปสู่ “เศรษฐกิจสองระดับ” ที่นวัตกรรมกระจุกตัวอยู่แค่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแทน แม้ภาพรวมการใช้ AI ในไทยจะดูสดใส โดยมีธุรกิจกว่า 600,000 รายนำ AI มาปรับใช้แล้ว แต่เมื่อเจาะลึกลงไปกลับพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ผลการศึกษาชี้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่ 72% ยังคงใช้ AI ในระดับพื้นฐาน เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดต้นทุน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ แต่ในทางกลับกัน กลุ่มสตาร์ทอัพกลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่ามาก โดยมีสตาร์ทอัพ 40% กำลังพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับมีเพียง 16% ที่ทำในสิ่งเดียวกัน SME ก็อยู่ที่ 9% เท่านั้น นิค บอนสโตว์ (Nick Bonstow) ผู้อำนวยการจาก Strand Partners ที่ได้ร่วมศึกษาผลสำรวจนี้ ก็ชี้เลยว่าการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจ AI แบบสองระดับนี้ อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เราไม่ควรพิจารณาเพียงตัวเลขการนำ AI มาใช้เท่านั้น เพราะอาจทำให้มองข้ามความท้าทายที่แท้จริงที่ธุรกิจไทยจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ สำหรับอุปสรรคใหญ่ของช่องว่างนี้ ก็เกิดจาก ‘ทักษะรายบุคคลคน’ และ ‘ความไม่แน่นอนด้านกฎหมาย’ โดยผลการศึกษาได้ชี้ไปที่ 2 อุปสรรคหลักตามนี้
5 AI Startups ได้แก่ AThenaAI, Perceptra, Gowajee, Eidy และ Float16 ได้ร่วมกับเปิดตัว AI Startup Alliance และ AI Developer Group AI Startup Alliance คือความร่วมมือระหว่างบริษัททั้ง 5 บริษัท เนื่องมาจากปัญหาสำคัญที่พบในอุตสาหกรรม AI ของประเทศไทย คือเกิดจากโครงสร้างของอุตสาหกรรม AI ที่ยังไม่เหมาะสมเท่าที่ควร เมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรม AI ของประเทศชั้นนำของโลก ตัวอย่างโครงสร้าง Value chain สำหรับอุตสาหกรรม AI ในต่างประเทศแบ่งออกเป็น 5 ลำดับขั้น ได้แก่ ปัญหาหลักของ AI Startup ในปัจจุบัน คือความจำเป็นต้องทำทุกอย่างตั้งแต่ต้นน้ำ (การซื้อหรือเช่าเซิร์ฟเวอร์เอง) ไปจนถึงปลายน้ำ (การให้บริการ AI ผ่านแอปพลิเคชันของตนเอง) เพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้ ส่งผลให้ต้องใช้ทีมงานขนาดใหญ่และต้องทำงานในส่วนที่ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญหลักของผู้ก่อตั้งบริษัท ความร่วมมือระหว่าง 5 AI Startup ที่มารวมตัวกันในครั้งนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ใหม่ในวงการ AI Startup ที่มุ่งส่งเสริมให้เกิดการ โครงสร้างหรือระบบนิเวศที่มีผู้เล่นหลากหลาย เพื่อทดแทนการสร้างทุกอย่างอย่างโดดเดียว อันอาจส่งผลให้ AI ไทยไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
People Also Search
- 'Ai' ไทยยังร้อนแรง จับตา! สตาร์ทอัพแซงองค์กรใหญ่ในสนามนวัตกรรม
- Ai ไทย โตแรง สตาร์ทอัพนำโด่ง พัฒนานวัตกรรมเร็วกว่าองค์กรใหญ่ 2 เท่า
- Aws ชี้ สตาร์ทอัพไทยใช้ Ai พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่มากถึง 40% ส่วนบริษัทใหญ่ ...
- ผลการศึกษาล่าสุดจาก Aws ชี้ว่า การใช้ Ai ในไทยเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ...
- ไทยใช้ Ai พุ่ง สตาร์ทอัพขึ้นแท่น ทิ้งห่างบริษัทใหญ่
- จับตามองแนวโน้ม Ai ในไทย ครึ่งปีหลัง 2024
- 4 Keys, 10 ล้านคนต้องใช้ AI เป็น & เป็นผู้สร้าง AI ปั้นงาน-นวัตกรรม ดัน ...
- 5 AI Startups เปิดตัว AI Developer Group ... - Techsauce
อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เผยผลการศึกษาล่าสุด
อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เผยผลการศึกษาล่าสุด “Unlocking Thailand's AI Potential” ซึ่งจัดทำร่วมกับ Strand Partners พบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโ...
อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่ายังมีอุปสรรคสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการพัฒนาการใช้งาน AI ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีด้าน AI ระดับโลก ทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขอุปสรรคที่ภาคธุรกิจกำลังเผชิญอยู่อย่างเป็นระบบ ทาง
อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่ายังมีอุปสรรคสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการพัฒนาการใช้งาน AI ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีด้าน AI ระดับโลก ทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขอุปสรรคที่ภาคธุรกิจกำลังเผชิญอยู่อย่างเป็นระบบ ทาง AWS ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการใช้งาน Generative AI อย่างแพร่หลาย ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื...
AWS ร่วมกับ Strand Partners สำรวจการใช้ AI ในไทยผ่านการศึกษา “Unlocking Thailand’s AI
AWS ร่วมกับ Strand Partners สำรวจการใช้ AI ในไทยผ่านการศึกษา “Unlocking Thailand’s AI Potential” โดยเก็บข้อมูลจากผู้นำธุรกิจและประชาชนทั่วไป กลุ่มละ 1,000 รายในประเทศไทย การใช้ AI ในธุรกิจไทยแพร่หลาย แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับพื้นฐาน แม้การใช้ AI ในไทยจะแพร่หลายขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในระดับก้าวหน้า สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาการใช้ AI ให้ลึกซึ้งขึ้นเพื่อปลดล็อกศักยภาพของประเทศ โดย 7...
นิค บอนสโตว์ (Nick Bonstow) ผู้อำนวยการจาก Strand Partners ที่ได้ร่วมศึกษาผลสำรวจนี้ ก็ชี้เลยว่าการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจ AI
นิค บอนสโตว์ (Nick Bonstow) ผู้อำนวยการจาก Strand Partners ที่ได้ร่วมศึกษาผลสำรวจนี้ ก็ชี้เลยว่าการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจ AI แบบสองระดับนี้ อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เราไม่ควรพิจารณาเพียงตัวเลขการนำ AI มาใช้เท่านั้น เพราะอาจทำให้มองข้ามความท้าทายที่แท้จริงที่ธุรกิจไทยจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ สำหรับอุปสรรคใหญ่ของช่องว่างนี้ ก็เกิดจาก ‘ทักษะรายบุคคลคน’ และ ‘ความไม่แน่นอนด้านกฎหม...
การใช้ AI สร้างสรรค์ (Generative AI) ในการทำงานได้เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลกในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา โดย 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าพวกเขาใช้ AI
การใช้ AI สร้างสรรค์ (Generative AI) ในการทำงานได้เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลกในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา โดย 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าพวกเขาใช้ AI ในการทำงานแล้ว [น่ากังวล] เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา Amazon Web Services (AWS) ประเทศไทย ได้เผยผลการสำรวจน่าสนใจ พบไทยมีการใช้ AI ในภาคธุรกิจพุ่งสูงขึ้นถึง 33% ในปีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความคล่องตัวสูง แต่ขณะเดียวกัน ฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับปร...