กระแสน้ําวนรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกส่อแววไหลอ่อนลง 20 ในอีก 25 ปีข้างหน้า
กระแสน้ำวนรอบขั้วโลกแอนตาร์กติก (Antarctic Circumpolar Current ) หรือ "เอซีซี" (ACC) เป็นกระแสน้ำในมหาสมุทรสายที่ไหลแรงที่สุดของโลก โดยไหลวนตามเข็มนาฬิกาไปรอบทวีปที่ตั้งของขั้วโลกใต้ ด้วยพลังการเคลื่อนตัวที่แรงกว่ากระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม (AMOC) ถึง 5 เท่า และไหลเชี่ยวกรากยิ่งกว่าแม่น้ำแอมะซอนถึง 100 เท่า กระแสน้ำเอซีซีเป็นส่วนหนึ่งของ "สายพานลำเลียง" ในมหาสมุทร ซึ่งขนส่งทั้งมวลน้ำ, อุณหภูมิความร้อน, และแร่ธาตุสารอาหารไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก โดยสายพานลำเลียงนี้เชื่อมต่อมหาสมุทรแปซิฟิก, มหาสมุทรแอตแลนติก, และมหาสมุทรอินเดียเข้าด้วยกัน ทั้งยังทำหน้าที่ควบคุมสภาพภูมิอากาศของโลกทั้งใบด้วย แต่ทว่าน้ำจืดเย็นที่ละลายออกมาจากน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกา ได้เจือจางน้ำเค็มของมหาสมุทรแอนตาร์กติกให้มีความเข้มข้นลดลง จนถึงระดับที่อาจไปรบกวนกระแสน้ำสำคัญในมหาสมุทรดังกล่าวได้ ผลการศึกษาล่าสุดของทีมนักวิจัยออสเตรเลีย จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นและมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเพิ่งลงตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Research Letters ฉบับวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่ากระแสน้ำเอซีซีอาจไหลช้าและอ่อนแรงลงกว่าในปัจจุบันถึง 20% ภายในปี 2050 หรือในอีก 25 ปีข้างหน้า หากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกยังคงอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อสรรพชีวิตบนโลก กระแสน้ำเอซีซีนั้นเปรียบเสมือน "คูน้ำ" ซึ่งล้อมรอบทวีปแอนตาร์กติกาที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง โดยช่วยกั้นขวางไม่ให้กระแสน้ำอุ่นเข้ามาใกล้ จนสามารถปกป้องแผ่นน้ำแข็งที่บอบบางไม่ให้ละลายได้ นอกจากนี้ กระแสน้ำเอซีซียังทำหน้าที่เหมือนกำแพงป้อมปราการ ซึ่งขัดขวางไม่ให้สิ่งมีชีวิตชนิดพันธุ์ต่างถิ่นรุกรานเข้ามา อย่างเช่นสาหร่ายทะเลกระทิงใต้ (southern bull kelp) ซึ่งมีขนาดใหญ่และเกาะตัวกันเป็นแพขนาดมหึมา
กระแสน้ำรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกถือเป็นกระแสน้ำในมหาสมุทรที่แรงที่สุดกระแสหนึ่งบนโลก กระแสน้ำนี้รวมมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก และมหาสมุทรอินเดียเข้าด้วยกัน สายพานลำเลียงมหาสมุทรทั่วโลก มันรวมเข้ากับระบบที่เรียกว่า ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสภาพภูมิอากาศและขนส่งน้ำ ความร้อน และสารอาหารไปทั่วโลก การป้องกันทวีปแอนตาร์กติกาจากอิทธิพลของน้ำอุ่นจะช่วยรักษาแผ่นน้ำแข็งได้ในขณะเดียวกันก็สร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศในมหาสมุทรด้วย ดังนั้น การชะลอตัวของกระแสน้ำรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกอาจส่งผลกระทบทางนิเวศวิทยาอย่างร้ายแรง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อพลวัตของกระแสน้ำในมหาสมุทร ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน เช่น อุณหภูมิ ระดับเกลือ และขอบเขตของน้ำแข็งในทะเล ในขณะที่น้ำอุ่นรอบทวีปแอนตาร์กติกาน่าจะส่งผลให้กระแสน้ำไหลเร็วขึ้น แต่ธารน้ำแข็งที่ละลายกลับทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป การศึกษาแสดงให้เห็นว่ากระแสน้ำในมหาสมุทรมีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในบริบทนี้ การชะลอตัวของกระแสน้ำรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกอาจทำให้หน้าที่ในการควบคุมสภาพภูมิอากาศของกระแสน้ำอ่อนลง การวิจัยล่าสุดได้ดำเนินการโดยใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์และเครื่องจำลองสภาพภูมิอากาศที่เร็วที่สุดของออสเตรเลีย แบบจำลองเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจปัจจัยสำคัญๆ ที่มีผลต่อกระแสน้ำในมหาสมุทร เช่น กระแสน้ำวนที่ถูกมองข้ามได้ดีขึ้น ผลการศึกษาเผยให้เห็นว่าน้ำแข็งที่ละลายจากทวีปแอนตาร์กติกาจะอพยพขึ้นไปทางเหนือ ส่งผลให้โครงสร้างของมหาสมุทรลึกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่ากระแสน้ำอาจไหลช้าลงร้อยละ 2050 ภายในปี พ.ศ. 20 ซึ่งจะชดเชยผลกระทบจากการที่น้ำทะเลอุ่นขึ้นได้ การอ่อนตัวของกระแสน้ำรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและกว้างไกลต่อระบบนิเวศในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะ, ความหลากหลายทางชีวภาพลดลงอาจพบผลกระทบเชิงลบ เช่น ผลผลิตการทำประมงที่ลดลง และมีส่วนทำให้มีสัตว์พันธุ์ต่างถิ่นเข้ามาสู่ทวีปแอนตาร์กติกา น้ำอุ่นที่มากขึ้นซึมลงสู่พื้นทะเลอาจเร่งให้แผ่นน้ำแข็งละลาย ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้น ปฏิกิริยาลูกโซ่เหล่านี้คุกคามความสมดุลของระบบนิเวศไม่เพียงแต่ในแอนตาร์กติกาเท่านั้นแต่ทั่วทั้งโลก กระแสน้ำเป็นกระดูกสันหลังของระบบภูมิอากาศของโลก โดยทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิและระดับเกลือ โครงสร้างพลวัตของกระแสน้ำมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบลมและขอบเขตของน้ำแข็งในทะเล กระแสน้ำรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกเป็นศูนย์กลางของปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเหล่านี้ในมหาสมุทร ซึ่งทำหน้าที่เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของกระแสนี้อาจส่งผลที่ส่งผลต่อการรบกวนสมดุลของสภาพภูมิอากาศทั่วโลก
ในขณะที่มหาสมุทรอื่น ๆ ถูกกำหนดพรมแดนโดยแผ่นดินของทวีป แต่มหาสมุทรใต้ถูกกำหนดโดยกระแสน้ำที่ล้อมรอบมัน นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า กระแสน้ำหมุนเวียนแอนตาร์กติก หรือ ACC เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 34 ล้านปีก่อน ตั้งแต่ช่วงที่ทวีปแอนตาร์กติกแยกออกจากทวีปอเมริกาใต้ ทำให้น้ำทะเลไหลผ่านได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ACC หมุนเวียนล้อมรอบทวีปแอนตาร์กติกาจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก โดยมีเส้นละติจูด 60 องศาใต้เป็นเส้นกำหนดเขตแดนของมหาสมุทรใต้ ซึ่งน้ำทะเลภายใน ACC จะเย็นกว่าและมีความเค็มน้อยกว่าน้ำทะเลทางตอนเหนืออื่น ๆ เล็กน้อย มันดึงเอาน้ำจากมหาสมุทรแอตแลนติก แปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดียโดยขยายจากพื้นผิวสู่พื้นมหาสมุทร ทำให้ ACC ขับเคลื่อนน้ำมากกว่ากระแสน้ำในมหาสมุทรอื่น ๆ เกิดสิ่งที่เรียกว่า สายพานลำเลียง หนุมเวียนกระแสน้ำเป็นระบบ มวลน้ำเย็นและหนาแน่นจะจมลงสู่พื้นมหาสมุทรลำเลียงความร้อนไปทั่วโลก อีกทั้งยังช่วยกักเก็บคาร์บอนไว้ยังใต้พื้นมหาสมุทร ทั้งสองวิธีนี้ทำให้มหาสมุทรมีผลกระทบสำคัญต่อสภาพอากาศโลก ในตอนนี้ด้วยกระแสน้ำเย็นที่รุนแรงของมหาสมุทรใต้ ทำให้แอนตาร์กติกามีความเย็นและมีระบบนิเวศที่ไม่เหมือนมหาสมุทรอื่น สิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์อยู่ที่นั่นและไม่พบที่อื่นของโลกเลย มหาสมุทรใต้ “ครอบคลุมระบบนิเวศทางทะเลที่มีเอกลักษณ์และเปราะบาง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่ยอดเยี่ยมเช่น วาฬ เพนกวิน และแมวน้ำ” เอนริก ซาลา นักสำรวจอีกหนึ่งคนของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก กล่าวไว้ นอกจากนี้ มหาสมุทรใต้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศในที่อื่น ๆ ด้วย เช่น วาฬหลังค่อมกินสัตว์จำพวกเคยที่อยู่รอบทวีปแอนตาร์กติกา และอพยพไปทางเหนือช่วงฤดูหนาว สู่ระบบนิเวศที่แตกต่างกันมากนอกชายฝั่งของทวีปอเมริกาใต้และอเมริกากลาง นกทะเลบางชนิดก็เช่นกัน เป็นที่โต้เถียงกันมานานในหมู่นักวิชาการว่า วิกฤตโลกร้อนจะส่งผลให้ ‘การหมุนวนกระแสน้ำย้อนกลับตามแนวเหนือ-ใต้ในมหาสมุทรแอตแลนติก’ (Atlantic Meridional Overturning Circulation) หรือ AMOC อาจเกิดการอ่อนแรงลงจนล่มสลายไปภายในศตวรรษนี้หรือไม่นั้น ล่าสุดมีงานวิจัยที่ค้นพบคำตอบนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านสมุทรศาสตร์และชั้นบรรยากาศจากมหาวิทยาลัยอูเทรกต์ (Utrecht University) ในเนเธอร์แลนด์ นำโดย เรอเน ฟาน เวสเทน (René van Westen) ทดลองสร้างแบบจำลองใหม่ โดยเปลี่ยนแนวคิดของแบบจำลองเดิมที่มักจะวัดค่าความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิกระแสน้ำและปริมาณการไหลของน้ำจืดในแอตแลนติกเหนือ มาเป็นการกระจายจุดสังเกตเป็น 3 ละติจูด อันได้แก่ 34°S ในแอตแลนติกใต้ปลายแหลมกู๊ดโฮป, 26°N ตามแนวอ่าวเม็กซิโก และ 60°N ทางใต้ของกรีนแลนด์ และเมื่อนำผลการตรวจวัดมาเข้าสูตรคำนวณร่วมกับข้อมูลที่ได้จากโครงการระบบโลกโดยชุมชนนักวิจัย (Community Earth System Model) หรือ CESM พบว่า การหยุดชะงักหรือล่มสลายของ ‘การหมุนวนกระแสน้ำย้อนกลับตามแนวเหนือ-ใต้ในมหาสมุทรแอตแลนติก’...
เคยสังเกตกันไหมว่า ทำไมกรุงลอนดอนของอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ที่ละติจูด 51°30’ N กลับมีอากาศที่อบอุ่นกว่าเมืองซัปโปโรของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ที่ละติจูด 43°3’51 ทั้งที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากกว่า คำตอบคือ โลกเราเฉลี่ยอุณหภูมิโดยอาศัยการไหลของกระแสน้ำในมหาสมุทร ดุจสายพานลำเลียงความร้อน-ความเย็นขนาดยักษ์ จุดเริ่มต้นการทำงานของสายพานนี้อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือใกล้เกาะกรีนแลนด์ สภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นจะทำให้น้ำทะเลบริเวณนี้และด้านเหนือขึ้นไปแข็งตัวและก่อให้เกิดแผ่นน้ำแข็งปกคลุม ขณะที่ผิวของน้ำทะเลกำลังก่อตัวเป็นน้ำแข็ง เกลือที่ละลายอยู่ในน้ำทะเลชั้นบนจะถูกดันลงไปอยู่ในน้ำทะเลชั้นล่าง ทำให้มวลของน้ำทะเลชั้นล่างหนักขึ้น เมื่อน้ำอุ่นจากกระแสน้ำกัลฟ์สตรีมทางใต้ไหลขึ้นเหนือมาถึงบริเวณนี้ก็จะจมลงกลายเป็นกระแสน้ำเย็นไหลกลับลงทางใต้อีกครั้ง จากนั้นก็จะไหลกระจายไปสู่มหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก กระแสน้ำเย็นที่ไหลลึกนี้จะกลับเป็นน้ำอุ่นอีกครั้งในมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก จากนั้นก็ไหลกลับมาครบวงจร การไหลขึ้นของน้ำอุ่นทำให้ยุโรปเหนือมีอากาศที่อุ่นกว่าฝั่งญี่ปุ่น การไหลลงของน้ำลึกที่เย็นจะพาเอาสารอาหารลงสู่ทางใต้ รวมทั้งรักษาอุณหภูมิของประเทศแถบศูนย์สูตรไม่ให้ร้อนเกินไป โลกจึงมีสมดุลทางอุณหภูมิดังที่เราคุ้นเคยมาตลอด “กระแสน้ำเย็นรอบขั้วโลกใต้” (Antarctic Circumpolar Current) เป็นกระแสน้ำตามเข็มนาฬิกาที่แรงกว่ากระแสน้ำกัลฟ์สตรีมที่เชื่อมมหาสมุทรแอตแลนติก แปซิฟิก และอินเดียถึง 5 เท่า อีกทั้งแรงกว่าแม่น้ำแอมะซอน 100 เท่า นับเป็นกระแสน้ำที่มีบทบาทสำคัญในระบบสภาพอากาศ โดยมีอิทธิพลต่อการดูดซับความร้อนและคาร์บอนไดออกไซด์ในมหาสมุทร และป้องกันไม่ให้น้ำอุ่นไหลไปถึงแอนตาร์กติกา กระแสน้ำรอบแอนตาร์กติกาเปรียบเสมือนคูน้ำรอบทวีปน้ำแข็ง กระแสน้ำช่วยป้องกันไม่ให้มีน้ำอุ่น ช่วยปกป้องแผ่นน้ำแข็งที่เปราะบาง และมีกระแสน้ำยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสภาพอากาศของโลกอีกด้วย แต่กระแสน้ำอาจจะได้รับไหลช้าลง ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งโลก ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Environmental Research Letters เผยให้เห็นความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างน้ำแข็งละลายจากชั้นน้ำแข็งแอนตาร์กติกา และกระแสน้ำรอบขั้วโลกที่ไหลช้าลง ซึ่งเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หลังจากมีรายงานอีกฉบับที่พบว่า กระแสน้ำที่สำคัญในมหาสมุทรแอตแลนติกจะอ่อนกำลังลง
นักวิจัยใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์และ Gadi เครื่องจำลองสภาพอากาศที่เร็วที่สุดของออสเตรเลีย เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ การละลายของน้ำแข็ง และสภาพลมที่มีต่อกระแสน้ำรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกา โดยแบบจำลองนี้จับภาพคุณลักษณะที่คนอื่นมักมองข้าม เช่น กระแสน้ำวน ดังนั้นจึงเป็นวิธีที่แม่นยำกว่ามาก ในการคาดการณ์อนาคตนี้ พบว่า น้ำแข็งที่ละลายจากทวีปแอนตาร์กติกาจะอพยพไปทางเหนือและเติมเต็มมหาสมุทรที่ลึกลงไป ส่งผลให้โครงสร้างความหนาแน่นของมหาสมุทรเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ถือเป็น “การปรับโครงสร้างใหม่ของพลวัตของมหาสมุทรใต้”
People Also Search
- กระแสน้ำวนรอบขั้วโลกแอนตาร์กติก (Acc) ส่อแววไหลอ่อนลง 20% ในอีก 25 ปี ...
- กระแสน้ำวนรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกส่อแววไหลอ่อนลง 20% ในอีก 25 ปีข้างหน้า ...
- หากมนุษย์ยังไม่หยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจก กระแสน้ำหมุนเวียนแอนตาร์กติก จะ ...
- กระแสน้ำในมหาสมุทรที่แรงที่สุดในโลกเริ่มไหลช้าลงเนื่องจากแอนตาร์กติกา ...
- ผลกระทบจากการที่กระแสน้ำวนรอบขั้วโลก... - บีบีซีไทย - BBC Thai | Facebook
- ความสัมพันธ์ของกระแสน้ำในมหาสมุทรกับภูมิอากาศของโลก
- นักวิจัยเผย ภายในปี ค.ศ.2050 กระแสน้ำวนรอบรอบขั้วโลกใต้จะไหลอ่อนลง อาจ ...
- Under the Sea - Antarctic Ocean - Google Sites
- กระแสน้ำที่ทำหน้าที่รักษาสมดุลอุณหภูมิ ในมหาสมุทร แอตแลนติก อาจหยุดไหล ...
- 'กระแสน้ำในมหาสมุทร' ช้าลง เพราะปล่อยคาร์บอนมากเกินไป ดันน้ำทะเลสูง
กระแสน้ำวนรอบขั้วโลกแอนตาร์กติก (Antarctic Circumpolar Current ) หรือ "เอซีซี" (ACC) เป็นกระแสน้ำในมหาสมุทรสายที่ไหลแรงที่สุดของโลก โดยไหลวนตามเข็มนาฬิกาไปรอบทวีปที่ตั้งของขั้วโลกใต้
กระแสน้ำวนรอบขั้วโลกแอนตาร์กติก (Antarctic Circumpolar Current ) หรือ "เอซีซี" (ACC) เป็นกระแสน้ำในมหาสมุทรสายที่ไหลแรงที่สุดของโลก โดยไหลวนตามเข็มนาฬิกาไปรอบทวีปที่ตั้งของขั้วโลกใต้ ด้วยพลังการเคลื่อนตัวที่แรงกว่ากระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม (AMOC) ถึง 5 เท่า และไหลเชี่ยวกรากยิ่งกว่าแม่น้ำแอมะซอนถึง 100 เท่า กระแสน้ำเอซีซีเป็นส่วนหนึ่งของ "สายพานลำเลียง" ในมหาสมุทร ซึ่งขนส่งทั้งมวลน้ำ, อุณหภูมิความร้อน...
กระแสน้ำรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกถือเป็นกระแสน้ำในมหาสมุทรที่แรงที่สุดกระแสหนึ่งบนโลก กระแสน้ำนี้รวมมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก และมหาสมุทรอินเดียเข้าด้วยกัน สายพานลำเลียงมหาสมุทรทั่วโลก มันรวมเข้ากับระบบที่เรียกว่า ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสภาพภูมิอากาศและขนส่งน้ำ ความร้อน และสารอาหารไปทั่วโลก การป้องกันทวีปแอนตาร์กติกาจากอิทธิพลของน้ำอุ่นจะช่วยรักษาแผ่นน้ำแข็งได้ในขณะเดียวกันก็สร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศในมหาสมุทรด้วย
กระแสน้ำรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกถือเป็นกระแสน้ำในมหาสมุทรที่แรงที่สุดกระแสหนึ่งบนโลก กระแสน้ำนี้รวมมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก และมหาสมุทรอินเดียเข้าด้วยกัน สายพานลำเลียงมหาสมุทรทั่วโลก มันรวมเข้ากับระบบที่เรียกว่า ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสภาพภูมิอากาศและขนส่งน้ำ ความร้อน และสารอาหารไปทั่วโลก การป้องกันทวีปแอนตาร์กติกาจากอิทธิพลของน้ำอุ่นจะช่วยรักษาแผ่นน้ำแข็งได้ในขณะเดียวกันก็สร้างความสม...
ในขณะที่มหาสมุทรอื่น ๆ ถูกกำหนดพรมแดนโดยแผ่นดินของทวีป แต่มหาสมุทรใต้ถูกกำหนดโดยกระแสน้ำที่ล้อมรอบมัน นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า กระแสน้ำหมุนเวียนแอนตาร์กติก หรือ ACC เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 34
ในขณะที่มหาสมุทรอื่น ๆ ถูกกำหนดพรมแดนโดยแผ่นดินของทวีป แต่มหาสมุทรใต้ถูกกำหนดโดยกระแสน้ำที่ล้อมรอบมัน นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า กระแสน้ำหมุนเวียนแอนตาร์กติก หรือ ACC เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 34 ล้านปีก่อน ตั้งแต่ช่วงที่ทวีปแอนตาร์กติกแยกออกจากทวีปอเมริกาใต้ ทำให้น้ำทะเลไหลผ่านได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ACC หมุนเวียนล้อมรอบทวีปแอนตาร์กติกาจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก โดยมีเส้นละติจูด 60 องศาใต้เป็นเส้นกำหนด...
เคยสังเกตกันไหมว่า ทำไมกรุงลอนดอนของอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ที่ละติจูด 51°30’ N กลับมีอากาศที่อบอุ่นกว่าเมืองซัปโปโรของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ที่ละติจูด 43°3’51 ทั้งที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากกว่า คำตอบคือ โลกเราเฉลี่ยอุณหภูมิโดยอาศัยการไหลของกระแสน้ำในมหาสมุทร
เคยสังเกตกันไหมว่า ทำไมกรุงลอนดอนของอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ที่ละติจูด 51°30’ N กลับมีอากาศที่อบอุ่นกว่าเมืองซัปโปโรของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ที่ละติจูด 43°3’51 ทั้งที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากกว่า คำตอบคือ โลกเราเฉลี่ยอุณหภูมิโดยอาศัยการไหลของกระแสน้ำในมหาสมุทร ดุจสายพานลำเลียงความร้อน-ความเย็นขนาดยักษ์ จุดเริ่มต้นการทำงานของสายพานนี้อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือใกล้เกาะกรีนแลนด์ สภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นจะทำใ...
นักวิจัยใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์และ Gadi เครื่องจำลองสภาพอากาศที่เร็วที่สุดของออสเตรเลีย เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ การละลายของน้ำแข็ง และสภาพลมที่มีต่อกระแสน้ำรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกา โดยแบบจำลองนี้จับภาพคุณลักษณะที่คนอื่นมักมองข้าม เช่น กระแสน้ำวน ดังนั้นจึงเป็นวิธีที่แม่นยำกว่ามาก
นักวิจัยใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์และ Gadi เครื่องจำลองสภาพอากาศที่เร็วที่สุดของออสเตรเลีย เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ การละลายของน้ำแข็ง และสภาพลมที่มีต่อกระแสน้ำรอบขั้วโลกแอนตาร์กติกา โดยแบบจำลองนี้จับภาพคุณลักษณะที่คนอื่นมักมองข้าม เช่น กระแสน้ำวน ดังนั้นจึงเป็นวิธีที่แม่นยำกว่ามาก ในการคาดการณ์อนาคตนี้ พบว่า น้ำแข็งที่ละลายจากทวีปแอนตาร์กติกาจะอพยพไปทางเหนือและเติมเต็มมหาสมุทรที่...